“มิเช่นนั้นแล้ว เ้าหวังจะให้ข้าไปที่ใดงั้นหรือ”
“ข้านึกว่าท่านกับ… แล้วหลินเยี่ยนหงผู้นั้นเล่าเพคะ”
“นางกลับไปตั้งนานแล้ว ข้าพึ่งนึกได้ว่า มีงานที่ยังต้องสะสาง ก็เลยไม่ได้ออกไปกับนาง ได้ยินเสียงพิณประหลาดของเ้า ทำเอาข้านึกเขียนฎีกาต่อไม่ได้เลย ก็เลยจะลงมาชวนเ้า ออกไปเที่ยวผ่อนคลายสักหน่อย ว่าอย่างไร ยังอยากจะไปเดินเที่ยวอยู่หรือไม่”
ซินหรูยิ้มออกมาในทันที เมื่อท่านอ๋องเอ่ยปากชวน
“ไปเพคะ”
“เช่นนั้นอาจารย์ตู้ วันนี้ข้าขอพาซินหรู ออกไปพักผ่อนสักวัน พรุ่งนี้จะนำนักเรียนหัวดื้อของท่านมาส่งคืน”
“ท่านอ๋องทรงเกรงใจไปแล้วเพคะ”
“ข้าไม่ดื้อเสียหน่อย ท่านกล่าวเกินไปแล้ว เช่นนั้นข้าไปนะเ้าคะอาจารย์ตู้”
“ไปเถอะ”
ซินหรูเดินตามท่านอ๋องไปทันที ขบวนเสด็จของท่านอ๋องออกจากจวน ซินหรูก็เปิดหน้าต่าง เพื่อมองดูผู้คนในเมือง จนท่านอ๋องขมวดคิ้วมอง
“ซินหรู เ้านั่งนิ่ง ๆ หน่อย รถม้ามิได้นิ่มมากนัก เดี๋ยวก็ล้มหรอก”
“ไม่เป็ไรเพคะ ข้าอยากดูบ้านเมืองของตงโจว ว่าคึกคักขนาดไหน ไม่ได้ออกมาเที่ยวนานแล้ว คนยังเยอะเหมือนเดิม”
ท่านอ๋องได้แต่ส่ายศีรษะให้กับนาง อย่างน้อยฉินซินหรูในตอนนี้ ก็ดูสดใสกว่าเด็กหญิง ที่เขาเคยพบในครั้งแรก แววตาของนางที่ดูสิ้นหวังและว่างเปล่า ผ่านมาแปดปี วันนี้นางมีรอยยิ้มและมีความสุข อยู่ในจวนอ๋อง ซึ่งเป็สิ่งที่เฟิงหยาง รู้สึกหวงแหนมากที่สุด โดยไม่รู้ตัว
“เอาล่ะ ๆ รีบมานั่งได้แล้ว เ้าเป็สตรีที่ยังมิได้ออกเรือน โผล่หน้าออกไปเช่นนั้น มันดูไม่เหมาะ”
“ก็ได้เพคะ”
นางยอมกลับเข้าไปนั่งข้าง ๆ เขา และกอดแขนเขาทันที เพียงแค่ได้กลิ่นกายหอมอ่อน ๆ ของนาง ท่านอ๋องก็เริ่มหายใจติดขัด เขารู้สึกมวนท้องเล็กน้อย นี่มิใช่อาการปกติที่เกิดขึ้น เมื่อหันมามองหน้าหญิงสาว ที่โตเต็มวัยในตอนนี้ หัวใจเขากลับเต้นรัวถี่
‘ไม่ได้การแล้ว นี่ข้ากำลังคิดอะไรอยู่ นางกับข้าอยู่ในฐานะอากับหลาน แม้จะต่างแซ่และไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ว่า…’
“เสด็จอาเพคะ”
“ว่าอย่างไร”
“ถึงแล้ว ไม่ลงหรือเพคะ”
“อ้อ ไปสิ”
