หนิงอ้ายยังคงควบคุมเขตแดนที่ปรากฏเป็ม่านพลังโปร่งแสงสีทองนี้อย่างไม่หยุดยั้ง เช่นเดียวกับค้างคาวโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วนที่ยังคงพุ่งเข้าโจมตีต่อเนื่อง หากพวกมันก้าวล้ำเข้าสู้เขตแดนดังกล่าวต่างล้วนหยุดชะงักงัน สถานการณ์ยามนี้ดูเหมือนว่าทางฝั่งของเฟยหลงกับหนิงอ้ายจะ่ชิงความได้เปรียบอยู่ไม่น้อย ทว่าการควบคุมพลังลมปราณเพื่อสร้างเขตแดนในพื้นที่พิเศษอย่างเส้นทางนรกนี้ได้ส่งให้หนิงอ้ายต้องแบกรับสภาวะที่กดดันอย่างมหาศาลเช่นกัน
เห็นได้ชัดว่าค้างคาวโลหิตเหล่านี้มีสัญชาติญาณที่เหนือล้ำกว่าเผ่าพันธุ์เดียวกันหลายเท่า หลังจากผ่านไปไม่กี่เค่อพวกมันต่างไม่เข้าใกล้เขตแดนของหนิงอ้ายเลยสักนิด ถึงอย่างนั้นพวกมันยังคงปักหลักอยู่โดยรอบไม่ได้จากไป พร้อมกับวนเวียนอยู่รอบนอกรัศมีเพื่อสังเกตการณ์และส่งกระแสเสียงโจมตีเข้ามาเป็บางครั้ง
“เ้าไหวหรือไม่ การฝืนร่ายเวทย์เขตแดนยาวนานถึงเพียงนี้ข้าว่า...” เฟยหลงเอ่ยขึ้นด้วยความเป็ห่วง ใบหน้าครึ่งถึงของอีกฝ่ายแม้จะถูกปกปิดอยู่ทว่าเขาก็สังเกตเห็นความเหนื่อยล้าที่เริ่มฉายชัดออกมาบ้างแล้ว
“การตั้งรับเมื่อครู่ทำให้พวกมันล่าถอยออกไปเพียงชั่วคราวเท่านั้น พวกเราควรรีบเร่งไปข้างหน้าให้เร็วที่สุด” หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นด้วยความอิดโรยเล็กน้อย ก่อนจะออกท่าร่างวิชาตัวเบาทะยานไปเบื้องหน้า ส่งผลให้ค้างคาวโลหิตที่เฝ้ามองอยู่นั้นต่างรีบออกตัวพุ่งเข้าโจมตีอีกครั้ง เมื่อระยะห่างได้เข้าใกล้มากขึ้น หนิงอ้ายจึงหันหลังและโต้กลับไปในทันที
“มหาค่ายกลจิติญญาจักษุ์มายา!!!” สองมือของหนิงอ้ายประสานรวดเร็วฉับไว ทันใดนั้นตราลัญจกรรูปลักษณ์ดวงตาสีทองขนาดใหญ่ได้ปรากฏเด่นชัด เสร็จสิ้นก็ตวัดวาดอักขระเวทย์วิถีอีกชุดหนึ่งกำกับไว้ แรงกดดันทางพลังจิติญญาถาโถมลงมากระหน่ำใส่ทั่วบริเวณนั้น ความรุนแรงกล้าแกร่งสายนี้ได้ทำให้ฝูงค้างคาวโลหิต นั้นสั่นสะท้านวูบวาบด้วยการจู่โจมทางพลังจิติญญาที่หนักหน่วง
เสียงกรีดร้องแหลมเล็กดังขึ้นสะท้อนไปทั่วทั้งบริเวณ พร้อมกับประกายแสงสีเงินที่พุ่งแหวกอากาศ ร่างไร้ิญญาร่างแล้วร่างเล่าต่างร่วงลงอยู่เหวลาวาลึกด้านล่างราวกับสายฝน ก่อนที่จะปรากฏเสียงคำรามสายหนึ่งได้ดังขึ้นอย่างข่มขวัญ พร้อมกับฝูงค้างคาวโลหิตที่เหนือต่างแยกย้ายหนีหายกระจัดกระจายไปจากบริเวณนี้
