“สวะ เ้ากล้าดียังไงมาทำลายตบะของข้า?”
เซียวจิ้นรับรู้ว่าตบะของตนถูกทำลายก็หน้าถอดสีทันที เขาบำเพ็ญตบะมานานหลายปีอย่างยากลำบาก จึงจะประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ ทว่าบัดนี้ตบะของเขากลับถูกชายอายุไม่ถึง 17 ปีทำลายสิ้น นับจากนี้ไปเขาเซียวจิ้นคือคนไร้ค่า อำนาจหรือฐานะที่เขาจะอันตรธานไป
เมื่อเซียวจิ้นฉุกคิดได้เช่นนี้ก็อดใจหายไม่ได้ เขามองเย่เฟิงด้วยสายตาอาฆาต และอยากจะกระโจนไปฆ่าอีกฝ่ายเสียตอนนี้
“ปากบอกอยากฆ่าข้า แต่ข้าทำลายตบะของเ้า มันก็ถือว่าเหมาะกับเ้าแล้ว!” เย่เฟิงกล่าวขณะมองเซียวจิ้นด้วยสายตาเย็นเยียบ สำหรับผู้ที่้าฆ่าเขา เย่เฟิงไม่มีทางปรานีเด็ดขาด
“ท่านพี่!”
“ท่านพ่อ!”
คนตระกูลหนานกงที่ชมอยู่บนอัฒจันทร์เห็นเย่เฟิงทำลายตบะของเซียวจิ้นต่างก็ตื่นใ พวกเขาไม่คาดคิดว่าเย่เฟิงจะลงมือโเี้เช่นนี้ เซียวจิ้นเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 2 แต่ไม่นึกว่าเย่เฟิงบอกจะทำลายก็ทำลายตบะเช่นนี้ ช่างเกินความคาดหมายอย่างมาก
หนานกงเจียวและเซียวเลี่ยงต่างอุทานเรียกเซียวจิ้นด้วยสีหน้าซีดเผือด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหันทำให้พวกเขาเตรียมรับมือไม่ทัน เซียวจิ้นกลายเป็คนไร้ค่า สำหรับพวกเขาสองคนแล้วมันเป็สิ่งที่ไม่คาดฝัน
หนานกงหลิงซวงเห็นฉากนี้ก็ใเช่นกัน นางคือคนที่รู้จักเย่เฟิงดีที่สุดในบรรดาผู้คนในที่แห่งนี้ แต่นางก็ไม่นึกว่าเย่เฟิงจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ เอาชนะผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 2 ด้วยพลังกายเพียงอย่างเดียว ทั้งยังโจมตีอีกฝ่ายจนได้รับาเ็สาหัส ทำลายตบะในการโจมตีเดียว ก่อนหน้านี้นางเกลียดชังเย่เฟิงเป็อย่างมาก ทว่าบัดนี้กลับเปลี่ยนเป็ความหวั่นเกรงและความเคารพนับถือ เพราะชีวิตนี้นางคงไม่มีทางตามเย่เฟิงทัน
หนานกงเฉินหน้าเปลี่ยนสี เขาเองก็ไม่คิดว่าเย่เฟิงจะแข็งแกร่งมากเพียงนี้ นี่ทำให้หนานกงเฉินอดรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีอย่างช่วยไม่ได้
“สวะ เ้ากล้าดียังไงมาทำร้ายพ่อข้า ข้าจะทำให้เ้าตายไร้ที่กลบฝัง!”
เมื่อบิดาตนถูกทำลายตบะต่อหน้าผู้คนมากมาย มันก็ทำให้ความเกลียดที่เซียวเลี่ยงมีต่อเย่เฟิงทวีคูณ จากนั้นเห็นไอสีดำพวยพุ่งออกจากร่างเขา มันรายล้อมร่างเขาประหนึ่งภูตผีก็ไม่ปาน ทันใดนั้นพื้นที่รอบข้างของเซียวเลี่ยงก็ถูกพลังความมืดนั้น พวกมันมารวมตัวกันและถักทอไปมาอย่างต่อเนื่องราวกับเถาวัลย์แห่งความมืดที่น่าสะพรึงกลัวสุดขีด
“พลังแห่งความมืด ร้ายกาจมาก!”
ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างก็ใจเต้นระรัวด้วยความใ แม้พวกเขาอยู่ห่างจากเซียวเลี่ยงมาก แต่ยังคงััได้ว่าพลังความมืดนั่นกำลังจู่โจมพวกเขา ทำให้พวกเขารู้สึกกดดันจนเหงื่อไหลออกหน้าผาก
“พลังความมืดของเซียวเลี่ยงแข็งแกร่งมาก ดูแล้วแฝงด้วยอำนาจความมืด ทั้งยังอยู่ขั้นพื้นฐาน่ปลาย เหลืออีกเพียงก้าวก็บรรลุขั้นผันแปร อีกอย่างตบะของเซียวเลี่ยงก็อยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 7 เย่เฟิงไม่มีทางต่อกรด้วยได้แน่นอน” ผู้าุโตระกูลหนานกงคนหนึ่งกล่าวขณะมองเซียวเลี่ยงด้วยดวงตาเป็ประกาย
เซียวเลี่ยงแข็งแกร่ง กระทั่งในตระกูลหนานกงก็หาอัจฉริยะที่โดดเด่นเช่นนี้ไม่ได้ ซึ่งเซียวเลี่ยงคือหลานชายของตระกูลหนานกง จึงทำให้ตระกูลหนานกงปลาบปลื้มใจเป็อย่างมาก
“สวบ!”
ระหว่างที่กล่าวเช่นนั้น เซียวเลี่ยงก็เริ่มเคลื่อนไหว เขาเดินออกมาหนึ่งก้าว พลันร่างกลายเป็ลำแสงสีดำก่อนจะไปปรากฏตัวที่เบื้องหน้าของเย่เฟิงในวินาทีต่อมา อีกทั้งดวงตาของเขายังมีแสงสีดำส่องประกาย ทำให้ผู้คนที่มองดวงตาคู่นั้นต่างใจเต้นแรง
“ตายซะเถอะ!” เซียวเลี่ยงแผดเสียงะโด้วยโทสะ ไอสีดำโคจรรอบกายเขาอย่างบ้าคลั่งราวกับกลายเป็สัตว์อสูรั์แห่งความมืดก็ไม่ปาน มันกำลังพุ่งเข้าหาเย่เฟิงหมายเขมือบกินร่าง ทว่าเย่เฟิงเอาสองมือไพล่หลัง เสื้อคลุมสีขาวสะบัดตามแรงลมพร้อมร่างกายเรืองแสงจาง ๆ และมีกลิ่นอายแห่งารายล้อมร่างเย่เฟิง ซึ่งภายใต้กลิ่นอายแห่งานั้นทำให้พลังความมืดของเซียวเลี่ยงทำอะไรเย่เฟิงไม่ได้
“เงาสังหารแห่งความมืด!”
เมื่อเซียวเลี่ยงเห็นพลังความมืดของเขาทำอะไรเย่เฟิงไม่ได้ก็นิ่งอึ้งไปชั่วครู่ แต่จากนั้นวาดฝ่ามือแห่งความมืดเข้าโจมตีเย่เฟิง พลันเสียงกู่ร้องดังทั่วฟ้าดินราวกับิญญาอาฆาตกำลังส่งเสียงอย่างไรอย่างนั้น
“เซียวเลี่ยงแข็งแกร่งมาก เงาสังหารแห่งความมืดนี้ไม่เพียงแต่ผสานด้วยอำนาจความมืด แต่ยังทรงอานุภาพมากด้วย หากฝ่ามือนี้โดนข้า ก็คงไม่รอดแน่นอน!” ผู้าุโตระกูลหนานกงคนหนึ่งกล่าวขึ้น เขารู้สึกเลื่อมใสในพลังอันแกร่งกล้าของเซียวเลี่ยงมาก
“ใช่ เซียวเลี่ยงออกโรงเช่นนี้ เย่เฟิงนั่นไม่รอดแน่!” ผู้คนต่างพยักหน้าเห็นด้วย พวกเขารู้ดีว่าเซียวเลี่ยงคืออัจฉริยะแห่งสำนักไท่อี ตบะแก่กล้า เย่เฟิงย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเซียวเลี่ยง
