งานชมดอกฉยงฮวาจบไปแล้วเหล่าชนชั้นสูงจากทั้งสามแคว้นต่างก็ทยอยกันกลับไป
สกุลเซียวยังคงเป็เช่นเดิมมิได้เกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นเพราะเื่ที่เกิดในงานชมดอกฉยงฮวาแม้แต่น้อย มีเพียงฐานะของเซียวมี่ในราชสำนักที่ค่อยๆมีการเปลี่ยนแปลง
ดูจากท่าทางของฮ่องเต้หญิงฮวาหรูเสวี่ยก็สามารถเห็นได้ชัดแล้ว
และเหลยอวี๊เฟิงหลังจากที่ได้เห็นฮวาหรูเสวี่ยตกปากรับคำต่อคำขอของเซียวซู่ซู่แล้วเขาก็ได้ออกจากแคว้นป่ายฮวาในวันนั้นทันที
ตอนนี้เขาสามารถวางใจกับสถานการณ์ของหนานจิงลงได้แล้วใน่เวลาอันสั้นนี้มันจะไม่สามารถคุกคามต้าเยียนได้ และยิ่งจะไม่คุกคามต่อสำนักเหลยด้วย
สำหรับเซียวซู่ซู่สิ่งที่เขารู้สึกสนใจเป็เพียงเพราะความสามารถและความฉลาดหลักแหลมของนางอย่างอื่นเขาหาได้สนใจไม่
ป๋ายหลี่ม่อและสวี่เว่ยหรานเดิมคิดจะใช้อำนาจของแคว้นตนแย่งเซียวซู่ซู่มาแต่ตอนนี้เพียงประโยคเดียวของฮวาหรูเสวี่ยที่ว่าราชสำนักจะไม่ยุ่งกับการแต่งงานของนางคนทั้งสองจึงได้แต่ต้องกลับไปอย่างเงียบๆ จากนั้นค่อยคิดหาวิธีอื่น
แน่นอนว่าเมื่อเป็เช่นนี้ก็ต้องใช้เวลาและการเตรียมพร้อมเป็อย่างมาก อีกทั้งยังไม่อาจดึงแคว้นป่ายฮวาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยได้ ฮวาหรูเสวี่ยผู้นี้มีฝีมือไม่เบาจริงๆ
เพียงพริบตาเดียว แผนการสร้างความขัดแย้งของอ้าวอวิ๋นและโยวเจิ้นก็ไม่อาจดำเนินการต่อได้อีกอีกทั้งเดิมอ้าวอวิ๋นและโยวเจิ้นก็มีความไม่พึงพอใจต่อกันอยู่บ้างทำให้แคว้นทั้งสองคงจะไม่ร่วมมือกันไปอีก่ระยะหนึ่ง
เพราะฉะนั้น ภายในเวลาอันสั้นหนานเจียงยังถือว่าสงบสุขอยู่
าจะต้องเกิดขึ้นแน่ แต่คงต้องใช้เวลา
ที่ฮวาหรูเสวี่ยทำเช่นนี้เป็เพราะว่านาง้าเวลามาทำให้กำลังอำนาจของแคว้นป่ายฮวาแข็งแกร่งเพียงพออีกครั้งมีเพียงวิธีการเช่นนี้ถึงจะสามารถยึดหนานเจียงมาได้ทั้งหมด
ความทะเยอทะยานของนางมิใช่มีเพียงแค่แคว้นป่ายฮวาเท่านั้น
โดยเวลาปกติแล้วเซียวซู่ซู่จะไม่ออกจากจวนสกุลเซียวนางจะทำเพียงแค่พูดคุยเื่ทั่วไปกับเซียวเอิน บางครั้งพี่น้องคนอื่นๆก็จะมาหานางที่เรือน ทุกคนดื่มสุราสังสรรค์กันอย่างมีความสุข
และเพราะว่าในงานดอกฉยงฮวาเซียวซู่ซู่ได้แสดงความสามารถออกมาอย่างโดดเด่น ซึ่งก็ได้แสดงถึงฝีมืออันเก่งกาจของนางออกมา
ในจวนสกุลเซียว เซียวเหยียนเซียวจู๋และคนอื่นๆเมื่อไม่มีเื่อะไรทำนั้นก็มักจะยุให้นางบรรเลงเพลงให้ฟังสักบทหรือไม่ก็ให้ทุกคนร่วมกันต่อบทกลอน
แน่นอนว่าบทลงโทษไม่เคยนับรวมเซียวซู่ซู่สักครั้งหนึ่ง
