สามวันต่อมา พวกเขาเดินทางมาถึงเขตรอบนอกของสนามรบ เนื่องจากเข้าใกล้สนามรบขึ้นไปทุกทีการพบเจอกับนักรบต่างเผ่ายิ่งเพิ่มมากขึ้นอีกหน่อย แต่เนื่องจากชื่อเสียงของกองกำลังเขตปกครองเทพาเลื่องลือมากจนเกินไปในเขตนี้ ทำให้ไม่ค่อยจะพบเจอกับนักรบต่างเผ่าสักเท่าไร ดังนั้นพวกเขาจึงหาที่พักแรมอย่างง่ายๆ เพื่อเตรียมตัวเปิดฉากสู้รบในวันรุ่งขึ้น เมื่อถึงตอนเย็นกองกำลังก็มีแขกพิเศษคนหนึ่งมาหา
หลงไซ้หนาน!
หลงไซ้หนานอยู่ในชุดเสื้อหนังรัดรูปสีแดง สีหน้าองอาจห้าวหาญมาพร้อมกับผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบอีกสองคนเดินมาถึงยังปากถ้ำ
พวกเย่ชิงหานเมื่อทราบข่าวจึงออกไปต้อนรับแล้วเชิญเข้ามา เย่ชิงอู่รีบคล้องแขนของหลงไซ้หนานไว้ก่อนเป็อันดับแรกแล้วเอ่ยถามขึ้นด้วยคำถามที่ทุกคนอยากรู้ด้วยสีหน้าสงสัย “พี่สาว ทำไมเหมือนกับรู้การเคลื่อนไหวของพวกข้าอย่างไรอย่างนั้น พวกข้าเพิ่งมาถึง ท่านก็มาหาเลย?”
ใบหน้าที่ห้าวหาญของหลงไซ้หนานปรากฏรอยยิ้มอย่างสนิทสนมพร้อมกับเอ่ยขึ้น “เหอะๆ เขตแดนรอบๆ นี้ข้าได้จัดให้เป็สถานที่จุดพักรวมพลชั่วคราวของนักรบจากเขตปกครองเทพา ดังนั้นจึงได้จัดให้มีคนคอยเฝ้าระวังภัยอยู่ตามที่ต่างๆ ตลอด เมื่อพวกเ้ามาถึงข้าย่อมต้องรู้อย่างแน่นอน”
“พี่สาว ได้ยินว่างานประลองรอบนี้ชุลมุนวุ่นวายเป็อย่างมาก?” เยว่ชิงเฉิงอมยิ้มมองไปทางเย่ชิงหานแล้วช่วยถามสิ่งที่อยู่ภายในใจของเขาออกมา
“ชุลมุนวุ่นวาย? แล้วงานประลองครั้งไหนที่ไม่ชุลมุนวุ่นวายบ้าง?” หลงไซ้หนานตะลึงกับคำถาม แล้วจึงตอบกลับไปด้วยคำถาม จากนั้นคล้ายกับนึกอะไรขึ้นได้ยิ้มกรุ้มกริ่มออกมามองไปยังทุกคน “พวกเ้าอยากจะถามข้อมูลเกี่ยวกับสุดยอดกองกำลังระดับหัวกะทิของทั้งสองเขตปกครองนั้นใช่หรือไม่? ความจริงที่ข้ามาวันนี้ก็เพื่อบอกข้อมูลของพวกเขาให้พวกเ้าฟัง”
“งานประลองในครั้งนี้ เยาขาข่าบุตรของเยาเสซึ่งเป็หนึ่งในสองผู้ปกครองเขตปกครองเทพปีศาจ ได้นำนักรบปีศาจที่มีพลังฝีมือในระดับราชันย์ปีศาจจำนวนแปดคน และระดับขอบเขตจอมพลปีศาจอีกสองร้อยคนเข้าร่วม ทางฝั่งเขตปกครองเทพคนเถื่อนหมันก้านบุตรของหมันเสิน ได้นำนักรบคนเถื่อนที่มีพลังฝีมือในระดับขอบเขตราชันย์คนเถื่อนมาด้วยเจ็ดคน และระดับขอบเขตจอมพลคนเถื่อนอีกสองร้อยคนเข้าร่วมด้วย...”
