หมอสังเกตได้ถึงแววตาอำมหิตของนางแซ่หลี่ รีบก้มศีรษะลง
เขาเคยได้ยินชื่อเสียงของซูเฟยซื่อด้วย เงินเป็สิ่งสำคัญจริงๆ ทว่าก็มิอาจเอาชีวิตเข้าแลกได้
มิฉะนั้นมีเงินแต่ไม่มีชีวิตที่จะใช้จ่าย ได้ไปเงินแล้วยังมีประโยชน์อันใด
“อ้อ? เป็แม่ใหญ่ให้เ้าพูดแบบนี้หรือ? ถ้าเช่นนั้นจงบอกความจริงมา พิษนี้ที่แท้เป็เื่อะไร?” ซูเฟยซื่อแสร้งทำเป็ประหลาดใจระคนใ
“พิษนี้” หมอกัดฟันสลัดทิ้งนางแซ่หลี่ถึงที่สุด “พิษนี้ต้องวางใส่ในน้ำแกงจึงจะมีประสิทธิภาพ เวลาที่พิษกำเริบราวๆ สามถึงสี่เค่อ ขณะที่ข้าน้อยมาถึงได้ยินว่าในจวนอัครมหาเสนาบดีเพิ่งกินข้าวเย็นกันไป ไม่รู้ว่าอัครมหาเสนาบดีได้ดื่มน้ำแกงหรือดื่มน้ำในมื้อเย็นไหมขอรับ?”
“น้ำแกงหรือ?” ซูเฟยซื่อแสร้งใร้องเสียงแหลม
ซูจิ้งเถียนตระหนักถึงสถานการณ์ไม่ดี รีบโต้แย้ง “น้ำแกงนั่นเราแต่ละคนต่างดื่มแล้ว ทำไมมีเพียงท่านพ่อคนเดียวที่ถูกพิษ?”
“เราทุกคนต่างได้ดื่มน้ำแกงแล้วจริงๆ แต่ทั้งนี้เป็หนึ่งคนน้ำแกงหนึ่งถ้วย ขอเพียงวางยาพิษในถ้วยใดถ้วยหนึ่ง คนอื่นจะเกิดเื่เหมือนกัน” แม่น้ารองเห็นสภาพรีบส่งเสียงออกมา
ตอนนี้ซูเฟยซื่อกับนางลงเรือลำเดียวกัน ขอเพียงซูเฟยซื่อชนะ นางก็ไม่คิดอะไรอีก
ซูจิ้งเถียนอึกอักจนหน้าแดง ครึ่งค่อนวันจึงเค้นประโยคหนึ่ง “ท่านแม่ท่านพ่อรักกันมาหลายสิบปี ไหนเลยจะวางยาท่านพ่ออย่างไม่อาลัยอาวรณ์ได้เล่า? ต้องมีใครบางคนวางยาในถ้วยน้ำแกง แล้วพยายามใส่ร้ายท่านแม่!”
