เมืองหลางเซียน
การต่อสู้ระหว่างมารที่บุกมากับพรรคเทพหมาป่า์จบลงแล้ว สาเหตุหลักเป็เพราะจูหงอีไม่อาจทะลวงผ่านข่ายปราณคุ้มกันพรรคไปได้
ทำได้เพียงถูกกลอสนี์ปะามารฟาดใส่อยู่ฝ่ายเดียว
ยืนอยู่หน้าบ้านผู้อื่นรอให้สายฟ้าฟาดใส่? จูหงอีย่อมไม่คิดรั้งอยู่อีกต่อไป
ทันทีที่จูหงอีหลบหนี พวกมารที่เหลือเองก็ย่อมเผ่นตามไปด้วย ไม่ให้หนีแล้วจะให้ทำอะไร? ขนาดขาใหญ่ขั้นทารกแกนิญญายังล่าถอย ในเมื่อโดนเปิดเผยตัวแล้วจะให้อยู่รอความตายหรือไร?
สุดท้ายนี้ ภายในซากอาคารเมืองหลางเซียน ยังมีกลุ่มศิษย์พรรคอีกาทองคำปั้นหน้างุนงงอยู่
นี่ นี่เื่อะไรกัน?
ที่พรรคเทพหมาป่า์ไกลออกไป มู่หรงลวี่กวงส่งศิษย์ร่วมสำนักให้ไปตรวจสอบเมืองหลางเซียน
ภายในซากอาคาร จางเสินซวีกุมหน้าอกกระอักเืขณะมองดูพี่น้องร่วมพรรคที่มันพามาด้วย แต่ละคนล้วนโลหิตอาบหน้า นอกจากจะชวดกุศลปราบมารแล้ว ยังเกือบถูกล้างบางยกก๊วน ช่างน่าอนาถนัก!
“ศิษย์พี่เสินซวี พวกเรา...พวกเราโดนเล่นแล้ว!”
“เป็ไอ้หวังเค่อโกหกพวกเรา! อึก พรวด!”
“ข้าเกือบไม่รอดแล้ว น่ากลัวยิ่งนัก ไอ้มารร้ายนั่นเป็ขั้นทารกแกนิญญา!”
.........
.........
......
......
...
...
ศิษย์พรรคอีกาทองคำต่างกุมาแอย่างกังวล
“แค่ก พรรคเทพหมาป่า์กำลังจะมาแล้ว อย่าให้พวกมันพบตัวพวกเรา ครั้งนี้จะขายหน้าเกินไปแล้ว! หวังเค่อล่ะ? ไอ้หวังเค่อ ข้าจะถลกหนังเ้า!” จางเสินซวีเอ่ยด้วยสีหน้าดำหม่น
“ใช่แล้ว พวกเราต้องถลกหนังไอ้หวังเค่อกับจางเจิ้งเต้า!” ศิษย์พรรคอีกาทองคำต่างช่วยพยุงจางเสินซวีไปทางสวนหย่อมห่างไปไม่ไกล
หลังจากการต่อสู้ สวนหย่อมบริเวณคฤหาสน์ที่หวังเค่อถูกจับไว้กลับอยู่รอดปลอดภัยอย่างน่าประหลาด กลุ่มศิษย์พรรคอีกาทองคำเดินกลับไปยังเขตสวนหย่อมอย่างมุ่งร้าย
“ตูม!”
ประตูถูกเตะเปิดออก กลุ่มศิษย์พรรคอีกาทองคำที่าเ็สาหัสต่างพากันเดินตรงไปยังห้องโถง
“เอาไอ้หวังเค่อมาให้พวกเราถลกหนัง!” ศิษย์พรรคอีกาทองคำล้วนส่งเสียงะโ
แต่เมื่อทุกคนมาถึงห้องโถงหลัก พวกมันเป็ต้องตัวแข็งทื่อ
เพราะหวังเค่อกับจางเจิ้งเต้าหายตัวไปแล้ว ศิษย์พรรคอีกาทองคำสองคนที่คอยเฝ้าพวกมันเวลานี้ถูกเปลื้องผ้าล่อนจ้อนนอนสลบอยู่
ถลกหนังหวังเค่อ? ไม่ใช่แล้ว หวังเค่อต่างหากที่ลอกคราบพวกมันไป!
