“เสี่ยวโหวเหฺยมาถึงแล้ว รบกวนเรียนเหล่าไท่เหฺยที” พ่อบ้านจี้พาหลี่ลั่วมาถึงหน้าห้องหนังสือของหลี่เหล่าไท่เหฺย มีบ่าวรับใช้ชายยืนอยู่หน้าประตูคนหนึ่ง
“หลี่เหล่าไท่เหฺยได้สั่งไว้แล้ว เมื่อเสี่ยวโหวเหฺยมาถึงให้เข้าไปด้านในได้เลยขอรับ” บ่าวรับใช้นั้นมิได้ผิดสังเกตคำเรียกขานต่อหลี่ลั่ว เมื่อได้ยินพ่อบ้านจี้เรียกเสี่ยวโหวเหฺย เขาจึงเรียกเสี่ยวโหวเหฺยตาม
หลี่ลั่วพยักหน้าแล้วเดินเข้าไป หลังจากเดินเข้าไปบ่าวรับใช้ก็ปิดประตูห้อง
หลี่เหล่าไท่เหฺยเป็ปัญญาชนคนหนึ่ง แม้ว่าจะมีอายุหกสิบกว่าปีแล้ว ก็ยังคงสามารถมองเห็นได้ถึงเค้าโครงความหล่อเหลาเมื่อสมัยยังหนุ่มแน่น ขณะที่หลี่ลั่วกำลังประเมินหลี่เหล่าไท่เหฺยอยู่นั้น หลี่เหล่าไท่เหฺยก็กำลังประเมินหลี่ลั่วเช่นกัน สำหรับหลานน้อยคนนี้เขาก็พูดไม่ออกถึงความรู้สึกอันใด ความผูกพันแน่นแฟ้นย่อมไม่มี แต่มิได้มีความคิดอยากจะให้หลานคนนี้ตายตกไปเพื่อที่จะนำตำแหน่งโหวของเรือนสองมายกให้แก่บุตรชายที่รับมาจากลูกหลาน สำหรับเขาแล้วนั้น ไม่ว่าจะเป็ใครก็ต่างเป็ลูกหลานของเขาทั้งสิ้น
“หลานคารวะท่านปู่ขอรับ” หลี่ลั่วคุกเข่าลงทั้งสองข้าง โขกหัวสามครั้ง แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความมิยินยอมที่ต้องปฏิบัติต่อคนที่ไม่ได้ดีต่อบิดาของเขาเลย ไม่มีคุณสมบัติพอที่เขาจะคุกเข่าให้
“รีบลุกขึ้น” หลี่เหล่าไท่เหฺยเอ่ยขึ้นอย่างพออกพอใจในมารยาทของหลี่ลั่ว “สี่ปีมานี้มีชีวิตที่ดีหรือไม่? มิใช่ว่าคนในครอบครัวมิใส่ใจในตัวเ้า เพียงแต่หาเ้าไม่พบ ได้ยินมาว่าเป็การจัดการของฝ่าา ท่านให้เ้าพักอาศัยอยู่กับครอบครัวที่รับเลี้ยงเ้าไว้หรือ”
“เื่นี้หลานไม่แน่ใจขอรับ ท่านอาหลี่ก็พูดเช่นนี้ บอกว่ายามนั้นสุขภาพของข้าไม่ค่อยแข็งแรง ฮ่องเต้ทรงกังวลว่าระหว่างเดินทางกลับมาเมืองหลวงอาจทำให้อาการป่วยของข้าเพียบหนักขึ้นอีก จึงให้ข้าอาศัยอยู่กับครอบครัวของบิดาเลี้ยงขอรับ ตอนนี้สุขภาพฟื้นฟูได้สมบูรณ์แข็งแรงดีแล้ว ฝ่าาจึงให้ท่านอาหลี่ไปรับข้ากลับมา” หลี่ลั่วตอบ “ครอบครัวของบิดาเลี้ยงดีต่อข้ามากขอรับ”
“ฝ่าาให้การดูแลและช่วยเหลือ อย่าได้ผิดต่อความเมตตาขององค์ฮ่องเต้เล่า” ในความเป็จริงแล้วหลี่เหล่าไท่เหฺยกลับรู้สึกว่าการกระทำของฝ่าานั้นออกจะเป็การก้าวก่ายในเรือนของผู้อื่นมากไปสักหน่อย อย่างไรเสียก็เป็หลานของเขา กลับให้หลานของเขาไปเติบโตอยู่ข้างนอก นี่ไม่ใช่เป็การบอกอย่างชัดเจนว่าไม่ไว้ใจให้พวกเขาเป็ผู้เลี้ยงดูหรอกหรือไร
“หลานทราบแล้วขอรับ”
“รัชสมัยของเรานั้นเริ่มปูพื้นฐาน[1]การเรียนเมื่ออายุห้าขวบ ปีนี้เ้าอายุห้าขวบพอดี แต่ปูพื้นฐานมาแล้วหรือ?” หลี่เหล่าไท่เหฺยเองก็มิรู้ว่าจะพูดเื่อันใด
“ปูพื้นฐานมาแล้วขอรับ มารดาอุปถัมภ์ได้เชิญซิ่วไฉมาสอนแล้วขอรับ”
“ซิ่วไฉรึ? ซิ่วไฉสอนอะไรไม่ได้มากนัก เ้าเพิ่งจะมาถึง พักผ่อนให้ดีสักหลายวันก่อนเถิด ทำความคุ้นเคยกับที่นี่ จากนั้นค่อยไปเรียนหนังสือที่สำนักศึกษาพร้อมกับพวกพี่ชายน้องชายของเ้า” หลี่เหล่าไท่เหฺยกล่าว
