ในลานบ้าน ทุกสิ่งทุกอย่างปั่นป่วนวุ่นวายไปหมด เพราะสวี่เจวียนเจวียนได้รับาเ็
หวังซิ่วหลิงร้องเรียกให้สวี่จงโฮ่วไปเอายาทา พร้อมกับปลอบโยนสวี่เจวียนเจวียนอย่างทะนุถนอม “เจวียนจื่อไม่ต้องกลัว เดี๋ยวแม่จะจัดการให้เอง จะตีนังเด็กเหลือขอนั่นให้ตาย”
ในขณะที่สวี่จือจือกลับไม่รู้ว่าไปคว้าชามไข่ตุ๋นมาถือไว้ั้แ่เมื่อไหร่ แล้วก็เริ่มกินอย่างเอร็ดอร่อย
ระหว่างที่กินก็มองดูหวังซิ่วหลิงกับสวี่เจวียนเจวียนแสดงโชว์ไปด้วยอย่างสนุกสนาน
“แม่ ไข่ตุ๋นของหนู!” สวี่เจวียนเจวียนเงยหน้าขึ้นก็เห็นสวี่จือจือกำลังกินไข่ตุ๋นของเธออย่างมีความสุข ในใจรู้สึกโกรธจนแทบคลั่ง แต่ก็ยังทำหน้าเหมือนคนถูกรังแก
“แกมันไม่อาย!” หวังซิ่วหลิงมองตามสายตาของลูกสาวมาก็โมโหจนควันออกหู “ไข่ตุ๋นนี่ฉันให้ลูกสาวฉันกิน นังเด็กเหลือขอ รีบคืนมาให้ฉันเดี๋ยวนี้!”
ในยุคสมัยที่ข้าวยากหมากแพงเช่นนี้ การได้กินไข่สักฟองก็เหมือนกับได้ฉลองปีใหม่
บ้านตระกูลสวี่นั้นมีสวี่จงโฮ่วและสวี่จือจือเป็แรงงานหลัก สวี่จงโฮ่วได้รับคะแนนแรงงานสูงเป็อันดับต้นๆ ของหมู่บ้านซ่างสุ่ย แถมสวี่จือจือยังมีคะแนนส่วนของปู่ย่าอีก แม้ว่าหวังซิ่วหลิงจะไม่ทำงาน คะแนนก็ยังพออยู่พอกิน
ยิ่งเมื่อสองสามปีมานี้ทางหน่วยงานอนุญาตให้แต่ละบ้านเลี้ยงหมูและไก่ สวี่จือจือไม่เพียงแต่ต้องไปทำงาน แต่ยังต้องดูแลหมูสองตัวและไก่สี่ตัวที่บ้านอีกด้วย
น่าขันเสียจริง ที่ไข่ไก่ที่เธอเลี้ยงเองกลับไม่เคยได้ลิ้มลองรสชาติเลยสักครั้ง
“เมื่อกี้สวี่เจวียนเจวียนไม่ได้บอกว่าจะให้หนูกินหรอกเหรอ?” สวี่จือจือรีบกินไข่ตุ๋นจนหมดแล้วยื่นชามให้หวังซิ่วหลิง “เอาไปสิ”
เพล้ง!
“แม่” สวี่จือจือมองชามที่แตกอยู่บนพื้น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนคนถูกรังแก “แม่ไม่อยากให้หนูกินไข่ตุ๋นก็ไม่เห็นต้องโกรธชามเลยนี่คะ”
“แกมันนังเด็กแพศยา!” หวังซิ่วหลิงโกรธจนแทบตาย “ฉันว่าแกจงใจทำชามของฉันแตก!”
สวี่จือจือก้าวถอยหลังด้วยความหวาดกลัว “แม่ระวังล้มนะ ถ้าเกิดเศษชามบาดหน้าขึ้นมา... มันจะเสียโฉมนะ...”
“โอ๊ย!”
ยังไม่ทันที่สวี่จือจือจะพูดจบ หวังซิ่วหลิงก็ล้มคว่ำไปข้างหน้าเสียแล้ว
“หน้าฉัน!” เมื่อลุกขึ้นได้ก็เห็นว่าใบหน้าของตนเองโดนเศษกระเบื้องบาดจนเืไหลออกมา หวังซิ่วหลิงเอามือกุมใบหน้าแล้วด่าทอ “นังเด็กแพศยา นังตัวซวย!”
สวี่จือจือ “...”
เธอไม่ได้ตั้งใจให้เป็แบบนี้สักหน่อย แต่พอเห็นท่าทางของอีกฝ่ายแล้ว เธอก็รู้สึกสะใจอยู่ไม่น้อย
“แม่ ทำไมถึงไม่ระวังแบบนี้ล่ะคะ?” สวี่จือจือถามอย่างไร้เดียงสา “หนูก็เตือนแล้วนี่นา แล้วก็อย่าด่าหนูเลย ด่าหนูก็เหมือนด่าตัวเองนั่นแหละ คนแก่เหลือขอ คนแก่ตัวซวย!”