หวังเค่อไม่ได้สังหารศิษย์สองคนนั้นก็จริง แต่ปล่อยพวกมันล่อนจ้อนแบบนี้ต่างอะไรจากลงมือฆ่ากัน? นี่เป็ความอัปยศ ความอัปยศอันใหญ่หลวง
ในอดีต เมื่อครั้งจางเสินซวียังโลดแล่นอยู่นอกสิบหมื่นมหาบรรพต มันมั่นใจว่าตนเองหลักแหลมมากปัญญา สายตาของมันสามารถมองทะลุลูกไม้อุบายทุกรูปแบบได้ แต่มาวันนี้มันกลับเสียท่าให้หวังเค่อและจางเจิ้งเต้าเป็ครั้งที่สอง?
“หวังเค่อ? จางเจิ้งเต้า? พรวด!” จางเสินซวีกระอักเืออกมาอีกรอบ
“ศิษย์พี่ ท่านใจเย็นก่อน! ไอ้หวังเค่อนั่นพิสดารเกินไป!” กลุ่มศิษย์พรรคอีกาทองคำปลอบ
“เหลวไหล พิสดารเรอะ? ก็แค่มดปลวกสองตัวที่ข้าจะบี้ทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้ กระเรียนมงกุฎแดงของข้าล่ะ เรียกฝูงกระเรียนของพรรคอีกาทองคำทั้งหมดมาช่วยข้าค้นหา ช่วยข้าพลิกแผ่นดินหาไอ้หวังเค่อกับจางเจิ้งเต้า พลิกสิบหมื่นมหาบรรพตหาไอ้ตัวบัดซบทั้งสองคนนั่น ข้าไม่สนว่าพวกมันมีใครหนุนหลัง พวกมันต้องตาย!” จางเสินซวีคำรามลั่น
“แกว๊ก! แกว๊ก!…….!”
เพียงไม่นานเหล่ากระเรียนมงกุฎแดงก็เดินทางมาถึงก่อนที่พวกมันจะเริ่มโผบินค้นหาไปทั่วสี่ทิศแปดทาง เริ่มจากเมืองหลางเซียนเพื่อตามหาหวังเค่อและจางเจิ้งเต้าที่หายตัวไป
สิบวันผ่านไป ริมหน้าผาแห่งหนึ่ง
หวังเค่อกับจางเจิ้งเต้าแหงนหน้ามองฟ้า เห็นกระเรียนตัวหนึ่งกางปีกบินอยู่ลิบๆ
“นี่เล่นใหญ่เกินไปหรือเปล่า! จำเป็ต้องส่งกระเรียนมงกุฎแดงออกตามหาพวกเราเยอะปานนี้? เพ้ย! ถ้าเก่งเจ๋งจริงก็ตามหาเองสิวะ ร้องฟูมฟายกลับไปให้พรรคอีกาทองคำช่วยหาแบบนี้มันเก่งตรงไหน? ถุ้ย!” หวังเค่อหดหู่ใจพลางถ่มน้ำลายตามหลังนกกระเรียนไป
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว! ่นี้ข้าถึงกับไม่กล้าบินขึ้นฟ้าเลย ทำได้แต่วิ่งตามป่าเขาไปกับเ้า! พวกเราเสียเวลาไปขนาดไหน!” จางเจิ้งเต้าเองก็บ่นด้วย
“เอาเถอะ นี่สมควรใกล้ถึงแล้ว ปล่อยพวกมันไป!” หวังเค่อกล่าวจริงจัง
ขณะพูดคุย ทั้งสองก็มองไปยังพื้นที่ราบอันกว้างใหญ่ไพศาลไกลออกไป
“นี่คือพื้นที่ใจกลางของสิบหมื่นมหาบรรพต เป็พื้นที่ของมนุษย์ทั่วไปใช่หรือไม่?” จางเจิ้งเต้าถามอย่างใคร่รู้ ขณะมองดูขบวนขนสินค้าของมนุษย์ปุถุชนห่างออกไป
“ถูกต้อง ที่ราบใจกลางสิบหมื่นมหาบรรพตเป็พื้นที่อาศัยของมนุษย์! ศิษย์สำนักส่วนใหญ่ของสิบหมื่นมหาบรรพตล้วนถูกคัดเลือกตัวมาจากที่นี่! ที่นี่มีสามราชวงศ์ใหญ่ปกครองอยู่!” หวังเค่อหรี่ตามองที่ราบตรงหน้า
“สิบหมื่นบรรพตนี่ก็ประหลาดแท้ เขตอาศัยของมนุษย์นี้กลับไม่มีไอิญญาอยู่เลย?”
