“ดูสิ พวกเขาจะไปแล้ว!”
“ถ้าอย่างนั้น พวกเราตามไปไหม?”
หญิงสาวทั้งสองลุกขึ้นยืน น้ำอัดลมเป่ยปิงหยาง [1] ในมือที่เพิ่งดื่มได้แค่ครึ่งเดียวก็รีบร้อนยื่นให้เพื่อนชายข้างกาย
“อ้าว! พวกเธอจะไปไหน?”
“มีธุระต้องไปก่อนน่ะ วันหลังค่อยนัดกันเถอะ”
เหล่าชายหนุ่มโมโหเหลือเกิน ทั้งออกค่าดูภาพยนตร์ ค่าเที่ยวเล่นลานสเก็ตน้ำแข็ง ยังไม่ได้จับกระทั่งมือด้วยซ้ำ ชายคนหนึ่งอารมณ์เสียไม่น้อย ก่อนจะโดนคนอื่นๆ คว้าตัวไว้มั่น “อย่าใจร้อน วันหลังค่อยนัด พวกเธอสองคนไม่เหมือนสาวพวกนั้นหรอกนะ จะวู่วามไม่ได้”
พวกเธอชาติตระกูลดีนี่นา เป็บุตรสาวครอบครัวข้าราชการ
ได้สักคนคงสบายไปหลายปีแน่นอน แต่จะวู่วามไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะชาติตระกูลของพวกเธอ ใครจะทนแสร้งอนาถาพะเน้าพะนอกัน? หากพูดถึงผู้หญิงที่ทำให้พวกผู้ชายชื่นชอบ ก็ยังคงเป็แบบหญิงสาวผู้สวมเสื้อสีเขียวในลานสเก็ตคนนั้นมากกว่า ใบหน้ากระจุ๋มกระจิ๋มจิ้มลิ้มทำเอาหัวใจคันยุบยิบ
พอโจวเฉิงและเซี่ยเสี่ยวหลานเปลี่ยนรองเท้าเสร็จ ก็ตรงไปยังโรงแรมปักกิ่งทันที
โจวเฉิงไปบ้านพักโดยการโบกรถ ตัวเขาเองไม่ได้ซื้อรถ เที่ยวเล่นทั่วทุกที่กับเซี่ยเสี่ยวหลานตลอดบ่าย ทั้งสองคนไม่นั่งรถประจำทางก็เดินเท้า ลานสเก็ตคือสถานที่ที่ตั้งใจเลือกเป็พิเศษ ไม่ไกลจากโรงแรมปักกิ่งนัก ่เวลานี้เหมาะที่จะเดินไปพอดี
ในดวงตาของทั้งสองคนมีเพียงกันและกัน โจวเฉิงไม่มีความระแวง ไม่รู้ตัวเลยว่าด้านหลังยังมีแมลงตามก้นประกบอยู่ห่างๆ
หากเป็ชายสองคนสะกดรอยตาม โจวเฉิงคงพอรับรู้แน่ สัญชาตญาณของเขาไม่คิดว่าสตรีจะนำภัยคุกคามมาได้ ย่อมไม่รู้สึกตัวเป็ธรรมดา ระหว่างเดินก็เช็ดเหงื่อจัดผมเผ้าของเซี่ยเสี่ยวหลานตลอดทาง โจวเฉิงทำไปอย่างเป็ธรรมชาติ หญิงสาวสองคนที่ตามหลังต่างคิดว่าตนเองเจอผีเข้าแล้ว
โจวเฉิงไม่เคยแม้แต่จะหน้าชื่นตาบานต่อหญิงสาว
จัดผมให้ผู้หญิงหรือ?