ยิ่งนานวัน หัวใจของท่านอ๋อง ก็เริ่มไม่ปกติ เพียงแค่นางจับมือเขา และพาเดินไปทั่วตลาดในเมืองตงโจว ที่คึกคักไปด้วยร้านค้าและผู้คน จิตใจของหรงเฟิงหยาง ก็ไม่เคยเต้นปกติอีกเลย
“ท่านอาข้ากระหายน้ำแล้ว ไปพักที่โรงน้ำชาทางนั้นกันเถอะ”
“ได้สิ”
เขาหันไปมองกำไลหยก และปิ่นหยกขาวที่เข้าคู่กัน ซึ่งนางหยิบวางอยู่สองสามรอบ แต่กลับไม่ซื้อ จึงหันไปมองอีกครั้ง
“คุณชาย ฮูหยินของท่านจับมาหลายรอบแล้ว คงเกรงว่าท่านจะไม่ให้ซื้อน่ะขอรับ”
“ฮูหยินงั้นหรือ”
ท่านอ๋องเผลอยิ้มออกมา และรีบล้วงเงินออกมาจ่ายค่าของ
“ข้าเอาชุดนี้ ห่อให้ด้วย นี่ค่าของ ไม่ต้องทอนนะเถ้าแก่”
“ขอบคุณขอรับคุณชาย”
พ่อค้ายิ้มทั้งน้ำตา เพราะเงินที่ท่านอ๋องจ่ายไป เกินกว่าราคาของถึงสามเท่า ต่อให้วันนี้เขาปิดร้านไป และไม่ขายไปอีกสองวัน ก็ไม่ขาดทุน เมื่อถึงโรงน้ำชา ซินหรูก็นั่งรออยู่ที่โต๊ะแล้ว
“ทางนี้เพคะ”
แค่เห็นรอยยิ้มของนาง ก็เพียงพอแล้วสำหรับเขา ก่อนหน้านี้เกือบจะทะเลาะกับนาง เพราะหลินเยี่ยนหง ซึ่งทั้งสองคนเป็ไม้เบื่อไม้เมากันมานาน คนหนึ่งคือบุตรีลูกขุนนาง ที่ผู้คนต่างเรียกร้อง อยากให้เป็พระชายาของเขา
อีกฝ่ายคือหลานนอกไส้ ที่ได้ชื่อว่าสตรีอันดับหนึ่ง แต่หากพูดถึงความเหมาะสม อย่างไรผู้คนก็มองว่า หลินเยี่ยนหงเหมาะสมกับเขา มากกว่าฉินซินหรู
“วันนี้ได้ออกมาเที่ยว สนุกหรือไม่”
“สนุกมากเลย ต้องขอบคุณเสด็จอา ที่พาข้ามาเที่ยวนะเพคะ”
หลังจากนั้นทั้งสองคน ก็เดินเที่ยวในเมืองอยู่อีกหลายที่ ท่านอ๋องยังพานางไปยังร้านเครื่องประทินโฉม และร้านตัดชุดชื่อดัง เพื่อสั่งตัดชุดใหม่ให้อีกหลายตัว ขากลับ ฉินซินหรูหลับสนิทไปที่ตักของเขา ด้วยความอ่อนเพลีย
จวนท่านอ๋อง
“เบาเสียงหน่อย เปิดประตู ข้าอุ้มนางกลับไปเอง”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ท่านอ๋องค่อย ๆ รวบตัวนางขึ้นมาอุ้มอย่างง่ายดาย เขาคิดไม่ถึงเลยว่า ซินหรูจะตัวผอมบางเช่นนี้ คิดว่าตลอดมาดูแลนางเป็อย่างดีแล้วแท้ ๆ
“เหตุใดเหมือนเด็กยังไม่โต ตัวเบาไม่ต่างกับตอนสิบขวบเลย”
