เมื่อเยว่เฟิงเกอกลับเข้าไปในห้องก็เห็นว่าเตาหลอมยานั้นไม่มีควันพวยพุ่งออกมาอีกแล้ว
นางรีบร้อนเดินเข้าไปเปิดฝาเตาหลอม และได้เห็นว่ายาพิษที่อยู่ด้านในถูกหลอมสำเร็จแล้ว
เยว่เฟิงเกอให้ชิงจื่อไปหาเครื่องเคลือบมา ก่อนจะตักยาพิษนั้นใส่ลงในเครื่องเคลือบ
“พระชายาทรงหลอมสิ่งใดเพคะ สีเขียวๆ ดูแปลกพิกล? ” ชิงจื่ออดถามขึ้นไม่ได้
เยว่เฟิงเกอยิ้มหวานให้ชิงจื่อ “นี่คือพิษร้ายแรง เ้าต้องระวังให้ดี อย่าได้ััมั่วซั่ว มิฉะนั้นเ้าอาจจะตายได้”
เมื่อชิงจื่อได้ยินว่าของเหลวสีเขียวที่อยู่ในเครื่องเคลือบนี้คือพิษร้ายแรง ก็ใจนหน้าซีดขาว
“พระชายาหลอมยาพิษทำอันใดเพคะ คงไม่ใช่ว่า ทรงคิดจะใช้วางยาชายารองฉินนะเพคะ? ”
ชิงจื่อคิดในใจ เมื่อก่อนชายารองฉินเอาแต่รังแกพระชายา ตอนนี้พระชายาราวกับตื่นรู้แล้วก็ไม่ปาน เป็ฝ่ายรังแกชายารองฉินแทน
หากพระชายาใช้ยาพิษชนิดนี้กับชายารองฉิน ถึงตอนนั้นหากคนถึงแก่ชีวิตขึ้นมา พระชายาของนางย่อมจะกลายเป็ฆาตกรฆ่าคน
เมื่อเห็นท่าทีที่คิดไปไกลของชิงจื่อ เยว่เฟิงเกอก็อดไม่ได้ให้ดีดหน้าผากอีกฝ่ายไปทีหนึ่ง
“คิดอะไรไร้สาระ ข้าจะไปวางยาฉินหว่านได้อย่างไร ยาพิษเหล่านี้มีไว้ใช้ทำอย่างอื่น เอาเป็ว่า เ้ารู้เพียงว่าข้าไม่ได้ใช้ทำร้ายคนก็แล้วกัน”
เมื่อชิงจื่อได้ยินเช่นนั้น ก็ถอนใจโล่งอก
ขอแค่พระชายาของนางไม่ไปทำร้ายใคร นางก็วางใจแล้ว
ตอนนี้เยว่เฟิงเกอมีพิษต้านพิษแล้ว แต่ไม่รู้จะเข้าวังไปถอนพิษให้ฮองเฮาได้อย่างไร
เยว่เฟิงเกอลองนับวันดู เหลือเวลาอีกแค่วันเดียวก็จะถึงวันที่สิบห้าที่พระจันทร์เต็มดวงแล้ว คาดว่าพอถึงตอนนั้นฮองเฮาคงจะถูกทรมานจากพิษในร่างที่กำเริบขึ้นมาอีกแน่
เยว่เฟิงเกอตัดสินใจว่ารอให้ม่อหลิงหานเสร็จจากประชุมเช้ากลับมาถึงจวน นางจะให้เขาพานางเข้าวังอีกครั้ง
ทว่า ตลอดทั้งวันนั้นเยว่เฟิงเกอเฝ้ารออยู่แต่ในจวนอย่างเบื่อหน่าย
นางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเกม แต่เล่นไปครู่หนึ่งก็รู้สึกหมดสนุก
จะอย่างไรเกมนี้ก็มีนางเป็ผู้เล่นคนเดียว คล้ายว่าในเมืองที่เงียบเหงาแห่งนี้ไม่มีใครสนทนากับนาง และไม่มีใครร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับนาง
เยว่เฟิงเกอกดออกจากเกมแล้วโยนโทรศัพท์ไปอีกข้าง นางพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง ก่อนจะหมุนไปเรื่อยๆ เป็วงกลมราวกับเข็มนาฬิกา
“น่าเบื่อจังเลย” ตอนนี้เยว่เฟิงเกอกำลังจะเฉาตายเพราะความเบื่อแล้ว จึงเริ่มคิดถึงคราวแรกที่ได้ต่อล้อต่อเถียงกับม่อหลิงหาน
อย่างน้อยการได้ต่อล้อต่อเถียงกับม่อหลิงหานก็ยังทำให้รู้สึกว่าชีวิตตนยังพอมีสีสันอยู่บ้าง
จนกระทั่งถึงเวลาอาหารค่ำ ม่อหลิงหานก็ยังไม่กลับมา
