การที่สัตว์มาฝึกศาสตร์แบบนี้ ในสายตาของนักฝึกศาสตร์นั้นเป็สิ่งที่แปลกใครๆ ต่างก็ว่ากันว่า ตัดหยาบขจัดมาร “หยาบ” ในที่นี้ชี้ให้เห็นถึงสัตว์แปลกประหลาดที่เข้ามาสู่การฝึกศาสตร์ ส่วน “มาร” ก็ชี้ให้เห็นถึงเหล่านักฝึกศาสตร์ที่ก้าวเข้าสู่ศาสตร์มืด
หากว่าเหวินกวนจิ่งอยู่ที่นี่ เขาคงไม่เข้ามาในถ้ำกับลิงแก่แบบนี้ถ้าหากว่ามีความสามารถพอที่จะเอาชนะได้ ก็คงจะฆ่าลิงแก่ทิ้งในทันทีแต่หลินลั่วหรานและหลีซีเอ๋อร์กลับไม่ได้รู้เื่ราวข้อห้ามเ่าั้นี่คือความคิดที่ต่างกันของพวกเขา
ความจริงแล้ว ลิงแก่ตัวนี้ก็นับว่ากล้าหาญมาก มันกำลังาเ็อยู่หากมันมีความสามารถพอที่จะทำให้ใครคนหนึ่งตายไป คนที่เหลืออยู่ก็น่าจะฆ่าเผ่าพันธุ์ที่เหลือของมันได้หมดดังนั้นลิงแก่ตัวนี้จึงลองเสี่ยงดูสักครั้งและเป็ฝ่ายเชื้อเชิญให้นักฝึกศาสตร์สาวทั้งสองเข้ามาในถ้ำแห่งนี้เดิมทีมันก็ตั้งใจให้เป็การลดความสูญเสีย หากว่าเธออยากได้อะไรขึ้นมาก็ให้เธอเอาไป การที่สามารถช่วยลิงตัวเล็กๆ เอาไว้ได้ สำหรับลิงแก่แล้วมันก็ถือว่าคุ้มค่า
และก็เป็ตามที่มันคาด นักฝึกศาสตร์สาวทั้งสองนับว่ามีจิตใจที่ดีไม่ได้มีความ้าจะทำร้ายสู้ต่ออะไรลิงแก่จึงตั้งใจจะหาอะไรให้เป็ของขวัญลาจากกับนักฝึกศาสตร์มนุษย์ทั้งสองเสียหน่อย...ในตอนนี้หลินลั่วหรานกลับตรวจสอบมันทำให้จิตใจที่สงบลงไปแล้วของลิงแก่เริ่มที่จะกังวลขึ้นมาอีกครั้ง
เอ๋ ในร่างกายของลิงตัวนี้เต็มไปด้วยพลังแต่ว่ามีเงาครึ้มปกคลุมอยู่ตรงปอดนะ
“เ้าได้รับาเ็เหรอ?”
ลิงแก่นิ่งไป เมื่อนักฝึกศาสตร์สาวคนนี้มองออก มันก็ไร้หนทางจะปฏิเสธจึงได้แต่พยักหน้าลงเท่านั้น
หลีซีเอ๋อร์ทนมองต่อไปไม่ได้เธอใช้ดวงตาที่ชุ่มไปด้วยน้ำตามองมายังหลินลั่วหราน ก่อนจะหลบไปอย่างไร้ความมั่นใจ
หลินลั่วหรานนิ่งเงียบไปสักพัก ธาตุไม้เป็ธาตุแห่งชีวิตในธาตุทั้งห้ามีบันทึกเวทรักษาของธาตุไม้เอาไว้ เธอไม่เคยลองใช้มาก่อนแต่ว่าจากผลที่เขียนเอาไว้ มันจำเป็ต้องใช้พลังในร่างกายของเธอเป็จำนวนมาก ในสถานที่ลึกลับเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดการที่ได้พบและได้รับเลี้ยงเสี่ยวจินนั้น ถือเป็โชคดีของเธอพลัง์ของเสี่ยวจินนั้นยังไม่ถูกปลุกขึ้นมา ดังนั้นหากร่างของเธอไม่มีพลังก็ถือว่าเป็เื่ที่อันตรายอย่างมาก
ลิงแก่เห็นว่าหลินลั่วหรานถามไปแล้วและไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบกลับอะไรมามันก็รู้สึกสบายใจขึ้นก่อนจะตบมือลิงที่อยู่ด้านนอกเตรียมข้าวของเอาไว้เรียบร้อยแล้วมันถือเอาแก้วหินเข้ามาเสิร์ฟให้ กลิ่นหอมของแอลกอฮอล์ก็ลอยคละคลุ้งไปทั่วหลีซีเอ๋อร์เห็นก็ร้องขึ้นมา
“เหล้าลิงหมัก!”
