แต่ชวีเสี่ยวปอไม่ได้รับคำตอบใดใดกลับมา
เพราะจู่ๆ โจวเจ๋อหยวนก็โผล่ออกมาแทรกกลางระหว่างพวกเขาทั้งสองคน พร้อมทั้งถามออกไปว่า : “พวกนายคุยอะไรกันอยู่เหรอ? ”
“ไม่มีอะไร” ชวีเสี่ยวปอแย่งตอบออกไปก่อน ทั้งยังจ้องมองไปยังพวกเขา ชวีเสี่ยวรู้สึกไม่ค่อยชอบพวกเขาทั้งสองคนสักเท่าไหร่ แล้วยิ่งบวกกับเื่ที่คนคนนั้นทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจก่อนหน้านี้ จึงทำให้ในตอนนี้ชวีเสี่ยวปอไม่อยากที่จะพูดอะไรกับพวกเขาเลยสักคำ
“เมื่อกี้ยังเห็นพวกนายสองคนคุยกันสนุกอยู่เลย” ชวีเสี่ยวปอไม่สามารถหาคำมานิยามคนอย่างโจวเจ๋อหยวนได้จริงๆ เห็นได้ชัดว่าคนคนนี้เป็คนที่ดูอารมณ์คนอื่นเป็ ชวีเสี่ยวปอรู้สึกว่าเขาดูออกมาตั้งนานแล้วว่าตัวเองกำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่ แต่เขาก็ช่างแสร้งทำท่าทางที่ดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี้ได้อย่างแเีเสียจริงๆ
“พอแล้ว” ผู้ชายที่มากับโจวเจ๋อหยวนพูดขึ้นมา พร้อมทั้งตบไปที่ไหล่ของเขา “อย่าทำให้น้องชายสุดหล่อคนนี้ลำบากใจเลย”
โจวเจ๋อหยวนจ้องเขาไปทีหนึ่ง : “นายอยู่เฉยๆ ไม่เป็หรือไงฮะ? ”
อีกฝ่ายทำเสียงไม่พอใจออกมา “พวกเราสองคนไม่ต้องพูดว่ากันหรอก”
ชวีเสี่ยวปอมองพวกเขาทั้งคู่ต่อล้อต่อเถียงกันก็เริ่มรู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมาแล้ว เขารู้สึกว่าคำพูดของพวกเขาทั้งสองคนดูเหมือนจะมีความหมายอื่นแฝงอยู่ด้วย สรุปแล้วก็คือมันดูไม่เหมือนตอนที่เขากับซือจวิ้นพูดคุยหยอกล้อกัน
โจวเจ๋อหยวนไม่ได้สนใจเขา แต่หันมาพูดกับชวีเสี่ยวปออีกครั้ง : “พักนี้เซี่ยเจิงเป็ยังไงบ้าง? ”
ชวีเสี่ยวปอระแวดระวังตัวขึ้นมาทันที : “นายถามทำไม? ”
สีหน้าของโจวเจ๋อหยวนดูลึกลับขึ้นมาเล็กน้อย : “เซี่ยเจิงเคยบอกอะไรกับนายไหม? ทำไมนายถึงได้ดูเคร่งเครียดขึ้นมาขนาดนี้? ”
“เปล่า” ชวีเสี่ยวปอรู้สึกตัวแล้วว่าตัวเองแสดงออกมากเกินไป แต่คำพูดนั้นก็เป็ความจริง
“ครั้งก่อนเป็เพราะว่าฉันกับเซี่ยเจิงมีเื่เข้าใจผิดกันนิดหน่อย” โจวเจ๋อหยวนถอนหายใจออกมา ในขณะนั้นก็จับตามองทุกสีหน้าที่แสดงออกมาบนใบหน้าของชวีเสี่ยวปออย่างละเอียด แต่เขากลับไม่เห็นอะไรที่ผิดปกติไปเลย “ดังนั้นเขาก็เลย...”