หวังซิ่วหลิง “...”
รู้สึกเหมือนเืจะไหลออกมาด้วยความโมโห
ทุกคน “...”
ทำไมมองหวังซิ่วหลิงตอนนี้แล้วรู้สึกขบขันขึ้นมาได้นะ?
สมน้ำหน้า! สะใจจริงๆ!
“พอได้แล้ว” หวังซิ่วหลิงโมโหจนอยากจะด่าอีกรอบ แต่ก็ถูกหญิงสูงวัยคนหนึ่งตำหนิ “วันนี้เป็วันดีของจือจือ อย่ามาทำเื่น่าขายหน้าอยู่ตรงนี้ รีบไปทำแผลซะ”
หญิงสูงวัยคนนี้คือโจวกุ้ยอิง ภรรยาของสวี่ฉางไห่ หัวหน้าหน่วยที่สองของหมู่บ้านซ่างสุ่ย หรือก็คือพี่สะใภ้ใหญ่ของสวี่จงโฮ่ว
“ส่วนเธอก็พูดจาให้มันหน่อยๆ หน่อย” โจวกุ้ยอิงพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “กำลังจะแต่งงานอยู่แล้ว”
ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลลู่ เธอคงไม่อยากจะมาเหยียบย่างบ้านหลังที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายแบบนี้หรอก
“หนูรู้ค่ะ ป้าสะใภ้ใหญ่” สวี่จือจือพูดด้วยรอยยิ้ม “หนูไม่ได้อยากจะไม่แต่งงานสักหน่อย แค่ไม่อยากให้คนดูถูกผู้หญิงของหมู่บ้านซ่างสุ่ยก็เท่านั้นเอง”
“ถุ้ย!” หวังซิ่วหลิงเพิ่งทายาห้ามเืที่ใบหน้าเสร็จ พอได้ยินสวี่จือจือพูดแบบนั้นก็หัวเราะเยาะ “นังคนหน้าไม่อายอย่างแก คิดว่าตัวเองเป็ใครกัน? หา?”
ยังจะดูถูกผู้หญิงของหมู่บ้านซ่างสุ่ยอะไรอีก?
มันคิดว่าตัวเองเป็ใครกัน?
“เฮ้อ” สวี่จือจือถอนหายใจ “หนูไม่มีสินเดิมติดตัวสักอีแปะเดียว แถมยังต้องไปทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกับไก่ตัวผู้ ถ้าเื่นี้แพร่งพรายออกไป คนอื่นก็คงจะบอกว่าผู้หญิงของหมู่บ้านเราไม่คู่ควร เมื่อไปอยู่บ้านสามีก็คงจะต้องโดนกดขี่ไปตลอดชีวิต”
มันก็จริงอย่างที่ว่า
คนที่เดิมทีกำลังดูเหตุการณ์สนุกๆ ก็พลันได้สติ
“ป้าสะใภ้ใหญ่ น้องหลานเอ๋อร์ต้องแต่งเข้าไปในเมือง ถ้าเื่นี้รู้ไปถึงหูคนบ้านสามีเข้าล่ะก็...” สวี่จือจือพูดแค่นี้แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ปล่อยให้โจวกุ้ยอิงคิดเอาเอง
“แกพูดจาเหลวไหล” หวังซิ่วหลิงรู้ทันทีว่าสวี่จือจือกำลังคิดอะไรอยู่ “นังเด็กเหลือขอ แกยังคิดอยากจะได้สินเดิมเหรอ ถุ้ย... อย่าแม้แต่จะคิด”
“แม่” สวี่จือจือพูดอย่างจนปัญญา “ก็บอกแล้วไงว่าอย่าด่าตัวเอง แม่ทำแบบนี้ด่าตัวเองว่านังแก่พูดจาเหลวไหล คนแก่เหลือขอ...มันดีเหรอคะ?”
หวังซิ่วหลิงโกรธจนแทบจะล้มทั้งยืน ยกมือขึ้นมาจะตบสวี่จือจือให้ได้
“แม่ ทำไมถึงโมโหขนาดนี้ล่ะ?” สวี่จือจือไม่มีทางยอมให้ถูกตีอยู่แล้ว เธอวิ่งหนีพลางร้องะโ “ระวังจะเอวเคล็ดนะคะ”
แล้วเสียงดังกร๊อบก็ดังขึ้น
หวังซิ่วหลิงเอวเคล็ดเข้าจริงๆ!
สวี่จือจือเอามือปิดปาก หรือว่าพอทะลุมิติมาแล้ว ปากของเธอจะมีฤทธิ์เดชจริงๆ?