“เธอรู้จักเหล้านี่ด้วยเหรอ?” หลินลั่วหรานถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ
หลีซีเอ๋อร์พยักหน้าอย่างหนักแน่นก่อนจะกระซิบลงข้างหูของหลินลั่วหรานอย่างรู้สึกไม่ดีนัก
ที่แท้สำนักของหลีซีเอ๋อร์เองก็อยู่ในป่า เธอเป็คนร่าเริงขี้เล่นจึงชอบเข้าไปเล่นด้านในป่า พวกสัตว์เ่าั้ต่างก็พบเจอกับการแกล้งเล่นของ “ตัวร้าย” อย่างเธอไปไม่น้อยหนึ่งในนั้นก็มีพวกลิงกลุ่มหนึ่งที่ถูกหลีซีเอ๋อร์ตามไปถึงรังก่อนจะขนเหล้าลิงหมักของพวกมันไปจนหมดทำเอาลิงพวกนี้ต้องไปโวยวายอยู่หน้าสำนักของเธอหลายวัน ทำเอาอาจารย์ของเธอใถึงได้เอาเหล้ามาคืนให้เหล่าลิงทั้งหลาย
หลังจากได้ยินดังนั้น หลินลั่วหรานก็ไม่รู้ว่าควรจะขำหรือร้องไห้ออกมาดีหลีซีเอ๋อร์คนนี้ เวลาทำอะไร ต่างก็เป็สิ่งที่จะทำให้คนด่าก็ไม่ใช่ จะขำก็ไม่เชิงช่างลำบากใจเสียจริง
แต่ว่า ในเมื่อเป็แบบนี้ แสดงว่าสำหรับพวกลิงแล้ว “เหล้าลิงหมัก” นี้คงจะมีค่ามากสินะ?
หลินลั่วหรานยกแก้วหินขึ้นมา เหล้าลิงหมักเป็สีเหลืองอำพันสวยงามกลิ่นหอมคละคลุ้งไปทั่ว มีความนุ่มนวลอยู่มาก...อีกทั้งยังเต็มไปด้วยพลัง?
หลินลั่วหรานแปลกใจมาก จึงยกขึ้นดื่มเข้าไปอย่างห้ามไม่อยู่เื่ของรสชาติคงไม่จำเป็ต้องพูด มันให้กลิ่นหอมของผลไม้และความนุ่มนวลของแอลกอฮอล์สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เมื่อเหล้าไหลลงไปในท้องก็รู้สึกเหมือนมันเพิ่มความชุ่มชื้นให้พละกำลังและพลังในกายขึ้นมา!
เหล้าลิงหมักพวกนี้ เป็เหล้าวิเศษ!
