อวี้จิ่นรู้สึกนับถือตนเองอยู่ในใจยามต้องเผชิญกับสีหน้าดำทะมึนเป็ก้นหม้อของท่านแม่ทัพนางก็ยังสามารถตอบเขาได้อย่างมีลำดับขั้นตอน
ยิ่งหั่วอี้ฟังแววตาของเขาก็ยิ่งหม่นลง ที่สุดก็มืดสนิทเขาสะบัดมือบอกให้อวี้จิ่นไปได้แล้ว
“องค์หญิง ข้าคงช่วยท่านเล่นละครได้เพียงเท่านี้จากนี้ไปก็ต้องขึ้นอยู่กับท่านแล้ว”
อวี้จิ่นคิดว่าผลงานเมื่อครู่ของตนน่าจะพอเรียกได้ว่าแเีอยู่กระมัง
หั่วอี้อยากออกไปแต่กลับก้าวขาไม่ออกอย่างไรก็รู้สึกว่าที่นี่ยังมีเื่ที่ไม่ได้สะสางเขาจ้องเขม็งที่ห้องนอนของหลิ่วจิ้ง แววตาเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่างสลับไปมา
หลิ่วจิ้งบอกว่าอ่อนเพลีย แต่หลังจากหั่วอี้ออกไปแล้วนางก็รีบลืมตาลุกขึ้นมานั่งพิงที่หัวเตียง ดวงตาใสแจ๋วจับจ้องไปข้างนอกประตู
ประตูห้องปิดแล้ว เหมือนประตูใจของนางที่ปิดลงเช่นกันคนในห้องกับคนนอกห้องทั้งสองคนล้วนไม่รู้ว่าเพียงระยะกำแพงกั้นนั้นพวกเขากำลังประสานสายตากัน แค่ไม่มีใครมองเห็นอีกฝ่ายเท่านั้น
แดดยามเที่ยงตรงร้อนแรงแต่ไม่ได้เผาไหม้ลมอ่อนเย็นสบายพัดไอร้อนในอากาศสลายไป หอบเอาความอบอุ่นโชยมา
ลมอุ่นให้ไออุ่นแก่สรรพสิ่ง แต่กลับมิอาจทำใจคนอบอุ่นได้
หลิ่วจิ้งไม่รู้ว่านอนหลับไปยามใด
สายลมอ่อนแสนอบอุ่นโชยผ่านใบหน้าของหลิ่วจิ้งกิ่งก้านต้นหลิวถูกลมพัดจนโน้มลงมาอย่างซุกซนเย้าหยอกผิวน้ำในทะเลสาบใสจนเป็วงกระเพื่อมวงแล้ววงเล่า
ค้างปลูกดอกไม้รูปวงรีข้างรั้วตลิ่งชมทิวทัศน์มีดอกกุหลาบป่าหลากสีเกาะอยู่เต็มไปหมดข้างค้างปลูกดอกไม้มีเก้าอี้เอนหลังสีเหลืองซีดตัวหนึ่งจัดวางอยู่
หลิ่วจิ้งนั่งเอนตัวลงบนเก้าอี้ชายคนหนึ่งเอาสองมือวางที่พนักวางมือทั้งสองข้างพลางก้มหน้าลงมองนาง
แววตาของชายผู้นี้เปี่ยมไปด้วยความรักลึกซึ้งและความปรารถนาหลิ่วจิ้งมองเห็นใบหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอายของตนเองอยู่ในดวงตาของชายผู้นั้น
ชายหนุ่มผู้มีรักลึกซึ้งจดจ้องนางคล้ายมีคำพูดนับพันนับหมื่นอยากเอ่ยให้นางฟัง เอ่ยสัญญาของเขา เอ่ยความรักของเขาแต่คำพูดเป็พันเป็หมื่นคำก็มิอาจทัดเทียมความอ่อนโยนในแววตายามสบตากัน
ชายหนุ่มจ้องนางไม่วางตา เขาโน้มตัวลงมาช้าๆหัวใจหลิ่วจิ้งเต้นแรงจนนางได้ยินเสียงใจตนเองเต้นตึกตัก นางทนสายตาแห่งรักลึกซึ้งของชายหนุ่มไม่ได้จึงค่อยๆ หลับตาของนางลง
ัันวลนุ่มอบอุ่นจุมพิตลงบนหน้าผากนาง ทันใดนั้นนางก็สะท้านไปทั้งตัวนางกำลังดำดิ่งอยู่ในความรักแสนอบอุ่น จู่ๆ ก็มีเสียงแผดร้องน่าตื่นตระหนกเช่นสายฟ้าฟาดดังเข้ามาที่หู“ตามคนมา จับทุกคนในจวนหลิ่วไปปะาที่ลานปะา!”
