องค์รัชทายาทและซูเจินเดินทางมาถึงแนวชายแดนเสี่ยนหลิว บริเวณนี้เป็พื้นที่ราบ ทุ่งหญ้าสีเขียวอร่ามงดงามดังภาพวาด ซูเจินยืนมองพลางสูดลมหายใจเข้าจนสุด กลิ่นของธรรมชาติทำให้นางผ่อนคลาย แลปล่อยยิ้มกว้างออกมา ท่าทางเดียงสาของนาง อยู่ในสายตาขององค์รัชทายาททุกอิริยาบถ
“ท่านยอดฝีมือ ด้านนั้นมีโรงน้ำชาด้วย” ซูเจินชี้มือไปยังโรงน้ำชาขนาดเล็กที่เห็นอยู่ลิบๆ โจวอี้เฟยเลื่อนสายตามองตามก่อนพยักหน้า ไม่นานนักทั้งสองเดินทางมายังโรงน้ำชาที่ว่านั้น เขาเห็นเพียงชายชราผู้เป็เ้าของร้าน เอาแต่มุ่งทำงาน โดยไม่สนใจว่ามีลูกค้าแล้วหรือไม่
“อ้าว คุณชายกับคุณหนูเชิญด้านในก่อน ข้าขออภัยมัวแต่ยุ่งอยู่” ชายชราหันมาแล้วพบว่าลูกค้ายืนรออยู่หน้าร้านจึงรีบวางมือจากงานแล้วหันมาต้อนรับ เขาใช้ผ้าที่พาดอยู่บนบ่าปัดไปยังเก้าอี้ไม้เก่าสองสามครั้ง
“ขอน้ำชาแล้วหมั่นโถวอย่างละหนึ่ง” โจวอี้เฟยกล่าวน้ำเสียงราบเรียบ แล้วหันมายังหญิงสาวตรงหน้า นางยังคงส่องสายตาไปมาเพื่อสำรวจร้านด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“แบมือของเ้ามา” หญิงสาวชะงักแล้วหันกลับมายังชายหนุ่ม ก่อนยกมือขึ้นแบให้เขาดูอย่างว่าง่าย
“มีอาการเจ็บและคันฤาไม่” สุรเสียงอันอบอุ่นทำให้ซูเจินรู้สึกวูบวาบ ก่อนส่ายศีรษะไปมา พร้อมกับชายชรายกอาหารมาวางไว้ตรงหน้าพอดี
“ร้านเก่าเสียหน่อย นานๆ จะมีผู้คนเดินทางผ่านมาทีหนึ่ง แต่เมื่อวานนี้มีทหารจากวังหลวงจำนวนหนึ่งมาตามหาราชธิดา เห็นว่านางหายออกจากวังไปนานแล้ว ไม่รู้เป็ตายร้ายดีอย่างไร” ซูเจินได้ยินดังนั้นจึงสำลักน้ำชาพรวดขึ้นมาทันที
“เป็อะไรฤาไม่” องค์รัชทายาทกล่าวถามด้วยสายตาแน่นิ่ง หากแต่ซูเจินรีบยกมือขึ้นเช็ดปาก พลางส่ายศีรษะ ก่อนจะสงบสติตัวเองแล้วก้มหน้ามุด
“ข้าต้องออกจากแคว้นนี้โดยเร็วที่สุด” หญิงสาวครุ่นคิดอย่างหนัก ก่อนจะมีร่างของหญิงปริศนา โผล่มานั่งขั้นกลางระหว่างนางและท่านยอดฝีมือ สายตาหวานหยาดเยิ้มเอาแต่มองหน้าองค์รัชทายาทไม่ละสายตา
“พ่อหนุ่มเ้ามาจากที่ใด” เมื่อสิ้นคำถามจากหญิงปริศนา ซูเจินอ้าปากค้างด้วยความงุนงง เพียงพริบตาเดียว มือของหญิงปริศนาก็คว้าแขนขององค์รัชทายาทเข้าไปกอดไว้อย่างแนบชิด
“งามกว่าใครที่ข้าเคยเห็น ท่านแต่งงานกับข้าได้ฤาไม่ แต่งกับข้า แต่งกับ แต่งกับข้า” หญิงปริศนาเริ่มโวยวายเสียงดัง ก่อนชายชราเ้าของร้านจะรีบวิ่งออกมาดู แล้วลากตัวนางกลับเข้าไป
