กว่าฉิงเอ๋อร์จะตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็เช้าวันต่อไป
นางนึกไปว่าก่อนหน้านี้คงแค่ฝันร้าย แต่เมื่อลืมตาขึ้นมากลับเห็นตัวเองกำลังนอนอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นตา แม้ห้องนี้จะไม่กว้างนัก แต่ทำความสะอาดไว้อย่างเรียบร้อย
ในห้องมีแค่เตียงหลังใหญ่กับโต๊ะหนึ่งตัว และที่มุมห้องมีตู้เสื้อผ้าตั้งอยู่
แน่นอนว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่หอชมบุปผา ในที่สุดฉิงเอ๋อร์ก็เข้าใจแล้วว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ไม่ใช่ความฝัน
นางรีบร้อนลุกขึ้นนั่งสำรวจตัวเอง โชคดีที่อาภรณ์ยังไม่ถูกปลดไปสักชิ้น
ในตอนที่ฉิงเอ๋อร์ถอนใจโล่งอกนั้น ชิงจื่อก็เปิดประตูเข้ามาพอดีและได้เห็นว่าฉิงเอ๋อร์ฟื้นแล้ว นางยิ้มเดินเข้าไปหา “เ้าฟื้นแล้วหรือ มา ดื่มยาถ้วยนี้ก่อนสิ”
ฉิงเอ๋อร์เห็นน้ำสีดำในถ้วยที่ชิงจื่อถือมาก็ใ กระถดตัวหนีอยู่บนเตียง
“เ้าอย่าเข้ามานะ ข้าไม่รู้จักเ้า ข้าไม่ดื่มยาถ้วยนี้” ฉิงเอ๋อร์ไม่กล้าดื่มยาอะไรซี้ซั้ว
ท่านน้าของนางหรือก็คือท่านแม่แห่งหอชมบุปผามักย้ำเตือนเื่นี้อยู่เสมอ อย่าได้ดื่มน้ำอะไรก็ตามที่ผู้อื่นส่งมาให้ ไม่แน่ในนั้นอาจจะผสมยาไม่ดีอะไรไว้
ฉิงเอ๋อร์คิดว่าถ้วยนี้ต้องเป็ยาพิษแน่ นางจึงยิ่งไม่กล้าดื่ม
ชิงจื่อเห็นว่าฉิงเอ๋อร์ใเพียงนี้ก็รู้แล้วว่าคนคงกำลังเข้าใจผิด นางนั่งลงข้างเตียง กล่าวขึ้นอย่างอดทน “เ้าไม่ต้องกลัว ข้าเป็สาวใช้ข้างกายพระชายา นามว่าชิงจื่อ พระชายาของข้ารู้วิชาแพทย์ ทรงเห็นว่าเมื่อคืนนี้เ้าใจนเป็ลมไป จึงให้ข้าเคี่ยวยาสมุนไพรกระตุ้นสมองให้เ้าแต่เช้า วางใจเถอะ ในนี้ไม่มียาพิษหรอก”
ชิงจื่อกลัวว่าฉิงเอ๋อร์จะยังไม่เชื่อจึงดื่มยานั้นเข้าไปคำเล็กๆ ให้อีกฝ่ายดู ทว่าเดิมนางนึกว่ามันจะขมมาก มิคาดแท้จริงแล้วยานี้จะมีรสหวานจางๆ
เมื่อดื่มลงไป ชิงจื่อก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าทันที
ทั้งที่เพิ่งจิบเข้าไป ยังรับรู้ได้ว่ายานี้ดีเพียงไร
เนื่องจากเมื่อคืนตัวนางเองก็เข้านอนค่อนข้างดึก เดิมทีเช้านี้ตื่นมายังง่วงงุนอยู่บ้าง แต่หลังจากที่จิบยาน้ำนี้เข้าไป แม้จะเพียงเล็กน้อย ก็ยังรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาก และไม่ง่วงเหงาหาวนอนอีกเลย
ชิงจื่อทอดถอนใจว่าวิชาแพทย์ของพระชายานางช่างล้ำเลิศเสียจริง
เมื่อฉิงเอ๋อร์ดื่มยานี้ลงไปก็กลับมามีสติสัมปชัญญะ สมองนางกลับมาแจ่มใส
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก่อนนางสลบไปกลับมาแจ่มชัดในสมอง
