“เขียน? เขียนอะไร?” ซ่งมู่ไป๋เอ่ยถามอย่างสงสัย
“ก็เขียนในสิ่งที่พี่พูดไม่ออกยังไงละคะ เช่นนับจากนี้พวกเราขาดกัน ั้แ่นี้เป็ต้นไปอย่าได้เจอกันอีกอะไรแบบนี้” เซี่ยโม่พยายามอธิบาย
ถึงผู้ใหญ่ทั้งสามคนจะเป็ห่วง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร พวกเขาเข้าใจความหมายของเซี่ยโม่ดี เด็กสาวเหมือนกับหอยทากที่กำลังหดหัวเพราะรู้สึกหวาดกลัวไม่มีผิด
แม้จะรู้สึกเสียดาย แต่พวกเขาก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งกับเื่ของเด็กๆ
ซ่งมู่ไป๋จ้องหน้าเด็กสาวนิ่งอยู่นานกว่าจะเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาได้รางๆ
เซี่ยโม่เอาแต่ก้มหน้า ไม่กล้ามองชายหนุ่ม
เวลานี้เองเพื่อนทั้งสองคนของซ่งมู่ไป๋กระแอมออกมา ก่อนจะบุ้ยปากไปด้านนอกแล้วลุกเดินออกไป
ซ่งมู่ไป๋เข้าใจในท่าทางนั้น เขาลุกขึ้นยืนและเดินตามเพื่อนออกไป โดยที่คนในบ้านไม่รู้เลยว่าทั้งสามคนออกไปพูดคุยเื่ใดกัน
ต่อมาไม่นานก็กลับเข้ามาในบ้าน ใบหน้าชายหนุ่มเต็มไปด้วยความโกรธเคือง “โม่โม่ ฉันมีเื่อยากจะพูดกับเธอ”
เซี่ยโม่รู้ดีว่าพี่ซ่งกำลังโมโห แต่เธอก็อยากพูดคุยให้เข้าใจอยู่เหมือนกัน
เธอลุกขึ้นยืนพลางเอ่ย “เข้าไปพูดกันในห้องเถอะค่ะ”
ในบ้านตอนนี้เธอกับน้องชายพักอยู่ห้องหนึ่ง ส่วนคุณตาคุณยายพักอยู่อีกห้อง เธอเดินนำชายหนุ่มเข้าไปในห้องนอน หลังจากปิดประตู ซ่งมู่ไป๋ก็เอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “โม่โม่ ฉันว่าตอนขึ้นเขาเมื่อเช้าฉันพูดชัดเจนดีแล้วนะ ฉันรู้ว่าเธอยังเด็กอาจจะไม่เข้าใจ แต่ทำไมเธอต้องคอยแต่จะผลักไสฉันอยู่เรื่อย”
เซี่ยโม่เม้มริมฝีปาก ก่อนจะเอ่ยอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ “พี่ซ่ง ฉันก็แค่ไม่อยากให้พี่ต้องลำบากใจ”
“ฉันลำบากใจ? ฉันลำบากใจั้แ่เมื่อไร ฉันโมโหต่างหาก ท่านก็เป็แค่คุณป้าของฉัน มีสิทธิ์อะไรมายุ่งเื่การแต่งงานของฉัน แล้วที่เธอพูดมาเมื่อกี้นี้มันหมายความว่ายังไง อะไรคือฉันพูดไม่ออก? แล้วจะให้ฉันเขียนอะไร? เธอ้าจะผลักไสฉันออกชัดๆ” ชายหนุ่มพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด
“พี่ซ่ง ฉันเห็นพี่เป็แบบนั้นก็เลยนึกว่าพี่รังเกียจฉัน ฉันรู้ตัวดีหรอกค่ะ” เธอรีบอธิบาย ตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็ธรรมอย่างยิ่ง
ซ่งมู่ไป๋มองเด็กสาวตรงหน้า สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเ็ป “นี่เธอเห็นคำพูดของฉันเป็แค่ลมที่พัดผ่านหูหรือยังไง ฉันมันไม่น่าเชื่อถือขนาดนั้นเลย ในใจของเธอไม่มีพื้นที่ให้ฉันสักนิดเลยเหรอ พอมีเื่อะไรเกิดขึ้น เธอก็จะออกหากจากฉันท่าเดียว”
“พี่ซ่ง ฉันเปล่านะคะ” เซี่ยโม่ส่ายหน้าปฏิเสธ
แววตาของซ่งมู่ไป๋เต็มไปด้วยความโกรธ “ยังจะบอกว่าเปล่าอีก!”