“ถ้ามีพวกมันจะยังเป็มนุษย์ปุถุชนอยู่รึ? ตระกูลผู้ฝึกฌานของที่นี่หลังบรรลุขั้นเซียนเทียนแล้ว ต่างก็ละทิ้งบ้านเกิดเดินทางไปยังเมืองเซียนต่างๆ ทั่วสิบหมื่นมหาบรรพต คาดหวังว่าจะได้ฝากตัวเข้าเป็ศิษย์สำนักเซียนกันทั้งนั้น! ข้าเองก็เคย…!” หวังเค่อขมวดคิ้วให้ความทรงจำในอดีต
“เ้าลงมาที่เขตมนุษย์นี้บ่อยรึ?” จางเจิ้งเต้าถามอย่างสงสัย
“เอาละ อย่ามัวพูดมากไร้สาระ รีบไปตามที่ลูกปัดโหยหานำทางดีกว่า จากทิศทางแล้วสมควรอยู่ที่เขตของราชวงศ์ต้าชิง!” หวังเค่อกล่าวเสียงเข้ม
ทั้งสองเดินทางเข้าสู่แดนมนุษย์ เป็ไปตามคาด ไอิญญารอบตัวพวกมันหายสาบสูญไปจนหมด หลังจากซื้อม้าสองตัว ทั้งคู่ก็ควบม้าตะบึงไปตามถนนอยู่สามวันกว่าจะมาถึงเมืองแห่งหนึ่ง
“ชิงจิง?” จางเจิ้งเต้ามองดูอักษรบนประตูเมือง
“ที่นี่คือนครหลวงของราชวงศ์ต้าชิง ชิงจิง! ตามข้ามา!” หวังเค่อกล่าว
เมืองนี้เป็เมืองของมนุษย์ปุถุชนโดยแท้ สภาพแวดล้อมคล้ายเมืองหลวงโบราณที่หวังเค่อเคยเห็นในโทรทัศน์สมัยก่อน พ่อค้าหาบเร่ขวักไขว่เต็มถนน ทหารยามและนักดาบเดินปนประปราย
ทั้งคู่เดินทางเข้าเมืองจนมาถึงหน้าประตูคฤหาสน์ใหญ่หลังหนึ่ง ก่อนหวังเค่อจะใช้ยาแก้อักเสบรักษาตุ่มสิวบนใบหน้าจนหายเป็ปลิดทิ้ง
“จวนแม่ทัพใหญ่? ศักดิ์ฐานะเ้าของคฤหาสน์นี้ในราชวงศ์ต้าชิงสูงไม่เบาเลยไม่ใช่รึ?” จางเจิ้งเต้าอ่านป้ายหน้าประตูอย่างประหลาดใจ
หลังเคาะประตูไม่นาน คนรับใช้คนหนึ่งก็เดินมาเปิดให้ พอเห็นหน้าตาหวังเค่อชัดเจน ใบหน้าคนผู้นั้นก็ทอแววประหลาดใจก่อนทำท่าคล้ายจะโค้งกายคารวะ
หวังเค่อโบกมือห้ามอีกฝ่ายไว้ ก่อนจะนำจางเจิ้งเต้าเดินเข้าประตูไป คนใช้เข้าใจความนัยรีบจัดแจงดูแลม้าที่พวกหวังเค่อขี่มา ขณะเดียวกันก็รีบปิดประตูทันที
พวกหวังเค่อเดินตรงไปยังห้องโถงใหญ่เข้าสู่จวนแม่ทัพ ทุกคนรอบด้านต่างเคลื่อนไหว ไม่นานชายหนวดเฟิ้มในชุดเกราะก็ออกมาต้อนรับ
“หือ? นี่พี่ใหญ่ไม่ใช่รึ? นี่ท่านไว้หนวดอย่างนั้นรึนี่?” จางเจิ้งเต้ามองท่านแม่ทัพที่ออกมาต้อนรับอย่างประหลาดใจ