“เดิมทีข้าว่าจะทำตามแผนการเดิมที่วางไว้คือ กองกำลังระดับพวกเราไม่คิดที่จะออกไล่เข่นฆ่าอย่างกำเริบเสิบสาน คิดแค่ว่าจะมาฝึกฝนหาประสบการณ์ เสาะหาสมบัติล้ำค่า ฆ่ามารอสูรอะไรประมาณนี้ เพียงแต่ว่ากองกำลังของเยาขาข่าที่กำลังออกเสาะหาสมบัติล้ำค่าถูกกองกำลังเคียวสังหารแย่งไป เยาขาข่าเดือดดาลเป็อย่างมาก ไม่เพียงแค่นั้น กองกำลังเคียวสังหารก็ฆ่านักรบเผ่าคนเถื่อนไปไม่น้อยเหมือนกัน ดังนั้นหมันก้านก็ลงมือเช่นเดียวกัน หากไม่ใช่เพราะข้านำกองกำลังออกสะกัดกั้นพวกมันหลายต่อหลายครั้ง นักรบเขตปกครองเทพาของเขาไม่รู้จะล้มตายกันอีกมากเท่าไร แต่แน่นอนว่าตอนนี้พวกเ้าก็มาแล้ว ดูว่าหากมีโอกาสก็ช่วยสะกัดสุดยอดกองกำลังระดับหัวกะทิของทั้งสองเขตปกครองนั้นด้วยก็แล้วกัน”
“แหะๆ! ไม่มีปัญหา งานประลองาระหว่างเขตปกครองไม่มีคำว่าเกรงใจอะไรกันอยู่แล้ว เมื่อพวกมันอยากจะเล่นพวกเราก็เล่นกับพวกมันหน่อยจะเป็ไรไป พี่สาวหลงวางใจได้ หากพบเจอกับพวกมันข้ารับรองได้ว่าจะตีให้แตกพ่ายกลับไปอย่างแน่นอน” เฟิงจื่อเป็พวกที่ชื่นชอบการต่อสู้อยู่แล้ว เมื่อได้ยินเช่นนี้จึงรีบปรบมือสนับสนุนในทันที
“ไม่มีปัญหา!” เย่ชิงหานแสดงความเห็นออกมาเป็คนที่สอง เื่อย่างนี้ต้องให้บอกอีกหรือไร ถ้าไม่สู้จะเอาคะแนนมาจากไหน? ไม่มีคะแนนแล้วจะแลกยาิญญาเทวะไปช่วยเหลือน้องสาวได้อย่างไร? ในความคิดเขายิ่งสู้กันรุนแรงมากเท่าไรยิ่งดี สุดยอดกองกำลังระดับหัวกะทิของทั้งสี่ตระกูลที่พวกเขาจัดตั้งขึ้น ไม่ว่าจะเป็การโจมตี การป้องกัน และการสนับสนุนในทุกๆ ด้านล้วนอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง ไม่มีเหตุผลที่จะต้องเกรงกลัวสุดยอดกองกำลังระดับหัวกะทิของทั้งสองเขตปกครองนั้นแม้แต่น้อย
“ตกลง” เยว่ชิงเฉิงพูดออกมาเบาๆ ตามหลังเย่ชิงหาน เห็นได้ชัดว่าอยากจะพูดออกมาให้เย่ชิงหานได้ยิน ส่วนฮวาเฉ่าและเย่ชิงอู่แน่นอนว่าไม่มีปัญหาใดๆ กับเื่นี้ ตระกูลฮวาเชี่ยวชาญที่สุดคือการหลบหนี สู้ไม่ไหวหลบหนีไปก็พอ เย่ชิงอู่รู้ความคิดของเย่ชิงหานดีจึงไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด
สมาชิกของกองกำลังที่พลังฝีมือยู่ในระดับขอบเขตจ้าวนักรบทั้งเจ็ดมองตากันแล้วก็พยักหน้าออกมาเงียบๆ หากสุดยอดกองกำลังของตระกูลทั้งสี่ที่แข็งแกร่งขนาดนี้ยังเกรงกลัวละก็ คงจะทำให้ผู้คนดูถูกเอาได้แน่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพวกเขาทั้งเจ็ดมีถึงสามคนที่พลังฝีมืออยู่ในระดับขั้นที่สามขอบเขตจ้าวนักรบ หากสู้ไม่ไหวจริงๆ แค่พานายน้อยกับคุณหนูไม่กี่คนหลบหนีล้วนไม่เป็ปัญหาแต่อย่างใด
