“คิดจะเอาชนะข้า ไม่ง่ายดายปานนั้น” กระบี่ในมือของฉินเฟิงร่ายรำดุจั เขาใช้วิชากระบี่อย่างต่อเนื่อง รวดเร็วดุดัน โจมตีเผ็ดร้อน อำมหิตทุกกระบวนท่า หวังให้เซียวเฉินตายคาที่
ดวงตาของเซียวเฉินทอประกายเย็นเยียบ
ฉินเฟิงทำขนาดนี้แล้ว เขาจะดูไม่ออกได้อย่างไร!
จากนั้น เซียวเฉินก็โจมตีด้วยประทับเทพหงสา อานุภาพแกร่งกร้าวไร้เทียมทานทลายกระบี่ยาวของฉินเฟิงทันที ตัวกระบี่แตกเป็เสี่ยงๆ คมกระบี่ปักเข้าร่างของฉินเฟิงและกรีดเป็รอยแผลหลายสาย
ทว่า เซียวเฉินไม่ได้หยุดมือ
แสงเสวียนในมือกลายเป็ตราประทับโจมตีทรวงอกของฉินเฟิง
ปึง!
พรวด!
เสียงครางหนักๆ ดังขึ้นหลังจากมีเสียงกระดูกแตก ฉินเฟิงลอยคว้างออกไป โลหิตสดไหลจากปากไม่หยุด
“ข้าเอาชนะเ้าได้ ง่ายดายแค่นี้เอง”
เซียวเฉินเอ่ยเรียบๆ เขาในเวลานี้คืออัจฉริยะแห่งยุค ผู้ไร้เทียมทานในสายตาของทุกคน
ขั้นตานฟ้าสามชั้นฟ้าท้าสู้ข้ามขั้นกับผู้เข้มแข็งขั้นตานฟ้าห้าชั้นฟ้า โจมตีพิฆาตในคราเดียว
ความสามารถเช่นนี้ ใครจะเป็คู่ต่อกรได้?
เกรงว่าผ่านไปไม่นาน ก็สามารถชิงชัยกับอัจฉริยะสามอันดับแรกบนผังชางหวงได้!
เซียวเฉินเดินมาตรงเบื้องหน้าของฉินเฟิง มองฉินเฟิงที่ร่วงลงไปกองบนพื้นแล้วเอ่ยราบเรียบ “ใครใช้ให้เ้ามา?”
สีหน้าของฉินเฟิงแปรเปลี่ยนในพริบตา จากนั้นเอ่ยอย่างสงบนิ่ง “เ้าพูดอะไร? ข้าไม่เข้าใจ ข้าคือคนที่มาท้าสู้กับเ้า เพื่ออันดับบนผังชางหวงเท่านั้น”
เซียวเฉินยิ้ม
“มาเพื่ออันดับเท่านั้น? แล้วเหตุใดเ้าจึงลงมืออย่างอำมหิตกับข้าทุกครั้ง มีเจตนาสังหารทุกย่างก้าว ข้าว่าเ้าไม่ได้มาเพื่ออันดับหรอก แต่มาเพื่อสังหารข้ามากกว่า” ว่าแล้ว บนใบหน้าของเซียวเฉินก็ประดับด้วยรอยยิ้มดังเดิม แต่กลับทำให้ฉินเฟิงขนลุกขนชัน
“บอกมา ไม่เช่นนั้น ตาย!”
ทุกคนต่างมองเซียวเฉินที่อยู่บนเวที!
แม้เซียวเฉินในเวลานี้กำลังยิ้มแย้ม แต่ทุกคนกลับรู้สึกได้ถึงความหดหู่และรัศมีอันแกร่งกร้าว
เซียวเฉินบอกว่า ฉินเฟิงมาเพื่อสังหารเขา?
สีหน้าของมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์และจี๋เสวี่ยต่างแปรเปลี่ยนเป็ไม่น่ามอง
ตอนแรกพวกนางก็สงสัย เหตุใดฉินเฟิงซึ่งมีความสามารถขั้นตานฟ้าห้าชั้นฟ้าระดับสูงสุดจึงไม่ไปท้าสู้กับบุคคลอันดับต้นๆ พานต้องท้าสู้กับเซียวเฉินให้ได้!
ตอนนี้ คำพูดของเซียวเฉินทำให้คนทั้งสองใจสะท้าน
หากว่าคนที่พ่ายแพ้ในครั้งนี้คือเซียวเฉิน เกรงว่าเซียวเฉินที่ยืนพูดจาอยู่ในเวลานี้คงเป็ศพไปแล้ว
คิดๆ ดูแล้ว คนทั้งสองก็ใ!