พี่ใหญ่? ไม่นานมานี้ หวังเค่อได้ส่งพี่ใหญ่ของมันไปปลอมตัวเป็จางเสินซวีแห่งพรรคอีกาทองคำที่เมืองจูเซียนเพื่อหลอกเนี่ยเทียนป้าเสียหมดตัว ที่แท้มันกลับเป็แม่ทัพใหญ่ของราชวงศ์ต้าชิง
“เข้าใจแล้ว ข้าเข้าใจแล้ว หวังเค่อ ข้ารู้แล้วว่าคนตระกูลหวังเ้าตั้งเยอะหลบหนีหายไปจากเมืองจูเซียนในชั่วข้ามคืนได้ยังไง ที่แท้พวกเขาก็แอบมาซ่อนอยู่ในเขตมนุษย์นี่เอง มิน่าเล่า เนี่ยเทียนป้าควานหาตัวอยู่เนิ่นนานยังไม่พบแม้สักคน ที่แท้ก็มาซ่อนในเขตมนุษย์กันหมดนี่เอง?” จางเจิ้งเต้าส่งเสียงทันที
“น้อมรับท่านประมุข!” พี่ใหญ่กล่าวอย่างนอบน้อม
ทุกคนในคฤหาสน์เองต่างก็โค้งกายคารวะหวังเค่อ
“อืม ศิลาิญญาสองแสนชั่งที่ได้มาก่อนหน้านี้เป็อย่างไรบ้าง?” หวังเค่อถาม
“รายงานท่านประมุข ศิลาิญญาหลังแบ่งตามสัดส่วนที่ท่านกำหนดไว้ก็ถูกกระจายออกไปจนหมดแล้ว พื้นที่แดนมนุษย์นี้ไม่มีไอิญญาให้ฝึกฌาน จำต้องอาศัยศิลาิญญาเพื่อฝึกฝน ศิลาิญญาสองแสนชั่งนั้นช่วยอุดช่องโหว่ให้พวกเราไปได้มาก คงไม่มีปัญหาขาดแคลนศิลาิญญาไปอีกสักพัก แต่ลูกหลานตระกูลเรามีคนรุ่นใหม่มากพร์ปรากฏตัวขึ้นมาบ้างแล้ว ดังนั้นจึงจำต้องใช้ศิลาิญญามากสักหน่อย!” พี่ใหญ่รายงานอย่างนอบน้อม
“ไม่เป็ไร ครั้งนี้ข้าขนศิลาิญญามาเติมเพิ่มให้ เื่ฝึกฌานไม่อาจมองข้าม พื้นฐานตระกูลต้องปักหลักให้มั่นคง! ในภายภาคหน้าหากยังมีเื่อันตรายอีกก็ต้องให้พวกเขาเป็คนจัดการ!” หวังเค่อเอ่ยเสียงเข้ม
“ขอรับ!” พี่ใหญ่ขานรับด้วยความเคารพ
“นี่จางเจิ้งเต้าไม่ใช่รึ? ข้าเห็นท่านครั้งล่าสุดไม่ใช่ว่าท่านคิดถึงพี่หญิงใหญ่อยู่? จะให้ข้าไปบอกนางหรือไม่?” พี่ใหญ่หันมาหาจางเจิ้งเต้า
จางเจิ้งเต้าหน้าแข็งค้าง พี่หญิงใหญ่หนวดเฟิ้มนั่นน่ะรึ? ให้บอกว่าข้าคิดถึง? คิดถึงกับผีน่ะสิ เ้าบ้าไปแล้วรึ!
“ไม่จำเป็!” จางเจิ้งเต้าบอกปัดด้วยใบหน้าดำหม่น
“อุตส่าห์เดินทางมาตั้งไกล ไม่ใช่เป็เพราะท่าน้าพบหน้านางหรอกหรือ?” พี่ใหญ่ยังไม่ยอมแพ้
จางเจิ้งเต้า “...!”