“คิดไม่ถึงว่าสถานที่แห่งนี้จะเป็ที่หลบซ่อนของราชันย์ปีศาจหมาป่าทมิฬ เ้าจงระวังตัวด้วย” เฟยหลงเอ่ยกับร่างบางที่ยืนอยู่ด้านข้างด้วยความเป็ห่วง เบื้องหน้าของพวกเขาทั้งสองปรากฏเป็เงาร่างหนึ่งที่มีดวงตาสีแดงก่ำน่ากลัวที่ออกจากการซ่อนตัวจากแสงสลัว ร่างกายของมันสูงใหญ่เป็อย่างมาก กรงเล็บอันแหลมคมขยับไปมาจนเกิดเป็เสียงข่มขวัญ ทั่วทั้งตัวปกคลุมด้วยขนสั้นสีน้ำตาลคล้ำ สิ่งที่น่าตกตะลึงนั่นคือคมเขี้ยวที่ลากยาวจรดถึงพื้นพร้อมบดขยี้เหยื่ออันโอชะ
หนิงอ้ายลอบประเมินอยู่ในใจ ความแข็งแกร่งของราชันย์ปีศาจหมาป่าทมิฬตรงหน้านี้คงไม่อ่อนด้อยกว่าสัตว์อสูรมายาขั้นสูง ที่มีอายุไม่น้อยกว่าสามหมื่นหมื่นปีเป็แน่ ทันใดนั้นร่างกายสูงใหญ่ทว่ารวดเร็วของอีกฝ่ายได้พุ่งเข้าโจมตีพวกเขาทั้งสองด้วยความรวดเร็ว แม้กระทั่งม่านปราการเขตแดนของหนิงอ้ายยังไม่อาจหยุดยั้งได้เพียงนิด
ตู้ม!!!
ไอสังหารของเฟยหลงปรากฏขึ้นอย่างฉับพลันเรียกความสนใจจากราชันย์ปีศาจหมาป่าทมิฬนี้ให้เสียสมดุลไปชั่วจังหวะหนึ่ง ส่งผลให้ความเร็วในการพุ่งโจมตีถึงกับชะงักงันไปชั่วขณะ ทว่าพริบตาต่อมามันก็ใช้ส่วนหางที่เรียวยาวไม่ต่างไปจากแส้ตวัดมายังทิศทางของพวกเขาทันที
ฝ่ามือหนาของเฟยหลงได้ดึงหนิงอ้ายเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด ทุกอย่างล้วนเป็ไปตามสัญชาติญาณความคุ้นชินทั้งสิ้น ก่อนที่เขาจะดีดร่างกระโจนกลางอากาศหนีออกจากจุดโจมตีดังกล่าว พร้อมกับส่งกริชสั้นในมือต้านรับอย่างแม่นยำ
การโจมตีอย่างหนักหน่วงเมื่อครู่ได้ทำลายสะพานศิลานี้ให้พังทลายไปบางส่วน แม้ไม่กระจ่างชัดว่าเส้นทางนี้เป็ทางเดียวที่นำพาไปสู่จุดหมายที่พวกเขาทั้งสองตั้งใจหรือไม่ ขณะเดียวกันกริชสั้นของเฟยหลงที่พุ่งเข้าจู่โจมราชันย์ปีศาจหมาป่าทมิฬได้ปักเข้าบริเวณดวงตาข้างซ้ายได้อย่างแม่นยำ แม้ร่างกายของมันจะถูกปกคลุมไปด้วยขนและิัที่หนาทนทาน ทว่าการโดนโจมตีดวงตาที่นับเป็ส่วนบอบบางที่สุดนั้นได้ส่งผลให้มันคำรามลั่นโหยหวนด้วยความเ็ปยิ่ง
โฮก!!