“เื่ไหนที่เซี่ยเจิงอยากจะพูด เขาจะบอกผมเอง” ชวีเสี่ยวปอพูดแทรกโจวเจ๋อหยวนขึ้นมา “ต่อให้เขาไม่พูด นั่นมันก็เป็เื่ของคุณสองคน ไม่เกี่ยวอะไรกับผม”
“งั้นก็ได้” โจวเจ๋อหยวนผงะไปชั่วครู่ เห็นได้ชัดว่าเขาคิดไม่ถึงว่าชวีเสี่ยวปอจะมีท่าทีเช่นนี้
“ถ้าคุณไม่มีเื่อะไรแล้วผมขอตัว” ชวีเสี่ยวปอพูดพลางชี้ไปที่ซือจวิ้นที่เพิ่งจะออกจากห้องน้ำมา
“ได้สิ ลาก่อน” โจวเจ๋อหยวนมองไปทางที่เขาชี้ไปแวบหนึ่ง จากนั้นจึงพยักหน้า
ตอนที่ออกจากห้างสรรพสินค้ามาเวลาก็ผ่านไปประมาณหนึ่งแล้ว หลังจากที่เห็นซือจวิ้นเรียกรถกลับไปแล้ว ชวีเสี่ยวปอก็ยังคงยืนอยู่ข้างทาง เขาไม่อยากกลับบ้าน
แต่อยากไปหาเซี่ยเจิง
อันที่จริงก็ไม่ได้มีเื่อะไรหรอก แต่ถ้าจะต้องหาเหตุผล มันก็คงจะเป็เพราะชวีเสี่ยวปออยากเล่าเื่ที่เจอโจวเจ๋อหยวนในวันนี้ให้เขาฟัง
ถึงแม้ว่าเื่เล็กเพียงเท่านี้จะส่งข้อความไปก็เพียงพอแล้ว ทว่าชวีเสี่ยวปออยากที่จะเล่าให้เขาฟังต่อหน้ามากกว่า
ดังนั้นในตอนนี้เขาจึงมายืนอยู่ที่หน้าบ้านของเซี่ยเจิงอีกครั้งเป็ที่เรียบร้อยแล้ว ชวีเสี่ยวปอไม่รู้มาก่อนเลยว่าตัวเองเป็จะคนที่คิดเร็วทำเร็วเช่นนี้ ในขณะนั้นประตูรั้วไม่ได้ล็อกเอาไว้ ชวีเสี่ยวปอจึงเดินเข้าไปด้านในได้เลยทันที
“เซี่ยเจิง !” เขาะโออกมาครั้งหนึ่ง
เซี่ยเจิงไม่ได้ตอบรับ แต่เขากลับเคาะกระจกจากด้านในออกมาแทน ชวีเสี่ยวปอเห็นเซี่ยเจิงโบกมือส่งสัญญาณเรียกให้เขาเข้ามา
“คุณป้าล่ะ? ” ชวีเสี่ยวปอเข้าบ้านไปอย่างมีความสุข แต่พอเดินไปถึงหน้าประตูห้องนอนเขาก็ไม่รู้จะวางเท้าลงไปตรงไหนเลย เพราะบนพื้นมีตั้งหนังสือทั้งใหญ่ทั้งเล็กวางอยู่เต็มไปหมด ชวีเสี่ยวปอสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นจึงพูดว่า : “นี่นายฝึกตั้งแผงขายของหรือไงเนี่ย? ”
“ตอนกลางวันกินข้าวเสร็จก็นั่งจัดการมันอยู่ที่บ้านป้าหลี่น่ะ” เซี่ยเจิงถอนหายใจออกมา แล้วก้มลงย้ายกองหนังสือที่ขว้างอยู่หน้าประตูออก : “แบบนี้คงจะขายได้แต่คนเก็บของเก่าน่ะสิ ฉันจัดการหนังสือเก่าพวกนี้ซะหน่อย มันกองเป็ตั้งจนขึ้นราหมดแล้ว”
“นายไม่ถามฉันหน่อยเหรอว่าทำไมฉันถึงมาอีกรอบ? ” ชวีเสี่ยวปอวางกล่องเลโก้ที่อยู่ในมือลงข้างๆ จากนั้นก็หยิบนิตยสารเล่มที่อยู่ใกล้ที่สุดขึ้นมาพลิกดูสองที
