ทันทีที่สิ้นเสียง สายตาของเสิ่นม่านก็มองไปที่พวกเขาทั้งครอบครัว
อืม ครอบครัวตาเฒ่าคัง มาขอทำงานแต่กลับวางมาดใหญ่โต
ลูกชายคนโตกับภรรยาและคังฟู่กุ้ย ส่วนลูกชายคนเล็กก็ยังมีภรรยาที่ท้องแก่ใกล้คลอด ทั้งครอบครัวมีกันหกคน ล้วนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยรอยปะ แล้วแห่กันมาหางานทำที่บ้านนางอย่างน่าประหลาด?
แน่ใจนะว่าไม่ได้ยกพวกมาหาเื่?
ภาพจำของเสี่ยวตงที่มีต่อครอบครัวนี้ไม่ดีนัก จึงออกหน้ามาขับไล่เป็คนแรก
“พวกเ้ามาหางานทำหรือ? แห่กันมาทั้งครอบครัวเช่นนี้ กระทั่งคนท้องกับเด็กก็ยังพามาด้วย อะไรกัน ้าขายความน่าสงสารเพื่อหางานหรือไร?”
คำพูดของเขาทำให้ตาเฒ่าคังหน้าบึ้งและถลึงตามองเขา “เด็กคนนี้พูดไร้สาระอะไรกัน? เราตั้งใจมาหางานทำที่บ้านเ้า! พวกนางอยู่บ้านกันว่างๆ ให้ออกมาหาเงินช่วยจุนเจือครอบครัวสักหน่อยก็ถือเป็เื่ดี!”
ฟังดูเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ แต่…
เสิ่นม่านหลุบตาลงครุ่นคิด จากนั้นคิ้วย่นเข้าหากันและเอ่ยตอบเรียบๆ “ขออภัย บ้านข้าไม่ขาดแคลนคนงาน พวกเ้ากลับไปเถิด”
ยังไม่ต้องพูดถึงว่า พวกเขามาเพราะมีวัตถุประสงค์อื่นแอบแฝงหรือไม่ ลำพังลูกชายทั้งสองของตาเฒ่าคังต่างก็เป็ชายหนุ่มแข็งแรง มีหรือจะหางานไม่ได้? แต่กลับดั้นด้นจะมาทำงานบ้านนางให้ได้?
หากบอกว่าไม่มีอะไรแอบแฝง ใครเล่าจะเชื่อ?
“ได้ยินหรือไม่? พวกเ้ารีบกลับไปเสีย! อย่ามาหางานทำที่บ้านข้า บ้านข้าไม่ขาดคน!” เสี่ยวตงพาน้องชายและน้องสาวมาขับไล่คน ตาเฒ่าคังไม่ยอมไปทั้งยังคุกเข่าคำนับ
“ม่านเหนียง ข้ารู้ว่าเ้ายังถือโทษที่ต้าจ้วงล่วงเกินเ้า แต่ครอบครัวเราไม่ใช่คนชั่วร้าย! ชีวิตของเรา เ้าเองก็เห็น ทั้งครอบครัวมีกันเจ็ดคน ระหว่างลี้ภัย แม่ของพวกเขาก็ตายไปแล้ว ไม่ง่ายดายกว่าจะย้ายมาที่หมู่บ้านนี้ แต่ชีวิตกลับยากลำบากยิ่งนัก เราทั้งครอบครัวมีปัญหาเื่ปากท้อง! เ้าสงสารพวกข้าด้วยเถิด ได้โปรดให้ทางรอดแก่เราด้วย!”
คำพูดนี้ราวกับว่า หากวันนี้ไม่ให้งานพวกเขาทำ ก็เหมือนเสิ่นม่านกำลังบีบให้พวกเขาเดินสู่ความตายอย่างนั้นหรือ?
“ผู้เฒ่าคังพูดจาให้มีเหตุผลหน่อย ตอนนั้นพวกเ้าซื้อบ้านของข้าไปลับหลังท่านอา เอาหยกประจำตระกูลของบ้านข้าไป แล้วยังขับไล่ท่านอาข้าออกจากบ้านเดิม เท่านี้ยังไม่พอ ครอบครัวเ้ายังรังแกข้ากับน้องสาวที่ยังเด็ก บุกมาทำร้ายกันถึงที่ ตอนนั้นไม่เห็นบอกเลยว่าจะเหลือทางรอดให้แก่ครอบครัวข้า”
เสี่ยวตงยืนอยู่หน้าเสิ่นม่าน เสี่ยวหลานกับต้าเป่าก็วิ่งมาขวางด้านหน้าและเสริมด้วยความโมโห
“ใช่! ตอนนั้นยังทำร้ายข้ากับท่านแม่! เื่เหล่านี้พวกเ้าลืมแล้วหรือ?”
