โชคดีที่สติปัญญาหลินหวั่นชิวไม่ได้ออฟไลน์ไปเสียหมด นางสงบสติเพียงชั่วครู่ก็คิดคำตอบได้ “อื้ม ยาที่ซือไท่ให้ข้ามา ชื่อว่าโอสถชำระไขกระดูก ได้ยินว่าช่วยชำระเอ็นเปลี่ยนไขกระดูก ทำให้คุณสมบัติร่างกายดีขึ้น ข้าแอบเย็บเก็บไว้ในเสื้อมาโดยตลอด ไม่กล้ากิน กระทั่งตอนมาถึงบ้านท่าน ตอนนั้นข้าใกล้ตายแล้ว ไม่มีเวลามาสนใจสิ่งใดมากเลยเอาออกมากินหนึ่งเม็ด ผลลัพธ์คือข้าหายดี มีกำลังวังชามีชีวิตชีวาขึ้น เห็นได้ว่ายาที่ซือไท่ให้ข้ามาเป็ยาดี ต่อมาเลยลองให้หงหนิงกับหงป๋อกินเล็กน้อย คืนนี้นอกจากส่วนที่ให้พวกเขากินเพียงเล็กน้อยแล้ว ส่วนของท่านคือหนึ่งเม็ดเต็มๆ”
ความหมายคือ ข้าลองด้วยตัวเองมาแล้วถึงได้กล้าให้พวกท่าน
ไม่ได้จะวางยาเพื่อฮุบสมบัติพวกท่าน!
อันที่จริงหลินหวั่นชิวแอบกลัวเล็กน้อย ผู้ใดใช้ให้นางร้อนใจจนพูดจาไม่คิด บอกว่าจะเอาเงินเจียงหงหย่วนไปเลี้ยงบุรุษอื่นกันล่ะ…
คราวนี้ยังแอบวางยาผู้อื่น…
จะไม่ให้ผู้อื่นคิดมากได้อย่างไร!
หลินหวั่นชิวไม่สามารถอธิบายโดยหันหลังให้เจียงหงหย่วน นางหันตัวกลับมา ขณะที่พูดก็ไม่ได้สังเกตสิ่งใด แต่หลังจากพูดจบถึงได้พบว่าหน้าทั้งสองอยู่ใกล้กันเช่นนี้!
ลมหายใจอุ่นร้อนรดลงบนหน้า แผดเผาใบหน้าและหัวใจ
นางรีบหดตัวเข้าด้านใน แต่เจียงหงหย่วนดึงนางออกมาจากผ้าห่มอย่างรวดเร็ว รวบเข้ามากอดแน่นในอ้อมอก
“ยานี่…”
เจียงหงหย่วนกอดนาง ภายในใจซับซ้อนจนพูดไม่ถูก
หลินหวั่นชิวใ “มีปัญหาใดหรือ? ข้ากินแล้วปกติดี ร่างกายดีขึ้น เหตุใดเ้า...”
เขาย่อมรู้สึกดีเช่นกัน!
หลังจากถ่ายท้องก็รู้สึกตัวเบาไปหมด
ทั้งร่างกายสบายจนพูดไม่ถูก
เขาเริ่มล่าสัตว์มาั้แ่เด็กแล้ว ขึ้นเขาโดยไม่สนใจว่าอากาศจะร้อนหรือเย็น มีแผลเล็กๆ น้อยๆ เป็ประจำ ส่วนแผลใหญ่ก็เคยมีสองสามครั้ง ความจริงร่างกายไม่ได้แข็งแรงเช่นที่เห็นภายนอก มีโรคเรื้อรังเช่นกัน
แต่หลังจากคืนนี้ได้ถ่ายและขับเหงื่อเหม็นสีดำ จุดที่เคยรู้สึกไม่สบายตัวเมื่อก่อนก็เหมือนจะหายดี
ส่วนเหล่าเอ้อร์ ที่แท้เหล่าเอ้อร์ลุกจากเตียงได้ไม่ใช่เพราะหมอ แต่เพราะยาที่ภรรยาตัวน้อยให้สินะ!
เขาสงสัยอยู่แล้วเชียว เหล่าเอ้อร์กินยามาตั้งหลายปี ถ้าจะได้ผลก็คงได้ผลนานแล้ว เหตุใดต้องรอจนถึงตอนนี้
“มีที่หนึ่งไม่สบาย” เจียงหงหย่วนพูดข้างหูหลินหวั่นชิว
หลินหวั่นชิวลนลานทันที นางรีบพูดว่า “ที่ใด ให้ข้าดูหน่อย!”
เจียงหงหย่วน “…”
เ้าเป็คนอยากดูเอง!
เจียงหงหย่วนปล่อยหลินหวั่นชิว เลิกผ้าห่มขึ้นแล้วชี้ไปใต้ผ้าห่ม
“ตรงนี้”
“ทรมานมากเลย”
“จะะเิอยู่แล้ว!”