ใน่ระยะเวลานี้ความนิ่งเรียบและเฉยชาบนร่างของเซียวซู่ซู่ก็ค่อยๆ หายไปเช่นกันนางได้หลอมรวมเข้าไปเป็ส่วนหนึ่งของครอบครัวสกุลเซียวที่ใหญ่โตนี้แล้วเื่ราวในอดีตทั้งหลายก็ค่อยๆ ถูกฝังลึกเอาไว้ในใจ
ทว่านิสัยเยือกเย็นของนางกลับไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ในระยะเวลาอันสั้น
ต่อให้นางกำลังหัวเราะออกมาเสียงดังนางก็ยังคงรู้สึกอ้างว้างอยู่เช่นเคย ความนิ่งสงบไม่สะท้านต่อสิ่งใดนั้นเป็สิ่งที่แผ่ออกมาจากภายในกระดูกของนาง
หลังจากจบบทเพลงกับดักสิบด้านแล้วเสียงปรบมือก็ดังต่อเนื่องไม่หยุด
“คุณหนูเล็ก ท่านเล่นได้ไพเราะยิ่งนัก” คนรับใช้อีกหลายคนก็ตามมาดูด้วย พวกเขาปรบมือเข้าหากันอย่างแรง พลางมีสีหน้ายิ้มแย้มขณะมองไปที่เซียวซู่ซู่ผู้สวมชุดกระโปรงยาวสีขาวบริสุทธิ์
เซียวซู่ซู่ทำเพียงยิ้มบางๆก่อนจะเดินลงจากแท่นบรรเลงพิณ ยกตำแหน่งนั้นให้แก่เซียวเอิน
รูปแบบหญิงสูงชายต่ำของแควนป่ายฮวาใน่เวลาอันสั้นนี้ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้และเซียวซู่ซู่ก็ไม่อาจคุ้นเคยกับมันได้ในเร็วๆ นี้เช่นกัน
เซียวมี่่นี้กำลังยุ่งเป็อย่างมากยุ่งจนไม่เป็อันกินอันนอน อีกทั้งยังไม่มีเวลามาจัดการเื่ภายในของจวน แต่กลับกลายเป็ว่า่นี้เซียวเหยียนและเซียวจู๋มิได้ก่อเื่อะไรร้ายแรงขึ้น
“คุณหนูเล็ก ทางวังหลวงได้ส่งเทียบเชิญมาให้ขอรับ” และในขณะที่เซียวเอินกำลังลงจากเวทีพ่อบ้านก็ได้เร่งรุดก้าวเข้ามาก่อนที่จะยื่นมือทั้งสองที่ถือใบเทียบเชิญสีแดงสดไปตรงหน้าเซียวซู่ซู่
คำว่าวังหลวงสองคำนั้นทำให้ทุกคนในสกุลเซียวต่างพากันเงียบเสียงลง อีกทั้งยังล้วนหันไปมองเซียวซู่ซู่ด้วยสายตาอิจฉา นานมากแล้วที่สกุลเซียวมิได้ถูกคนในวังหลวงเชิญไปงานเลี้ยง
เซียวซู่ซู่ทำให้สกุลเซียวกลับมาเปล่งประกายอีกครั้งแม้ว่าจะเป็เพียงเพราะความสามารถอันโดดเด่น แต่นั่นก็เพียงพอแล้ว
ตอนนี้ก็ยังได้ถูกเรียนเชิญจากวังหลวงอีกเกียรติยศเช่นนี้ยังคงทำให้คนอิจฉาตาร้อนได้ แต่สิ่งเหล่านี้สำหรับเซียวซู่ซู่แล้วกลับเป็เหมือนภาระอันหนักอึ้งนางมองเทียบเชิญสีแดงสดใบนั้น จะรับก็ไม่ใช่ จะไม่รับก็ไม่ใช่
เซียวเอินนั้นรู้สึกดีใจแทนน้องสาวของตนออกมาจากใจจริงหลายวันมานี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาดีมาก ตอนนี้ยิ่งไม่ได้คิดอะไรมากนักจึงยื่นมือออกไปรับแทนเซียวซู่ซู่ พลางหยิบเอาเศษเงินเล็กน้อยออกมาจากแขนเสื้อของตน “พ่อบ้านเ้ากลับไปแจ้งว่าคุณหนูเล็กของเราได้รับเทียบเชิญแล้วจากนั้นก็เชิญพวกองครักษ์เ่าั้กลับไปเถิด”