ตาเฒ่าคังพูดไม่ออก ไม่อาจตอบโต้ไปชั่วขณะ
“บ้านหลังนั้นนางโจวเป็คนขายให้เรา! เราก็จ่ายเงินซื้อมาเพื่ออยู่อาศัย ผิดตรงไหนหรือ? ล้วนสมเหตุสมผล! เสี่ยวตง ก่อนหน้านี้ครอบครัวข้ามีปมขัดแย้งกับพวกเ้า นั่นเป็ความเข้าใจผิด เ้าอย่าใจแคบถึงเพียงนั้น คิดแต่จะเอาเื่ในอดีตมากำไว้ไม่ยอมปล่อยวาง… คนเราต้องรู้จักเคารพผู้าุโและเอ็นดูผู้เยาว์ ทำเื่ดีให้มากๆ!”
“นั่นสิ ตอนนี้ครอบครัวเ้ามีเงินมากมาย ยังถือสาเื่บ้านหลังนั้นไปไย? อีกอย่าง เราไม่มีงานทำ พวกเ้าช่วยหางานให้จะเป็อะไรไป? แรงงานที่ทั้งราคาถูกและทำงานดีอย่างพวกข้าจะไปหาที่ไหนได้อีก? เกิดเป็คนก็ต้องรู้จักเมตตา ทุกคนต่างก็เป็คนบ้านเดียวกัน ครอบครัวเ้าช่วยอุ้มชูครอบครัวข้าสักหน่อยจะเป็อะไรนักหนา? พวกข้าจะจดจำความดีของพวกเ้าไว้แน่นอน!”
พูดจาอ้างเหตุผลต่างๆ นานาเช่นนี้ นอกจากนางหยางแล้วจะมีผู้ใดอีก?
เสิ่นม่านหลุดขำและเอ่ยอย่างใจเย็น “ข้าว่านางหยาง เ้าเป็คนดีมีเมตตา หากจับเ้าไปเผาไฟคงได้พระธาตุมาหลายสิบเม็ด พวกเ้าไม่มีงานก็ไปหาที่ตำบลโน่น ทั้งครอบครัวก็มีมือมีเท้า ไม่ไปทำงานในตำบล วิ่งโร่มาที่บ้านข้าเพื่ออะไร? บ้านข้าเปรียบดั่งวัดร้างน้อยๆ คงเชิดชูบูชาเทพองค์ใหญ่ทั้งหลายอย่างพวกเ้าไม่ไหว!”
ความหมายของนางชัดเจนมาก แม้จะมีงานให้ทำ แต่ก็ไม่มีทางรับครอบครัวนี้มาทำแน่!
น้องชายของคังต้าจ้วง คังต้าลี่เห็นเช่นนี้จึงคิดจะพาภรรยาที่ตั้งครรภ์กลับบ้าน เดิมทีทั้งสองคนเพียงถูกลากมาด้วย เขาเองก็เข้าใจเื่ความสัมพันธ์ระหว่างสองครอบครัวดี
โดยเฉพาะพี่ชายคนโตและพี่สะใภ้ที่มีความสัมพันธ์ย่ำแย่กับเสิ่นม่านเหนียง เช่นนี้แล้วยังคิดจะมาหางานได้อย่างไร? ครอบครัวเขาได้แสดงความจริงใจที่อยากมาทำงานจริงหรือ?