“อยากมาก็มาเถอะ” เซี่ยเจิงยกแขนขึ้นมาเช็ดเหงื่อบนหน้าผากออก พร้อมทั้งหัวเราะพลางพูดว่า : “ประตูบ้านฉันเปิดตลอด มันอ้าแขนรอนายอยู่เสมอแหละ”
คำพูดประโยคที่เซี่ยเจิงพูดว่า “อยากมาก็มาเถอะ” มันทำให้ชวีเสี่ยวปอมีความสุขมาก ทั้งยังรู้สึกเป็ตัวของตัวเองขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก จากนั้นชวีเสี่ยวปอจึงเอาหนังสือนิตยสารเล่มนั้นมารองไว้ที่ก้น แล้วนั่งขัดสมาธิลงไปกับพื้น ทำตัวสบายยิ่งขึ้นกว่าเดิม
“ซือจวิ้นให้มาเหรอ? ” เซี่ยเจิงชี้ไปยังกล่องเลโก้
“อืม อีกเดี๋ยวพวกเราต่อกันไหม” ชวีเสี่ยวปอมองเซี่ยเจิงที่กำลังจำแนกหนังสือทีละเล่มลงใส่ในกล่องกระดาษแต่ละใบที่ไม่เหมือนกัน “อันนี้มันเป็ตัวเล็ก น่าจะต่อง่ายอยู่”
“ได้” เซี่ยเจิงที่กำลังจัดหนังสืออยู่ตอบรับออกมา “หยิบเล่มนั้นให้ฉันหน่อย”
“เล่มนี้เหรอ? ” ชวีเสี่ยวปอหยิบหนังสือการ์ตูนเล่มหนึ่งที่อยู่ตรงหน้าเขายื่นไปให้เซี่ยเจิง
แล้วจู่ๆ เขาก็รู้สึกไม่อยากบอกเซี่ยเจิงถึงเื่ในวันนี้ที่เขาไปบังเอิญเจอโจวเจ๋อหยวนขึ้นมาแล้ว
เพราะบรรยากาศในตอนนี้ดีมาก และมันเหมาะที่พวกเขาทั้งสองจะคุยกันมากกว่า คุยถึงเื่อะไรก็ได้ ในตอนนี้มันทั้งสบายและสงบมากเสียจริงๆ
การพูดถึงเื่ของโจวเจ๋อหยวน ก็เหมือนกับการที่เขาเริ่มโยนบทสนทนาที่ทำลายบรรยากาศนี้ออกไปด้วยตัวเอง แต่ถ้าหากไม่พูด ชวีเสี่ยวปอก็รู้สึกว่าเหมือนตัวเองกำลังปิดบังอะไรเซี่ยเจิงอยู่
การปิดบังเช่นนี้เขารู้สึกว่ามันเป็เื่ที่ไม่สมควรเป็อย่างยิ่ง
“นี่ฉันซื้อหนังสือมาเยอะขนาดนี้ตั้งเมื่อไหร่กันนะ? ” เซี่ยเจิงพูดพึมพำกับตัวเอง ในตอนนั้นเขาจัดเก็บหนังสือออกมาได้หนึ่งลังแล้ว แต่มันก็เป็เพียงหนึ่งในห้าของจำนวนหนังสือทั้งหมด “โอ๊ยปวดหัว”
“ฉันช่วยนายก็แล้วกัน” ชวีเสี่ยวปอลุกขึ้นยืน “นายบอกฉันมาว่ามันคัดแยกยังไงก็พอ”
“ไม่ต้องๆ ” เซี่ยเจิงพูดขึ้นมาเสียงเรียบ “นายช่วยหยิบส่งมาให้ฉันก็พอแล้ว”
“งั้นก็ได้” ชวีเสี่ยวปอแอบกัดฟันเล็กน้อย “คือว่า ตอนบ่ายฉันไปดูหนังกับซือจวิ้นมา”
“เื่ไหนอะ สนุกไหม? ” เซี่ยเจิงถาม
“สนุกอยู่นะ” ชวีเสี่ยวปอจ้องเขา “แบบว่า ฉันไปบังเอิญเจอโจวเจ๋อหยวนมา”