ตอนโจวเฉิงเรียนมัธยม ถูกรุ่นพี่ต่างโรงเรียนสารภาพรัก รุ่นพี่หน้าตาดีทีเดียว ดูแล้วอ้อนแอ้นน่ารัก
โจวเฉิงผลักออกเบาๆ รุ่นพี่ก็ฉวยโอกาสล้มตัวเข้าอ้อมอกโจวเฉิง
ตอนนั้นมีคนอย่างต่ำเป็ร้อยมุงดูอยู่ ล้วนนึกว่าโจวเฉิงจะรักษามารยาทพื้นฐานโดยการประคองรุ่นพี่ไว้ ฮะฮะ กลับกลายเป็ว่าโจวเฉิงหลบเลี่ยงไปอีกด้านอย่างว่องไว รุ่นพี่ผู้อ่อนหวานน่ารักหกล้มคว่ำลงกับพื้นต่อหน้าคนเป็ร้อย
ตอนนั้นเป็ฤดูหนาว สภาพอากาศที่หิมะกำลังละลาย รุ่นพี่ล้มลุกคลุกน้ำโคลน
โจวเฉิงกลับไม่ประคองแม้แต่นิดเดียว
เหตุการณ์ฉากนี้เผยแพร่ออกไปไกลเรื่อยๆ ทุกคนรู้ว่าโจวเฉิงหน้าตาดี ทว่าหัวใจเยือกแข็งกว่าชั้นน้ำแข็งของพื้นผิวทะเลสาบในฤดูหนาวเสียอีก ทะนุถนอมอ่อนโยนรึ? ไม่มีอยู่ด้วยซ้ำ แต่พอเขาเป็เช่นนี้ หญิงสาววัยรุ่นต่างยิ่งคิดว่าเขาเท่ คิดว่าเมื่อเขายิ้มช่างหล่อร้าย มีเสน่ห์ดึงดูดเหลือเกิน ราวกับแมลงเม่าบินถลาเข้าหาโจวเฉิง
ถ้ามิใช่เพราะโจวเฉิงไม่ค่อยปรากฏตัวในแวดวงสังคม ไม่รู้ว่าจะทำหญิงสาวตั้งกี่คนนอนไม่หลับ
ทั้งสองคนต่างไม่อยากเชื่อกับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า นี่มันคือโจวเฉิงเสียที่ไหนเล่า?
“ลี่ลี่รู้เข้าคงร้องไห้ตาย”
ต่งลี่ลี่ชอบโจวเฉิงเอามากๆ หลังจากเห็นฉากรุ่นพี่ต่างโรงเรียนสารภาพรักต่อโจวเฉิงและถูกปฏิเสธ ต่งลี่ลี่ก็หลงรักโจวเฉิงจนแทบคลั่งเลยทีเดียว โจวเฉิงเท่ หล่อเหลาเหลือร้าย ต่งลี่ลี่ก็ทำท่าทีของตนให้เป็แบบนั้นด้วยเช่นกัน
ปรากฏว่าโจวเฉิงไม่ชอบคนประเภทเดียวกับเขาโดยสิ้นเชิง?!
พอเห็นคนที่โจวเฉิงจับมือเดินแล้ว ดวงหน้าเรียวเล็ก อายุไม่มาก ทว่าจิ้มลิ้มพริ้มเพรา รูปลักษณ์เย้ายวนใจคนเป็ที่สุด
ที่แท้โจวเฉิงก็เหมือนกับผู้ชายส่วนใหญ่ โปรดปรานรูปลักษณ์จิ้งจอกสาว!
ไร้รสนิยม โจวเฉิงไร้รสนิยมจริงๆ !
ไม่มีรสนิยมก็อีกเื่ ทั้งสองคนตัดสินใจบอกต่งลี่ลี่อยู่ดี จะปล่อยให้ต่งลี่ลี่ถูกขังไว้ในกลอง [2] ไม่ได้ แบบนั้นนิ่งเฉยเกินไป เมื่อเห็นโจวเฉิงกับเซี่ยเสี่ยวหลานเดินเข้าโรงแรม หนึ่งคนเฝ้าอยู่ข้างนอก อีกหนึ่งคนก็ได้ไปแจ้งข่าวคราว
คืนนี้ต้องคึกคักมากแน่นอน
ในเมื่อโจวเฉิงกล้ากระจู๋กระจี๋กลางที่สาธารณะ คงไม่ถือสาที่จะพาแฟนสาวของเขาเข้าสู่แวดวงสินะ?
เฮอะ ไม่คุ้นตาเอาเสียเลย ไม่รู้ว่ามีหัวนอนปลายเท้ามาจากไหน
-------------------------------------------------
ความเป็มาของโรงแรมปักกิ่งยาวนานมาก ั้แ่ปี 1900 จวบจนวันนี้ แปดสิบกว่าปีเข้าไปแล้ว
เส้ากวงหรงจะเลี้ยงอาหารที่นี่มิใช่เพราะ้าอวดโอ้ แต่เพราะปีนี้ในโรงแรมปักกิ่งเปิดห้องอาหาร ‘อู่เหรินไป่ซิ่ง’ ซึ่งเป็การร่วมลงทุนก่อตั้งระหว่างจีนและญี่ปุ่น ชำนาญอาหารไคเซกิ [3] ต้นตำรับเป็พิเศษ เส้ากวงหรงคิดว่าคังเหว่ยเป็ตัวปัญหาเสียจริงเชียว ดันพาไปรับประทานเฉวียนจวี้เต๋อกับตงไหลซุ่นหมดแล้ว จะให้เขาเชิญแขกกินต้มพะโล้ก็ไม่ได้หรือเปล่า?