แต่บัดนี้ฉินซินหรู หาใช่สตรีในวัยสิบขวบอย่างที่คิดไม่ อย่างน้อยบางอย่าง ที่กำลังดันหน้าอกเขาอยู่ตอนนี้ มันก็ใหญ่เสียจนทำให้คนที่อุ้ม รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง แข้งขาติดขัดและก้าวช้าลงไปเรื่อย ๆ กว่าจะถึงเรือนของซินหรู ก็รู้สึกว่าเหนื่อยกว่าปกติ ทั้ง ๆ ที่ยังหนุ่มยังแน่น และอายุยังไม่ถึงสามสิบด้วยซ้ำ
“รอถึงเวลาอาหารเย็นค่อยเรียก ปล่อยให้นอนพักไปก่อน”
“เพคะท่านอ๋อง”
ท่านอ๋องปัดผมที่ปกหน้านาง ออกอย่างเบามือ และวางกล่องเครื่องประดับเอาไว้ข้าง ๆ คิดว่าหากซินหรูตื่น ก็คงจะเห็น เมื่อเขาลูบไปตามใบหน้า ก็รู้สึกร้อนผ่าวที่ฝ่ามือ นี่มิใช่อาการปกติเลย
ท่านอ๋องในวัยหนุ่ม เริ่มรู้สึกแปลกมากขึ้น หลังจากที่ได้ออกไปเที่ยวกับนางเพียงสองคน เขารู้ว่าอาการนี้ มันเริ่มเกิดขึ้นมานานแล้ว นางค่อย ๆ เข้ามามีอิทธิพลในใจของเขาอย่างช้า ๆ จนในที่สุด ก็มิอาจต้านทานได้
“แม่ทัพฉิน เห็นทีครานี้คำสาบานของข้า คงต้องล้ำเส้นแล้ว”
จวนสกุลหลิน
“ว่าอย่างไรนะ! เ้าบอกว่าท่านอ๋อง… ออกไปเที่ยวในเมืองกับ… กับนางหรือ!”
“เ้าค่ะ คนในจวนออกไปซื้อของที่ตลาด บังเอิญพบกับทั้งสองในเมือง ก็เลยแอบเดินตามทั้งคู่ไป เห็นว่าท่านอ๋องซื้อของ ให้คุณหนูฉินไปหลายอย่าง และยังเดินทั่วทั้งตลาดเหมือน…. เอ่อ เหมือน”
“พอแล้ว! ข้าไม่อยากฟัง ออกไปให้หมด!”
“จะ เ้าค่ะ”
พู่กันขนกระต่ายอันใหม่ ในมือของหลินเยี่ยนหง ถูกหักทิ้งทันที เมื่อสาวใช้นำข่าวสำคัญมาบอก
“เขาปฏิเสธข้า แต่กลับแอบพานังจิ้งจอกน้อยนั่น ไปเที่ยวตามลำพัง พระองค์ใจร้ายกับข้าก่อน ก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน ฉินซินหรู ได้เวลากำจัดเ้าให้พ้นทางแล้ว”
สามวันถัดมา
หลังจากที่ท่านอ๋องพานางออกไปเที่ยว เขาก็มีราชกิจเข้ามามาก จนแทบจะไม่มีเวลาพบกับซินหรูอีกเลย แม้แต่เวลาที่จะเอ่ยขอบคุณ เมื่อเห็นเครื่องประดับหยกที่ท่านอ๋องซื้อให้ ก็ยังไม่มีโอกาส
“ชิงเถา เสด็จอากลับมาหรือยัง”
“ยังเลยเ้าค่ะ เห็นว่าวันนี้ท่านอ๋อง เดินทางไปที่ลานบวงสรวงนอกเมือง เพื่อเตรียมงานบวงสรวงประจำปีเ้าค่ะ”
“ลานบวงสรวงนอกเมืองสินะ เช่นนั้นข้าออกไปดูหน่อยดีกว่า”
“คุณหนูจะไปหรือเ้าคะ”
“วันนี้ไม่มีอะไรเร่งด่วน ออกไปเที่ยวสักหน่อยก็ดี ข้ายังไม่เคยเห็นลานพิธีบวงสรวง ที่พึ่งสร้างใหม่นี้เลย”