หลิ่วจิ้งตื่นใ ในใจรู้สึกเ็ปจนต้องเอาสองมือทาบอกไว้โดยไม่รู้ตัวและทำให้นางต้องสะดุ้งลืมตาตื่น
นางรีบกวาดตามองไปรอบทิศเห็นดอกบัวหลวงมัดใหญ่ที่อิ๋งเหอเก็บมาเมื่อวานและยังคงบานสะพรั่งจัดวางอยู่บนโต๊ะกลมและตั่งยาวที่จัดเอาไว้ให้นางชมทิวทัศน์ริมหน้าต่าง
ที่แท้ก็ฝันไปหรอกหรือ หลิ่วจิ้งยิ้มเจื่อนเยาะตนเองน้ำตาพรั่งพรูออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ท่านพ่อ ท่านแม่…”
“ขออภัย ลูกขออภัย ท่านพ่อ ท่านแม่ลูกไม่ควรนึกถึงความรักละมุนที่เคยมีให้คนผู้นั้น ลูกอกตัญญู” หลิ่วจิ้งพึมพำพลางมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่างด้วยแววตาล่องลอยไร้สติ
หลิ่วจิ้งนั่งพิงอยู่ที่หัวเตียงอย่างเหม่อลอยอยู่เช่นนั้นเวลาค่อยๆ ล่วงเลยผ่านไปทีละน้อยนับั้แ่ดวงตะวันลอยสูงยามนางตื่นขึ้นจนตะวันตกดิน รัตติกาลจวนมาเยือน
สาวใช้ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องเปลี่ยนจากอวี้จิ่นเป็อิ๋งเหอ และเปลี่ยนจากอิ๋งเหอมาเป็อวี้จิ่นอีกหนแล้ว
จนเมื่อพวกนางทั้งสองคนเปลี่ยนเวรกันอีกครั้งทั้งอวี้จิ่นและอิ๋งเหอก็รู้สึกร้อนใจขึ้นมา พวกนางสองคนสบตากันหลายครั้ง“ฮูหยินจะเป็อะไรหรือไม่” อิ๋งเหอเอ่ยอย่างร้อนใจเมื่อเห็นว่าพวกบ่าวทยอยจุดตะเกียงน้ำมันในจวนแม่ทัพแล้ว
“พวกเราเข้าไปดูสักหน่อยเถิด” อวี้จิ่นนำหน้าแง้มประตูเป็ช่องเล็กๆ อย่างเบาไม้เบามือ ยื่นหัวเข้าไปดูที่ช่องระหว่างประตู
นางเห็นหลิ่วจิ้งกำลังนั่งชันเข่าและซบหน้าลงที่หัวเข่าใจนางเต้นตึกๆ ขึ้นมาทันที สัญชาตญาณบอกว่าหลิ่วจิ้งอยู่ในอาการไม่ปกติ
“ฮูหยิน ท่านตื่นแล้วหรือเ้าคะ” อวี้จิ่นผลักประตูห้องถลาเข้าไปข้างเตียง
เมื่อเห็นว่าอวี้จิ่นพุ่งตัวเข้าไปในห้อง อิ๋งเหอจึงตามเข้าไปด้วยตอนที่พวกนางทั้งสองคนมาถึงข้างเตียงก็เห็นว่าหลิ่วจิ้งกำลังร้องไห้ ไม่รู้ว่าร้องมานานเท่าใดแล้วสองตาจึงบวมไปหมดเช่นนี้
“ฮูหยิน ท่านเป็อะไรเ้าคะ”อวี้จิ่นและอิ๋งเหอสองคนถามเป็เสียงเดียวกัน
“ไม่เป็ไร แค่ฝันร้าย ข้าเห็นว่าฟ้ามืดแล้ว นอนหลับไปครานี้นานนักข้าหิวแล้ว พวกเ้าคนหนึ่งออกไปเอาอาหารเย็นเข้ามา อีกคนช่วยข้าล้างหน้าล้างตาเถิด”
หลิ่วจิ้งพูดพลางลุกขึ้นลงจากเตียง จะเดินมานั่งที่ตั่งยาวไม่รู้เพราะเหตุใดตั่งยาวตัวนี้ก็คุ้นตานัก
จนนางนึกถึงภาพฝัน จึงรู้ว่าเหตุใดนางถึงรู้สึกว่าตั่งยาวนี้คุ้นตาตั่งยาวตัวนี้มีรูปร่างคล้ายกับเก้าอี้เอนหลังที่อยู่ริมทะเลสาบในฝันนางนั่นเอง
หลิ่วจิ้งหลับตาปี๋ บอกกับตนเองหนแล้วหนเล่าว่านั่นเป็ฝันร้ายที่สุดในชีวิตของนาง