ฉิงเอ๋อร์สีหน้าเปลี่ยนเป็ไม่น่ามองทันที นางถามเสียงสั่น “พระชายาของเ้าเป็คนหรือเป็ผีกันแน่ เขาเป็บุรุษที่จั้นอ๋องเลี้ยงไว้หรือ? ”
ชิงจื่ออึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะเข้าใจความหมายของคำถามที่ฉิงเอ๋อร์กำลังสงสัย
นางอดปิดปากหัวเราะไม่ได้ “เ้าจินตนาการล้ำเลิศเกินไปแล้ว พระชายาของข้าจะเป็ผีได้อย่างไร พระนางทรงเป็สตรี ไม่มีทางเป็บุรุษที่จั้นอ๋องเลี้ยงดูไว้ไปได้หรอก”
“พระชายาเป็สตรี? ” ฉิงเอ๋อร์ทวนประโยคนี้ซ้ำอีกครั้ง แต่จะอย่างไรนางก็นึกไม่ออกว่าบุรุษที่หน้าตาหล่อเหลาเ้าเล่ห์และเย้ายวนผู้นั้นจะเป็สตรีไปได้อย่างไร
ชิงจื่อเห็นว่าฉิงเอ๋อร์ไม่เชื่อจึงอมยิ้มแล้วอธิบายต่อ “พระชายาของข้าต้องเป็สตรีอยู่แล้ว ทรงเป็องค์หญิงแห่งแคว้นเสวี่ยอวี้ที่แต่งมาอยู่ที่แคว้นเป่ยชวนนี้ พระนางได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋องเป็อย่างมาก ท่านอ๋องของข้าเป็ผู้มีรักเดียวใจเดียว ทรงมีพระชายาเพียงคนเดียว ไม่เคยเลี้ยงบุรุษไว้อย่างที่ลือกัน ข่าวลือพวกนั้นไม่จริงสักนิด เ้าก็อย่าได้หลงเชื่อไปเชียว”
ฉิงเอ๋อร์ฟังชิงจื่อกล่าวยืดยาว แต่นางก็ยังไม่ใคร่จะเชื่อสักเท่าไร
“แต่ข้าเห็นเต็มสองตา พระชายาของเ้าเป็บุรุษนี่” นางเชื่อแค่สิ่งที่นางเห็นเท่านั้น
ชิงจื่อเห็นว่าฉิงเอ๋อร์ไม่คิดเชื่อ นางก็ไม่บังคับ ลากฉิงเอ๋อร์ลงจากเตียงแล้วพาไปยังเรือนเยว่เหยา
ระหว่างทางชิงจื่อยังอดชมพระชายาของตนไปด้วยไม่ได้ “พระชายาของข้าหน้าตางดงามมาก เมื่อเ้าได้เห็นรูปโฉมที่แท้จริงของพระนาง ข้าเชื่อว่าเ้าจะต้องหลงใหลอย่างแน่นอน”
ฉิงเอ๋อร์ทำเพียงฟังไปเรื่อยๆ ไม่กล่าววาจาใด
คนทั้งสองเดินมาถึงเรือนเยว่เหยาก็ลุยเดินต่อเข้าไปด้านใน ทันใดนั้นชิงจื่อก็เห็นว่าเยว่เฟิงเกอกำลังทุบแขนขาอยู่ในสวน
“พระชายา เหตุใดทรงตื่นเช้านักเพคะ? ” ชิงจื่อยิ้มแย้มเดินเข้าไปหา หยิบผ้าสะอาดขึ้นมาช่วยซับเหงื่อบนหน้าผากให้เยว่เฟิงเกอ
วันนี้หลังจากเยว่เฟิงเกอตื่นมาในยามเช้า นางก็เริ่มฝึกซ้อมวรยุทธ์อยู่ในสวน
ตอนนี้นางฝึกเสร็จแล้ว เมื่อครู่จึงนั่งทุบแขนทุบขาเพื่อคลายกล้ามเนื้อ
ฉิงเอ๋อร์มองคนที่ชิงจื่อเรียกขานว่าพระชายา ที่แท้เป็สตรีงามนางหนึ่งที่หาตัวจับยาก
ใบหน้าไร้ซึ่งเครื่องสำอางประทินโฉม ผิวขาวราวหยกมันแพะ ดวงตากลมโตคู่นั้นกำลังสบจ้องมาที่นาง
เยว่เฟิงเกอเห็นว่าฉิงเอ๋อร์กำลังยืนมองตนอย่างอึ้งๆ นางก็ส่งยิ้มและโบกมือให้ “ฉิงเอ๋อร์มานี่”
ฉิงเอ๋อร์เดินเข้าไปอย่างเชื่องช้า จนตอนนี้นางก็ยังไม่อาจดึงสติกลับมาได้
สตรีงดงามเหลือเชื่อตรงหน้านี้คือพระชายาจริงหรือ?