เช่นนั้นอาหารญี่ปุ่นดีกว่า เคยได้ยินจากคนที่เคยไป รสชาติอ่อนเหมาะกับการรับรองสุภาพสตรี
เนื่องจากเป็ห้องอาหารที่เปิดใหม่หลังตรุษจีน เส้ากวงหรงจึงไม่เคยรับประทานเหมือนกัน
ราคาไม่ใช่ย่อมเยา พอรายการอาหารมาถึง เส้ากวงหรงเห็นก็ความดันพุ่งขึ้นในบัดดล
คังเหว่ยตบบ่าเขาด้วยความสงสารจับใจ “ในกระเป๋ามีเงินพอหรือไม่?”
ไม่พอได้อย่างไร คังเหว่ยให้เขายืมเงินหนึ่งหมื่นเพื่อตกแต่งบ้าน วันนี้ครุ่นคิดจะเลี้ยงอาหารแขก จึงนำเงินใส่กระเป๋ามาหนึ่งปึก
คังเหว่ยพลิกดูรายการอาหาร “ร้านแม็กซิม [4] ที่เปิดบนถนนฉงเหวินเหมินตะวันตกเมื่อปีก่อน ผนังแขวนรูปผู้หญิงไม่ใส่เสื้อผ้า ขายอาหารฝรั่งเศส หนึ่งคนกินหนึ่งมื้อก็สองร้อยกว่าหยวน พี่ว่าคนแบบไหนเขาไปกันเล่า?”
เส้ากวงหรงรู้สึกว่าเืของตัวเองหยุดสูบฉีด
ถ้าทั้งสี่คนไปรับประทานหนึ่งมื้อที่ ‘แม็กซิม’ จริง เขาอาจต้องถอดเสื้อผ้าจนหมดเกลี้ยงถึงเดินออกไปจากประตูร้านอาหารได้
คังเหว่ยแค่้าให้เส้ากวงหรงหลั่งเื [5] เสียบ้าง ใครใช้ให้เขาปากสว่างจนผู้อื่นเดือดร้อนแล้วยังอยากจะติดตามโจวเฉิงหาเงินอีก? สำหรับคำขอร้องของเส้ากวงหรง คังเหว่ยไม่อาจตอบรับ ธุรกิจเป็ของโจวเฉิง คังเหว่ยจะพยักหน้าอนุญาตให้คนนอกเข้าร่วมได้อย่างไร? เส้ากวงหรงเห็นคังเหว่ยหาเงินทองได้ก็ตื่นเต้น คังเหว่ยบอกให้เส้ากวงหรงคุยกับโจวเฉิงเอง นี่จึงเกิดงานเลี้ยงรับประทานอาหารญี่ปุ่นที่โรงแรมปักกิ่งในวันนี้ขึ้น
มีธุระต้องร้องขอคนเขานี่นา ย่อมต้องปฏิบัติตัวให้ดี
ทั้งสองคนกำลังดูรายการอาหาร โจวเฉิงจูงก็มือเซี่ยเสี่ยวหลานเข้ามาแล้ว
“พี่เฉิง พี่สะใภ้ รีบนั่งสิ”
ลูกสมุนเส้ากวงหรงรายนี้ประจบประแจงสุดชีวิต
คังเหว่ยไม่แย่งหน้าที่เขา สองวันก่อนเขาเพิ่งเจอโจวเฉิง อะไรที่จะประจบก็ประจบเสร็จสิ้นหมดแล้ว
เซี่ยเสี่ยวหลานแสดงความประหลาดใจทีเดียว “ทำไมนึกกินอาหารญี่ปุ่นล่ะ?”