เรียนหนังสือกับเด็กมัธยมต้นจากนั้นค่อยมาร่วมวิจารณ์เนื้อหาใน 《หลุนอวี่》[2] เหล่านี้เป็ต้น หลี่ลั่วไม่ได้สนใจเลยสักนิด หากจะบอกว่าพอที่จะมีอะไรในยุคสมัยโบราณมาดึงดูดความสนใจของเขาได้นั้น นั่นก็คือวิชาแพทย์แผนโบราณ แม้การแพทย์แผนปัจจุบันจะพัฒนาและก้าวหน้าไปไกลกว่า แต่นั่นเหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ทันสมัยที่พัฒนาโดยเทคโนโลยีแล้วเช่นกัน สำหรับการแพทย์แผนจีนนั้น การแพทย์แผนปัจจุบันไม่ลึกลับน่าค้นหาเท่ากับการแพทย์แผนโบราณ
แต่คำพูดของท่านปู่ที่ไร้เยื่อใยท่านนี้ก็ยังมีเหตุผลอยู่บ้าง เขาปฏิเสธมิได้ “ขอรับ” ดังนั้นหลี่ลั่วจึงรับปากไปก่อน
“เช่นนั้นเ้ากลับไปก่อนเถิด ถึงเวลานั้นหาก้าอะไรให้ไปหามารดาของเ้า”
“ขอรับ”
หลี่ลั่วออกมาจากห้องหนังสือ รวมเวลาทั้งหมดั้แ่เข้าไปจนกระทั่งออกมาแล้วไม่ถึงสิบห้านาที “พ่อบ้านจี้ พรุ่งนี้ให้เริ่มการตกแต่งซ่อมแซม ทำการตกแต่งซ่อมแซมห้องนอนและห้องหนังสือของข้าก่อนเถิด”
“ขอรับ”
“ท่านไปจัดการเถิด” ข้างกายของเขายังมีซินเป่าและผิงอันอยู่
เมื่อกลับมาถึงในเรือนของตน ก็เห็นหลี่ฉางเฉิงกำลังขนย้ายสิ่งของอยู่ ทั้งหมดมีถึงสองลังเต็มๆ “เหล่านี้ล้วนเป็หนังสือแพทย์รึ?”
“ตลอดทั้งบ่ายข้าน้อยไปตามร้านหนังสือที่พอจะหาได้ทั้งหมดแล้วขอรับ หนังสือแพทย์ทั้งหมดที่หาซื้อมาได้ก็ซื้อมาหมดแล้ว” หลี่ฉางเฉิงตอบ เหงื่อไหลลงมาตามหน้าผาก
“ต้องลำบากแล้ว พรุ่งนี้ที่นี่จะเริ่มตกแต่งซ่อมแซม หนังสือพวกนี้ย้ายเข้าไปในห้องทรัพย์สินส่วนตัวเสีย” พูดแล้วก็หยิบหนังสือขึ้นมาสองเล่ม “ขนย้ายเถิด”
ลวี่ผิงถามขึ้นเมื่อเดินมาถึงประตู “เสี่ยวโหวเหฺย น้ำร้อนเตรียมเสร็จแล้วเ้าค่ะ อาบน้ำก่อนดีหรือไม่เ้าคะ?”
“ดี” อาบน้ำแล้วค่อยอ่านหนังสือแพทย์ก็ไม่เลวเลย ชีวิตที่ไม่มีกิจกรรมบันเทิงอื่นๆ ช่างผ่านไปอย่างยากเย็น ทว่าเมื่อถึงเวลาอาบน้ำก็เกิดปัญหาขึ้น ถังไม้สำหรับอาบน้ำในยุคสมัยโบราณที่ใหญ่โตนั้นก็ช่างเถิด นี่ยังสูงอีกด้วย ความสูงของถังไม้พอๆ กับความสูงของหลี่ลั่วในวัยห้าขวบ ดังนั้นหลี่ลั่วจึงยืนอยู่หน้าถังไม้อย่างทำตัวไม่ถูก ขาของเขาสั้นและเล็ก ลำพังตนเองคงไม่สามารถเข้าไปในถังไม้ได้แน่ๆ
เสื้อผ้าบนร่างกายของเขาถูกลวี่ผิงและหยวนโม่ถอดออกหมดแล้ว เขายืนเปลือยกาย หน้าขาวๆ ของเขาค่อยๆ แดงขึ้น ในสายตาของสาวใช้นั้น เสี่ยวโหวเหฺยของพวกนางนั้นช่างขี้อายนัก ลวี่ผิงจึงหัวเราะเบาๆ ตั้งใจจะอุ้มหลี่ลั่วขึ้นมาวางลงในถังไม้สำหรับอาบน้ำ
“พวกเ้าออกไป ให้ซินเป่าเข้ามาดูแล ต่อไปให้ซินเป่ามาทำหน้าดูแลเื่การอาบน้ำเถิด” ต้องมาโชว์นกน้อยต่อหน้าเด็กนักเรียนมัธยมต้น เขารู้สึกทำตัวไม่ถูกจริงๆ
[1] ปูพื้นฐาน (开蒙) คือการปูพื้นฐานสำหรับการเรียนของเด็กเล็ก
[2] หลุนอวี่ (论语) เป็คัมภีร์ที่รวบรวมคำสอนของขงจื่อได้สมบูรณ์ที่สุด รวมบทสนทนาระหว่างขงจื่อกับศิษย์ ซึ่งถือเป็คัมภีร์ที่สำคัญที่สุดในพัฒนาการอันยาวนานของปรัชญาสำนักขงจื่อและของประวัติศาสตร์ภูมิปัญญาจีน อาจกล่าวได้ว่า หลุนอวี่เป็ตัวบทพื้นฐานของสำนักปรัชญาขงจื่อ