จู่ๆ ชายหนุ่มก็ยื่นมือไปดึงแขนเธอเข้ามา เขานั่งลงบนเก้าอี้ก่อนจะจับตัวเด็กสาวพาดที่ขา แล้วใช้มือฟาดไปที่ก้นของเธอสองที
แม้จะเงื้อมือขึ้นสูง แต่จังหวะที่ฟาดลงมากลับไม่ได้รุนแรงเท่าที่คิด
ซ่งมู่ไป๋พลันชะงักค้างเมื่อมือได้ัักับความนุ่มนิ่มของผิวเด็กสาว
เซี่ยโม่พยายามดิ้นให้หลุด พอเห็นชายหนุ่มนิ่งไปจึงฉวยโอกาสนี้หนีลงมาจากหน้าตักอีกฝ่าย
เธอรู้สึกทั้งโกรธและอาย “คนนิสัยไม่ดี!”
เด็กสาวใช้มือลูบก้นที่ถูกตี ตอนผู้ชายคนนี้โมโหน่ากลัวเหลือเกิน ครั้งที่แล้วก็ต่อยพี่พั่งจื่อจนกระอักเื ครั้งนี้ยังตีก้นเธออีก ต่อไปไม่ทุบตีเธอเลยหรือไร!
เธอมองอีกฝ่ายอย่างหวาดระแวง
ซ่งมู่ไป๋เพิ่งได้สติกลับคืนมา พอเห็นสายตาห่างเหินของเด็กสาว เขารู้สึกเหมือนถูกน้ำเย็นสาดใส่หน้าอย่างไรอย่างนั้น
เด็กสาวไม่ชอบให้เขาทำร้ายคนอื่น เมื่อครู่นี้เขาพลั้งมือไปได้อย่างไร
โบราณว่าไว้ไม่มีผิด ความใจร้อนคือปีศาจร้าย!
เมื่อครู่นี้เขาใจร้อนเกินไปจริงๆ
“โม่โม่ เมื่อกี้ฉันใจร้อนเกินไปหน่อย ต่อไปฉันจะไม่ทำอีกแล้ว” ซ่งมู่ไป๋พยายามแก้ตัวอย่างร้อนรน เหงื่อเริ่มผุดซึมเต็มหน้าผาก
ทว่าเด็กสาวกลับตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเ็า “ครั้งที่แล้วพี่ก็พูดแบบนี้เหมือนกัน”
เขาทำอะไรไม่ถูก ราวกับเด็กที่กำลังหลงหาทางกลับบ้านไม่เจอ
“งั้นเธอตีฉันกลับดีไหม แต่ขอร้องละ อย่าโกรธฉันเลยนะ อย่าไม่สนใจฉันเลยนะ ได้ไหม” ชายหนุ่มพยายามอ้อนวอน พร้อมกันนั้นก็เตรียมใจรอรับแรงปะทะ หากเด็กสาวจะทุบตีเขาเพื่อเอาคืน
เห็นชายหนุ่มพยายามขอร้องอย่างน่าสงสาร เซี่ยโม่ก็เริ่มใจอ่อน ถึงอย่างนั้นน้ำเสียงที่เอ่ยออกไปยังคงความเ็าอยู่หลายส่วน “ต่อไปพี่ห้ามตีฉันอีก แล้วก็ห้ามทำร้ายคนอื่นด้วย ฉันไม่ชอบความเคยชินที่ไม่ดีนี้ของพี่เลย”
ซ่งมู่ไป๋ชูมือขวาขึ้นมา ก่อนจะกล่าวสาบาน “ต่อไปฉันจะไม่ทำร้ายใครอีก หากฉันผิดคำพูดขอให้ไม่ตาย…”
คำสุดท้ายยังไม่ทันได้หลุดลอดออกมา ริมฝีปากเขาพลันััได้ถึงความนุ่มนิ่มของมือเด็กสาวเสียก่อน
ครั้งที่แล้วก็แบบนี้ เขาเสพสุขกับัันุ่มนิ่มตรงริมฝีปากจนเผลอแลบลิ้นออกไปโดยไม่รู้ตัว
เซี่ยโม่รีบชักมือกลับ ใบหน้าขึ้นสีแดงก่ำ เธอถลึงตามองชายหนุ่มตรงหน้าพร้อมทั้งต่อว่าไปคำหนึ่ง “ลามก!”
