หัวหน้าอันธพาลในหมู่บ้านร้องไห้คร่ำครวญ “ข้าไม่อยากเป็ขยะไร้ค่า!” เขาก้มหน้าเช็ดน้ำตากับหัวไหล่ ก่อนก้าวไปข้างหน้าสองก้าวอย่างแน่วแน่ จากนั้นกัดฟันคุกเข่าลงตรงหน้าเก้าอี้เข็นของอินเหิง “ขอเพียงแขนของข้าหายดี ต่อไปนี้เ้าจะเป็พี่ใหญ่ของข้า!”
สายลมกระโชกแรงพาให้กอไผ่ที่อยู่ไม่ไกลส่งเสียงกรอบแกรบ
อินเหิงนั่งอยู่บนเก้าอี้เข็น สีหน้าท่าทางเฉยเมย ชายเสื้อปลิวเบาๆ ไปตามลม
เขาเลิกคิ้วนิดๆ ก่อนกล่าว “เ้าคุกเข่าให้ผิดคนหรือไม่?”
หัวหน้าอันธพาลตอบสนองอย่างรวดเร็ว หันไปคุกเข่าต่อหน้าเมิ่งอู่ทันควันพร้อมกับหลั่งน้ำตา “หัวหน้าใหญ่!”
เมิ่งอู่ “...”
หัวหน้าอันธพาลเหลียวมองบรรดาลูกน้องของตน จากนั้นก็ตวาดลั่น “ตะลึงอันใดอยู่ มาทั้งหมด เรียกหัวหน้าใหญ่สิ!”
“สวัสดีหัวหน้าใหญ่!”
พวกอันธพาลในหมู่บ้านมักตัดสินกันที่ความแข็งแกร่งมาโดยตลอด ผู้ใดแข็งแกร่งกว่าก็เป็พี่ใหญ่ และจะได้รับความเคารพเชื่อฟังจากผู้อื่น
เมิ่งอู่เป็สตรี แต่ความแข็งแกร่งของนางเหนือกว่าพวกเขามากโข แม้ว่าการยอมสยบเชื่อฟังนางจะน่าขายหน้าอยู่บ้าง แต่ก็ถือสมควรแล้ว ประเด็นสำคัญก็คือยามนี้มีเพียงนางเท่านั้นที่สามารถรักษาแขนของหัวหน้าอันธพาลได้
นางเซี่ยสะดุ้งใกับเหตุการณ์พลิกผันนี้ รีบเอ่ย “อาอู่ เ้าอย่าได้ร่วมมือกับพวกเขาเด็ดขาด”
อันธพาลคนหนึ่งจ้องนางเซี่ยอย่างดุร้ายโดยพลัน “นางตัวเหม็น! นี่มีสิทธิ์พูดรึ!”
ไม่รอให้เมิ่งอู่เอ่ยวาจา หัวหน้าอันธพาลก็สะบัดมือตบหน้าลูกน้องคนนั้นอีกรอบอย่างแรง “ไอ้บ้าเอ๊ย นั่นท่านแม่ของหัวหน้าใหญ่! รีบขอโทษเร็ว!”
“ขออภัย! ท่านแม่ของหัวหน้าใหญ่!”
ครั้งนี้นางเซี่ยตกตะลึงพรึงเพริดแล้ว
เมิ่งอู่ลูบคางขณะใคร่ครวญว่า คนพวกนี้มักก่อกรรมทำเข็ญ โดยชาวบ้านต้องตกเป็เหยื่อบ่อยครั้ง แต่หากชี้แนะสั่งสอน ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจเปลี่ยนแปลงอดีตของตนและทำเื่ดีๆ บางอย่างก็เป็ได้
ดังนั้นเมิ่งอู่จึงกล่าวกับหัวหน้าอันธพาล “ไม่ใช่ว่าช่วยต่อกระดูกให้เ้าไม่ได้ แต่เ้าต้องรับปากก่อนว่า ต่อไปจะไม่ทำเื่ชั่วร้าย หากข้าจับได้แม้แต่ครั้งเดียว ข้าจะหักแขนเ้าอีกครั้ง และจะไม่รักษาให้หายอีก คนอื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน”
“แบบนั้นชีวิตก็พลาดเื่สนุกมากมายน่ะสิ!”
เมิ่งอู่ยิ้มกล่าว “เ้าอยากพลาดเื่สนุกในชีวิต หรืออยากเสียแขน?”