ในห้องอาหารนี้มีแค่ชิงจื่อที่คอยอยู่ปรนนิบัติเยว่เฟิงเกอ แม้แต่ฉินหว่านก็ยังไม่มา
ห้องอาหารที่แสนว่างเปล่าเช่นนี้ยิ่งทำให้บรรยากาศรอบกายเงียบเหงากว่าเคย
หากไม่ใช่เพราะในจวนแห่งนี้ยังมีคนรับใช้คนอื่นๆ อยู่ เยว่เฟิงเกอก็คงนึกไปว่าตนนั่งเหม่ออยู่ในจวนอ๋องร้าง
ไม่มีม่อหลิงหานให้ต่อปากต่อคำด้วย ไม่มีฉินหว่านให้รังแก ยามนี้เยว่เฟิงเกอรู้สึกราวกับว่าแม้แต่อาหารตรงหน้าก็ไร้รสชาติ
เมื่อกลับมาถึงเรือนเยว่เหยา เยว่เฟิงเกอก็ยังไม่ได้เห็นเงาของม่อหลิงหาน นางจึงให้ชิงจื่อไปถามถานอี้ว่าท่านอ๋องจะกลับจวนเมื่อใด
เมื่อชิงจื่อกลับมาก็แจ้งต่อเยว่เฟิงเกอว่า “องครักษ์ถานบอกว่าปกติท่านอ๋องไปเข้าร่วมประชุมเช้าเสร็จก็จะกลับมาถึงจวนอ๋อง่ยามอู่เพคะ เพียงแต่วันนี้ไม่รู้เพราะเหตุใด ดึกเพียงนี้แล้วยังไม่กลับมา เกรงว่าฮ่องเต้คงจะมีเื่สำคัญที่ต้องปรึกษาหารือกับท่านอ๋องกระมังเพคะ”
เยว่เฟิงเกอนึกถึงแผนการที่นางพูดออกมาเบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้
นางเดาว่าตอนนี้ฮ่องเต้คงยังกำลังปรึกษากับม่อหลิงหานอยู่ว่าจะทำอย่างไรถึงจะให้ชาวเฟิงหลันเข้ามาเป็ส่วนหนึ่งในดินแดนเป่ยชวนได้
เื่นี้สำคัญมากและกระทำได้ยาก
หากจัดการไม่ดี เห็นทีาระหว่างสองแคว้นจะยิ่งปะทุ
เยว่เฟิงเกอให้ชิงจื่อไปพักผ่อน ส่วนนางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเกมต่อ
ตอนนี้เองจิ๋วปิ่งค่อยๆ เดินย่ำเท้าก้าวสั้นๆ เข้ามา ก่อนจะะโขึ้นมาบนตัวเยว่เฟิงเกอ ใช้ใบหน้าน้อยๆ ถูไถไปกับตัวเยว่เฟิงเกอ
“พระชายาอย่าเล่นโทรศัพท์อีกเลย มาเล่นเป็เพื่อนท่านเก้าสักครู่เถอะ”
ตอนนี้เยว่เฟิงเกอกำลังตีบอสตัวหนึ่งอยู่ในเกม บอสตัวนี้จัดการได้ยากมาก แต่หากทำลายได้ เลเวลตัวละครของนางในเกมจะเพิ่มขึ้นถึงสองขั้น
ตอนที่จิ๋วปิ่งบอกให้นางวางโทรศัพท์ลงแล้วไปเล่นเป็เพื่อนตน นางก็ตอบแบบขอไปทีประโยคหนึ่ง “รอให้ข้าตีมอนสเตอร์ตัวนี้ได้ก่อน แล้วจะไปเล่นกับเ้า”
แต่เมื่อนางพูดประโยคนี้จบกลับรู้สึกได้ถึงความผิดปกติในทันที นางหันไปมองจิ๋วปิ่งด้วยสีหน้าประหลาดใจ “เมื่อครู่เ้าเรียกสิ่งนี้ว่าอะไรนะ? ”
จิ๋วปิ่งที่พาดอยู่บนลำตัวเยว่เฟิงเกอใช้ศีรษะถูไถนางอีกครั้ง “พระชายา มาเล่นเป็เพื่อนท่านเก้าหน่อยสิ ท่านเก้าเบื่อจะตายอยู่แล้ว โทรศัพท์โง่เง่านั่นมีอะไรให้น่าสนุกกัน ไม่มีทางจะสนุกเท่าเล่นกับท่านเก้าหรอก”
ครั้งนี้เยว่เฟิงเกอแน่ใจแล้วว่าไม่ได้ฟังผิดไป จิ๋วปิ่งเรียกสิ่งที่อยู่ในมือนางว่าโทรศัพท์
เยว่เฟิงเกออึ้งไป แมวในโลกโบราณรู้จักสิ่งของจากโลกยุคปัจจุบันได้อย่างไร
ในตอนที่เยว่เฟิงเกอกำลังใจลอยอยู่นั้น ในที่สุดนักสู้ในเกมก็ถูกบอสกัดตาย กระนั้นนางก็ไม่มีกะจิตกะใจจะเล่นต่อไปอยู่แล้ว นางออกจากเกมแล้วมาจับขาคู่หน้าของจิ๋วปิ่งไว้ ถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “จิ๋วปิ่งบอกข้ามา เ้ารู้ได้อย่างไรว่าสิ่งนี้คือโทรศัพท์? ”