“เช่นนั้นข้าจะสั่งให้คนเตรียมรถม้าให้เ้าค่ะ”
ทั้งสองคนนั่งรถม้า เพื่อออกไปนอกเมือง ตอนนี้ตงโจวสุขสงบและไร้ามานานเกือบสองปี าครั้งสุดท้ายที่ท่านอ๋องนำทัพออกศึก ก็คือหลังจากพิธีปักปิ่นนางหนึ่งปี
นอกเมืองตงโจว
“นอกเมืองเช่นนี้อากาศดีจริง ๆ ด้วย”
“คุณหนูดูนั่นสิเ้าคะ ท่านอ๋องอยู่ตรงนั้นเ้าค่ะ เอ๊ะ นั่น… คุณหนูหลินมิใช่หรือเ้าคะ”
นางหันไปมองตามที่ชิงเถาบอก หลินเยี่ยนหงที่เดินตามท่านอ๋องไปทุกที่ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ เขาไม่เคยบอกมาก่อนเลยว่า นางจะมาทำงานร่วมกับเขาแบบนี้ ทำให้ผู้ที่ยืนมองอยู่แอบน้อยใจ เขามองไม่เห็นนาง ซินหรูจึงเดินเลี่ยงไปอีกทาง และเดินตามหลังคณะขุนนาง ที่ปฏิบัติภารกิจอยู่เงียบ ๆ
“คุณหนูหลินเชี่ยวชาญเื่งานเช่นนี้จริง ๆ ครั้งนี้หากมิได้คุณหนูหลินช่วย คงจะยุ่งยากกว่านี้เป็แน่”
“ใต้เท้าหลี่กล่าวเกินไปแล้ว ข้าก็แค่ช่วยท่านอ๋อง ตามที่เห็นสมควรเท่านั้น”
“ไอ้หยา อย่าพูดเช่นนั้นเลย ผู้ใดในตงโจวจะไม่รู้บ้างว่า คุณหนูหลินเหมาะสมกับท่านอ๋องมากเพียงใด ว่าหรือไม่จริง”
“ใต้เท้าจงกล่าวได้ถูกต้องแล้ว เช่นนั้นเราก็คงจะมีข่าวดีเร็ว ๆ นี้แล้วสินะ พวกท่านว่าหรือไม่”
หลินเยี่ยนหงได้แต่ก้มหน้าเอียงอาย เมื่อเหล่าขุนนางซึ่งเป็คนในกรมขุนนาง บิดาของนางเอ่ยออกมาเช่นนี้ แม้ว่าท่านอ๋องจะมิได้ตอบอะไรก็ตาม
“ปัดโธ่คุณหนูหลิน ไม่เอาน่าดูเ้าสิ พูดเพียงแค่นี้ก็อายเสียแล้ว หลายวันมานี้ เ้ากับท่านอ๋องทำงานร่วมกันทุกวัน มีหรือที่พวกข้าจะไม่รู้”
“ลานจัดเครื่องบวงสรวง ตรวจสอบความเรียบร้อยแล้วหรือยัง”
“เอ่อ กระหม่อมจะรีบไปดูเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”
เสียงพูดคุยกันยังดังขึ้น พร้อมกับเสียงหัวเราะไปตลอดทาง ซินหรูขาแข็งจนก้าวไม่ออก จนชิงเถารู้สึกสงสาร
“คุณหนู พวกเรากลับก่อนดีหรือไม่เ้าคะ”
“ข่าวดีงั้นหรือ เสด็จอาไม่เห็นเคยบอกเลยว่า นางเองก็มาทำงานนี้ด้วย มิน่าเล่าถึงได้พาข้าออกไปเที่ยวครั้งก่อน เพราะชดเชยเื่นี้นี่เอง”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้