เยว่เฟิงเกอรู้ว่าตนจำต้องอธิบายให้ฉิงเอ๋อร์เข้าใจสักหน่อย จึงจับมือฉิงเอ๋อร์ไว้ ยิ้มตาหยีแล้วกล่าวว่า “ฉิงเอ๋อร์ เ้าไม่ต้องกลัวนะ ข้าเป็สตรีจริงแท้แน่นอน และข้าก็คือพระชายาของจวนแห่งนี้ เมื่อคืนข้าตั้งใจใช้วิชาแปลงโฉมปลอมเป็บุรุษ เพื่อไปเที่ยวชมหอชมบุปผา ตอนนี้ข้าไถ่ตัวให้เ้าแล้ว นับแต่นี้ไปเ้าก็อยู่ที่จวนอ๋องแห่งนี้ เหมือนกับชิงจื่อ มาเป็สาวใช้ประจำกายข้าเถอะ”
ฉิงเอ๋อร์กะพริบตากลมโตปริบๆ เป็นานถึงดึงสติกลับมาได้ด้วยเพิ่งรู้ว่าคนที่ไถ่ตัวนางออกมาผู้นี้ไม่ใช่บุรุษ แต่เป็ชายาจั้นอ๋องจริงๆ
เมื่อคิดถึงว่า ในที่สุดตนก็ได้ออกมาจากทะเลทุกข์ตรมแห่งนั้นแล้ว วันหน้าไม่ต้องขับร้องบรรเลงดนตรีให้บุรุษเ่าั้อีก ฉิงเอ๋อร์ก็ให้ซาบซึ้งใจจนอยากจะคุกเข่าโขกศีรษะให้เยว่เฟิงเกอ
เยว่เฟิงเกอรีบประคองฉิงเอ๋อร์ไว้ “เ้าอย่าได้เอะอะก็คุกเข่าให้ข้าเช่นนั้นเลย ข้าไม่ชอบอย่างยิ่ง”
ฉิงเอ๋อร์พยักหน้า กลับมายืนตัวตรง
“อีกเดี๋ยวเ้าไปรับอาหารเช้ากับชิงจื่อ กินเสร็จแล้วก็ให้ชิงจื่อนำเ้าชมจวนอ๋องแห่งนี้ ทำความคุ้นเคยกับที่นี่เสียหน่อย” เยว่เฟิงเกอสั่งฉิงเอ๋อร์และชิงจื่อ
ชิงจื่อเห็นว่าตอนนี้ข้างกายนางมีพี่สาวน้องสาวมาอยู่เป็เพื่อนแล้ว ก็รู้สึกอารมณ์ดีเป็อย่างยิ่ง
แน่นอนว่าฉิงเอ๋อร์เองก็ดีใจมากเช่นกัน นางคิดไม่ถึงว่าชายาจั้นอ๋องผู้นี้จะเป็คนที่เข้าถึงง่ายและใจดี
หลังจากเยว่เฟิงเกอกินอาหารเช้าที่ห้องอาหารเสร็จ ก็ออกตามม่อหลิงหานไปยังหอแปดทิศ
สำหรับเื่ที่เยว่เฟิงเกอรับสาวใช้ประจำกายมาเพิ่มนั้นได้แพร่กระจายไปทั่วจวนอ๋องอย่างรวดเร็วแล้ว ดังนั้น ตอนที่ชิงจื่อพาฉิงเอ๋อร์เดินชมจวนอ๋องจึงดึงดูดสายตาของใครต่อใครไม่น้อย
เพียงแต่ เมื่อเื่นี้ลือไปถึงตำหนักเย็น ฉินหว่านได้ยินเข้าก็ริษยาจนฉีกกระชากผ้าเช็ดหน้าออกเป็ชิ้นๆ
เพียงนึกถึงว่าเยว่เฟิงเกอได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสงบและผ่าเผยในจวนอ๋อง ขณะที่นางถูกขังอยู่ในสถานที่เช่นนี้ นางก็ยิ่งเคียดแค้นเยว่เฟิงเกอมากขึ้น
ทางด้านเฉี่ยวอวี้ นางริษยาสาวใช้คนใหม่คนนั้นนัก หากนางได้ติดตามเยว่เฟิงเกอแต่แรก ก็คงไม่ต้องมาใช้ชีวิตอย่างน่าอดสูอยู่ในตำหนักเย็นแห่งนี้แล้ว
ตอนนี้นางต้องติดตามฉินหว่านมาใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ชาอาหารล้วนไร้รสชาติ
เฉี่ยวอวี้ที่เดิมทีค่อนข้างผอมอยู่แล้ว เพียงผ่านไปหนึ่งเดือนก็ผอมลง กว่าเก่ามาก
ตอนนี้นางรู้สึกเสียใจภายหลังยิ่งนัก ก่อนหน้านี้ไม่ควรตั้งตนเป็อริกับเยว่เฟิงเกอเลย