“อืม” ชิงเซียงพยักหน้า จากนั้นทั้งสองคนพุ่งเข้าหาตะขาบั์จากคนละทิศทาง
“โฮก!” ตะขาบั์แผดเสียงคำราม พลันไอสีดำพวยพุ่งออกมาจากร่าง พร้อมกับส่งกลิ่นเหม็น ทันใดนั้นมันก็ตวัดห่างโจมตีเย่เฟิงและชิงเซียงทันที
เย่เฟิงและชิงเซียงหลบอย่างรวดเร็ว พวกเขารู้ว่าการโจมตีธรรมดาทำอะไรตะขาบั์ไม่ได้ จึงได้แต่รอจังหวะและโอกาส ซึ่งการโจมตีของตะขาบั์รุนแรงอย่างมาก ทุกการโจมตีล้วนน่าสะพรึงกลัว พลอยทำให้ถ้ำสั่นะเืไม่หยุด บางครั้งก็มีหินหล่นลงมา
เวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป ตะขาบั์ที่เหลือดวงตาข้างเดียวได้รับผลกระทบอย่างหนัก การโจมตีของมันจึงไม่แม่นยำเฉกเช่นก่อนหน้านี้
เย่เฟิงและชิงเซียงมีเคล็ดวิชาท่าร่างที่ร้ายกาจ ดังนั้นแม้การโจมตีของตะขาบั์จะทรงอานุภาพ แต่กลับทำร้ายพวกเขาได้ยาก จึงเป็สาเหตุให้ตะขาบั์เคลื่อนไหวช้าลง เพราะสูญเสียพลังงานไปมาก ทำให้เริ่มตามไม่ทัน
“เ้าดึงความสนใจจากมัน ข้าจะไปทำลายดวงตาอีกข้าง เช่นนี้พวกเราก็จะมีโอกาสฆ่ามัน” เย่เฟิงเห็นตะขาบั์เคลื่อนไหวช้าลงก็ตาเป็ประกาย ก่อนจะกล่าวกับชิงเซียงเช่นนั้น
“ได้” ชิงเซียงพยักหน้า จากนั้นตวัดดาบสีครามโจมตีตะขาบั์ เพื่อดึงดูดความสนใจจากมัน ไม่นานตะขาบั์ก็เริ่มสนใจชิงเซียง ตอนนี้เองเย่เฟิงก็ลงมือ โดยแทงหอกไปที่ดวงตาอีกข้างของตะขาบั์ เืสีเขียวมรกตจึงพุ่งกระฉูดออกมาเปื้อนเสื้อผ้าของเย่เฟิง ทันใดนั้นเสื้อผ้าของเย่เฟิงถูกกัดกร่อน เห็นชัดว่าเป็พิษที่รุนแรงมากเพียงใด
“วี้ด!” ขณะเดียวกันตะขาบั์ที่ถูกแทงดวงตาอีกข้างก็คลุ้มคลั่งขึ้นมา ร่างอันใหญ่ั์ดิ้นไปมา ผนังรอบด้านพลันถล่มทลาย มิหนำซ้ำเสียงยังดังกึกก้องไปทั่วพื้นที่
“ฉวยโอกาสนี้ฆ่ามัน!” เย่เฟิงกล่าวกับชิงเซียง จากนั้นเขาเคลื่อนไหวเป็คนแรก ส่วนชิงเซียงตามมาติด ๆ จากนั้นทั้งสองคนทะยานร่างขึ้นฟ้าและเข้าโจมตีตะขาบั์จากสองฝั่งทันที
“วูบ!” ตะขาบั์ที่สูญเสียดวงตาทั้งสองข้างก็ไม่รู้ว่ามีอันตรายมาเยือน จึงยังคงดิ้นรนไม่หยุด แต่นาทีต่อมามันได้ยินเสียงสองสายดังขึ้น ซึ่งก็คือหอกของเย่เฟิงและดาบของชิงเซียงแทงลงมายังใจกลางคิ้วของตะขาบั์ จู่ ๆ ตะขาบั์ต้องตัวสั่นอย่างแรง ก่อนจะหยุดดิ้นรนและนิ่งเงียบไป
“ฟู่!” ตอนที่เย่เฟิงและชิงเซียงคิดว่าศึกนี้จบแล้ว ทันใดนั้นตะขาบั์อ้าปากแล้วพ่นของเหลวออกมา เย่เฟิงหลบไปอย่างรวดเร็ว แต่ของเหลวนั้นกลับโดนตัวชิงเซียงเข้าเต็ม ๆ
“ปัง!” ร่างอันใหญ่โตของตะขาบั์ล้มลงไปกองกับพื้น จนฝุ่นคลุ้งไปทั้วพื้นที่
“ร้อนจัง... อ่า...”