หัวหน้าอันธพาลกล่าวอย่างยากลำบาก “เอาเถิดๆ ข้าขอแขนไว้ก่อน!”
เมิ่งอู่เดินไปหยุดตรงหน้าหัวหน้าอันธพาล แล้วบิดแขนเขาอย่างแรงสองครั้งจนกระดูกเคลื่อนกลับเข้าที่
แม้จะกลับมาเ็ปแสนสาหัส แต่หัวหน้าอันธพาลก็มิอาจทุบตีนางเช่นเดียวกับที่ทุบตีหมอหยาง ต่อให้มอบความกล้าให้เขา เขาก็มิกล้า ทำได้แค่กอดแขนตนเองไว้ แล้วกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นด้วยความเ็ป
หลังกลิ้งไปมาหลายรอบ หัวหน้าอันธพาลก็ลุกขึ้นนั่งบนพื้น เมื่อขยับไหล่ ก็พบว่าแม้ข้อต่อกระดูกจะยังปวดแปลบๆ แต่ความเ็ปนั้นไม่รุนแรงเท่าเมื่อก่อน ทั้งยังขยับสองแขนได้ด้วย จึงอดเอ่ยด้วยความประหลาดใจไม่ได้ “ดูเหมือนจะดีขึ้น?!”
เมื่อเป็เช่นนี้ ความฮึกเหิมทะเยอทะยานในฐานะหัวหน้าอันธพาลก็พลุ่งพล่านอีกครั้ง เปลี่ยนจากความทุกข์โศกเป็ความยินดีปรีดา เขากล่าวกับเมิ่งอู่ “วันนี้เ้าช่วยข้าไว้ก็เท่ากับเป็ศัตรูกับคนทั้งหมู่บ้าน ต่อไปนี้มาอยู่กับพวกข้าเถิด!”
เมิ่งอู่แย้มยิ้มก่อนกล่าว “ไม่สำคัญ ข้าสามารถรักษาเ้าได้ ก็สามารถทำลายเ้าได้เช่นกัน อย่าคิดว่าคำพูดของข้าเป็แค่ลมผ่านหูเป็พอ”
สุดท้ายหัวหน้าอันธพาลก็พาลูกน้องจากไปอย่างอับอาย ต่อไปพวกเขาจะกล้ามาสร้างปัญหาที่เรือนนี้อีกได้อย่างไร หากจะก่อกรรมทำเข็ญ ก็คงไม่ทำในหมู่บ้านนี้ให้เมิ่งอู่เห็น มิเช่นนั้นยังอยากจะรักษาแขนไว้หรือไม่?
ทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกันว่า นางเมิ่งอู่ผู้นี้มิใช่ผู้ที่จะยุ่งด้วยง่ายๆ จริงๆ ยิ่งบุรุษที่นั่งเก้าอี้เข็นอยู่ในเรือนของนางยิ่งมิใช่ตะเกียงที่ประหยัดน้ำมัน [1] !
ชั่วพริบตาเรือนหลังใหม่ของเมิ่งอู่ก็เสร็จสมบูรณ์ ทันทีที่เปิดประตูเรือนออก ด้านหน้าเป็ห้องสามห้อง และทั้งสองฝั่งมีห้องข้างข้างละสองห้อง ฝั่งหนึ่งเป็ห้องครัวและรับประทานอาหาร อีกฝั่งหนึ่งใช้เก็บข้าวของ
โดยรวมคือกว้างขวางกว่าเดิมไม่รู้เท่าไร
เมิ่งอู่ อินเหิง และนางเซี่ยไม่ต้องเบียดเสียดกันอยู่ในห้องเดียวอีกต่อไป ต่างคนต่างมีห้องเป็ของตนเอง
เพียงแต่มีห้องแล้ว แต่ยังไม่มีเครื่องเรือน นอกจากเตียงที่เมิ่งอู่กับนางเซี่ยเคยใช้นอนแล้ว ก็ไม่มีเตียงอื่นอีก
ในเมื่อไม่มีวิธี ห้องของเมิ่งอู่จึงต้องใช้แผ่นไม้กระดานแทนไปก่อนชั่วคราว อย่างไร่นี้อากาศก็ค่อยๆ ร้อนขึ้น ยามราตรีคงไม่หนาว
ผ่านไปสองวันกลุ่มอันธพาลก็มาเยือนที่เรือนของเมิ่งอู่อีกครา