หลินหวั่นชิว “…”
นางลืมไปได้อย่างไรว่าบุรุษน่าไม่อายผู้นี้ไม่ปกติขนาดไหน!
หลินหวั่นชิวไม่อยากพูดแล้ว นางเริ่มสงสัยสติปัญญาตัวเอง ไม่รู้คืนนี้ทำพลาดไปตั้งกี่รอบ ทั้งหมดเกิดจากบุรุษผู้นี้ทั้งสิ้น!
นางคิดว่าเขาจะยืนตากลมหนาวอยู่ด้านนอกอย่างน่าสงสาร แต่กลายเป็ว่าเขาไปแอบดื่มเหล้าที่ห้องครัว
นางคิดว่าเขากินโอสถชำระไขกระดูกแล้วจะไม่สบายตัว แต่กลายเป็ว่าเขาให้นางเห็นของน่าอาย!
หลินหวั่นชิวมุดเข้าผ้าห่มตัวเอง ห่มผ้ามุดตัวเข้ามุมกำแพง หันหลังให้เจียงหงหย่วน
เจียงหงหย่วนอยากดึงนางมากอด แต่ครั้งนี้นางห่อผ้าห่มแน่นมาก กลัวตัวเองจะเผลอออกแรงจนภรรยาตัวน้อยเจ็บ ท้ายที่สุดก็ไม่ได้ทำสิ่งใด นอนลงข้างหลินหวั่นชิวเงียบๆ พูดพร้อมกับดมกลิ่นผมนาง
“ประสิทธิภาพของโอสถชำระไขกระดูกนี้ดีมาก นอกจากข้าแล้ว เ้าห้ามบอกเื่นี้กับผู้ใดเด็ดขาด”
ราษฎรไม่มีความผิด แต่เพราะมีหยกกับตัวจึงมีความผิด[1] แม้เขาจะมีความสามารถในการต่อสู้ แต่หากอยู่ต่อหน้าอำนาจเด็ดขาดแล้วย่อมไม่มีค่าใด
เจียงหงหย่วนรู้ดี ว่าด้วยประสิทธิภาพของโอสถชำระไขกระดูก…หากถูกเปิดเผยจะต้องเกิดการแย่งชิงเป็แน่
ในฐานะที่ภรรยาตัวน้อยเป็ผู้หรืออาจเคย นางจะเสี่ยงอันตรายมาก
ดีไม่ดีจะมีคนจับตัวนางไปบีบให้มอบตำรับยา หากนางมีตำรับยาก็ยังดีหน่อย แต่หากไม่มีคงถูกทรมานจนตาย!
เจียงหงหย่วนตัดสินใจแล้วว่าทำลายอันตรายนี้ในผ้าอ้อม
“กับหงป๋อหงหนิงห้ามบอกเช่นกัน” เจียงหงหย่วนเสริมเพิ่มอีกประโยคอย่างไม่วางใจ “ไม่ต้องให้เด็กสองคนนั้นกินยานี้แล้วเช่นกัน”
“แต่เดิมมีแค่ไม่กี่เม็ด พวกเ้าสามพี่น้องกินกันคนละเม็ด ยาของเด็กสองคนนั้นข้าแบ่งเป็ชิ้นเล็กๆ แล้ว เก็บไว้ได้ไม่นานเช่นกัน” แผนที่คิดจะไม่สนใจเจียงหงหย่วนของหลินหวั่นชิวจบลงด้วยความพ่ายแพ้อีกครั้ง
“อื้ม ทำตามที่เ้าเห็นสมควรเถิด อย่าให้พวกเขารู้เป็พอ” เจียงหงหย่วนพูด
หลินหวั่นชิวไม่ตอบ แต่เจียงหงหย่วนไม่อยากให้บรรยากาศเงียบ
เขาพูดอีกว่า “พรุ่งนี้ข้าจะพาเหล่าเอ้อร์กับเหล่าซานเข้าอำเภอ จะมีคนจากอำเภอมาวัดที่ เ้าคอยดูไว้เป็พอ ข้าจะไปบอกฟู่กุ้ยกับสุ่ยเซิงไว้ ให้พวกเขาหาเสาเข็มไม้กับเถาวัลย์มาล้อมที่ไว้เสียก่อน เ้าลองไปคิดดูว่าจะสร้างบ้านของพวกเราเช่นไร อีกสองวันข้าต้องไปทำงานในอำเภอแล้ว ไม่มีเวลามาคิดเื่นี้”
พอเจียงหงหย่วนพูดเื่นี้ หลินหวั่นชิวก็นึกถึงคำพูดที่ป้าสองจ้าวมาบอกตัวเองตอนบ่าย
นางมั่วแต่ยุ่งจนลืมเื่นี้ไป
“จริงสิ ตอนบ่ายป้าสองจ้าวมาหา บอกว่าหลินฉินพูดปลุกปั่นอยู่ที่หน้าหมู่บ้าน บอกว่าหัวหน้าผู้ดูแลเหลียงที่มาหาเ้าเมื่อวันก่อนเป็โจร เ้ามีเงินเพราะสมคบคิดกับโจร”
แม้จะเป็ิญญาจากยุคปัจจุบัน แต่หลินหวั่นชิวก็รู้ว่าการสมคบคิดกับโจรเป็ความผิดร้ายแรง
เห็นได้ว่าจิตใจคนบ้านตระกูลหลินอำมหิตเพียงใด
เจียงหงหย่วนยิ้มเยาะ “พวกเขารีบสร้างเื่เป็ผลดีเช่นกัน หากสวีฝูหรือคนบ้านตระกูลหลินพาคนในหมู่บ้านมาโวยวายตอนข้าไม่อยู่ เ้าบอกให้พวกเขาไปแจ้งที่ว่าการอำเภอได้เลย หากพวกเขาไม่แจ้ง เช่นนั้นพวกเราก็แจ้งเอง บอกให้ฟู่กุ้ยไปส่งข่าวให้ข้าที่บ่อนซิงหลงด้วย แต่ถ้าพวกเขาไม่ได้ทำสิ่งใด ดีแต่พูดมากในหมู่บ้าน เ้าก็ไม่ต้องสนใจ ไว้ข้ามีเวลาแล้วจะจัดการให้”
คิดจะใส่ร้ายว่าหัวหน้าผู้ดูแลบ่อนเป็โจร…ไม่รู้จักดูเสียบ้างว่าเื้ับ่อนมีขุนนางผู้มีอำนาจหนุนหลัง!