เมื่อฝุ่นเริ่มจางลง เย่เฟิงก็ได้ยินเสียงของชิงเซียงดังมา เสียงนี้อ่อนหวานและนุ่มนวล ไร้ซึ่งความเ็าเฉกเช่นก่อนหน้านี้ นี่ทำให้เย่เฟิงขมวดคิ้ว เขามองไปที่ชิงเซียง เห็นว่าตอนนี้ชิงเซียงแก้มแดง มือเรียวยาวสองข้างลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างของนาง พร้อมเสียงครางดังออกจากปาก
“อือ... ร้อนมาก!” โทนเสียงที่แตกต่างดังออกจากปากชิงเซียงไม่หยุด คล้ายสูญเสียความเป็ตัวเองไป ทันใดนั้นมือเรียวยาวฉีกกระชากเสื้อตรงหน้าอก จึงเผยให้เห็นผิวอันขาวนวลราวหิมะ แต่กลับแฝงสีแดงจางที่ชวนให้เย้ายวนใจเช่นกัน ทุกการเคลื่อนไหวล้วนเปี่ยมด้วยเสน่ห์แรงกล้า
“นี่มัน...” เย่เฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะมองร่างอันสมบูรณ์แบบของหญิงสาวที่ค่อย ๆ ปรากฏตัวตรงหน้า ในสถานการณ์เช่นนี้ทำให้รู้สึกร้อนที่ท้องน้อย จึงอดกลืนน้ำลายไม่ได้ เขาพยายามทำให้ตัวเองสงบนิ่ง
“อ่า... ฮึม...” เสียงเย้ายวนดังออกจากปากชิงเซียงไม่หยุด อาภรณ์ของนางถูกปลดเปลื้อง จึงปรากฏเรือนร่างอันเปลือยเปล่าที่สวยดุจดั่งภาพวาดที่ด้านหน้าเย่เฟิง
คอยาวระหง ดอกบัวตูม ท้องแบนราบ ทุกสัดส่วนล้วนสมบูรณ์แบบ
ดวงตาของชิงเซียงดูพร่ามัว หายใจถี่เร็ว เสียงเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เืในกายบุรุษต้องพลุ่งพล่าน
“ช่วยข้า...” แววตาของชิงเซียงเต็มไปด้วยความปรารถนา พร้อมมือเรียวยาวลูบไล้ขาไม่หยุด ผนวกกับเรือนร่างของนาง ก็ยิ่งทำให้ชายใดมิอาจปฏิเสธได้
“ไม่คิดว่าของเหลวที่ตะขาบั์พ่นออกมาจะมีฤทธิ์ร้ายแรงเพียงนี้ พิษนี้ช่างวิปริตยิ่งนัก” เย่เฟิงคิดในใจ เขาพยายามควบคุมตัวเอง เขารู้ว่าหากไม่ช่วยชิงเซียงโดยเร็ว ชิงเซียงก็จะปรารถนาอยู่เช่นนี้ กระทั่งปรารถนาจนตาย
พลันดวงตาของเย่เฟิงฉายแววแน่วแน่ จากนั้นเขาไปที่ด้านหน้าชิงเซียง แต่ถูกชิงเซียงคว้าไปกอด ก่อนจะลูบไล้ร่างเย่เฟิงไม่หยุด พร้อมส่งเสียงครวญครางและมีกลิ่นหอมลอยไปแตะจมูกเย่เฟิง พลังเย้ายวนเช่นนี้มีพลังทำลายล้างสูง หากเย่เฟิงไม่ฝึกทักษะหล่อิญญา ไม่ขัดเกลาพลังิญญาจนถึงระดับที่แกร่งกล้า เกรงว่าคงต้านทานเสน่ห์ที่เย้ายวนเช่นนี้ไม่ได้
“เย่เฟิง ช่วยข้าด้วย ข้า... ข้าไม่ไหวแล้ว ข้าอยาก...”
ชิงเซียงสูญเสียความเป็ตัวเองเพราะการกัดกร่อนของพิษราวกับว่าจิติญญาถูกความปรารถนาที่ไร้สิ้นสุดนั้นเข้าครอบงำ ถ้อยคำที่เอ่ยออกมาจึงใจกล้าขึ้นเรื่อย ๆ หาใช่หญิงงามที่เ็าคนนั้นไม่
เย่เฟิง้าผลักร่างชิงเซียงออกไปให้พ้น แต่กลับถูกอีกฝ่ายกอดรัดแน่น จนราวกับว่าหลอมเป็ร่างเดียวกัน ส่วนมือเรียวยาวคู่นั้นก็ลูบไล้ไปทั่วร่างเย่เฟิงไม่หยุดหย่อน
ริมฝีปากอันร้อนแรงก็เข้าประกบริมฝีปากของเย่เฟิง กระทั่งลิ้นอันนุ่มนิ่มบุกรุกเข้ามา และตวัดไปมาไม่หยุด
“เย่เฟิง เร็ว ช่วยข้าที!”