พวกเขามิกล้ามาก่อเื่อีกแล้ว ครานี้พวกเขามาเชิญเมิ่งอู่กับอินเหิงเข้าร่วมกลุ่มอย่างกระตือรือร้น จึงนำสุรามาด้วยหมายจะสาบานตนเป็พันธมิตรกัน
หัวหน้าอันธพาลวิเคราะห์โอกาสและอนาคตของอาชีพอันธพาลในหมู่บ้านอย่างกระตือรือร้น เมิ่งอู่ฟังไปฟังมาพูดตรงๆ ก็คือหากนางกับอินเหิงเข้าร่วมกลุ่ม ต่อไปพวกเขาก็จะกำเริบเสิบสานไปทั่วสิบหลี่แปดหมู่บ้าน แม้จะทำเื่ชั่วร้ายสารพัดและไร้จิตสำนึก ก็ไม่มีผู้ใดต่อกรกับพวกเขาได้
เมิ่งอู่ “ไสหัวไป”
เหล่าอันธพาลจึงกลับไปมือเปล่า พวกเขาเดินเตร่ไปทั่วหมู่บ้านโดยไม่รู้จะทำอันใด
บังเอิญหมอหยางเดินผ่านไปใกล้ๆ พอดี และโชคร้ายที่เจอกับอันธพาลกลุ่มนี้ เพิ่งจะซ่อนตัวก็ถูกจับได้ พวกอันธพาลที่กำลังหดหู่เพราะถูกปฏิเสธ จึงรุมทุบตีหมอหยางอีกครั้งพร้อมบริภาษ “หมอเถื่อน! ไอ้คนโกหก! แม้แต่แขนข้าก็ยังรักษาไม่ได้ด้วยซ้ำ ยังกล้าออกมาหลอกลวงผู้อื่นอีกหรือ!”
“ได้ยินมาว่าเขาขายยาปลอม! ช่างเป็คนชั่วช้าจริงๆ!”
“ให้เขาไปกินอาจม!”
“หัวหน้า แบบนี้ถือว่าพวกเราลงโทษคนชั่วและทำเื่ดีหรือไม่?”
“แน่นอน!”
“กระทืบเขา!”
เมิ่งอู่เก็บเครื่องมือเพื่อเตรียมตัวขึ้นูเาไปเก็บรวบรวมสมุนไพรอีกครั้ง
อินเหิงทำคันธนูให้นางใหม่
คันธนูนั้นทำจากไม้และใช้เอ็นเป็สายธนู ตราบใดที่เหนี่ยวสายธนู พลังทำลายล้างจะรุนแรงกว่าคันธนูไม้ไผ่ที่ใช้ก่อนหน้านี้อักโข
ยามที่เมิ่งอู่ขึ้นเขา กลุ่มอันธพาลแอบติดตามนางไปอย่างลับๆ
พวกเขานี่ช่างยืนหยัดจริงๆ บางทีอาจอยากรู้ว่าเหตุไฉนเมิ่งอู่ถึงเก่งกาจเช่นนี้ จึงลอบติดตามนางไป บางคนถึงกับคิดเพ้อฝันไปไกลว่า เมิ่งอู่คงเข้าไปในป่าาบนูเาลึกเพื่อฝึกฝนวิทยายุทธ์จากคัมภีร์ลับ
เมิ่งอู่เดินไปเรื่อยๆ โดยไม่หันกลับไปมอง ทันใดนั้นก็เอ่ยว่า “มีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ชาวบ้านมิกล้าเข้าป่าลึก เพราะที่นี่มีงูพิษกับสัตว์ร้ายอยู่จริงๆ”
เหล่าอันธพาลที่ซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ต่างมองหน้ากัน “นางเห็นพวกเราแล้วหรือ?”
ในเมื่อเป็เช่นนี้ทุกคนจึงเลิกหลบซ่อน เปลี่ยนมาเดินตามนางอย่างเปิดเผย คอยดูว่ามีอันใดไม่ชอบมาพากล
จากนั้นก็มีคนะโหย็องแหย็งพลางะโว่า “งู! มีงู! เป็ลายดอกด้วย!”
ทุกคนต่างะโหย็องแหย็ง “บัดซบ! งูอยู่ที่ใด? ข้ากลัวสิ่งนั้นที่สุด อ๊ากๆๆ ข้าจะกลับไปหาท่านแม่!”