“ตกลง!” หลงไซ้หนานหยิบแผนที่แข็งหนาแผ่นหนึ่งออกมาจากหน้าอกยื่นให้เย่ชิงหาน จากนั้นพูดอธิบายขึ้น “นี่เป็แผนที่ของภูมิประเทศละแวกใกล้เคียง จุดสีแดงคือบริเวณที่เราอยู่ในตอนนี้ บริเวณนี้จะมีนักรบของเขตปกครองเทพาจำนวนมาก ดังนั้นหากพวกเ้ายังไม่ได้ตรวจสอบพื้นที่อื่นๆ ให้แน่ชัดก็อย่าเพิ่งออกไปไกลนัก ที่นี่คือพื้นที่เส้นรบแนวหน้าสุด...ส่วนด้านหลังแผนที่จะเป็วิชาต่อสู้และพลังฝีมือของเผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนที่ข้าเก็บรวบรวมข้อมูลได้ พวกเ้าสามารถศึกษาดูกันได้ ปกติข้าจะแอบซุ่มอยู่ใกล้ๆ บริเวณนี้ หากมีปัญหาอะไรสามารถติดต่อกับหน่วยเฝ้าระวังภัยที่ข้าส่งออกมาได้ พวกเขาจะพาพวกเ้าไปยังที่ที่ข้าอยู่...”
หลังจากหลงไซ้หนานพูดอธิบายเสร็จ หันไปพูดกับเย่ชิงอู่และเยว่ชิงเฉิงอยู่อีกสักพักก็จากไป ส่วนคนอื่นๆ เริ่มนั่งขัดสมาธิพักผ่อนสะสมกำลังกายกำลังใจเพื่อเตรียมต่อสู้ศึกในวันรุ่งขึ้น
.................................
ป่ามายาพิศวงยิ่งเข้าใกล้ทุ่งหญ้าสีเืที่อยู่ตรงกลางภูมิประเทศยิ่งซับซ้อน เมื่อตอนที่เพิ่งเข้ามาในป่ามีเพียงต้นไม้ดึกดำบรรพ์และธารน้ำเล็กๆ ที่ดูไม่ต่างจากป่าทั่วไปสักเท่าใดนัก แต่เมื่อเข้ามาถึงอาณาเขตสนามรบที่ต่อสู้กันชุลมุนแห่งนี้ พวกเย่ชิงหานถึงได้รู้ว่าอะไรที่เรียกว่าภูมิประเทศสลับซับซ้อน กองกำลังของเย่ชิงหานออกจากถ้ำที่พักค้างแรมเมื่อคืนวานั้แ่เช้าตรู่ ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่สนามรบ แต่ยิ่งเดินทางยิ่งพบว่าภูมิประเทศซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
แม้ภูมิประเทศทั้งหมดยังนับว่าเป็ป่าไม้อยู่ มีต้นไม้ยืนต้นอยู่เต็มไปหมด เพียงแต่ผ่านไปสักพักพวกเขากลับพบเสาหินที่ตั้งเรียงรายกันอยู่ราวกับค่ายกลชนิดหนึ่ง หินหลากหลายชนิดและรูปร่างแปลกประหลาดแตกต่างกันตั้งเรียงรายจนมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด เดินไปอีกสักพักปรากฏถ้ำขนาดกว้างใหญ่ไพศาล ปากถ้ำดำทะมึนราวกับปากั์ขนาดใหญ่ที่จะกลืนกินทุกคนลงไปได้ในครั้งเดียว เดินผ่านต่อไปอีกไม่นานกลับพบเจอกับธารน้ำขนาดเล็กมากมายจนนับไม่ถ้วนไหลตัดผ่านผืนแผ่นดิน ทำให้ดูราวกับมีเกาะเล็กเกาะน้อยผุดขึ้นอยู่ทั่วไปหมด แน่นอนว่าภูมิประเทศที่เห็นเ่าั้พวกเขาย่อมไม่กล้าที่จะเข้าไปใกล้อย่างแน่นอน สถานที่ที่ไม่คุ้นเคยเหล่านี้ไม่รู้ว่าจะมีการดักซุ่มรออยู่หรือไม่ ดังนั้นจึงพากันเดินอ้อมไปอีกทางหนึ่ง