เย่เฟิงพยายามยับยั้งชั่งใจอย่างสุดความสามารถ จากนั้นเขาผลักร่างชิงเซียงออก ก่อนจะใช้พลังหยวนเข้าพันธนาการร่าง จากนั้นทั้งสองคนนั่งลงขัดสมาธิ แต่ชิงเซียงยังคงดิ้นรน ใบหน้าแดงระเรื่อ ปากเล็ก ๆ ขบเม้มไปมา ร่างอันสมบูรณ์แบบนั้นก็อยู่ตรงหน้าเย่เฟิง
แม้นี่จะเป็ครั้งแรกของเย่เฟิงที่เห็นเรือนร่างของหญิงสาว แต่เขาก็ตัดสินใจได้ทันทีว่าเรือนร่างของชิงเซียงนั้นถือว่าสมบูรณ์แบบที่สุดในหมู่สาวงาม หากนางไร้ซึ่งนิสัยเ็า นางจะต้องยอดเยี่ยมเป็อย่างมาก
“เฮ้อ!” เย่เฟิงถอยหายใจยาวและพยายามทำให้ตัวเองสงบ เขานั้นไม่ใช่คนที่ชอบฉวยโอกาสยามผู้คนตกอยู่ในวิกฤต จากนั้นโคจรเก้าวัชรหุนหยวนในกาย พลันพลังหุนหยวนไหลไปทั่วเส้นเื สองฝ่ามือประทับไปที่หน้าอกของชิงเซียง ก่อนจะััได้ถึงความนุ่มนิ่ม
จากนั้นพลังหุนหยวนเริ่มถ่ายเทไปที่ร่างชิงเซียงผ่านฝ่ามือของเย่เฟิง เพื่อใช้พลังหุนหยวนขจัดพิษออกมาจากร่างชิงเซียง ขั้นตอนนี้ดำเนินไปอย่างเชื่องช้า ทว่านี่เป็วิธีที่ดีที่สุดที่เย่เฟิงจะคิดได้ในเวลานี้โดยที่ไม่ต้องทำร้ายชิงเซียง
พลังหุนหยวนแทรกซึมสู่ร่างชิงเซียงอย่างต่อเนื่อง ไหลไปทั่วเส้นเืของนาง ค่อย ๆ ขจัดพิษไปทีละนิด ๆ จนกระทั่งสีหน้าของนางเริ่มกลับมาเป็ปกติ และไม่ดิ้นรนขัดขืนอีกต่อไป
ดวงตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนาคู่นั้นค่อย ๆ กลับมาใสแจ๋ว แต่ภายใต้ฤทธิ์ของพิษนั่น สติของชิงเซียงยังคงคลุมเครือ บางทีอาจเหนื่อยล้าจากเหตุการณ์เมื่อครู่ นางจึงค่อย ๆ หลับไป
เย่เฟิงโคจรเก้าวัชรหุนหยวนเพื่อชำระล้างร่างชิงเซียง นี่ทำให้พลังงานของตนถูกผลาญไปมาก เม็ดเหงื่อผุดขึ้นที่หน้าผาก แต่ใน่เวลาสำคัญนี้ เย่เฟิงไม่กล้าเกียจคร้านแต่อย่างใด เขาทุ่มพลังทั้งหมดกระตุ้นเก้าวัชรหุนหยวนขจัดพิษที่อยู่ในร่างชิงเซียง
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด พิษที่อยู่ในร่างชิงเซียงก็ถูกขจัดออกไปจนหมด แต่ตอนที่เย่เฟิงเก็บเคล็ดวิชากลับไป จู่ ๆ ชิงเซียงก็ลืมตาขึ้น นางมองเย่เฟิงที่อยู่ตรงหน้าและรับรู้ได้ถึงััอันอบอุ่นบริเวณหน้าอกของตน นางจึงอดก้มลงไปมองไม่ได้
เมื่อนางเห็นร่างอันเปลือยเปล่าของตน ใบหน้าก็ขาวซีด จากนั้นลุกขึ้นยืนพร้อมสองมือปิดส่วนที่สำคัญของร่างกาย แล้วถอยหลังไปหลายก้าว ดวงตาที่เย็นเยือกของนางมองมาที่เย่เฟิง ตวาดใส่ด้วยโทสะว่า “คนสารเลว! เ้าทำอะไรข้า?”