“ข้าต้องขออภัย ลูกสาวข้าพิการมาั้แ่เด็ก นางสติฟั่นเฟือนอย่างนี้เสมอ ขอพวกท่านอย่าได้ถือสานางเลย” องค์รัชทายาทพยักหน้าไม่พูดอะไร เขาหันกลับมายังถ้วยน้ำชา แล้วจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองเช่นเดิม ซูเจินยังคงมองหาหญิงคนดังกล่าว ไม่นานนักหญิงสติฟั่นเฟือนก็ออกมาแอบอยู่หลังโรงน้ำชา นางชะเง้อหน้าออกมาเพียงครึ่งเดียวเพื่อแอบมององค์รัชทายาท ก่อนจะกวักมือเรียกซูเจินเข้าไปหา
“ท่านยอดฝีมือ ข้าขอตัวเพียงครู่เดียวได้ฤาไม่”
“มีอันใด”
“ข้ากินน้ำชาเยอะเกินไป อยากไปปลดทุกข์” องค์รัชทายาทพยักหน้าอนุญาต ซูเจินรีบเดินออกไปจากโต๊ะแล้วเลี้ยวเข้าไปหาหญิงสติฟั่นเฟือนที่โบกมือเรียกเมื่อครู่
“เ้า เ้า เ้าบอกชายผู้นั้นทีว่าข้าชอบ ให้เขาแต่งกับข้าได้ฤาไม่” ซูเจินสังเกตเห็นั์ตาของหญิงคนดังกล่าว ไร้แววตาไม่เหมือนคนปกติ นางเป็คนสติไม่ดีจริงๆ
“เ้าชื่ออะไร” ซูเจินถามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
“ข้าชื่อชิงเหอ ข้าสวยนะ บอกชายผู้นั้นสิ ว่าข้าสวยสักเพียงใด” นางพูดหัวเราะคิกคักอยู่ผู้เดียว เสมือนกำลังมีความสุขอยู่ในโลกอันว่างเปล่าของตัวเอง
“บอกให้เขาแต่งงานกับข้าวันนี้เลยนะ ข้าอยากแต่งกับเขา” ซูเจินนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนนึกบางอย่างได้ รอยยิ้มแสนสวยยิ้มกว้างออกมา
“ท่านยอดฝีมือแต่งกับเ้าไม่ได้”
“ทำไม ทำไมไม่ได้ ข้าสวยที่สุดเหมาะกับเขาที่สุด” ชิงเหอหน้างอ พลางก้าวเท้าเดินออกไปหาชายหนุ่ม ที่นั่งอยู่โต๊ะชาด้านหน้า ก่อนมือของซูเจินรีบคว้าห้ามไว้ได้ทัน
“ท่านยอดฝีมือแต่งกับเ้าไม่ได้ เพราะเขาแต่งงานแล้ว ภรรยาของเขาก็คือข้า” ซูเจินพูดเพื่อให้ชิงเหอสงบสติอารมณ์ แล้วไม่เข้าไปวุ่นวายกับท่านยอดฝีมืออีก หากแต่เื่ราวไม่เป็เช่นนั้น ชิงเหอถอยหลังแล้วมองตรงมายังซูเจินด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป
“เช่นนั้นแล้วหากไม่มีเ้า ชายผู้นั้นก็จักรักข้า ต้องไม่มีเ้า ต้องไม่มีเ้า ต้องไม่มีเ้า” นางก้มลงหยิบหินแล้วปาเข้ามาที่ตัวของซูเจินในทันที
“ตายซะ ตายซะ ตายซะ” หินจำนวนมากถูกชิงเหอปาเข้ามาโดยไม่เว้น่
“โอ๊ย!” เสียงของซูเจินดังลอดมายังโต๊ะชา เพียงพริบตาเดียววรกายขององค์รัชทายาท พุ่งเข้ามาโอบกอดซูเจินไว้ เพื่อบังหินที่เข้ามาปะทะ วรกายสีขาวโผล่เข้ามาโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว กายอันอบอุ่นของชายหนุ่มทำให้ซูเจินลืมตาแล้วเงยหน้ามอง พร้อมเสียงก้อนหินดังกระทบแผ่นหลังของเขา
“ท่านยอดฝีมือยอมเจ็บตัวแทนข้าเช่นนั้นฤา” แววตาระริกรอบคิดในใจ พร้อมอ้อมกอดอันอบอุ่นเช่นนี้ ไม่เคยััจากที่ใดมาก่อน เหตุใดหัวใจของนางกลับรู้สึกวาบหวิวมีความสุขมากมายเช่นนี้
“ผี ผี หายตัวได้ๆ” เสียงหวาดกลัวของชิงเหอ ทำให้ซูเจินรู้สึกเจ็บบริเวณขาขึ้นมาทันที