บนเวที เซียวเฉินกำลังรอคำตอบของฉินเฟิง จู่ๆ มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ก็เหินกายจากไป ไม่รู้ว่าไปที่ใด หลังจากนั้นครู่เดียว มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ก็เร่งรุดกลับมาบอกเซียวเฉินว่า “เซียวเฉิน สถานศึกษาชางหวงไม่มีศิษย์ชื่อฉินเฟิง”
ประโยคเดียวของมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ ทำให้สีหน้าของฉินเฟิงที่ได้รับาเ็ซีดเผือดลงทันควัน
แววตาของเซียวเฉินเปลี่ยนเป็เ็าในพริบตา
ในดวงตาที่มองฉินเฟิงยิ่งเปล่งประกายเย็นเยียบ!
“ฉินเฟิง หากข้าเดาไม่ผิด เ้าคือศิษย์ของสถานศึกษาเซิ่งเต้าสินะ” เซียวเฉินเอ่ยเนิบๆ แค่ประโยคเดียวดั่งอสนีบาตฟาดเปรี้ยงเข้ากลางใจของฉินเฟิง
เซียวเฉินรู้ได้อย่างไรกัน?
เพียงเพราะประโยคเดียวของมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์หรือ?
เป็ไปได้อย่างไร?
“เซียวเฉิน ในเมื่อมีคน้าให้เ้าตาย เ้าก็มีชีวิตอยู่ไม่ได้” สีหน้าของฉินเฟิงเปลี่ยนเป็อำมหิตในพริบตา แต่เซียวเฉินกลับเฉยเมยดังเดิม
“ข้าอยากจะรู้นักว่าเขาจะสังหารข้าอย่างไร แต่เ้าคงไม่รอด” ระหว่างที่พูดจา เซียวเฉินก็จ่อดัชนี มีเปลวเพลิงงดงามสายหนึ่งปรากฏบนนิ้ว แม้มีเพียงจุดเล็กๆ แต่กลับแผ่อุณหภูมิร้อนระอุสุดขีด
ทุกคนต่างใเมื่อรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิสูงของเปลวเพลิงที่มือของเซียวเฉิน
เป็เปลวเพลิงอันแกร่งกร้าวนัก
ทุกคนลอบคิดในใจ ดวงตาฉายแววสะท้านะเื
ผู้อื่นแค่ใกับเปลวเพลิงอุณหภูมิสูงของเซียวเฉิน แต่มีเพียงเซียวเฉินเท่านั้นที่รู้ว่า แม้มีเพียงประกายไฟ แต่นี่คืออัคคีแห่งหงสาที่เขาสามารถเร่งเร้าให้บริสุทธิ์ที่สุดได้ในเปลวอัคคีศักดิ์สิทธิ์หงสา
ก่อเกิดไม่ขาดสาย เผาไหม้พลังเสวียน ไม่ตายไม่ดับสูญ!
ฉินเฟิงรู้สึกได้ถึงความทรงพลังของเซียวเฉิน เขารู้ทันทีว่าตนเองต้องตายอย่างแน่นอน ดังนั้น จึงกัดฟันตวาดว่า “เซียวเฉิน ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเ้า ให้ความรวบรัดแก่ข้าเถอะ”
เซียวเฉินยิ้มดูแคลนให้กับข้อเรียกร้องของฉินเฟิง
“เ้าไม่คู่ควรจะตายแบบสบายๆ เ้าเป็แค่สุนัขรับใช้ตัวหนึ่งของเขาเท่านั้น สุนัขก็ต้องตายแบบสุนัข” ว่าแล้วก็ดีดนิ้ว เปลวอัคคีศักดิ์สิทธิ์หงสาร่วงลงบนร่างของฉินเฟิง เพียงพริบตา เปลวเพลิงก็ลุกโชติ่ ร้อนระอุสุดขีด
ลักษณะของฉินเฟิงเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ร่างมีเปลวเพลิงลุกท่วม ร้องโหยหวนไม่ขาดสาย แต่กลับยังไม่ตาย เื่นี้ทำให้ฉินเฟิงร้องคำราม
ทุกคนด้านล่างเวทีเงียบกริบ
เห็นสภาพอนาถของฉินเฟิงแล้วก็พากันถอยหลัง สีหน้าที่มองเซียวเฉินล้วนตื่นตะลึง
วิธีการของเซียวเฉินเรียกได้ว่าอำมหิต
เซียวเฉินที่เป็เช่นนี้ แม้แต่มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์และจี๋เสวี่ยก็หวาดกลัว เนื่องจากพวกนางไม่เคยเห็นด้านนี้ของเซียวเฉินมาก่อน เขาในเวลานี้ประหนึ่งมารร้ายกระหายเื
สุดท้าย ฉินเฟิงก็กลายเป็เถ้าธุลีภายใต้เปลวอัคคีศักดิ์สิทธิ์หงสา
ทุกคนสลายตัวไป แต่สีหน้าของเซียวเฉินยังคงเย็นเยียบ ราวกับเื่นี้ปลุกด้านกระหายเืที่สุดในใจของเซียวเฉินขึ้นมา ทำให้มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์และจี๋เสวี่ยไม่กล้าเข้าใกล้
“เซียวเฉิน เ้าเป็อะไรไป?”