เดินทางกันมาร่วมจะสองชั่วโมงในที่สุดก็ได้พบกับกองกำลังระดับหัวกะทิของนักรบต่างเผ่าหน่วยหนึ่งเข้า นักฆ่าของตระกูลฮวาส่งข่าวมาบอกว่ากองกำลังที่พบเป็กองกำลังนักรบเผ่าคนเถื่อน ตามข้อมูลที่ได้รู้มาระดับพลังฝีมือของเผ่าคนเถื่อนเกี่ยวข้องกับระดับส่วนสูงร่างกายของพวกมัน ภายในกองกำลังที่พบข้างหน้าชัดเจนว่ามีเพียงแค่คนเดียวที่มีระดับส่วนสูงของร่างกายเทียบเท่ากับระดับขอบเขตราชันย์คนเถื่อน ดังนั้น เมื่อทุกคนวิเคราะห์พลังฝีมือของฝ่ายตรงข้ามเรียบร้อยแล้วจึงตัดสินใจที่จะเปิดฉากสู้รบครั้งแรกกับกองกำลังของเผ่าคนเถื่อนที่อยู่เบื้องหน้าในทันที
ทุกคนจัดรูปขบวนตามเดิมแล้วเดินตรงเข้าไปหากองกำลังเผ่าคนเถื่อนอย่างเปิดเผย ทั้งสองกองกำลังต่างมีผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบอยู่ด้วย ถ้าหากคิดจะแอบลักลอบเข้าไปลอบโจมตีนั้นคงเป็ไปไม่ได้ เมื่อพลังฝีมือถึงระดับนี้แล้วระดับพลังิญญาก็สูงตามด้วยเช่นกัน หาก้าที่จะแอบลักลอบเข้าไปใกล้ศัตรูภายในรัศมีหนึ่งร้อยเมตรนั้น นอกเสียจากนักฆ่าพลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบของตระกูลฮวาแล้ว คนอื่นไม่สามารถที่จะทำได้
นักฆ่าของตระกูลฮวาได้ทำการแยกย้ายกันอำพรางกายออกไปในแต่ละทิศ ภารกิจของพวกเขานอกจากไม่กี่คนที่ต้องเฝ้าระวังภัยแล้ว ที่เหลือล้วนซุ่มซ่อนอำพรางกายไว้รอสบโอกาสเมื่อจำเป็จะได้ลงมือลอบสังหารศัตรูในทันที
นักรบที่มีพลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบนอกจากเย่สือซานที่ปลดปล่อยพลังกดดันพวยพุ่งออกมาภายนอกแล้ว คนที่เหลือล้วนหยุดการโคจรพลังปราณรบแล้วอาศัยเพียงพละกำลังทางร่างกายในการเดินรุดข้างหน้าเท่านั้น
แผนการที่คุยกันไว้ก่อนหน้านี้คือ นักรบเผ่ามนุษย์หากไม่โคจรพลังปราณรบยากที่จะรู้ได้ว่าพลังฝีมืออยู่ในระดับขอบเขตใด ข้อดีของการกระทำเช่นนี้คือสามารถหลีกเลี่ยงมิให้ศัตรูหวาดกลัวจนหลบหนีไปก่อนได้ อีกทั้งยังสามารถปกป้องนายน้อยของตนเองพร้อมทั้งยังสามารถลงมือสังหารศัตรูได้โดยที่พวกมันไม่ทันได้ตั้งตัวอีกด้วย...