“เอาไว้ก่อน เวลามีจำกัด เอาไว้คราวหน้าข้าจะเรียกพี่หญิงใหญ่มาให้!” หวังเค่อเข้ามาแทรก
“ขอรับ! ท่านประมุข ก่อนหน้านี้น้องเล็กเขียนจดหมายมาบอกว่าท่านได้เข้าร่วมกับพรรคเทพหมาป่า์แล้ว เหตุใดท่านถึงต้องกลับมานี่ด้วยตัวเอง?” พี่ใหญ่ถามอย่างสงสัย
“มาตามหาคน!” หวังเค่อเดินเข้าไปยังห้องรับแขกของจวนแม่ทัพ
หวังเค่อนั่งลงบนบัลลังก์โดยมีญาติาุโอย่างพี่ใหญ่เป็คนรินน้ำชาให้ด้วยตัวเอง
“น้องเล็กสมควรส่งภาพเหมือนบุคคลสำคัญในพรรคเทพหมาป่า์มาให้บ้างแล้ว เ้าเห็นองค์หญิงโยวเยว่กับเนี่ยเมี่ยเจวี๋ยปรากฏตัวในชิงจิงหรือไม่?” หวังเค่อมองพี่ใหญ่ก่อนถาม
“ข้าไม่เห็นองค์หญิงโยวเยว่ แต่ตอนข้าออกมา ข้าเห็นเนี่ยเมี่ยเจวี๋ยเดินอยู่ภายในวัง นางคอยสั่งการองครักษ์วังหลวงเป็ครั้งคราวเพื่อปรับปรุงราชวัง! หรือนี่จะเป็ค่ายกลอย่างที่ท่านประมุขเคยพูดถึง?” พี่ใหญ่ถามอย่างสงสัย
“ใช่จริงๆ เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยมาที่นี่!” หวังเค่อตาลุกวาว
“ประหลาดนัก เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยมีอะไรเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ต้าชิงด้วย? ไหนเลยถึงสามารถสั่งการปรับเปลี่ยนวังหลวงได้ตามใจ? หวังเค่อ ลูกปัดโหยหาของเ้าเองก็ชี้ไปทางวังหลวงด้วย?” จางเจิ้งเต้าสงสัย
“ใช่ ลูกปัดชี้ไปทางวังหลวง เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยอยู่ที่นั่น องค์หญิงเองก็ต้องอยู่เหมือนกัน! อยู่ที่นั่นแน่!” ดวงตาหวังเค่อทอแววคาดหวัง
“ท่านประมุข ่นี้มีศิษย์สำนักเซียนเข้ามาในเมืองชิงจิง ข้าจับตาดูพวกมันอยู่ มีหลายคนที่แผ่ลมปราณสีดำออกมาด้วย!” พี่ใหญ่เล่า
“ลมปราณสีดำ? ลมปราณมาร! ศิษย์พรรคมารรวมตัวกันที่ชิงจิงรึ? จะต้องมีเื่ใหญ่เกิดขึ้นในเมืองนี้แน่! สั่งคนของเราทั้งหมดให้เก็บเนื้อเก็บตัวไปก่อน อย่าถูกลากไปมีส่วนด้วย!” หวังเค่อขมวดคิ้ว
“ขอรับ!”
“แล้วก็คืนนี้ข้าจะลอบเข้าไปทำธุระในวังหลวง ช่วยเตรียมชุดองครักษ์ให้ที!” หวังเค่อเอ่ยเสียงเข้ม
“ขอรับ!”