“เอาตั่งยาวตัวนี้ออกไป เอาไปไว้ในที่ที่ข้ามองไม่เห็นเผาเสียได้ยิ่งดี” หลิ่วจิ้งออกคำสั่งเย็นเฉียบ
“เ้าค่ะ ฮูหยิน”อิ๋งเหอที่อยู่คอยรับใช้ในห้องมองหลิ่วจิ้งอย่างไม่เข้าใจ แม้ปากจะตอบรับแต่ในใจกลับกำลังคาดเดาความคิดของหลิ่วจิ้งอยู่
“ฮูหยินเ้าคะ ตั่งยาวตัวนี้?” อิ๋งเหอที่เดาไม่ออกอดถามขึ้นมาไม่ได้
“เห็นแล้วขัดตา เอาไปทิ้งเสีย” หลิ่วจิ้งพูดไปคำหนึ่งและไม่พูดมากอีก
“เ้าค่ะฮูหยิน บ่าวจะไปจัดการเดี๋ยวนี้” อิ๋งเหอเอ่ยอวี้จิ่นกลับมาจากห้องครัวได้ยินคำสุดท้ายพอดี
“จัดการสิ่งใด?” อวี้จิ่นถามอย่างสงสัย
อิ๋งเหอส่งสายตาบอกให้อวี้จิ่นตามนางออกไป
อวี้จิ่นเห็นสีหน้าหนักอึ้งของหลิ่วจิ้งจึงตามอิ๋งเหอออกไปโดยไม่พูดอะไรอีก
“อวี้จิ่น ฮูหยินต้องมีเื่ในใจเมื่อครู่ฮูหยินเพิ่งสั่งให้ข้าหาคนเอาตั่งยาวในห้องไปทิ้งเสีย อย่าให้นางเห็นอีก”
อิ๋งเหอดึงมืออวี้จิ่นให้เดินออกไปจนแน่ใจว่าหลิ่วจิ้งที่อยู่ในห้องไม่ได้ยินแล้วจึงบอกให้อวี้จิ่นฟัง
อวี้จิ่นหันกลับมามองในทิศที่หลิ่วจิ้งอยู่
“ไปกัน ทำตามที่ฮูหยินสั่งบางเื่ที่ฮูหยินอยากให้พวกเรารู้ย่อมบอกให้พวกเราฟังเอง หากฮูหยินไม่พูดพวกเราก็อย่าไปถามเลย” อวี้จิ่นรู้ว่าต่อให้ความสัมพันธ์ระหว่างบ่าวและนายจะดีเพียงใดแต่ก็ยังมีเส้นกั้นที่พวกนางไม่ควรก้าวข้ามไป
หลิ่วจิ้งนั่งเงียบๆอยู่ข้างหน้าต่างมองอิ๋งเหอตามคนมาย้ายตั่งยาวออกไป จากนั้นอวี้จิ่นก็เอาอาหารมาจัดวางเรียบร้อย
“พวกเ้าสองคนเล่ามาซิว่าใน่ที่ข้านอนหลับ เกิดเื่ใดขึ้นในจวนบ้างหรือไม่?”
เื่เช้าวันนี้จะบอกว่าใหญ่ก็ใหญ่ จะบอกว่าเล็กก็เล็กนางสนใจอย่างยิ่งว่าตอนนี้ฮูหยินในแต่ละเรือนเป็อย่างไรบ้าง
“ฮูหยินเ้าคะฮูหยิน บ่าวได้ยินมาข่าวหนึ่งเ้าค่ะ”อิ๋งเหอได้ยินหลิ่วจิ้งถามก็รีบตอบไปอย่างหน้าชื่นตาบาน“ฮูหยินรองถูกท่านแม่ทัพกักบริเวณเ้าค่ะ”
“อ้อ แล้วยังได้ยินเื่ใดมาอีกอาหนูถูกท่านแม่ทัพกักบริเวณด้วยเื่ใด?”
ข่าวจากอิ๋งเหอทำให้หลิ่วจิ้งเกิดความสนใจจริงๆนับเป็ข่าวที่ไม่ธรรมดาเลย
“เื่นี้บ่าวก็ไม่ทราบเ้าค่ะเพียงแต่ได้ยินว่าอาหนูบังเอิญมาพบท่านแม่ทัพแล้วภายหลังก็ถูกท่านแม่ทัพกักบริเวณเ้าค่ะ” อิ๋งเหอส่ายหน้านางเองก็ไม่รู้รายละเอียดที่ชัดเจนเช่นกัน
“แล้วเ้าล่ะ ได้ยินเื่ใดมาบ้างหรือไม่?” หลิ่วจิ้งหันไปถามอวี้จิ่น อวี้จิ่นเป็คนสุขุมเมื่อพบเื่ผิดปกติก็จะต้องพยายามขุดคุ้ยเื้ัให้ลึกกว่านี้ ผิดกับอิ๋งเหอที่ไม่ละเอียดอ่อนเท่าใด
“เรียนฮูหยิน เื่ของฮูหยินรองบ่าวก็ยังหาข่าวที่มากกว่านี้ไม่ได้ บ่าวจะคอยสังเกตต่อไปเ้าค่ะ”อวี้จิ่นก็บอกว่านางไม่มีข่าวอื่นนอกจากนี้
_____________________________
