แม้ซ่งอวี้จะทำธุรกิจสมุนไพรแปรรูปกับร้านยาถงอันมาโดยตลอด แต่บางครั้งเมื่อมีเวลานางก็จะขึ้นไปเก็บสมุนไพรบนหุบเขา
สุขภาพร่างกายของโจวจื้อหย่วนต่างจากคนอื่น เขามีปัญหาที่พื้นฐานของร่างกายไม่อาจฝืนใช้ยาเ่าั้ได้ แม้แต่ในร้านยาถงอันก็ไม่มีสมุนไพรทั้งหมดที่้า ดังนั้นเมื่อจำเป็ต้องใช้นางจึงทำได้เพียงขึ้นไปเก็บบนหุบเขาลึกด้วยตัวเอง
อาฝูเห็นซ่งอวี้ให้ความสำคัญกับสุขภาพของโจวจื้อหย่วน นางรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก ทำงานด้วยความขยันขันแข็งยิ่งกว่าเดิม หวังเพียงว่าจะได้ตอบแทนเล็กๆ น้อยๆ
วันนี้ซ่งอวี้ขึ้นเขาอีกครั้ง อาฝูรีบเตรียมอาหารให้ซ่งอวี้พกไปกินบนเขา ทั้งยังกำชับเสี่ยวหมานก่อนออกไปว่าต้องปกป้องซ่งอวี้ให้ดี
โชคดีที่ในหมู่บ้านเสี่ยวหนิวมีเพียงซ่งอวี้เท่านั้นที่มีสาวใช้สองคน คนในหมู่บ้านไม่รู้ว่าเ้านายในตระกูลใหญ่เ่าั้เป็เช่นไรจึงไม่ได้พูดจาเหลวไหล
"พี่อาฝูวางใจให้ข้าดูแลคุณหนูเถอะเ้าค่ะ ข้าจะปกป้องคุณหนูอย่างดี!” เสี่ยวหมานให้คำสัญญากับอาฝู คล้ายกำลังรับคำสั่งบางอย่างจากเทพเซียนอย่างไรอย่างนั้น
ซ่งอวี้อดไม่ได้ที่จะเม้มปาก มองดูสีหน้าของเสี่ยวหมานที่ไม่เคร่งเครียดแม้แต่น้อย จิตใจของนางคล้ายถูกแสงแดดอุ่นๆ ส่องกระทบ
ทั้งสองเดินไปตามเส้นทางเดิมที่เคยมาเมื่อคราวก่อน เข้าไปในส่วนลึกของหุบเขา แต่ว่าหลังจากเข้าไปแล้วพวกนางก็เลี้ยวไปอีกทางหนึ่งเดินมุ่งหน้าไปอีกทิศ
เมื่อคราวก่อนตอนขึ้นมาบนหุบเขาซ่งอวี้ก็พอจะรู้แล้วว่าสภาพแวดล้อมที่นั่นไม่เหมาะแก่การเติบโตของสมุนไพรที่นาง้า ไม่ต้องไปหาก็รู้ว่าที่นั่นไม่มีสมุนไพรที่นาง้าแน่นอน ดังนั้นนางจึงวางแผนใหม่ มุ่งหน้าไปอีกทางหนึ่งบางทีอาจจะเก็บสมุนไพรได้มากขึ้น
เป็ไปตามที่ซ่งอวี้คิด ทางด้านนี้นางเจอสมุนไพรหลายตัว ถือว่าการเดินทางครั้งนี้ไม่สูญเปล่า
ทว่าน่าเสียดายที่อากาศไม่ดี ตอนที่ซ่งอวี้กำลังจะพาเสี่ยวหมานกลับลงมา จู่ๆ ก็มีหมอกปกคลุมไปทั่วทั้งป่า
แม้ตอนแรกจะเป็เพียงหมอกบางๆ เลือนราง นางเข้าใจว่านี่เป็เพียงการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศในป่าเท่านั้น ทว่าเมื่อหมอกค่อยๆ หนาขึ้นจนไม่อาจมองเห็นภาพตรงหน้าที่ห่างไปอีกสิบเมตรได้ ซ่งอวี้ถึงตระหนักถึงความอันตรายของเื่นี้