“จะว่าไป อ๋องต้าชิงรู้หรือเปล่าว่าเ้าทำอะไรอยู่?” หวังเค่อมองพี่ใหญ่
“ไม่ขอรับ! หลังท่านประมุขละทิ้งทางโลก คนตระกูลข้าทั้งหมดภายในราชวงศ์ต้าชิงต่างก็ถอนตัวมาอยู่เื้ั! ก่อนที่ข้าจะถูกท่านส่งมาที่นี่ ไม่มีใครทราบความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับท่านประมุข ตัวข้าสั่งสมคุณงามความดีจนได้ขึ้นเป็แม่ทัพ แม้จะแซ่หวังเหมือนกัน แต่อ๋องต้าชิงไม่ทราบว่าพวกเราเกี่ยวข้องกันขอรับ!” พี่ใหญ่อธิบายทันที
“ดีแล้ว สะสมเก็บเกี่ยวเพื่อขึ้นเป็าาอย่างไม่รีบร้อน! ค่อยๆ เดินไปทีละก้าว ตอนนี้ข้าเองก็มีคนหนุนหลังแล้ว! ภายภาคหน้าจะไม่มีผู้ใดกล้าข่มเหงเราอีก!” หวังเค่อกล่าวอย่างจริงจัง
“ทราบ!” พี่ใหญ่ขานรับ
“หวังเค่อ? เ้ารู้แล้วว่าองค์หญิงโยวเยว่อยู่ในวังหลวง แล้วพวกเราจะเข้าไปหาได้ยังไง? ข้างในนั้นยังมีเนี่ยเมี่ยเจวี๋ยอยู่ นางจะยอมปล่อยให้เราพาตัวองค์หญิงไปรึ?” จางเจิ้งเต้ากังวล
หวังเค่อขบคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะหรี่ตามองจางเจิ้งเต้า
“หวังเค่อ เ้าทำสายตาอะไรอย่างนั้น? ทุกครั้งที่เ้ามองแบบนั้นข้าซวยทุกที เ้า้าอะไร?” จางเจิ้งเต้าหน้าเปลี่ยนสีก่อนอุทาน
ถึงยามค่ำ หวังเค่อก็ผลัดเปลี่ยนเป็ชุดองครักษ์ก่อนจะกระโจนลงไปบ่อน้ำจวนแม่ทัพใหญ่
น้ำในบ่อลึกยิ่งและยังมีท่ออากาศเรียงรายอยู่ด้านล่าง หลังดำน้ำผ่านมาหนึ่งชั่วยามเต็ม หวังเค่อก็ทะลุออกมาอีกฝั่งของบ่อ
“พรวด!”
“บ่อน้ำที่ขุดเชื่อมไว้ั้แ่สมัยก่อนยังไม่ถูกพบเจอ นี่ใช่ด้านในวังหลวงหรือเปล่านะ?” หวังเค่อคืบคลานออกมาจากบ่อน้ำช้าๆ
คนเร่งลมปราณไล่ไอน้ำบนตัวจนระเหย
“ต่อไปก็รอฝั่งจางเจิ้งเต้า!” หวังเค่อยืนรออยู่ในมุมมืดข้างบ่อน้ำ
เมืองชิงจิง ด้านนอกวังหลวงต้าชิง บนเวทีเหนืออาคารสูงหลังหนึ่ง
จางเจิ้งเต้า พี่ใหญ่ และศิษย์ตระกูลหวังคนหนึ่งต่างสาดสายตาไปทางวังหลวง
เหนือวังหลวงมีม่านหมอกสีม่วงปกคลุมเอาไว้คล้ายเป็ปราการคุ้มภัยจนคนนอกไม่อาจมองเข้าไปได้
“นี่ดวงอาทิตย์ขึ้นทางตะวันตกแล้วหรือไร? หวังเค่อคราวนี้ลอบเข้าวังหลวงไปค้นหาองค์หญิงโยวเยว่คนเดียว? ไม่ลากข้าตามไปด้วย?” จางเจิ้งเต้ารู้สึกไม่คุ้นเคยอย่างยิ่ง
“ท่านประมุขกล่าวว่าลอบเข้าวังหลวงครั้งนี้จะลงมือเพียงลำพัง ส่วนเื่นอกวังหลวงขอฝากให้ท่านจัดการ!” พี่ใหญ่อธิบาย
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า มันเริ่มมียางอายกับเขาบ้างแล้วสินะ เดี๋ยวข้าจัดการให้เอง เื่เล็กน้อยแค่นี้ปลอดภัยหายห่วง!” จางเจิ้งเต้ายิ้มร่า
ลอบเข้าไปในวังหลวงเสี่ยงอันตรายปานไหน ด้านนอกอย่างไรก็ปลอดภัยกว่า ถึงแม้จะอยากมีส่วนร่วมช่วยเหลือองค์หญิงโยวเยว่ แต่จางเจิ้งเต้ารักตัวกลัวตายเป็ที่หนึ่ง ยังไงมันก็เลือกรักษาชีวิตตัวเองให้ปลอดภัยไว้ก่อน!