“ไปให้พ้น!” ดวงตาของเย่เฟิงเผยประกายเย็นเยือก เขาเหวี่ยงหมัดออกไปในขณะที่ฝ่ามือของเซียวเลี่ยงใกล้ถึงตัว ซึ่งรังสีหมัดอัดแน่นไปด้วยพละกำลังสามแสนจินขึ้นไป แม้ไม่มีพลังหยวน แต่ก็กำราบผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้สูงสุดได้ง่ายดาย ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเซียวเลี่ยงที่อยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 7
จากนั้นเสียงะเิดังกึกก้องทั่วฟ้าดิน สองการโจมตีเข้าปะทะกัน ทั้งยังมีเสียงกร๊อบดังตามมา พร้อมเสียงร้องโหยหวนของเซียวเลี่ยง จากการปะทะครั้งนี้ กระดูกแขนของเซียวเลี่ยงต้องแตกหักไปหลายจุด ทำให้ผู้คนใกันเป็อย่างมาก
เซียวเลี่ยงถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว เหงื่อเม็ดใหญ่ยังผุดขึ้นที่หน้าผาก ความเ็ปที่แล่นมาจากแขนยังทำให้เขาเกือบหมดสติ อีกอย่างสายตาของเขาที่มองเย่เฟิงก็ไร้ซึ่งความโอหังเฉกเช่นก่อนหน้านี้ หลงเหลือเพียงความหวาดกลัว
ผู้คนที่อยู่ในลานประลองเห็นฉากนี้ต่างก็ตาแข็งทื่อด้วยความใ พวกเขาไม่คาดคิดว่าผลลัพธ์จะเป็เช่นนี้ เซียวเลี่ยงที่อยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 7 ปะทะกับเย่เฟิงเป็ครั้งแรก แต่กลับถูกทำร้ายจนกระดูกแตกหัก เห็นชัดว่าพลังห่างชั้นกันมาก อาจกล่าวได้ว่าอยู่คนละชั้นกันเลย ดังนั้นสถานการณ์จึงเอนเอียงไปทางเดียว
“สวบ!”
เย่เฟิงไม่คิดให้โอกาสใด ๆ กับเซียวเลี่ยง เขาเดินออกมาก่อนจะไปปรากฏตัวที่เบื้องหน้าของเซียวเลี่ยงพร้อมกับคว้าจับลำคอในพริบตา
เซียวเลี่ยงหน้าขาวซีด ในที่สุดเขาก็รู้สึกว่าตัวหดเล็กลงเมื่ออยู่ต่อหน้าเย่เฟิง เขาไร้พลังต่อต้าน ซึ่งเย่เฟิงออกแรงที่มือมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเซียวเลี่ยงหน้าแดงก่ำ
“ลำพังเ้า คู่ควรเป็คู่ต่อสู้ของข้าด้วยหรือ?”
ฝ่ามือของเย่เฟิงบีบคอเซียวเลี่ยงแน่นจนมิอาจดิ้นรนไปไหนได้ ตราบใดที่เย่เฟิงยินดี เขาก็สามารถบีบคอเซียวเลี่ยงจนคอหักได้ง่าย ๆ
“ปล่อยเขานะ!”
หนานกงเจียวเห็นฉากนี้ก็อยู่นิ่งเฉยไม่ได้ ก่อนจะะโบอกเย่เฟิงเช่นนั้นด้วยโทสะ นั่นคือบุตรชายของนาง นางสูญเสียบุตรชายไปแล้วหนึ่งคน และไม่อยากเ็ปเช่นนั้นอีก
“เ้านับเป็สิ่งใด? มีสิทธิ์อะไรมาพูดจาเช่นนี้กับข้า?”
เย่เฟิงหันไปมองหนานกงเจียวด้วยสายตาเ็า “ตอนนั้นถ้าเซียวเจี๋ยไม่พยายามลงมือฆ่าข้า เขาจะตายได้อย่างไร? ที่เซียวเจี๋ยตายก็เพราะเขาหาเื่ใส่ตัวเอง แต่ตอนนี้พวกเ้าตระกูลเซียวก็ยังคงคิดฆ่าข้าเช่นเดิม เ้าว่าข้าควรปล่อยเขางั้นหรือ?”