หากที่นี่เป็เพียงทางเข้าป่า บางทีนางอาจจะอาศัยความจำแล้วเดินออกไปได้ ขอเพียงระมัดระวังเล็กน้อยก็พอแล้ว แต่จุดที่นางอยู่ในตอนนี้คือป่าลึก แม้แต่ตอนที่อากาศดีมีแดดจ้าก็ต้องใช้เวลานานถึงครึ่งชั่วยามกว่าจะออกไปได้ แล้วนับประสาอะไรกับตอนที่มีหมอกปกคลุมเช่นนี้
หากหลงทางในป่าลึก เช่นนั้นแม้ใกล้ตายก็ไม่อาจเดินออกไปได้
"คุณหนูเ้าคะ มีหมอกปกคลุมป่าเช่นนี้ พวกเราจะกลับไปอย่างไรเ้าคะ"
เสี่ยวหมานเกิดในครอบครัวยากไร้ นางย่อมรู้ว่าในป่าลึกมีหมอกปกคลุมกะทันหันเป็เื่ธรรมดา แต่นางไม่เคยพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี
ซ่งอวี้เงียบไปครู่หนึ่ง มองหมอกรอบๆ ที่หนาขึ้นเรื่อยๆ เดิมทียังมองเห็นในรัศมีสิบเมตร แต่ตอนนี้แม้กระทั่งรัศมีห้าเมตรก็มองไม่เห็นแล้ว
"หากพวกเราดึงดันที่จะลงจากหุบเขา มีความเป็ไปได้ที่จะติดอยู่ที่นี่ จริงด้วย เมื่อครู่พวกเราเห็นบ้านหลังหนึ่งไม่ใช่หรือ? ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงเข้าไปซ่อนตัวในบ้านหลังนั้น รอหมอกจางหายก็ไม่สายเกินไปที่จะลงจากหุบเขา"
แน่นอนว่าซ่งอวี้ก็อยากลงจากหุบเขา แต่นางก็ทำได้เพียงเลือกที่จะหยุดนิ่งแล้วดูการเปลี่ยนแปลง
โชคดี บ้านที่พวกนางเห็นอยู่ใกล้กับที่นี่มาก ห่างไปประมาณสามร้อยเมตรเท่านั้น ซ่งอวี้หวนนึกถึงทางที่เดินผ่านมาเมื่อครู่ แล้วเดินมุ่งหน้าไป
เสี่ยวหมานสะพายตะกร้า แล้วเดินตามไป
เหตุเพราะเวลานี้หมอกยังคงหนาขึ้นเรื่อยๆ ซ่งอวี้กลัวเหลือเกินว่าตนจะเดินไปผิดทาง ด้วยเหตุนี้หลังจากเดินไปไม่กี่ก้าวนางจะหยุดลงแล้วจำทาง ระยะทางสามร้อยเมตร ทั้งสองเดินๆ หยุดๆ ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วยาม
ซ่งอวี้เช็ดเหงื่อบนหน้าผากมองบ้านที่เห็นจางๆ ภายใต้การปกคลุมของหมอกหนา โอดครวญในใจว่าไม่ใช่เื่ง่ายจริงๆ
"ถึงแล้ว ที่นี่แหละ เ้าเก็บกวาดเสียหน่อย หากหมอกไม่จางลงไม่แน่คืนนี้พวกเราอาจจะต้องค้างแรมที่นี่" ซ่งอวี้สั่ง
หลังจากเสี่ยวหมานเรียนรู้จากอาฝู นางทำงานบ้านได้ดียิ่งนัก ถลกแขนเสื้อขึ้นอยากจะเก็บกวาด แต่ว่าเมื่อมองไปรอบๆ บ้านแล้วนางก็หยุดชะงัก
"คุณหนู คล้าย คล้ายมีคนอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้เ้าค่ะ"
มีคนอาศัย? ซ่งอวี้เดินผ่านเสี่ยวหมานเห็นมีคนก่อไฟในบ้าน ข้างๆ เห็นสัตว์ที่ถูกล่าโยนทิ้งไว้ เพียงแค่มองก็รู้แล้วว่ามีคนอาศัยอยู่ที่นี่