หลีซีเอ๋อร์ดื่มเข้าไปจนเรอออกมา แต่หลินลั่วหรานที่ััได้ถึงความสามารถของมันกลับนึกถึงพ่อกับแม่ เหล้าวิเศษนี้ดูปลอดภัยหากใช้ในการปรับสภาพร่างกายของพ่อและแม่ รวมทั้งเสี่ยวลั่วตงแล้วก็น่าจะดีมากทีเดียว
หากอยากได้ก็จำเป็ที่จะต้องเสนอราคาออกไป ลองเสี่ยงดูสักหน่อยดีไหม? สุขภาพของคนใกล้ตัวเป็สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับหลินลั่วหรานเสมอจะอย่างไรมันก็เพียงแค่การปล่อย “เวทรักษา” ออกมาครั้งหนึ่งเท่านั้น จากการคาดการณ์ของหลินลั่วหรานแล้วเธอรู้ว่าลิงแก่นั้นสามารถเข้าใจภาษามนุษย์ได้ เธอจึงไม่อ้อมค้อมและถามออกไปตรงๆ
“ถ้าหากว่าเ้าสามารถมอบเหล้าวิเศษนี่ให้ข้าได้สักหน่อยเื่การาเ็ของเ้า ข้าก็มีวิธีการช่วยแก้ไขได้”
ดวงตาของลิงแก่ประกายแวววับขึ้นอาการาเ็ที่ปอดนี้เป็มานานหลายวันแล้วไม่ว่าจะกินสมุนไพรวิเศษเข้าไปเท่าไรก็ไม่เกิดผลหากว่านักฝึกศาสตร์สาวคนนี้สามารถรักษาได้ การมอบเหล้าวิเศษให้สักเล็กน้อยจะเป็อะไรไปมันจึงรีบพยักหน้าตกลงทันที
หลินลั่วหรานเองก็ไม่ใช่คนพูดมากอะไรเธอสั่งให้หลีซีเอ๋อร์ปกป้องเวทเอาไว้ เธอนึกถึงการร่าย “เวทรักษา” อยู่สักพักก่อนจะเริ่มวาดดวงจันทร์ครึ่งดวงขึ้นบนอากาศ...การร่ายเวททั้งหมดนี้มีมากกว่าหนึ่งร้อยแปดท่าและถือว่าเป็เวทระดับสูงที่สุดเท่าที่หลินลั่วหรานเคยฝึกมา
ในสถานที่ลึกลับนั้นพลังมีอยู่อุดมสมบูรณ์ เมื่อปล่อยพลังออกมาก็จะมีพลังที่มากกว่าภายนอกอย่างมากเมื่อหลินลั่วหรานร่ายเวททั้งหนึ่งร้อยแปดท่าเรียบร้อยแล้วแสงสีเขียวก็ปรากฏขึ้นบนปลายนิ้วของเธอ พลังสีเขียวรวมตัวเข้าหากัน แสงเปล่งประกายระยิบระยับ เหล่าลิงที่อยู่ด้านนอกเริ่มส่งเสียงร้องขึ้นมา
ความจริงแล้วหลินลั่วหรานกำลังเหนื่อยล้า การเกิดแก่เจ็บตายเป็วัฏจักรตามธรรมชาติการที่เวทรักษาแบบนี้ใช้พลังเป็อย่างมาก ก็ถือเป็ความเท่าเทียมของธรรมชาติอย่างหนึ่งเมื่อได้ยินว่าเมื่อก่อนนั้นสามารถทำยาวิเศษออกมาได้อีกทั้งยังมียาที่ใช้หยุดเวลาอีกนั่นก็เป็สิ่งที่ธรรมชาติไม่พอใจในการเข้ามายุ่งเกี่ยวเื่ความเป็ตายของมนุษย์โลกเท่าไร