พูดแบบไม่น่าฟังคือ ขนาดนายอำเภอยังต้องไว้หน้าผู้ดูแลบ่อน
“ได้” หลินหวั่นชิวได้ยินเจียงหงหย่วนพูดเช่นนี้ก็พอจะมีแผนในใจ รู้แล้วว่าควรรับมืออย่างไร
“นอนเถิด ข้าง่วงแล้ว” หลินหวั่นชิวพูดเพราะกลัวเจียงหงหย่วนพูดต่อไม่หยุด
“อืม” เจียงหงหย่วนหลับตาอย่างพึงพอใจ มุมปากยกยิ้ม สุดท้ายภรรยาตัวน้อยก็ไม่ได้ไม่สนใจเขาจริงๆ!
เมื่อหลินหวั่นชิวตื่นขึ้นในเช้าวันรุ่งขึ้น เจียงหงหย่วนก็ไม่อยู่บนเตียงแล้ว
นางไปตักน้ำล้างหน้าบ้วนปากจากห้องครัว เห็นเจียงหงหนิงนั่งจุดไฟอยู่หน้าเตาก็ถาม “ต้าเกอเ้าล่ะ?”
เจียงหงหนิงตอบ “ไปบ้านตระกูลหวางขอรับ”
หลินหวั่นชิวพยักหน้า ล้างหน้าเสร็จก็พับแขนเสื้อเตรียมทำมื้อเช้า
หงหนิงพูดว่า “ให้ข้าทำเองเถิดขอรับพี่สะใภ้”
หลินหวั่นชิวไม่เห็นด้วย “เ้าทำไม่อร่อย” พอหลินหวั่นชิวมองเด็กคนนี้เป็น้องชายก็พูดจาแบบไม่เกรงใจ
เจียงหงหนิงหน้าแดง คิดถึงรสชาติอันยากจะลืมเลือนของอาหารที่พี่สะใภ้ทำ เทียบกับของเขาแล้วของเขากลายเป็อาหารหมู
“ถ้าเ้าชอบทำอาหาร พี่สะใภ้จะสอนให้ วันหน้ามีภรรยามีลูกแล้วจะได้ทำให้ภรรยากับลูกกิน”
เจียงหงหนิงเข้ามาช่วยงาน เขายืดอกพูดว่า “ข้าจะไม่แต่งงานมีลูกขอรับ ทำอาหารเป็แล้วจะทำให้พี่สะใภ้กับต้าเกอกิน ทำให้กินตลอดชีวิต”
หลินหวั่นชิวหยอกเขา “ไม่เรียนหนังสือสอบเอาตำแหน่งแล้วหรือ? ไม่เป็ขุนนางขอราชโองการแต่งตั้งให้พี่สะใภ้แล้ว?”
เจียงหงหนิงหนักใจขึ้นมา จริงด้วย เขาต้องเป็ขุนนางเพื่อขอราชโองการแต่งตั้งให้พี่สะใภ้ เป็ที่พึ่งให้นาง!
เชิงอรรถ
[1] ราษฎรไม่มีความผิด แต่เพราะมีหยกกับตัวจึงมีความผิด(匹夫无罪,怀璧其罪) เดิมราษฎรจะเก็บหยกเป็ของส่วนตัวไม่ได้ ชาวบ้านคนหนึ่งมีหยกโดยไม่มีเหตุผล นอกเสียจากจะขโมยจี้ปล้นมา ต่อมาใช้เปรียบเปรยถึงการมีความสามารถแต่ถูกทำร้าย ปองร้าย หรือได้รับอันตราย