“ท่านจาง ข้าได้ยินจากท่านประมุขมาว่าวิชาหนีเอาตัวรอดของท่านเลิศล้ำที่สุดในใต้หล้า?” พี่ใหญ่ถามอย่างใคร่รู้
“ของมันแน่อยู่แล้ว ข้าไม่อยากจะคุย ตอนอยู่ขั้นเซียนเทียนข้ายังหนีพวกดวงธาตุทองคำพ้น ตอนนี้ข้าเป็ดวงธาตุทองคำแล้ว ต่อให้เป็ขั้นทารกแกนิญญาก็ไล่ข้าไม่ทัน!” จางเจิ้งเต้าโม้อย่างภาคภูมิ
“ถ้าเช่นนั้นข้าก็วางใจ!” พี่ใหญ่พยักหน้ารับ
“ฮ่าฮ่า ไม่ต้องคิดมากไป ภายในวังหลวงอันตราย พวกเราอยู่ด้านนอกปลอดภัยหายห่วง!” จางเจิ้งเต้าปลอบ
พี่ใหญ่มองจางเจิ้งเต้าก่อนจะเดินถอยห่างออกมา จากนั้นมันจึงกล่าวกับศิษย์ตระกูลหวังอีกคน “ลงมือ!”
“ขอรับ!” ศิษย์ตระกูลหวังคนนั้นรับคำอย่างนอบน้อม
“ลงมือ? เ้าจะลงมือทำอะไร? ที่นี่ไม่เห็นมีอะไรสักอย่าง? เอ๊ะ ประเดี๋ยวก่อน ทำไมเสียงของศิษย์ตระกูลหวังคนนี้ถึงได้คล้ายข้านัก?” จางเจิ้งเต้าถามอย่างแปลกใจ
แต่ภาพที่มันเห็นคือศิษย์ตระกูลหวังคนนั้นรวบรวมลมปราณ ก่อนจะตะเบ็งเสียงเลือนลั่นะเืฟ้า
“เนี่ยเมี่ยเจวี๋ย เ้าตัวบัดซบ ยายเฒ่าสมควรตาย ตัวอัปลักษณ์บุรุษไม่เหลียวแล ข้าจางเจิ้งเต้าอยู่ที่นี่แล้ว แน่จริงก็มาไล่ข้าสิ! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า~~~~~~~~~~~!"
ศิษย์ตระกูลหวังเปล่งเสียงคำรามลั่นดังกังวานไปทั่วเมืองชิงจิง เพียงชั่วพริบตา ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างยื่นหน้าออกมาจากหน้าต่างเพื่อมองตามเสียง
พี่ใหญ่กับศิษย์ตระกูลหวังคนนั้นรีบพุ่งตัวเข้าไปแอบในห้องด้านข้าง ตะบึงลงบันไดอาคารสูง ก่อนจะวิ่งห้อไปสุดถนนอย่างรวดเร็วแล้วหายวับไป
จางเจิ้งเต้าถูกทิ้งอยู่เพียงลำพังบนเวทีเหนืออาคารสูง ตัวมันถูกสายตาของทุกผู้คนในเมืองชิงจิงจับจ้องไว้
จางเจิ้งเต้าเบิกตาโพลง “...!”
นี่เกิดบ้าอะไรขึ้น? เมื่อกี้คืออะไร? ข้าไม่ได้เป็คนะโ ไม่ใช่ข้า! ข้าไม่เกี่ยว ข้าไม่รู้เื่!
“บรึ้ม!”