“เมื่อครู่เ้าโดนพิษของตะขาบั์นั่น ข้าจึงต้องทำเช่นนี้อย่างไม่มีทางเลือก” เย่เฟิงกล่าว ขณะมองสายตาของชิงเซียงที่มองเขา เย่เฟิงก็รู้สึกหมดหนทางเลือก
“ข้าเชื่อเ้าก็บ้าแล้ว!” ชิงเซียงถูกโทสะเข้าครอบงำ และเย่เฟิงในตอนนี้ก็เป็คนเลวในสายตาของนาง จากนั้นดาบสีครามปรากฏในมือนาง ก่อนจะตวัดโจมตีเย่เฟิง พลันรังสีดาบตรงไปที่ตำแหน่งหัวใจของเย่เฟิง
“เอ่อ!” รอยหยักสีดำสองสามเส้นปรากฏบนหน้าผากของเย่เฟิง จู่ ๆ เขารู้สึกว่าการเป็คนดีนั้นมันช่างยากนัก จากนั้นเบี่ยงตัวหลบดาบของชิงเซียง แต่มีหรือชิงเซียงจะเลิกราแค่นี้ นางตวัดดาบไปที่ลำคอของเย่เฟิงด้วยความเร็วสูง
เย่เฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นเอื้อมมือออกมาคว้าข้อมือของชิงเซียง แม้ชิงเซียงจะอยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 5 แต่นางเพิ่งถูกถอนพิษไป ร่างกายจึงยังอ่อนแอ พลังโจมตีก็ได้รับผลกระทบไปไม่น้อย ดังนั้นจึงถูกเย่เฟิงควบคุมได้ง่าย ๆ
“คนเลว ปล่อยข้านะ!” ชิงเซียงดิ้นรนไม่หยุด ทั้งยังเชื่อสนิทใจกับการกระทำของเย่เฟิงที่ทำลงไปก่อนหน้านี้
“ใจเย็นก่อน ฟังข้าพูด ข้าไม่ได้ทำอะไรเ้า เพียงแค่ช่วยเ้าขจัดพิษเท่านั้น” เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็น
เมื่อชิงเซียงเห็นท่าทีจริงจังของเย่เฟิงก็หยุดดิ้นรน
“ถ้าเ้าไม่เชื่อก็ดูนี่ซะ ฝีมือเ้าทั้งนั้น” เย่เฟิงกล่าว จากนั้นเปิดเผยลำคอของตนเอง ซึ่งบนคอเต็มไปด้วยรอยประทับฝีปาก ชิงเซียงมองกะพริบตาปริบ ๆ และไม่กล่าวสิ่งใดต่อ แต่สายตายังคงเ็าเช่นเดิม
จากนั้นเย่เฟิงนำเสื้อออกมาจากแหวนมิติ ก่อนจะคลุมร่างชิงเซียง แล้วหันหลังไปช้า ๆ “เสื้อผ้าก่อนหน้านี้เ้าทำลายไปหมดแล้ว สวมนี่ไปก่อนแล้วกัน”
ชิงเซียงลังเลชั่วครู่กว่าจะสวมเสื้อที่เย่เฟิงให้มา นางเม้มปากเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามเย่เฟิงว่า “บอกข้าที เมื่อครู่เ้าเห็นอะไรบ้าง?”
“สิ่งที่ควรเห็นก็เห็นหมดแล้ว” เย่เฟิงตอบกลับตามความจริง
“คนสารเลว!” ชิงเซียงได้ยินเช่นนั้นก็สบถคำด่า
ครั้งนี้ทั้งสองคนสูญเสียพลังงานไปมาก ดังนั้นจึงนั่งขัดสมาธิและเริ่มปรับลมหายใจ ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม พลังหยวนในร่างของเย่เฟิงและชิงเซียงก็ฟื้นฟูกลับเป็ปกติ
“หืม!”
ขณะเดียวกันหลันเซียงที่หมดสติไปก็ฟื้นขึ้นมา พร้อมมือเรียวกุมขมับ ดูเหมือนยังไม่ได้สติเต็มที่ ก่อนหน้านี้เย่เฟิงตรวจสอบอาการของหลันเซียงแล้ว พบว่าอีกฝ่ายหมดสติไปเพียงเพราะใกลัว
ตอนนี้หลันเซียงก็ฟื้นขึ้นมาตามความคาดการณ์ของเย่เฟิง
“ข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” หลันเซียงสะบัดศีรษะก่อนเอ่ยถามเย่เฟิงและชิงเซียงที่อยู่ข้าง ๆ
“เ้าถูกตะขาบั์จับมาที่นี่ แต่ถูกเราสองคนฆ่าตายแล้ว” เย่เฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มจาง ๆ