การเคลื่อนไหวของเซี่ยเจิงหยุดลงอย่างเห็นได้ชัด
ชวีเสี่ยวปอเห็นเซี่ยเจิงโยนหนังสือในมือออกไปด้านข้าง ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นขึ้นอย่างแรงจนสั่นขึ้นมาถึงลำคอ
ซึ่งก็ไม่ใช่ว่าเขารู้สึกกังวลใจแต่อย่างใด เพราะเขาคาดการณ์ถึงท่าทีตอบกลับของเซี่ยเจิงเอาไว้บางแล้ว แต่ภาพในความคิดกับภาพที่เห็นตรงหน้า อย่างหลังดูเหมือนว่าจะรุนแรงมากกว่าเล็กน้อย
“เขาก็ไปดูหนังเหมือนกัน ตอนนั้นเขาเลยเข้ามาทักฉัน” ชวีเสี่ยวปออธิบาย
“อืม” เซี่ยเจิงถอนหายใจออกมา แล้วจึงเดินไปนั่งลงบนเตียง
“เขายังบอกด้วยว่า” ชวีเสี่ยวปอเดินเข้าไปแล้วนั่งลงข้างๆ เซี่ยเจิง “มีเื่เข้าใจผิดกับนายนิดหน่อย”
เซี่ยเจิงเงียบไปประมาณสิบวินาที เขาไม่พูดอะไรออกมาเลยสักคำ แต่ในขณะนั้นชวีเสี่ยวปอเห็นเขาค่อยๆ กำมือจับที่เตียงเอาไว้แน่น
ผ้าปูที่นอนถูกเขาดึงออกมาจนเละเทะทั้งยังเป็รอยยับเต็มไปหมด แม้แต่เส้นเืที่มือของเขาก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาจนเห็นได้ชัดเจน
ความรู้สึกเช่นดูเหมือนว่าจะเป็
การอดทน
อดทนต่อความเ็ปความทุกข์ทรมานมากมายมหาศาลที่เก็บซ่อนเอาไว้ในร่างกายของเขา
เมื่อคำพูดประโยคนี้ปรากฏขึ้นมาในหัว ชวีเสี่ยวปอจึงใช้มือของเขากุมลงไปบนมือของเซี่ยเจิงโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว
เซี่ยเจิงยังคงเกร็งไปหมดทั้งตัวราวกับกำลังบอกชวีเสี่ยวปอว่าที่จริงแล้ววิธีนี้มันไม่ได้ผลเลยสักนิด แต่ชวีเสี่ยวปอกลับรู้เพียงแค่ว่าเขาต้องทำอะไรสักอย่าง
ถ้าหากเซี่ยเจิงยังคงไม่พูดอะไรออกมา ชวีเสี่ยวปอรู้สึกว่าเขาทั้งสองคนก็คงจะนั่งกันอยู่เช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ
แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักพักหนึ่ง ในที่สุดเซี่ยเจิงก็พูดเสียงแหบออกมา : “ในลิ้นชักมีบุหรี่อยู่ ช่วยหยิบให้ฉันหน่อยสิ”
ชวีเสี่ยวปอรีบลุกขึ้นมาหยิบให้เขาทันที แต่ลิ้นชักกลับดึงค่อนข้างยาก ชวีเสี่ยวปอจึงออกแรงกระชากมันไปสองที เขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องรีบร้อนถึงเพียงนี้ ราวกับกลัวว่าถ้าช้ากว่านี้อีกนิดเซี่ยเจิงจะรอไม่ไหวแล้ว