จิ๋วปิ่งถูกเยว่เฟิงเกอจับไว้เช่นนี้ก็รู้สึกไม่สบายตัวเป็อย่างยิ่ง เขาร้องเมี๊ยวเมี๊ยวเสียงดัง “พระชายา รีบปล่อยท่านเก้า ท่านเก้าเจ็บมือ”
“เ้าไม่พูด ข้าก็ไม่ปล่อย” เยว่เฟิงเกอข่มขู่
จิ๋วปิ่งเห็นว่าเยว่เฟิงเกอไม่คิดจะปล่อยเขาจริงๆ ถึงได้กล่าวขึ้นว่า “ท่านเก้าย่อมต้องรู้แน่ว่าสิ่งนี้คือโทรศัพท์ เพราะเ้านายของท่านเก้าเองก็มีอันหนึ่ง”
คำพูดของจิ๋วปิ่งทำให้เยว่เฟิงเกอแข็งค้างไป นางคิดไม่ถึงแม้แต่น้อยว่าเ้าของแมวตัวนี้จะมีโทรศัพท์เช่นกัน
นี่หมายความว่าอย่างไร? หมายความว่าเ้านายของจิ๋วปิ่งเองก็ข้ามเวลาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดมาเกิดที่นี่เช่นกัน
“รีบพาข้าไปหาเ้านายเ้าเร็วเข้า” เยว่เฟิงเกอมีเรี่ยวแรงขึ้นมาทันที นางไม่สนใจว่าตอนนี้ดึกแค่ไหน อุ้มจิ๋วปิ่งไว้แล้วลงจากเตียง เตรียมออกไปด้านนอกทันที
จิ๋วปิ่งทอดถอนใจด้วยความเศร้าสร้อย “เ้านายไม่้าท่านเก้าแล้ว ท่านเก้าเองก็หาเ้านายไม่พบเหมือนกัน”
“เ้าว่าอย่างไรนะ เ้าบอกว่าเ้าหาเ้านายของตนเองไม่พบแล้ว? ” ตอนนี้เยว่เฟิงเกอวิ่งไปถึงหน้าประตูเรือนแล้ว อีกแค่ก้าวเดียวเท่านั้นก็จะข้ามผ่านออกไปแล้ว
สุดท้ายคำพูดของจิ๋วปิ่งก็หยุดฝีเท้านางได้สำเร็จ
ตอนที่เยว่เฟิงเกอกำลังอุ้มจิ๋วปิ่งอยู่ ขาข้างหนึ่งอยู่นอกประตู ส่วนอีกข้างยังอยู่ด้านใน ขณะนั้นม่อหลิงหานเองก็เดินก้าวยาวๆ เข้ามาในสวนของเรือนเยว่เหยา เห็นแมวตัวผู้ในอ้อมแขนของเยว่เฟิงเกอ ฉับพลันนั้นหัวใจราวกับมีไฟที่ไม่รู้ที่มาที่ไปสุมขึ้นมาอีกแล้ว
“เปิ่นหวางบอกแล้วว่า ห้ามเลี้ยงแมวตัวผู้ในจวน” ม่อหลิงหานเดินเข้ามาดึงตัวจิ๋วปิ่งออกไปจากอ้อมแขนของเยว่เฟิงเกอ
ในตอนนี้เองจิ๋วปิ่งคิดจะยื่นกรงเล็บไปข่วนม่อหลิงหาน แต่พอได้สบเข้ากับดวงตาเ็าคู่นั้น ก็ใจนหดหัวลงน้อยๆ กรงเล็บที่ยื่นออกไปก็เก็บกลับมา
ม่อหลิงหานโยนจิ๋วปิ่งให้เฉียวเฟยที่อยู่ด้านหลัง “โยนมันออกไปเดี๋ยวนี้ ต่อไปถ้าเจออีกก็โยนออกไปอีก”
เฉียวเฟยมองเยว่เฟิงเกอด้วยรู้ดีว่าพระชายาชอบแมวตัวนี้มาก จึงไม่รู้ว่าควรจะเอาไปโยนทิ้งตามรับสั่งผู้เป็นายหรือไม่
“ห้ามโยนจิ๋วปิ่งของข้าออกไป” เยว่เฟิงเกอพูดขณะเดินเข้าไปจะคว้าตัวจิ๋วปิ่งคืนมา
เฉียวเฟยมองม่อหลิงหาน “ท่านอ๋อง ทรงเห็นว่า...”
“เอาไปทิ้ง” ม่อหลิงหานออกคำสั่งโดยไม่แม้แต่จะหันกลับไป และจับตัวเยว่เฟิงเกอไว้
“ห้ามทิ้ง” เยว่เฟิงเกอมองม่อหลิงหานด้วยสายตาโกรธเคือง “หากท่านกล้าทิ้งจิ๋วปิ่งของข้า ข้าจะไม่สนใจท่านอีกเลย”
เฉียวเฟยอุ้มจิ๋วปิ่งยืนอยู่ตรงนั้น ไม่รู้ว่าควรจะฟังใครดี