บรรยากาศที่แต่เดิมกำลังสนุกสนานอยู่นั้นก็ลดลงไปไม่น้อยเซียวเหยียนและเซียวจู๋หันมาสบตากันแวบหนึ่ง แต่พวกเขากลับไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา ทว่าสีหน้าของพวกเขาล้วนไม่สู้ดีนัก
และเซียวซู่ซู่เองก็ไม่ได้แสดงสีหน้าดีใจออกมาแม้แต่น้อยนางเพียงรับเทียบเชิญมาก่อนจะกวาดตามองมันด้วยสีหน้าราบเรียบ “งานเลี้ยงร้อยบุปผา...ช่างมีรูปแบบเป็ร้อยจริงๆ” น้ำเสียงมีความไม่พอใจเจือปนอยู่ บนใบหน้าก็มีความไม่ยินยอมปรากฏอยู่บ้าง เสมือนว่าเกียรติยศเช่นนี้ นางไม่ได้ชื่นชอบแม้แต่น้อย
และในความเป็จริง นางก็ไม่ชอบงานเลี้ยงเช่นนั้นจริงๆการเข้าร่วมงานชมดอกฉยงฮวานั้นก็เป็เพราะถูกบีบจนไม่มีทางเลือกราชโองการฮ่องเต้ยากจะขัดได้ ตอนนี้องค์ชายฮวาเชียนเย่ยังจะจัดงานเลี้ยงร้อยบุปผาช่างชวนให้คนปวดเศียรเวียนศีรษะจริงๆ แต่ว่านางไม่ไปได้หรือ?
นางรู้ว่าไม่สามารถปฏิเสธได้
“ในเทียบเชิญบอกว่าให้คนสกุลเซียวทั้งหลายไปร่วมงานเลี้ยงร้อยบุปผา ท่านป้าใหญ่และท่านป้ารองถ้าหากพวกท่านยินยอมก็ไปกับซู่ซู่เถิด ซู่ซู่เพิ่งฟื้นได้ไม่นานนักรอบรู้เื่ในวังหลวงก็น้อยเหลือเกิน เกรงว่าจะทำเื่ที่ไม่สมควรไป” เซียวซู่ซู่นั้นรู้จักการดูสีหน้าคนเป็ที่สุดเมื่อก่อนตอนนางเป็ซูฉีฉีก็ได้ใช้การมองดูสีหน้าคนเพื่อให้มีชีวิตรอด
เมื่อได้ยินเซียวซู่ซู่เอ่ยเช่นนั้นสีหน้าของคนบริเวณนั้นก็ดีขึ้นไม่น้อย ความจริงต่อให้เซียวซู่ซู่ไม่ทำเช่นนี้พวกนางก็ไม่สามารถทำอันใดได้
ทว่าเซียวซู่ซู่ไม่อยากจะให้ครอบครัวที่กว่าจะอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขได้นั้นต้องเกิดความบาดหมางกันอีกนางไม่ชอบชีวิตเช่นนั้น
“ได้สิๆ”สตรีในสกุลเซียวก็มีเพียงเซียวเหยียน เซียวจู๋และเซียวซู่ซู่เท่านั้นบุรุษคนอื่นแน่นอนว่าไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าร่วม
ตอนนี้เซียวเหยียนและเซียวจู๋รู้สึกว่าเซียวซู่ซู่นั้นน่ารักและจิตใจดีงามเหลือเกิน
บุรุษที่เหลือกลับมีสีหน้าโศกเศร้าเหล่าคุณชายที่เกิดในครอบครัวมีฐานะที่ดีเช่นนี้ย่อมเคยชินกับชีวิตที่มักจะเต็มไปด้วยงานเลี้ยงดื่มสังสรรค์กันอีกทั้งยังชื่นชอบความครึกครื้นอย่างพวกเขาเวลานี้กลับไม่อาจไปร่วมงานเลี้ยงร้อยบุปผาได้ แน่นอนว่าพวกเขาล้วนรู้สึกไม่ยินดีนัก
ทว่าพวกเขาที่เกิดเป็บุรุษนั้นก็ไม่มีทางเลือกอื่นได้แต่เพียงเก็บความไม่พอใจไว้กับตน