สุดท้าย มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ก็ส่งเสียงถาม
เซียวเฉินสูดลมหายใจลึกๆ จึงค่อยๆ ควบคุมไอสังหารบนร่างได้
“ข้าไม่เป็ไร”
จากนั้นเซียวเฉินก็เดินกลับที่พักของตนเอง จี๋เสวี่ยมองมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์แล้วถาม “พี่มู่หรง เซียวเฉินเป็อะไร?”
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ส่ายศีรษะ
ตกค่ำ เซียวเฉินนั่งมองจันทร์กระจ่างอยู่บนหลังคาและเหม่อลอย
ในเวลานี้เอง พลันปรากฏเงาร่างของคนผู้หนึ่งนั่งเงียบงันอยู่ข้างกายเขา
“ศิษย์พี่มู่หรง เ้ามาแล้ว” เซียวเฉินเอ่ยด้วยรอยยิ้มบางๆ เวลานี้เขาไม่มีไอสังหารแบบเมื่อตอนกลางวันเลยสักนิดและให้ความรู้สึกผ่อนคลายสบายๆ
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ยิ้มจางๆ “เรียกข้าว่าเชี่ยนเอ๋อร์เถอะ เรียกศิษย์พี่เหมือนคนแปลกหน้า เรียกข้าว่าเชี่ยนเอ๋อร์ดูสนิทสนมกว่า”
เซียวเฉินยิ้ม
“ได้”
“เซียวเฉิน วันนี้เ้าเหมือนเปลี่ยนเป็อีกคนหนึ่ง ทำให้คนรู้สึกกลัว ข้ารู้สึกเหมือนเ้าในตอนกลางวันเป็คนแปลกหน้า” มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์กล่าว
เซียวเฉินเอ่ยเรียบๆ “เชี่ยนเอ๋อร์ หากน้องชายแท้ๆ จะฆ่าเ้า เ้าจะทำอย่างไร?”
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์เบิกตาโต พูดไม่ออกอยู่เนิ่นนาน
เซียวเฉินกล่าวต่อ “ตอนนี้พวกเขาไม่ใช่พี่น้องกันแล้ว เพราะพี่ชายของเขาถูกขับออกจากตระกูล อีกทั้งพวกเขายังไม่เคยมีความรักฉันพี่น้อง แล้วจะเอ่ยถึงสายสัมพันธ์พี่น้องได้อย่างไร?”
“เซียวเฉิน เ้า...”
“คนผู้นั้น...คือข้า ข้าคือคนที่ถูกไล่ออกจากตระกูล” เซียวเฉินเอ่ยยิ้มๆ
“ก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้ชื่อเซียวเฉิน ข้าแซ่เนี่ย ชื่อเนี่ยเฉิน ท่านพ่อตัดความสัมพันธ์กับข้า เพราะข้าเป็เศษสวะที่ฝึกวิชาไม่ได้ ส่วนน้องชายข้าทำเถ้ากระดูกของท่านแม่ร่วงต่อหน้าข้า นับจากเวลานั้น ข้ากับตระกูลเนี่ยก็ไม่เกี่ยวข้องกันอีก แต่บัดนี้ข้าฝึกวิชาได้แล้ว ดังนั้น บัญชีแค้นนี้ ข้าจะกลับไปทวงคืน”
พูดถึงตรงนี้ ดวงตาของเซียวเฉินก็ทอแววลึกล้ำ มองอารมณ์ไม่ออก
“เซียวเฉิน เ้าทำให้ข้าดูไม่ออก”
เนิ่นนาน มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์จึงค่อยๆ เอ่ยออกมาประโยคหนึ่ง
เซียวเฉินไม่ได้ต่อบทสนทนา เขามองดวงจันทร์แล้วเอ่ยว่า “เชี่ยนเอ๋อร์ อีกไม่กี่วันข้าจะไปจากสถานศึกษาชางหวง ข้าสาบานต่อหน้าหลุมศพท่านแม่ไว้ว่า ข้าจะกลับตระกูลเนี่ยไปทวงบัญชีแค้นรายนี้”
ว่าแล้ว เซียวเฉินก็ยิ้มสดใสให้มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์
“ขอบคุณเ้าที่พูดคุยเป็เพื่อนข้า ในที่สุดคำพูดที่ข้าเก็บกดไว้ในใจก็มีคนให้ระบายด้วย รู้สึกโล่งอย่างไม่เคยเป็มาก่อน ดึกแล้ว เ้ากลับไปเถอะ”
“อืม”
คนทั้งสองะโลงจากหลังคาแล้วแยกย้ายกันไป
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์มองเงาหลังของเซียวเฉินแล้วอดถอนหายใจไม่ได้ เซียวเฉินที่เป็แบบนี้ทำให้คนรู้สึกปวดใจ