น้ำเสียงของเย่เฟิงเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม ทุกคนที่เขาฆ่าล้วนเป็คนที่อยากฆ่าเขา เย่เฟิงนั้นไม่เคยฆ่าคนบริสุทธิ์ตามอำเภอใจ แต่ก็ทนไม่ได้ที่จะไว้ชีวิตคนที่้าฆ่าเขา
“งั้นเ้า้าอะไร?”
หนานกงเจียวเผยสีหน้าดูไม่ได้ แม้แต่เซียวจิ้นผู้เป็สามีของนางยังถูกเย่เฟิงทำลายตบะ ดังนั้นนางรู้ว่าเย่เฟิงกล้าทำทุกอย่างรวมถึงฆ่าเซียวเลี่ยง
“หากตระกูลหนานกงยอมปล่อยตัวหนานกงอวี่ออกจากคุก ข้าจะไว้ชีวิตสวะนี่สักครั้ง!” เย่เฟิงเสนอเงื่อนไขของตน เขาต้องช่วยหนานกงอวี่ออกมาให้ได้
“เ้าข่มขู่ตระกูลหนานกงข้างั้นหรือ?” หนานกงเฉินกล่าวเสียงเย็น และไม่คิดเห็นด้วยกับเงื่อนไขของเย่เฟิง
“แล้วเ้ามีสิทธิ์ข่มขู่ข้าด้วยหรือ?”
เย่เฟิงกล่าวกับหนานกงเฉิน “ขอถามอะไรอย่าง หากข้า้าเข้าคุกใต้ดินแล้วพาตัวหนานกงอวี่ออกมา พวกเ้าจะมีใครหยุดข้าหรือไม่?”
น้ำเสียงของเย่เฟิงยโสโอหัง แต่เปี่ยมด้วยความมั่นใจอันแรงกล้า ทำให้คนตระกูลหนานกงต่างมองเย่เฟิงด้วยความใ แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์อย่างเซียวเลี่ยงก็ยังเป็ได้แค่มดแมลงเมื่ออยู่ต่อหน้าเย่เฟิง แล้วจะมีใครในตระกูลหนานกงหยุดยั้งเย่เฟิงได้ อาจกล่าวได้ว่าเย่เฟิงในตอนนี้สามารถทำลายตระกูลหนานกงได้ด้วยตัวคนเดียว เมื่อผู้คนจำนวนไม่น้อยฉุกคิดได้เช่นนี้ต่างก็ใเป็อย่างมาก
“เ้า...”
ถ้อยคำของเย่เฟิงเฉียบคมจนทำให้หนานกงเฉินถึงกับไร้ซึ่งคำพูดใด ๆ
“ถ้าเ้าไม่ปล่อยลูกข้า ตระกูลเซียวจะทำให้เ้าต้องตายทั้งเป็!” หนานกงเจียวกล่าวด้วยดวงตาอาฆาตแค้น ในความคิดของนาง ตระกูลเซียวเป็ตระกูลใหญ่ พวกเขากำจัดเย่เฟิงคนเดียวได้แน่นอน
“ขืนเ้าพล่ามไร้สาระอีก ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะทำให้ตระกูลเซียวหายไปจากอาณาจักรจ้าว!” เย่เฟิงตอบกลับไปเช่นนั้น
“หมอนี่...”
ผู้คนได้ยินเช่นนั้นต่างก็อึ้งงัน ทำให้ตระกูลเซียวหายไปจากอาณาจักรจ้าวอย่างนั้นหรือ เขาคิดว่าตัวเองเป็ใครกัน?
ตระกูลเซียวเป็ตระกูลใหญ่ที่ทรงอิทธิพลเป็อย่างมาก เช่นนั้นชายหนุ่มคนหนึ่งบอกจะทำลายก็ทำลายได้อย่างนั้นหรือ?
“เห็นแก่ข้า เ้าจะไว้ชีวิตเขาสักครั้งได้หรือไม่?”