"ไม่เป็ไร นี่เป็บ้านที่ในอดีตนายพรานสร้างเอาไว้ให้ตนพักผ่อน ทุกคนที่ขึ้นเขาสามารถมาพักที่นี่ได้ ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่งโดยเฉพาะ พื้นที่ตรงกลางมีคนอยู่แล้ว เช่นนั้นพวกเราไปอยู่ข้างๆ เถอะ"
ซ่งอวี้ไม่รู้ว่าคนที่มาก่อนพวกนางเป็ใคร แต่นางไม่อยากข้องแวะกับผู้ใด นางชี้ไปที่มุมหนึ่งแล้วเดินไปวางของทั้งหมดไว้ตรงนั้น
จุดประสงค์หลักในวันนี้คือขึ้นมาเก็บสมุนไพร แต่ก่อนหน้านี้ตอนขึ้นหุบเขานางก็ได้วางกับดักไว้หลายอัน วันนี้ตอนเดินผ่านนางรวดดูแล้ว กับดักส่วนมากว่างเปล่า แต่ก็มีกับดับสองอันที่มีสัตว์มาติดกับ นางได้กระต่ายและไก่ป่ามาอย่างละหนึ่งตัว
"เสี่ยวหมาน มานี่ จัดการกระต่ายและไก่ป่านี้ให้เรียบร้อย ประเดี๋ยวพวกเราเอามาย่างกัน"
เสี่ยวหมานเดินมาหาซ่งอวี้ด้วยความดีใจ มองกระต่ายอ้วนท้วมและไก่ป่าที่ตัวสั่นเทา แววตาของนางทอประกาย ทว่าท่ามกลางความปรารถนานั้นก็มีความขัดแย้งเล็กน้อย "เช่นนี้ไม่ดีกระมังเ้าคะ พวกเราเอากลับเรือน ไปกินพร้อมกับพี่อาฝูดีหรือไม่เ้าคะ?"
แม้นางจะชอบกินเป็ชีวิตจิตใจ แต่พี่อาฝูใจดีกับนางยิ่งนัก นางจะแอบกินของอร่อยตามลำพังได้อย่างไร? นี่ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง!
ซ่งอวี้กลั้นหัวเราะ ทั้งที่ตนเองน้ำลายสอมองไก่ป่าตาไม่กะพริบแต่กลับพูดไม่ตรงกับใจ ช่างลำบากเสี่ยวหมานแล้วจริงๆ
"กินเถอะ สัตว์ป่าเหล่านี้าเ็แล้ว หากวันนี้พวกเราไม่กิน เอากลับไปก็จะไม่สดใหม่แล้ว อีกอย่างเ้าอยากจะให้ข้าทนหิวหรือ?"
เสี่ยวหมานถูกโน้มน้าวอย่างง่ายดาย จัดการสัตว์ป่าทั้งสองตัวอย่างอารมณ์ดี
ดีเหลือเกิน วันนี้มีเนื้อสัตว์ให้กินด้วย!
หลังจากเสี่ยวหมานเดินออกไป สายตาของซ่งอวี้ก็จับจ้องไปยังกองไฟที่อยู่ตรงกลางบ้าน
ไม่รู้ว่าคนที่มาก่อนพวกนางเป็ใครกันแน่? ไฟยังจุดอยู่ สัตว์ป่าที่ล่ามาได้ก็ยังไม่ได้จัดการ น่าจะไม่ได้ไปไหนไกล ไม่รู้ว่าจะเข้าหาง่ายหรือไม่
เพราะถึงอย่างไรทุกคนก็หลบหมอกหนาด้วยกันที่นี่ ต้องค้างอ้างแรมภายใต้ชายคาเดียวกัน หากอีกฝ่ายเป็คนเผด็จการไม่ฟังเหตุผล เช่นนั้นคงแย่ยิ่งนัก
เสี่ยวหมานชินกับการฆ่าสัตว์แล้ว นางใช้เวลาไม่นานก็จัดการทุกอย่างเสร็จ ถอนขนกระต่ายจนหมด ทางด้านซ่งอวี้ก็ก่อไฟเสร็จแล้ว
เปลวไฟท่ามกลางหมอกหนาในหุบเขาส่องสว่างได้ไม่ไกลนัก กลับกลายเป็เสียงคำรามของสัตว์ป่าเพิ่มความรู้สึกอันตรายให้กับคนหลบภัย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้