“มันกำลังจะรวบรวมพลังต้นกำเนิดเพื่อะเิสุดยอดขุมพลังทำลายล้างออกมา!!!” หนิงอ้ายร้องดังออกมา ก่อนที่เฟยหลงจะคว้าร่างบางเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับพุ่งทะยานไปเบื้องหน้าเพื่อทิ้งระยะห่างให้ได้มากที่สุด การโจมตีของราชันย์ปีศาจหมาป่าทมิฬที่ไล่ตามมานั้นได้สร้างรอยร้าวของสะพานดังกล่าวนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ สิ่งที่เลวร้ายที่สุดนั่นคือหากทางเดินนี้ถูกทำลายลง เบื้องล่างนั่นคือธารลาวาที่พร้อมจะกลืนกินกายเนื้อและจิติญญาของพวกเขาให้มอดไหม้ไปในที่สุด
แม้จะตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤติเช่นนี้ พวกเขาทั้งสองยังคงตั้งสติและช่วยเหลือกันอย่างเต็มที ทางฝั่งของเฟยหลงรีบเร่งฝีเท้าทะยานไปเบื้องหน้าให้ได้มาก อีกไม่ไกลเท่าไหร่ก็จะถึงปลายสะพานที่เป็อีกฝั่งของเหวลึกนี้แล้ว หนิงอ้ายเองก็ส่งเวทย์โจมตีเพื่อถ่วงเวลาของราชันย์ปีศาจหมาป่าทมิฬให้สูญเสียจังหวะโจมตีไปหลายครั้งเช่นกัน เสียงคำรามดังลั่นสะท้อนไปทั่วทั้งบริเวณด้วยความโกรธเกรี้ยวถึงขีดสุด
อีกหนึ่งเค่อให้หลังตอนนี้พวกเขาทั้งสองได้มาถึงปลายสะพานดังกล่าวได้แล้ว เฟยหลงไม่รอช้ารวบรวมพลังลมปราณราชทินนามราชันิญญาขั้นต้นอันเข้มข้นออกมาผนึกขึ้นเป็เงาร่างของค้อนขนาดใหญ่ พร้อมกับฟาดกระหน่ำส่วนสะพานนี้อย่างไม่หยุดยั้ง
“รบกวนท่านทำลายสะพานนี้ต่อไป ส่วนข้าจะรับมือกับมันเอง!!!” สิ้นเสียงหนิงอ้ายได้พุ่งตัวออกไปด้วยความรวดเร็ว มวลพลังปราณธาตุน้ำที่ลึกล้ำถึงขีดสุดปรากฎขึ้นเป็บุปผาวารีดอกหนึ่งที่เปี่ยมไปด้วยอสังหารอันเข้มข้นะเิเข้าใส่ร่างกายใหญ่โตของสัตว์อสูรตรงหน้านี้
การเคลื่อนไหวของหนิงอ้ายได้สร้างความสงสัยแก่เฟยหลงไม่น้อยเช่นกัน ความรวดเร็วเมื่อครู่กล่าวว่าแม้ไม่ได้รับแรงสนับสนุนจากทักษะิญญายุทธ์ทว่าความเร็วปานนี้ถือว่าไม่ได้อ่อนด้อยอย่างแท้จริง หรือว่าจะเป็กระดูกิญญาที่อีกฝ่ายได้ดูดซับไปในก่อนหน้ากัน
แม้ร่างกายของราชันย์ปีศาจหมาป่าทมิฬจะแข็งแกร่งทนทาน ทว่าวิชายุทธ์โจมตีของหนิงอ้ายหาใช่มีอานุภาพที่อ่อนด้อยถึงเพียงนั้น ยามนี้บนร่างกายสูงใหญ่ได้เกิดเป็รอยแผลบาดลึกอยู่ไม่น้อย อีกทั้งการโจมตีของมันไม่อาจทำร้ายมนุษย์รูปร่างบอบบางตรงหน้านี้ได้เพียงนิด สิ่งนี้ได้เพิ่มโทสะและความโกรธเกี้ยวอย่างแท้จริง จากนั้นเฟยหลงได้รีบเข้าสนับสนุนตรงด้านหลังของหนิงอ้ายในทันทีพร้อมกับส่งสัญญาณบางอย่าง
เมื่อทั้งสองก้าวมาถึงส่วนปลายทางฝั่งของเหวลึกอย่างปลอดภัยแล้ว เฟยหลงจึงรีดเค้นพลังลมปราณออกมาอีกครั้ง พร้อมกับโจมตีส่วนบริเวณที่้าทันที ั์ตาสีแดงกล่ำของราชันย์ปีศาจหมาป่าทมิฬฉายชัดถึงความเหยียดหยามกับการโจมตีที่ผิดพลาดไปเมื่อครู่ ทว่าไม่กี่อึดใจนั้นแรงสะกดข่มทางจิติญญาสายหนึ่งได้ถาโถมโดยที่ไม่ทันตั้งตัว ร่างกายสูงใหญ่ราวกับถูกพันธนาการที่มองไม่เห็นแม้กระทั่งการไหลเวียนของพลังในร่างกายก็คล้ายกับหยุดชะงักชั่วครู่
จากนั้นเฟยหลงได้ส่งการโจมตีครั้งสุดท้ายออกไปในที่สุด เสียงปริแตกของบริเวรสะพานดังกล่าวได้สร้างความตื่นตระหนกแก่ราชันย์ปีศาจหมาป่าทมิฬได้อย่างแท้จริง ฉับพลันนั้นลำแสงสีทองสายหนึ่งได้พุ่งออกจากดวงตาของหนิงอ้ายพุ่งเข้าโจมตีส่วนกลางศีรษะของอีกฝ่ายราวกับไม่้าให้ตั้งตัว
โฮก!!!