จากนั้นเปิดประตูวิ่งออกไป
ด้านซ่งมู่ไป๋ แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเมื่อครู่ถึงได้ทำแบบนั้นออกไป
นานกว่าจะได้สติกลับคืนมา เขารีบวิ่งตามออกไปอย่างสำนึกผิด
ผู้ใหญ่ทั้งสามคนยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารข้างนอก ถึงตัวจะนั่งอยู่ข้างนอก แต่ใจกลับลอยเข้าไปอยู่กับเด็กสองคนในห้อง
เซี่ยโม่วิ่งหนีออกมาข้างนอกห้องด้วยใบหน้าแดงก่ำเนื่องจากเขินอาย ผู้ใหญ่ทั้งสามคนที่นั่งอยู่หน้าตาตื่นขึ้นมาทันใด หรือว่าเสี่ยวซ่งจะรังแกหลานสาวของพวกเขา?
ขณะที่กำลังจะเอ่ยถาม กลับเห็นเสี่ยวซ่งวิ่งตามออกมาด้วยสีหน้าคล้ายคนรู้สึกผิดเสียก่อน
ต้องเป็แบบที่พวกเขาคิดอย่างแน่นอน เ้าหนุ่มมู่ไป๋รังแกหลานสาวของพวกเขา!
คุณตาพุ่งเข้าใส่ซ่งมู่ไป๋ พร้อมกับปล่อยหมัดออกไป
“กล้ารังแกหลานสาวของฉันงั้นหรือ เ้าหนุ่ม ฉันมองเธอผิดไปจริงๆ”
ซ่งมู่ไป๋ไม่กล้าหลบ จึงถูกชกเข้าที่หน้าอกเต็มแรง
พลั่ก…
ชายหนุ่มถูกชกจนถอยหลังไปหลายก้าวกว่าจะตั้งหลักได้ ถึงอย่างนั้นก็พยายามที่จะอธิบาย “คุณตา ผมไม่ได้…”
เซี่ยโม่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวทางด้านหลังจึงหันกลับไปมอง ก่อนจะพบว่าคุณตากำลังชกพี่ซ่ง เธอรีบวิ่งเข้าห้ามทันที
“คุณตา อย่าชกพี่ซ่งนะคะ พี่เขาไม่ได้รังแกหนู”
ที่ผ่านมาเธอนึกว่าผู้ใหญ่ทั้งสามคนรักใคร่และเอ็นดูพี่ซ่งมาก มากกว่าเธอที่เป็หลานแท้ๆ ความจริงแล้วไม่ใช่เช่นนั้น ในใจของทั้งสามคนเธอต่างหากคือคนที่สำคัญที่สุด พวกเขาก็แค่รักบ้านเลยรักอีกาที่อยู่บนหลังคาด้วย[1]เท่านั้น
เมื่อเห็นท่าทางของเธอเหมือนถูกพี่ซ่งรังแกก็ตรงเข้าไปจัดการอย่างไม่เกรงใจ
เห็นอีกฝ่ายถูกคุณตาชกจนเสียหลัก ความโกรธที่มีในใจก็มลายไป
แต่ก็ยังรู้สึกอายที่ก่อนนี้พี่ซ่งตีก้นเธอไว้อยู่ดี ดังนั้นจึงกล่าวซ้ำเติมอย่างแง่งอน “คุณสมควรโดนแล้ว!”