แสงสีเขียวเข้มขึ้น เม็ดเหงื่อเริ่มปรากฏขึ้นบนหน้าผากของหลินลั่วหรานหลีซีเอ๋อร์และลิงแก่ต่างใช้สายตาที่เต็มไปด้วยความเป็ห่วงมองมาที่เธอแต่ท่านเทพป๋ายที่ซ่อนตัวอยู่ในถุงจักรวาลนั้นกลับอารมณ์ไม่ดีเท่าที่ควร หากเป็แบบนี้ เ้าเด็กคนนี้ก็มีพื้นฐานพลังกว่าสามธาตุแล้ว? แผนการในใจของเธอคงจะต้องถอดใจแล้วจริงๆ สามธาตุ ในยุคที่เวทยังคงเจิดจรัสนั้นดูเหมือนว่าเพียงแค่ความสามารถที่จะไปเป็ศิษย์ของสำนักไหน ต่างก็ยังไม่เพียงพอท่านเทพป๋ายได้แต่สงสัยว่าหลินลั่วหรานเคยกินยาที่ทำให้ดูเด็กลงไปบ้างหรือเปล่าด้วยความสามารถของเธอแล้วทำไมอายุเพียงยี่สิบกว่าก็สามารถฝึกมาจนเป็ระดับฝึกลมปราณตอนปลายได้แล้ว...ยิ่งหากเป็ตามที่เ้าเด็กนี่พูดตอนนี้โลกภายนอกนั้นก็เป็ยุคที่เวทกำลังตกต่ำอีกด้วย
หลินลั่วหรานไม่ได้รู้เลยว่าตัวเธอนั้นได้ทำลายแผนการบางอย่างของท่านเทพป๋ายให้ล่มไปเสียแล้วแสงสีเขียวที่อยู่บริเวณปลายนิ้วของเธอ พลังธาตุไม้ที่ลอยอยู่รอบๆส่งผลกับต้นไม้ที่ถูกตัดเป็โพรงอยู่ไม่น้อยแม้ว่าเวทนั้นคือการใช้พลังในตัวกระตุ้นพลังธรรมชาติขึ้นมาใช้ แต่ว่าอย่างไรก็ตาม “เวทรักษา” นั่นยังคงเป็เวทที่นักปราชญ์ระดับฝึกลมปราณเต็มเปี่ยมถึงจะสามารถทำได้อย่างราบรื่นหลินลั่วหรานนั้นไม่ได้รู้เื่ความแตกต่างของมัน และยังคงปล่อยพลังต่อไปแน่นอนว่ามันทำให้พลังในตัวของเธอถูกใช้จนหมด นอกจากพลังธาตุไฟที่แยกตัวออกไปั้แ่แรก
เมื่อเติมเต็มส่วนที่เหลือของดวงจันทร์จนกลมแล้ว เวทรักษาก็หยุดลงแสงสีเขียวรวมกันแน่นจนมีขนาดราวๆ เมล็ดท้อ หลินลั่วหรานชี้มือออกไปก่อนที่มันจะพุ่งเข้าสู่ส่วนปอดของลิงแก่อย่างราบรื่น
หากจะบอกว่าเมื่อเวทเข้าไปอาการเจ็บป่วยก็หายทันทีก็คงจะดูหลอกลวงเกินไปอย่างไรนี่ก็เป็เพียงเวทระดับฝึกลมปราณตอนปลายเท่านั้นไม่ใช่พลังวิเศษเหนือธรรมชาติของนักปราชญ์ที่เก่งกาจ แต่ตอนนี้มันก็ทำให้อาการไอของลิงแก่หยุดลงแล้วพลังธาตุไม้ที่เต็มไปด้วยพลังชีวิตอันบริสุทธิ์จะสามารถรักษาาแของลิงแก่ให้หายได้ในอีกสองสามวัน
หลินลั่วหรานนั่งพักหลับตาลงที่เก้าอี้ไม้ตัวใหญ่ลิงแก่เองก็หลับตาลงซึมซับความรู้สึกของร่างกายตนเองอยู่สักพัก มันรู้สึกขอบคุณสำหรับการรักษาของหลินลั่วหรานเป็อย่างมากมันตบลงที่ตัวของลิงน้อย ราวกับบอกให้มันไปนำอะไรบางอย่างมา