เสียงร้องคำรามดังลั่น พร้อมกับดวงตาสีแดงฉานที่เบิกกว้างอย่างไม่ยินยอม การจู่โจมด้วยจิติญญาอันเข้มข้นของหนิงอ้ายนั้นไม่ปล่อยโอกาสให้ราชันย์ปีศาจหมาป่าทมิฬรอดชีวิตไปได้ เมื่อแผนการที่วางไว้ของเฟยหลงได้สัมฤทธิ์ผล ร่างกายสูงใหญ่ของอสูรระดับมายาดังกล่าวได้ร่วงหล่นสู่เบื้องล่างที่เต็มไปด้วยธารลาวาแห่งจิติญญาสังหารอันเข้มข้น เกือบครึ่งชั่วยามที่ต้องปะทะรับมือกับราชันย์ปีศาจหมาป่าทมิฬในเส้นทางนรกที่มีเงื่อนไขพิเศษและข้อบังคับมากกมายกล่าวว่าได้สร้างความเหนื่อยล้าทางร่างกายและจิติญญาของหนิงอ้ายกับเฟยหลงอย่างแท้จริง
โอสถระดับเจ็ดที่มีฤทธิ์เยียวยาจิติญญาและเพิ่มพูนพลังลมปราณของหนิงอ้ายได้ถูกนำออกมามอบให้เฟยหลงอย่างไม่คิดเสียดาย การเอาชนะราชันย์ปีศาจหมาป่าทมิฬ สัตว์อสูรระดับมายาขั้นสูงในครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าไม่ได้สำเร็จเพราะคนใดคนหนึ่ง ทว่าเป็สิ่งที่พวกเขาทั้งสองร่วมมือกันนั่นเอง
“เท่าที่ข้ารู้จากในบันทึก เส้นทางนรกจะมีทั้งสิ้นสามบททดสอบและจะทวีความยากขึ้นในแต่ละด่านเช่นกัน พักสักหน่อยดีหรือไม่เ้าจะได้ฟื้นฟูพลังจิติญญาของเ้าด้วย...” เฟยหลงเอ่ยขึ้นกับร่างบางด้วยความเป็ห่วง การฟื้นคืนของพลังจิติญญานั้นไม่เหมือนกับพลังลมปราณ แม้จะได้รับโอสถวิเศษไปแล้วยังคงต้องให้เวลากับการฟื้นคืนเช่นกัน
“ข้าเห็นด้วยกับท่าน ไม่รู้ว่าเส้นทางหลังจากนี้ต้องพบเจอกับสิ่งใดบ้าง ดังนั้นสมควรเตรียมความพร้อมของร่างกายให้ได้มากเป็การดีที่สุด” หนิงอ้ายตอบรับความหวังดีดังกล่าว ก่อนจะขอแยกตัวไปดูดซับโคจรฤทธิ์ของโอสถวิเศษที่ได้กินไปในก่อนหน้า แน่นอนว่าเขายังคงแผ่ััเพื่อรับรู้ถึงความเป็ไปที่เกิดขึ้นโดยรอบอย่างเฝ้าระวังเช่นกัน
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ดวงตาที่เคยปิดสนิทของหนิงอ้ายได้เปิดขึ้นในที่สุด พร้อมกับสภาพร่างกายที่กลับมาสมบูรณ์พร้อมอีกครั้ง จากนั้นหนิงอ้ายกับเฟยหลงจึงตัดสินใจเดินทางกันต่อไปตามเส้นทางตรงหน้านี้ อีกสองชั่วยามให้หลังจึงััได้ถึงบางสิ่งไม่ไกล
“มีการเคลื่อนไหวบางอย่างตรงข้างหน้า ท่านระวังตัวด้วย” หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางระมัดระวัง เฟยหลงที่ได้ยินดังนั้นจึงเพิ่มประสาทการรับรู้เพื่อตั้งรับบางสิ่งที่ต้องพบเจอหลังจากนี้