“โม่โม่พูดถูก” ซ่งมู่ไป๋พยักหน้ายอมจำนน
เวลานี้ต่อให้เด็กสาวผายลมเขาก็ไม่กล้าพูดว่าเหม็น ต้องบอกว่าหอมมากอย่างแน่นอน นั่นเพราะเขาเป็ฝ่ายทำผิดเอง
พอเห็นชายหนุ่มมีท่าทางว่าง่าย เซี่ยโม่รู้สึกพึงพอใจยิ่ง “พวกเราควรขึ้นเขาได้แล้ว พี่เป็ยังไงบ้างคะ ถ้าไม่ไหวจะพักอยู่ที่บ้านก็ได้นะคะ”
ซ่งมู่ไป๋รีบส่ายหน้า เขาไม่อยากอยู่ที่นี่ ขืนอยู่ต่อได้ถูกผู้ใหญ่ทั้งสามคนสั่งสอนแน่นอน เขาตามเด็กสาวไปด้วยดีกว่า
กระนั้นเขาก็ยังหันไปพูดกับผู้ใหญ่ทั้งสามคนอย่างอ่อนน้อม “คือว่า พวกผมขึ้นเขาไปตัดฟืนต่อก่อนนะครับ”
เพียงแค่เห็น เหล่าผู้าุโรู้ได้ทันทีว่าเด็กทั้งสองคนคืนดีกันแล้ว
คุณตาเอ่ยอย่างทอดถอนใจ “เด็กสองคนนี้นี่ พวกเราอย่าเข้าไปยุ่งเลยดีกว่า”
“ฉันก็ไม่ยุ่งแล้ว ไปที่โรงตรวจดีกว่า” คุณปู่จ้าวพูดจบก็ลุกขึ้นยืนก่อนเดินออกจากบ้านไป
คุณตาคุณยายเดินออกจากบ้านไปทำงานของตัวเองต่อเช่นกัน
”โม่โม่บอกว่าตอนเย็นจะทำเกี๊ยว ฉันว่าหลังจากให้อาหารหมูเสร็จฉันจะกลับมาช่วย ส่วนพวกเสี่ยวซ่ง ฉันจะคะยั้นคะยอให้กินให้อิ่มก่อน อิ่มเมื่อไรค่อยปล่อยให้กลับไป” คุณยายกล่าวขณะเดินไปคอกหมู
“ก็ดีเหมือนกัน แกรีบให้อาหารหมูแล้วก็รีบกลับมาช่วยหลานเถอะ” คุณตาเห็นด้วยกับภรรยา
ทิ้ง่ไม่นานพวกเซี่ยโม่ก็เดินออกจากบ้านตามหลังคุณตาคุณยายไปจึงได้ยินบทสนทนาของพวกท่านทั้งคู่
ซ่งมู่ไป๋กลัวเหลือเกินว่าเหตุการณ์เมื่อครู่นี้จะทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสามคนไม่พอใจตัวเอง หากเป็เช่นนั้นเขาก็อย่าหวังเลยว่าจะได้ลงเอยกับเด็กสาว
แต่พอได้ยินบทสนทนานี้ เขาลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ผู้ใหญ่ทั้งสองท่านยังคงเอ็นดูเขาอยู่
ซ่งมู่ไป๋คิดในใจ โชคดีที่เมื่อครู่เด็กสาวช่วยแก้ตัวให้เขา วันหลังต้องคอยเตือนตัวเองให้ดีว่าอย่าทำให้เด็กสาวโกรธอีก
-----------------------------------
[1] รักบ้านเลยรักอีกาที่อยู่บนหลังคาด้วย หมายถึง รักใครก็จะรักคนหรือสิ่งของที่เกี่ยวกับคนคนนั้นด้วย