โรงแรมปักกิ่งดูดีมีระดับมาก งานฉลองก่อตั้งประเทศครั้งแรกก็ดำเนินการโดยห้องอาหารโรงแรมปักกิ่ง ถ้าไม่เลี้ยงแขก ลูกหลานต้าเยวี่ยนอย่างคังเหว่ยกับเส้ากวงหรงไม่มีทางมาโรงแรมปักกิ่งทุกวันแน่ บุตรหลานข้าราชการใหญ่ในปัจจุบันส่วนมากเรียบง่าย ฐานะทางการเงินไม่ได้เลิศเลอ อยากจะอวดร่ำอวดรวยก็ไม่ไหว เซี่ยเสี่ยวหลานนึกคิด นี่ปี 84 เข้าไปแล้ว การปฏิรูปเศรษฐกิจเข้มข้นขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง เหล่าลูกหลานข้าราชการคงทำตัวเรียบง่ายได้อีกไม่กี่ปี ยิ่งเวลาผ่านไป หนทางทำเงินจะยิ่งมากขึ้น
โจวเฉิงและคังเหว่ยขายบุหรี่เก็งกำไรในตอนนี้ยังถือว่าไม่เท่าไรเลย อนาคตคนอื่นล้วนใช้มือเปล่าจับหมาป่าขาว [6] เป็นายหน้าซื้อขายสินค้าที่มั่นคงก็กินอยู่ได้โดยไร้กังวลแล้ว
เซี่ยเสี่ยวหลานเคยรับประทานอาหารญี่ปุ่น หากจะรับประทานอาหารญี่ปุ่นในประเทศ ต้องนับของเซี่ยงไฮ้ว่าดี
ท่ามกลางทั้งสี่คนตรงนี้ ความจริงแล้วเธอมีประสบการณ์ที่สุด คนเราพอมีประสบการณ์ก็มีความมั่นใจ ไม่ประหม่าแม้แต่น้อย เส้ากวงหรงส่งรายการอาหารให้เธอ เธอก็สั่งด้วย อาหารญี่ปุ่นรสชาติอ่อนมาก ของประเภทปลาดิบอาจไม่ถูกปากผู้คนสมัยนี้ อาหารที่ปริมาณไขมันไม่พอ ต้องรับประทานเท่าไรถึงจะอิ่มท้องกัน?
เซี่ยเสี่ยวหลานนึกได้ว่าเส้ากวงหรงเป็เ้ามือเลี้ยงอาหาร จึงไม่ได้สั่งของราคาแพง สั่งอาหารเพียงไม่กี่อย่าง อย่างไรเสียทุกคนจะสนทนาธุระเป็หลักอยู่ดี
เพียงไม่นานอาหารก็ขึ้นโต๊ะ ดนตรีในห้องอาหารคลอเอื่อยๆ ความเป็ส่วนตัวก็ไม่เลว
รับประทานอาหารได้ครึ่งหนึ่ง เส้ากวงหรงกำลังเจาะเข้าประเด็นสนทนาหลักอย่างชัดเจน ประตูก็เกิดเสียงเคลื่อนไหวดังตึงตัง วัยรุ่นหนึ่งกลุ่ม ชายหญิงรวมสิบกว่าคน สายตามองกวาดทั่วห้องอาหาร เล็งเป้าหมายทางนี้และพุ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้า
คนนำกลุ่มแสดงอาการประหลาดใจ “โจวเฉิง เธอก็กินข้าวที่นี่ด้วยหรือ?”
เชิงอรรถ
[1]北冰洋汽水 น้ำอัดลมเป่ยปิงหยาง คือ น้ำอัดลมยี่ห้อดั้งเดิมของประเทศจีน ซึ่งเป่ยปิงหยางมีความหมายว่า หมีขั้วโลก
[2]蒙在鼓里 ขังไว้ในกลอง หมายถึง โดนปิดบัง ไม่รู้อะไรเลยแม้แต่น้อย
[3]怀石料理 อาหารไคเซกิ คือ อาหารญี่ปุ่นประเภทหนึ่ง เป็อาหารที่จัดรายการไว้แล้ว และจะค่อยๆ บริการทีละอย่างจนครบ นำเสนออาหารโดยผสมผสานทั้งรสชาติและความสวยงาม
[4]马克西姆 แม็กซิม คือ ชื่อร้านอาหารตะวันตกในปักกิ่ง
[5]ในที่นี้หมายถึง จ่ายเงินจำนวนมาก
[6] 空手套白狼 ใช้มือเปล่าจับหมาป่าขาว หมายถึง แสวงหาประโยชน์โดยตัวเองไม่ต้องลงทุน ตรงกับในสำนวนไทยว่าจับเสือมือเปล่า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้