“แม่ ที่หนูพูดมาทั้งหมดมันเป็เื่จริงนะคะ” สวี่จือจือพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย “ถ้าแม่ไม่ให้สินเดิมหนู แม่ก็จะซวยไปทั้งชาติ ไม่ให้สินเดิมแถมยังให้หนูเข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกับไก่ตัวผู้ ถ้าเื่นี้แพร่งพรายออกไป ผู้หญิงของหมู่บ้านเราก็จะไม่ได้แต่งงานกัน หรือไม่ก็ถูกบ้านสามีกดขี่ไปตลอดชีวิต”
เผละ
ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบก็มีขี้นกตกใส่ใบหน้าของหวังซิ่วหลิง เป็ขี้นกก้อนใหญ่มาก ไหลจากหน้าผากลงมาที่จมูกและปาก
หวังซิ่วหลิงกำลังจะด่า พออ้าปากขี้นกก็หล่นเข้าปากของเธอ
หล่น
เข้าไปแล้ว!
ทุกคน “...”
ปากของเด็กคนนี้มันศักดิ์สิทธิ์จริงๆ แล้วมองสวี่จือจือด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป
โดยเฉพาะคำที่เธอพูดเมื่อกี้ว่า ถ้าแต่งออกไปก็จะต้องโดนบ้านสามีกดขี่!
ไม่ได้นะ!
“แหวะ...นังเด็กเวร...” หวังซิ่วหลิงเช็ดปากพลางสั่งสวี่จงโฮ่ว “แกเป็ศพหรือยังไง ทำไมไม่รีบไปกระทืบนังลูกไม่รักดีนี่ให้ฉันสักที”
“แม่คะ แม่กินขี้นกเข้าไปเหรอ!” สวี่จือจือเอามือปิดปากพูดเสียงดังด้วยความใ
กิน
ขี้
นก!
ทุกคน “...”
ทำไมรู้สึกขยะแขยงแบบนี้ล่ะ?
“ไอ้...ไอ้!”
สวี่จงโฮ่วเป็คนไม่มีหัวคิด ตลอดหลายปีมานี้เขาเคยชินกับการทำตามที่หวังซิ่วหลิงบอกเสมอ แถมยังเคยลงมือทำร้ายเ้าของร่างเดิมมานับครั้งไม่ถ้วน
“จือ...จือเอ๊ย” สวี่จงโฮ่วถูมือไปมา แล้วพูดติดอ่างเล็กน้อย “แก...อย่าไปยั่วโมโหแม่...แม่แกเลย”
ทำไมถึงไม่เชื่อฟังกันบ้างนะ?
สวี่จือจือมองดูชายที่ถูกหวังซิ่วหลิงกดขี่มาทั้งชีวิตด้วยสายตาเ็า สมกับคำที่ว่าคนน่าสงสารมักจะมีสิ่งที่น่าชิงชัง
สวี่จงโฮ่วพูดจบก็หลับตาลง แล้วก็เงื้อมือขึ้น
เพียะ!
“โอ๊ย... พ่อตบฉันทำไม!” สวี่เจวียนเจวียนที่เดิมทีกำลังดูละครอยู่ กำลังรอให้สวี่จงโฮ่วจัดการสวี่จือจือเหมือนที่เคยทำ แต่ไม่คิดว่าฝ่ามือของสวี่จงโฮ่วจะมาตบเข้าที่ใบหน้าเธอ
เธอกุมใบหน้าที่บวมแดงไว้ แล้วเตะสวี่จงโฮ่ว “พ่อต้องตบนังเด็กเหลือขอสวี่จือจือ ไม่ใช่มาตบฉัน!”
สวี่จงโฮ่วจะกล้าตบสวี่เจวียนเจวียนได้อย่างไร “เจวียนจื่อ พ่อไม่ได้ตั้งใจ...”
เขาเองก็ไม่รู้ว่าตั้งใจจะตบสวี่จือจือแท้ๆ แต่ทำไมถึงมาโดนหน้าของสวี่เจวียนเจวียนแทน
“แกมันคนใจอำมหิต” สวี่เจวียนเจวียนมองเห็นสวี่จือจือยังยืนอยู่ดีๆ ก็รู้สึกเหมือนว่าวันนี้สวี่จือจือดูสวยกว่าปกติเสียด้วยซ้ำ “ฉันจะตีแกให้ตาย นังคนหน้าไม่อาย”
สวี่เจวียนเจวียนรู้สึกไม่ดี เธอรู้สึกว่าเื่ราวในวันนี้กำลังหลุดจากการควบคุมของเธอไปเรื่อยๆ
แต่ยังไม่ทันที่มือของเธอจะถึงตัวสวี่จือจือ เธอก็ถูกอีกฝ่ายกระชากผมแล้วตบหน้าอย่างแรง
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้