เดิมทีคังต้าลี่มีงานทำในตำบลอยู่แล้ว แต่ตาเฒ่าคังลำเอียงไปทางคังต้าจ้วง เงินที่เขาหามาได้อย่างยากลำบาก ไม่เพียงต้องเลี้ยงดูภรรยาที่ตั้งครรภ์แปดเดือนเศษ แล้วยังต้องเลี้ยงดูบิดา ครอบครัวพี่ชาย และน้องสาวอีกด้วย
เงินแค่นี้ไม่เพียงพอให้เลี้ยงดูทั้งครอบครัวอยู่แล้ว แต่เขาก็จนหนทาง เนื่องจากขาของคังต้าจ้วงต้องเป๋เพราะเคยช่วยเขา ดังนั้นหลายปีมานี้ เขาจึงพยายามทุ่มเทแรงกายชดเชยให้แก่ครอบครัวพี่ชายคนโต
เพียงแต่เื่ราววุ่นวายในตอนนี้ เขารู้สึกอับอายเหลือเกิน ขณะที่กำลังจะพยุงบิดาที่ยังคุกเข่ากับพื้นขึ้น ใครจะรู้ว่าตาเฒ่าคังผลักเขาออกด้วยอารมณ์ที่รุนแรง
“วันนี้ใครก็ห้ามดึงข้า! เสิ่นม่านเหนียง เ้าไม่จ้างพวกเราทำงานก็ได้ แต่เ้าคงไม่อาจลืมตาดูครอบครัวเราหิวตายทั้งเป็หรอกนะ! เ้าดูเมียของต้าลี่สิ ท้องโตขนาดนี้! หลานน้อยของข้าฟู่กุ้ยก็ผอมซูบเพราะความอดอยาก หากเกิดอะไรขึ้น เ้าจะไม่รู้สึกละอายเลยหรือ? เ้าถือเสียว่าทำความดี ให้ข้ายืมสักยี่สิบตำลึงเพื่อให้พวกข้าอยู่พ้นฤดูหนาวนี้ได้หรือไม่? ถึงอย่างไรเ้าก็หาเงินได้มากมาย เงินยี่สิบตำลึง สำหรับเ้าแล้วคือเงินเล็กน้อย เกิดเป็คนอย่าใจแคบนัก!”
ยืมเงิน? แค่อ้าปากก็ขอยืมตั้งยี่สิบตำลึง? คิดว่าเงินของนางลอยมากับสายลมหรืออย่างไร? คนสมัยนี้กล้าเอ่ยยืมเงินกันหน้าหนาๆ เช่นนี้เลยหรือ?
เสิ่นม่านลูบคางและไม่อาจบรรยายออกมาเป็คำพูดได้
“ผู้เฒ่าคัง เ้าเป็ผู้ใหญ่ วันนี้ข้าจะไม่ด่าเ้า เ้ากับข้าไม่มีเวรกรรมอะไรต่อกัน เหตุใดต้องเอาความอดทนของข้ามาย่ำเล่นบนพื้น”
“ข้าหาเงินมาได้เท่าใด นั่นคือเม็ดเหงื่อที่มาจากการขายเต้าฮวยอย่างยากลำบากของข้า! แล้วเกี่ยวอะไรกับครอบครัวเ้าด้วย? หากว่าบ้านข้ามีเงินก็ควรช่วยครอบครัวเ้าให้พวกเ้ายืมเงินหรือ? เช่นนั้นตอนที่ครอบครัวข้าอยู่อย่างลำบากตรากตรำ เหตุใดจึงไม่เคยเห็นพวกเ้าสงสารพวกข้าและให้พวกข้ายืมเงินบ้าง? อีกอย่าง ครั้งที่แล้วลูกชายเ้าวิ่งโร่มาบ้านข้าดึกดื่นเพื่อคิดจะทำอะไรนั้นข้าก็ยังไม่ได้เอาความ พวกเ้ารีบกลับไปเสีย อย่าบีบให้ข้าต้องโมโห”
เสียงต่อว่ารัวทำให้ตาเฒ่าคังอึ้งอยู่ที่เดิม คังต้าลี่เห็นดังนั้นจึงรีบพยุงเขาลุกขึ้น “ท่านพ่อ เลิกนั่งบนพื้นเถิด เรากลับกันก่อนดีกว่า”
ตาเฒ่าคังสลัดมือของเขาและด่าทอ “กินบนเรือนขี้บนหลังคา! จะดึงข้าทำไม? หากวันนี้ข้าไม่มาไขว่คว้าโอกาส เ้าจะให้ครอบครัวพี่ชายเ้ากินลมแทนข้าวหรืออย่างไร?!” พอด่าจบ เขาถ่มน้ำลายเต็มแรง จากนั้นเดินวนหาก้อนอิฐในลานบ้านมาหนึ่งก้อนและทุบศีรษะของตนเอง
หลังจากเสียงดังตุ้บ เืค่อยๆ ไหลอาบใบหน้าชราของเขา
เสี่ยวหลานเห็นดังนั้นก็กรีดร้องเสียงแหลมด้วยความใ
ตาเฒ่าคังปากสั่นและแข็งใจยิ้มอย่างชั่วร้าย แววตาขุ่นมัวของเขาจับจ้องที่เสิ่นม่าน ราวกับงูพิษที่กำลังจับจ้องเหยื่อ
“เสิ่นม่านเหนียง หากวันนี้เ้าไม่ให้ข้ายืมเงิน ข้าจะขอตายที่นี่! โรงงานเ้าเพิ่งเปิดวันแรก คงไม่อยากให้มีคนตายหรอกกระมัง?”
-----