“พี่ใหญ่ พรุ่งนี้ ท่านก็ไปกับข้าเถิด” เซียวซู่ซู่มองไปทางเซียวเอินก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบแม้ว่านางจะเป็สตรีที่ในแคว้นป่ายฮวาที่มีฐานะสูงกว่าผู้อื่นหนึ่งระดับแต่ว่านางที่เติบโตในต้าเยียนนั้นกลับไม่อาจเคยชินกับธรรมเนียมเช่นนี้ได้ตอนนี้ยิ่งหวังว่าเซียวเอินจะติดตามอยู่ข้างกาย คอยเพิ่มความกล้าให้กับนาง
นางมิใช่ว่ากลัวคนในวังหลวงแต่ว่านางมิชอบงานเลี้ยงที่ต้องตีหน้าเสแสร้ง แกล้งทำเป็ดีกับผู้คน มีเซียวเอินอยู่ด้วยยังสามารถช่วยนางรับมือได้บ้าง
เซียวเอินแม้จะมีท่าทางคล้ายสตรีอยู่บ้างแต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าเคยเผชิญหน้ากับปัญหาใหญ่มาไม่น้อย
ร้านค้าหลายร้านในสกุลเซียวก็ได้เขาคอยดูแลจัดการอยู่ลับๆเพราะว่าเซียวเหยียนและเซียวจู๋รู้แต่เพียงการสังสรรค์เที่ยวเล่นไปวันๆเซียวมี่จึงไม่อาจวางใจฝากร้านค้าทั้งหมดไว้ในมือของพวกนาง เพราะฉะนั้นเซียวซู่ซู่ก็เชื่อในความสามารถของเซียวเอินเช่นกัน
แต่ว่าประโยคเดียวของเซียวซู่ซู่ในตอนนี้กลับทำให้ทุกคนในที่นั่นต้องอึ้งค้างไป กระทั่งเซียวเอินยังนิ่งอึ้งไปชั่วขณะสายตาของเขาจ้องค้างไปทางเซียวซู่ซู่
เซียวซู่ซู่ยิ้มออกมาอย่างไม่ค่อยเป็ธรรมชาตินักนางเองก็รู้ว่าตนทำผิดธรรมเนียมแล้ว ทว่าคำพูดได้เอ่ยออกไปแล้วนางในตอนนี้ก็ไม่คิดจะคืนคำ “คนที่จัดงานเลี้ยงร้อยบุปผานั้นเป็องค์ชายเขาเองก็เป็บุรุษ ท่านไปก็ไม่ส่งผลกระทบอันใดหรอก”
“แต่ว่า...”เซียวเหยียนยังคงกังวลอยู่บ้าง
เซียวซู่ซู่ได้ตัดสินใจแล้วจะไม่เปลี่ยนแปลงโดยง่าย นางเอ่ยขัดเซียวเหยียนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ท่านป้าใหญ่ ท่านวางใจเถิด มีเื่อะไรข้าจะรับไว้เองไม่ให้พี่ใหญ่เป็อะไรไปแน่”
เซียวเอินเป็บุตรชายคนโตของเซียวเหยียนแน่นอนว่านางเองก็ยินยอมให้เขาไปร่วมงานเลี้ยงเช่นนี้แต่ว่าเช่นนี้ก็ถือเป็การเสี่ยงอันตราย
ตลอดหลายปีที่ผ่านมางานรวมตัวของเชื้อพระวงศ์มักจะไม่อนุญาตให้บุรุษเข้าร่วมนอกจากจะได้รับราชโองการพิเศษจากฮ่องเต้ ตอนนี้จะแหกกฏเพียงเพราะเซียวซู่ซู่ได้อย่างนั้นจริงหรือ?
เมื่อเห็นสีหน้าเด็ดเดี่ยวของเซียวซู่ซู่เซียวเหยียนก็ไม่อาจเอ่ยอะไรออกมาได้อีก
และเซียวเอินกลับดูยินยอมเป็อย่างมากที่จะไปกับเซียวซู่ซู่เขาเองก็กลัวว่าเซียวซู่ซู่จะถูกเชื้อพระวงศ์รังแกต้องรู้กันว่าพวกองค์หญิงที่เติบโตในวังหลวงนั้นล้วนรับมือไม่ง่ายกันทั้งนั้น
ด้วยนิสัยที่เยือกเย็นและเฉยชาของเซียวซู่ซู่จะต้องไม่เป็ที่ชื่นชอบของพวกนางแน่ อีกทั้งเซียวซู่ซู่เพิ่งจะฟื้นได้ไม่นานเื่ทุกอย่างในงานเลี้ยงนางก็ไม่เข้าใจแม้แต่นิดเดียว
ถ้าหาก พวกนั้นหาเหตุผลสักข้อมาทำร้ายนาง มีเซียวเอินอยู่ก็สามารถช่วยนางรับมือได้่หนึ่ง