“เ้าาเ็” สีหน้าของยอดฝีมือกังวลอย่างเห็นได้ชัด เขาย่อตัวลงเพื่อสำรวจาแ ที่เกิดจากการโดนหินขว้างใส่ ก่อนควานหายาแล้วนำออกมาทา หากแต่ใช้ได้เพียงสองครั้ง ยาสมุนไพรในขวดเล็กหมดลง องค์รัชทายาทโยนขวดยาทิ้งแล้วหันกลับมายังาแของซูเจิน ในยามนี้เขาคิดเฝ้าโทษตัวเองที่ไม่สามารถฝึกวิชาเวทขั้นแปดสำเร็จ าแอยู่เพียงปลายนิ้ว กลับไม่มีพลังเวทที่ใช้รักษานางได้
“เจ็บมากฤาไม่” ซูเจินพยักหน้า ในยามนี้แววตาของยอดฝีมือแปรเปลี่ยนไป เป็แววตาแตกต่างจากที่ซูเจินเคยเห็น นางเคยคิดว่าเขาเป็คนไร้ความรู้สึก ทว่าดวงตาคู่คมที่กำลังก้มมองาแอยู่นั้นทำให้นางเปลี่ยนความคิด แท้จริงแล้วเขาเป็ชายที่มีหัวใจเหมือนมนุษย์ทั่วไปคนหนึ่ง แต่เหตุใดจึงมีเกราะกำบังที่สูงดังกำแพงหนา ยากที่ใครจะฝ่าเข้าไปได้ ความคิดไม่ทันจางหายร่างของซูเจินก็โดนพลังเวทยกขึ้น
“ท่านยอดฝีมือ” หญิงสาวดวงตาเบิกกว้าง หลังจากเขาใช้พลังเวทแบกนางขึ้นหลัง มีเพียงเสียงฝีเท้าเดินเหยียบย่ำไปตามทางเดิน ทุกอย่างเงียบสนิท ซูเจินหวนนึกถึงลี่เซียนที่มักใช้วิธีนี้เพื่อปลอบใจ เขาทำเช่นเดียวกันกับที่ลี่เซียนเคยทำให้ น้ำตาใสเอ่อล้นเหลือบมองใบหน้าคมคายที่อยู่ใกล้เพียงลมหายใจ
“ท่านทำให้ข้าคิดถึงพี่ลี่เซียน ท่านทำให้ข้าไม่กล้าหนีไปจากชีวิตของท่านนับจากนี้ เมื่อถึงเวลาที่ต้องจากกัน ข้าควรทำเช่นไร” เมื่อคิดได้ดังนั้น น้ำตาใสหยดลงไหล่ขององค์รัชทายาท จนเขารู้สึกได้
“เ้าเจ็บมากใช่ฤาไม่” เขาหยุดเดินแล้วเอ่ยถามเสียงราบเรียบ ซูเจินส่ายศีรษะ
“ข้าเพียงคิดถึงพี่เลี้ยง นางมักพาข้าขี่หลังเช่นนี้เสมอ” มือหนาขององค์รัชทายาท กดศีรษะนางซบลงบนบ่าของเขา แล้วเดินทางต่อ
“คืนนี้เราจะพักกันที่ริมแม่น้ำ ข้าจักรักษาาแของเ้าให้หายทันวันรุ่งขึ้น อดทนแล้วทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี” น้ำคำอบอุ่นพูดกับหญิงสาว ในขณะที่นางเผลอหลับไปเรียบร้อยแล้ว เขาชายตามองใบหน้าหวานที่ซบหลับบนบ่า แล้วมุ่งตรงไปยังริมแม่น้ำกว้าง ที่ใช้เป็เขตแดนระหว่างแคว้นจ้านหลิวและเสี่ยนหลิว
“องค์รัชทายาท” เจิ้งหลี่เบิกตากว้างรีบทำความเคารพ หลังจากร่างขององค์รัชทายาทวูบกลับเข้ามา เป็ระยะเวลายาวนานที่โจวอี้เฟยหายไป
“อย่าเสียงดังไป ข้าเพียงมาเอายาเท่านั้น” สองเท้าขององค์รัชทายาทเดินฉับๆ มุ่งตรงไปยังตำหนัก ในขณะที่องค์ชายรองเดินตามไปติดๆ ไม่เว้นระยะห่าง
“องค์รัชทายาท เหตุใดท่านจึงไม่กลับมาบ้าง ท่านพ่อประชวรบ่อย เพราะมีเื่มากมายให้คิด” ความเร็วของจังหวะเท้าค่อยๆ ชะลอลง ก่อนจะหยุดนิ่งแล้วหันใบหน้าหล่อเหลากลับมา