งูลายดอกเลื้อยคดเคี้ยวไปมาผ่านไปบนพื้น
เมิ่งอู่กลอกตา สาวเท้าขึ้นหน้าไม่กี่ก้าว ในขณะที่ทุกคนตะลึงลาน นางก็เอื้อมมือไปจับงูไว้ แล้วบีบตรงจุดตายเจ็ดชุ่นของมัน งูพันอยู่บนแขนนางไม่นานก็คลายออก
นางโยนงูที่ตายแล้วใส่ตะกร้า จากนั้นก็เดินหน้าต่อไป
พวกอันธพาลอดถอนหายใจไม่ได้ “หัวหน้าใหญ่ ท่านสุดยอดมาก...”
เพราะมีคนจำนวนมาก ทำให้เกิดเสียงอึกทึกในป่า สัตว์เล็กสัตว์น้อยจำนวนมากต่างพากันหลบหนีเร็วรี่
เป้าหมายหลักของเมิ่งอู่คือการเก็บสมุนไพร นางถือไม้เท้าเดินไปข้างหน้าไปพลาง มองหาสมุนไพรไปพลาง
ครั้งนี้นางไม่พบโสม แต่กลับพบตู้จ้ง [2] กล้วยไม้หวาย [3] และวัสดุยาอื่นๆ นานาชนิดซึ่งล้วนนำไปขายที่ร้านขายยาได้
ครานี้โชคของเมิ่งอู่ไม่เลวนัก พอกำลังจะกลับเรือน นางบังเอิญพบเห็ดหลินจือต้นหนึ่ง
ระหว่างทางกลับเรือน เมิ่งอู่ยังล่าสัตว์ด้วย คันธนูและลูกธนูของนางได้รับการออกแบบเป็พิเศษ จัดการกับสัตว์ป่าทั้งรวดเร็วทั้งแม่นยำ
ยามกลับถึงเรือนก็เย็นแล้ว ปกตินางจะไม่นำเหยื่อกลับมาคนเดียวเยอะนัก แต่กลุ่มอันธพาลจ้องเหยื่อในมือนางแล้วกลืนน้ำลาย คงวางแผนจะขออาหารกินในเรือนของนางสักหลายคำ
สุดท้ายเมิ่งอู่จึงจับงูใส่ตะกร้าบนหลังของนางเพิ่มอีกหลายตัว ส่วนพวกอันธพาลก็อุ้มกระต่ายกลับไปหลายตัว
เพียงแต่ตอนกลับ ชาวบ้านเห็นนางอยู่กับคนเลวพวกนี้ก็อดประหลาดใจไม่ได้
เมื่อเข้ามาในเรือน พวกอันธพาลก็ดูแลตนเอง หามุมหนึ่งในลานเรือนแล้วนั่งลง
เมิ่งอู่ผ่างู เลาะถุงน้ำดีออกก่อนส่งให้นางเซี่ยช่วยนึ่ง เพื่อเตรียมนำไปปรุงยาให้อินเหิง จากนั้นค่อยถลกหนังงูออกให้เรียบร้อย แล้วนำไปใส่หม้อต้มน้ำแกง
จากนั้นก็ทำความสะอาดเนื้อกระต่ายแล้วย่างบนไฟ
แม่ไก่ป่าในลานเรือนส่งเสียงร้องกุ๊กๆๆ ดังลั่น เมิ่งอู่มองตามเสียงก็เห็นอันธพาลคนหนึ่งกำลังจับมันไว้ ก่อนกล่าวอย่างตะกละตะกลาม “หัวหน้าใหญ่ ไยเ้าไม่เคี่ยวนี่ด้วย?”
เมิ่งอู่ที่กำลังถือมีดทำครัวฟันมีดลงบนเขียงก่อนกล่าว “ไยถึงไม่เคี่ยวเ้าไปด้วยเล่า?”
……….
[1] หมายถึง คนที่ไม่ธรรมดา ฉลาด มีความสามารถ หรือคนที่ยากจะจัดการ
[2] ต้นยางจีน เป็ไม้ต้น เปลือกมียางขาว ใบเป็ใบเดี่ยว เรียงเวียน รูปรี หรือรูปไข่ ปลายเรียวแหลม ขอบจักฟันเลื่อย เปลือกของต้นใช้เป็ยาจีน
[3] หรือเอื้องเค้ากิ่ว