เดินรุดหน้ามาได้ประมาณหนึ่งร้อยเมตร ในที่สุดกองกำลังเผ่านักรบคนเถื่อนก็ปรากฏสู่สายตาของทุกคน ถ้าหากพูดว่านักรบเผ่าคนเถื่อนไม่กี่คนทำให้คนใได้ละก็ ถ้าอย่างนั้นนักรบเผ่าคนเถื่อนที่อยู่ด้านหน้าสองร้อยคนคงทำให้คนตื่นตระหนกด้วยความหวาดกลัวได้เลยทีเดียว มองดูนักรบเผ่าคนเถื่อนที่รูปร่างสูงใหญ่ราวกับเสาหินประตูใหญ่หน้าจวนจ้าวเมืองที่ยืนเบียดเสียดกันมากและแน่นขนัดเต็มไปหมด รูปร่างส่วนสูงของแต่ละคนไม่ต่ำกว่าสามเมตรขึ้น ทำเอาทุกคนที่เห็นสูดลมเย็นเข้าปากไปตามๆ กัน เกราะสีทองเหลืองอย่างเดียวกันหมด สวมใส่อยู่บนร่างใหญ่ั์ที่มีขนาดเดียวกันหมด เมื่อพวกมันเคลื่อนตัวเดินไปตามหุบเขาพร้อมกัน ทำให้ผืนดินเกิดการสั่นะเืเลื่อนลั่นราวกับแผ่นดินไหวขึ้น
“ดำเนินการตามแผนที่คุยกันไว้ จัดการถอนเสาหินใหญ่ข้างหน้าทั้งสองร้อยต้นให้เกลี้ยง!” เย่สือซานร้องะโออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ กองกำลังนักรบเผ่าคนเถื่อนที่อยู่ข้างหน้าพลังฝีมืออย่างต่ำสุดก็ระดับขอบเขตจ้าวคนเถื่อน หากสามารถจัดการได้ทั้งหมดละก็คะแนนที่ได้รับย่อมไม่ใช่น้อยๆ
“รับทราบ!” หลังจากตกตะลึงกันไปชั่วครู่ ทุกคนร้องออกมาพร้อมกันด้วยจิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความกระหายการต่อสู้ ต่างโคจรพลังปราณรบกันอย่างเต็มกำลังพุ่งทะยานออกไปหากองกำลังนักรบเผ่าคนเถื่อนที่อยู่เบื้องหน้าอย่างไม่มีอาการลังเลใดๆ
“โฮกๆ!”
กองกำลังนักรบเผ่าคนเถื่อนที่อยู่เบื้องหน้าเห็นพวกเขาั้แ่เนิ่นๆ แล้วเช่นเดียวกัน มองเห็นนักรบเผ่ามนุษย์พุ่งทะยานตรงเข้ามาหาแบบโง่เขลาเช่นนี้ต่างพากันส่งเสียงร้องคำรามออกมาด้วยความดีใจ พวกมันสาวเท้าที่หนาอวบใหญ่และควงหมัดที่ใหญ่โตราวกับหม้อแกงพุ่งทะยานออกมาเช่นเดียวกัน
“หยุด! นักรบลูกหลานของตระกูลเย่รวมร่างสัตว์อสูร!”
เย่สือซานเป็ผู้นำของกองกำลังนักรบผู้ไม่กลัวตายแห่งตระกูลเย่มาตลอด นำพากองกำลังทำภารกิจเสี่ยงตายมานับครั้งไม่ถ้วน ทั้งประสบการณ์ ทั้งมันสมองและศิลปะในการใช้คนนั้นหาผู้ใดเปรียบเทียบได้ไม่ ทุกคนจึงวางใจให้อำนาจสั่งการทุกอย่างแก่เขาเพียงผู้เดียว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้