ดวงตาสีแดงเพลิงคู่หนึ่งปรากฏขึ้นจากเงาดำมืดตรงด้านหน้าไม่ไกลไปนัก ลำตัวขนาดมหึมาสีเขียวมรกตยามเมื่อเคลื่อนไหวไปมาได้สร้างเสียงประหลาดที่มีผลต่อสมาธิจนต้องเรียกพลังิญญาออกมาต้านรับพลังคลื่นเสียงดังกล่าว
“อสรพิษมัจจุราชเพลิงมรกตเป็สัตว์อสูรมายาระดับสูง เกล็ดสีเขียวมรกตที่ปกคลุมทั่วทั้งร่างกายนั้นสามารถสร้างเป็มายาภาพและคลื่นเสียงที่มีผลต่อสตินึกคิดโดยตรงให้ตกเข้าสู่ห้วงภวังค์ไร้สติ หมอกพิษที่ปกคลุมทั่วร่างหากถูกััเพียงนิดร่างกายก็จะนิ่งขยับไม่ได้...” เฟยหลงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดเล็กน้อย อสรพิษมัจจุราชเพลิงมรกตตรงหน้านี้แม้จะกล่าวว่าเป็เพียงสัตว์มายาระดับสูง ทว่ากลิ่นอายความลึกล้ำที่ปลดปล่อยออกมานั้นย่อมหมายความว่าอีกฝ่ายได้เข้าสู่เขตขั้นของสัตว์อสูรระดับตำนานแล้ว ดูเหมือนว่าเส้นทางนรกสายนี้การต้องปะทะรับมือกับสัตว์อสูรระดับสูงคงเป็อีกหนึ่งการทดสอบเช่นกัน
“หากคิดว่าพิษของเ้าเยี่ยมยอดมากเพียงพอก็ลองดู!!” หนิงอ้ายผู้กระดูกิญญาอายุล้านปีของอสรพิษเหมันต์า แม้กายเนื้อของร่างเดิมจะถูกทำลายไปก็ตาม ทว่าหลังจากได้รับกายเนื้อใหม่ บรรดากระดูกิญญาที่เขาเคยได้ดูดซับในก่อนหน้าล้วนผสานเข้ากับจิติญญาของเขาไปแล้ว ดังนั้นทักษะความสามารถและกระดูกิญญาเหล่านี้ยังคงเป็ความสามารถติดตัวของหนิงอ้ายเช่นเดิม
จริงอยู่ที่ว่าตราบใดที่เขายังคงอยู่ในเขตแดนพิเศษของเมืองแห่งการสังหารรวมไปถึงเส้นทางนรกสายนี้ ทักษะิญญายุทธ์ที่อยู่ย่อมไม่อาจเรียกใช้ได้ ทว่าร่างกายนี้ของหนิงอ้ายกล่าวได้ว่าต่อต้านพิษได้เกือบทุกชนิดในมหาพิภพแห่งนี้ ดังนั้นการปะทะรับมือกับอสรพิษมัจจุราชเพลิงมรกตจึงไม่ได้สร้างความหวั่นวิตกสักเท่าไหร่นัก
เปลวเพลิงพิษมรกตสีเขียวคล้ำพวยพุ่งทะลักทะลายเข้าโจมตีพวกเขาทั้งสอง กลิ่นอายคาวเลี่ยนของพิษร้ายขั้นสูงได้ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างเข้มข้นสะกดทั่วทั้งบริเวณ เฟยหลงไม่รอช้าตวัดเรียกสมบัติวิเศษที่เสริมแกร่งร่างกายให้ต่อต้านพิษร้าย แน่นอนว่าหนิงอ้ายไม่ลืมมอบโอสถแก้พิษระดับเจ็ดให้อีกฝ่ายกินเข้าไปในทันทีเช่นกัน การรับมือกับสัตว์อสูรปราณธาตุพิษหากไม่มีความระมัดระวังมากเพียงพอย่อมพลาดท่าตกตายด้วยพิษร้ายเหล่านี้ได้ไม่ยากนัก
ตู้ม!!!