เงาร่างหนึ่งทะลวงผ่านม่านหมอกสีม่วงเหนือวังหลวงพุ่งขึ้นสู่ฟ้า ก่อนจะหันสายตามาทางต้นเสียงอย่างดุร้าย
“เนี่ย เนี่ยเมี่ยเจวี๋ย?” จางเจิ้งเต้าตัวแข็งทื่อด้วยความกลัว
เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยเองก็เห็นชัดถนัดตา บนเวทียกสูงมีจางเจิ้งเต้ายืนอยู่เพียงลำพัง เสียงะโเมื่อครู่เองยังเป็เสียงของจางเจิ้งเต้าอีก มันคิดว่าตัวเองเป็ใคร? กล้าด่าข้าว่าบุรุษไม่เหลียว? กล้าด่าข้าอัปลักษณ์?
“จางเจิ้งเต้า? เ้ากลับตามมาถึงที่นี่? ขวัญกล้านัก ไม่เคยมีใครกล้าด่าข้าแบบนั้นมาหลายปีแล้ว รนหาที่ตาย!” เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยแค่นเสียงเย็นก่อนชักกระบี่เตรียมสับสังหารจางเจิ้งเต้า
มาถึงจุดนี้ จางเจิ้งเต้ามีหรือจะยังมองไม่ออก
หวังเค่ออาสารับหน้าที่ลอบเข้าวังหลวง ส่วนตัวมันรับหน้าที่ด้านนอกวัง นี่ไม่ใช่ช่วยส่งเสริมกันแล้ว นี่มันหน้าที่ดึงดูดความเกลียดชังชัดๆ แผนล่อเสือออกจากถ้ำ เ้าหวังเค่อคิดให้มันล่อเนี่ยเมี่ยเจวี๋ยออกมา ตัวเองจะได้ช่วยเหลือองค์หญิงโยวเยว่คนเดียว
ด้านนอกนี้ปลอดภัยตรงไหนกัน? แม่งเอ๊ย นี่ไม่ใช่ส่วนที่เลวร้ายที่สุดหรอกหรือ?
ถ้าหากได้รู้แผนการล่วงหน้า จางเจิ้งเต้าหัวเด็ดตีนขาดก็ไม่มีทางยอม!
ทั้งหวังเค่อ พี่ใหญ่ แล้วยังศิษย์ตระกูลหวังที่เสียงคล้ายมันอีก นี่มันขุดหลุมฝังข้าชัดๆ! เดี๋ยวก่อน เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยโผล่มาแล้ว?
“ข้าไม่เกี่ยวนะ ข้าไม่ได้เป็คนทำ!” จางเจิ้งเต้าร้องไห้คร่ำครวญ มันรีบเหยียบกระบี่บินสะบัดก้นหนีทันที
“ข้าได้ยินเสียงเ้าชัดๆ! เ้ายังบอกไม่ได้เป็คนทำอีก? หยุดเดี๋ยวนี้!” เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยทะยานร่างไปเบื้องหน้า
ทั้งสองไล่ล่ากันออกมานอกเมืองชิงจิงในพริบตา
ขณะมองดูจางเจิ้งเต้าหลบหนีไป พี่ใหญ่ก็สูดปาก “เอาละ เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยตัวอันตรายสูงสุดก็ถูกล่อออกไปแล้ว แต่จางเจิ้งเต้าบอกเองว่าต่อให้เป็ยอดฝีมือขั้นทารกแกนิญญาก็ยังไล่เขาไม่ทัน เช่นนั้นก็คงไม่มีอันตราย!”
ด้านนอกเมือง เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยทะยานร่างด้วยความเร็วสูงลิบ ยิ่งมายิ่งเข้าใกล้จางเจิ้งเต้า
จางเจิ้งเต้าทุ่มพลังทั้งหมดใส่กระบี่บิน ขั้นทารกแกนิญญาก็จับมันไม่ได้? ผายลมเถอะ นั่นข้าแค่โม้ ข้าแค่โม้เฉยๆ เข้าใจไหม? เ้าดูไม่ออกเหรอว่าข้าแค่โม้?
“หวังเค่อ ไอ้ตัวบัดซบ เ้าทำข้าตายแล้ววววว~~~~~~~~!” จางเจิ้งเต้าส่งเสียงร้องอย่างสิ้นหวังออกมาจากด้านนอกเมือง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้