เสียงประทะของเวทย์โจมตีที่หนิงอ้ายกับเฟยหลงเรียกบัญชาการนั้นได้เข้าปะทะกับเปลวเพลิงมรกตพิษเมื่อครู่ เกิดเป็เสียงะเิดังลั่นไปทั่วทั้งบริเวณ เช่นเดียวกับกับหมอกพิษสีเขียวคล้ำที่คละคลุ้งหนาแน่นกว่าเดิมหลายเท่า ดูเหมือนว่ายิ่งทำลายเปลวเพลิงมรกตตรงหน้ามากเท่าใด กระแสของหมอกควันพิษยิ่งเข้มข้นมากขึ้นเท่านั้น หากเป็เช่นนี้ต่อไปพวกเขาทั้งสองคงพลาดพลั้งในที่สุดเป็แน่
เปลวเพลิงอัคคีจรัสแสงนิรันดร์เขตแดนพันธนาการ!!!
สิ้นเสียงดังกล่าวของหนิงอ้าย พลันปรากฏเป็เพลิงสีขาวพิสุทธิ์สายหนึ่งที่เข้มข้นไปด้วยปราณทิวาธาตุที่ล้ำลึกถึงขีดสุด ตลอดเวลาสามปีตั้งแก่ก้าวเข้าสู่เมืองแห่งการสังหารนั้น ทุกสนามประลองหนิงอ้ายต่างใช้ทักษะต่าง ๆ มากมายประสานเข้ากับปราณธาตุน้ำ แน่นอนว่าสิ่งนี้แม้กระทั่งเฟยหลงยังเข้าใจว่าอีกฝ่ายเป็ผู้ฝึกตนสายโจมตีสังกัดปราณธาตุน้ำที่แข็งแกร่งเท่านั้น
ทว่าสิ่งที่ปรากฏตรงหน้า เป็สิ่งที่ยืนยันได้ว่าเทพธิดาพิโรธผู้นี้เป็สุดยอดรุ่นเยาว์ที่ถือครองปราณธาตุมากกว่าหนึ่ง อีกทั้งยังถือครองปราณธาตุหายากเช่นปราณทิวาธาตุหรือปราณธาตุแสงนี้อีกด้วย การสุดยอดปราณธาตุนี้ย่อมส่งผลให้ร่างกายและจิติญญานั้นมีความลึกล้ำเหนือชั้นกว่าเขตขั้นราชทินนามเดียวกันหลายเท่า อีกทั้งยังสามารถพลิกแพลงปรับใช้ได้อย่างหลากหลาย แน่นอนว่าปราณทิวาธาตุนี้ย่อมเป็ปฏิปักษ์ต่อเผ่าพันธ์มารปีศาจเช่นกัน ภายใต้การบัญชาการที่เชี่ยวชาญของหนิงอ้าย เปลวเพลิงสายนี้ได้แปรเปลี่ยนเสาแสงสีขาวพิสุทธิ์เข้าพันธนาการร่างมหึมาของอสรพิษมัจจุราชเพลิงมรกต ที่ยามนี้ได้ส่ายไปมาด้วยเพราะถูกจู่โจมด้วยพันธนาการแ่าลึกล้ำนี้อย่างรุนแรงต่อเนื่อง
หากเทียบกับราชันย์ปีศาจหมาป่าทมิฬแล้วความแข็งแกร่งของอสรพิษตัวนี้มีความเหนือชั้นอย่างเห็นได้ชัด กลิ่นอายของสัตว์อสูรมายาระดับสูงย่างก้าวระดับตำนานได้ถาโถมสะกดข่มอย่างกดพันเพื่อให้หลุดพันจากแรงพันธการสายนี้ที่สร้างความเ็ปทั้งทางร่างกายและจิติญญาถึงขีดสุด อสรพิษร้ายคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว เปลวเพลิงสีเขียวมรกตที่อาบย้อมไปด้วยพิษร้ายต่างพวยพุ่งกระจายออกทั่วทิศราวกับ้าสร้างความเสียหายโดยรอบให้มากที่สุด ทว่าแผนการนี้กลับมองทะลุออกั้แ่คราแรก ดังนั้นหนิงอ้ายกับเฟยหลงยังคงสามารถหลบหลีกได้อย่างไม่เพลี้ยงพล้ำ พร้อมกับลอบมองหาจุดอ่อนของอีกฝ่ายให้เร็วที่สุด...