ก็เป็ใน่เวลาที่สองคนขัดแย้งไม่ลงรอย สีหน้าซูเฟยซื่อได้เปลี่ยนไปฉับพลัน “ข้าคิดขึ้นได้แล้ว ขณะที่แม่ใหญ่ยกถ้วยน้ำแกงมาให้ข้า บอกว่าน้ำแกงนี้ให้ข้าบำรุงร่างกายเป็พิเศษ ข้าก็ยืมดอกไม้ถวายพระให้ท่านพ่อดื่ม ตอนนั้นแม่ใหญ่ยังว่าท่านพ่อดื่มน้ำแกงถ้วยนั้นไม่ได้เด็ดขาด ตอนนี้คิดไปแล้ว หรือแม่ใหญ่รู้แต่แรกแล้วว่าในถ้วยน้ำแกงมียาพิษจึงไม่ให้ท่านพ่อดื่มสินะเ้าคะ”
ความหมายในวาจาชัดเจนมาก พิษนี้เป็นางแซ่หลี่ที่ใช้ทำร้ายนาง
“แม่ใหญ่ ที่แท้ข้าได้ทำผิดต่อท่านตรงไหน จึงต้องวางยาทำร้ายกันแบบนี้? หรือเป็เพราะวันนั้นฮ่องเต้ให้ข้าเล่นเพลง “ผีเสื้อหลงบุปผชาติ” ที่น้องสี่เล่นไม่จบงั้นหรือ? หรือเพราะข้าเชิญกุ้ยมามามาสอนกฎระเบียบให้น้องสี่?” ตาทั้งคู่ของซูเฟยซื่อเต็มไปด้วยน้ำตา ทำทีน่าสงสารสุดประมาณ
นางจงใจกล่าวถึงเหตุการณ์ในวันนั้น เพื่อเตือนให้ซูเต๋อเหยียนคิดถึงซูจิ้งเถียนที่ทำเสียท่าต่อหน้าซ่งหลิงซิว แต่นางได้ชดเชยท่าทีเสียมารยาทนี้แล้ว ยังได้รับรางวัลจากซ่งหลิงซิว
เทียบแบบนี้ บุตรสาวสองคนใครเบาใครหนักยังไม่ชัดเจนหรือ?
กล่าวจบ ซูเฟยซื่อก็ร้องไห้ถลาเข้าไปตรงหน้าซูเต๋อเหยียน ทั่วร่างสั่นเทาราวกับสัตว์น้อยที่แสวงหาแหล่งลี้ภัย “ท่านพ่อ เฟยซื่อกลัวมากจริงๆ วันนี้ถ้วยน้ำแกงนี้เป็ให้ท่านดื่มแล้ว แม่ใหญ่จึงรีบใช้หลินมามาไปหาหมอ ถ้าบังเอิญเป็ข้าดื่มเล่า? ข้าไยมิใช่ต้องถูกวางยาพิษตายในสวนปี้หวินไร้คนเหลียวแลหรอกหรือ? เฟยซื่อหาได้กลัวความตายแต่อย่างใด เพียงแต่ตอนนี้ตำแหน่งพี่ใหญ่ในวังไม่มั่นคง พี่รองสมรสให้กับซีอ๋องที่ไม่มีอนาคตคนหนึ่งไปแล้ว น้องสี่อายุยังน้อยอีก แล้วใครจะสามารถแบ่งเบาความกังวลของท่านพ่ออีก? เฟยซื่อรับไม่ได้จริงๆ ที่ได้เห็นท่านพ่อต้องทุกข์ใจด้วยเื่น้อยใหญ่ในราชสำนักทุกวัน ข้าเพียงคิดออกแรงเต็มที่ช่วยท่านพ่อกับจวนอัครมหาเสนาบดีเ้าค่ะ”
วาจานี้กล่าวด้วยความจริงใจ ยิ่งชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของนางกับวิกฤติปัจจุบันของจวนอัครมหาเสนาบดี ไหนเลยจะไม่ทำให้ซูเต๋อเหยียนหวั่นไหว
ซูเต๋อเหยียนกระทั่งไม่สนสภาพร่างกายที่ไม่พร้อมในขณะนี้ รีบเอื้อมมือไปพยุงซูเฟยซื่อขึ้นจากพื้น “เด็กโง่ พ่อจะยอมให้เ้าเกิดเื่โดยไม่อาลัยอาวรณ์ได้อย่างไร?”
ที่ซูเฟยซื่อกล่าวไม่ผิด จวนอัครมหาเสนาบดีในวันนี้ยังไม่มีใครสามารถช่วยแบ่งปันความกังวลให้เขาได้จริงๆ
ซูจิ้งโหยว้าจะต่อสู้กับพระสนมหวินในวังหลัง ซูจิ้งเซียงก็เป็ลูกที่ถูกทอดทิ้งคนหนึ่งมาแต่แรก ในการโจมตีสองครั้งซูจิ้งเถียนต่างล้มเหลวอีก แต่กลายเป็ซูเฟยซื่อ บุตรสาวที่เขาเคยละเลยมาตลอด ซึ่งเมื่อก่อนนี้ได้ให้เขาแปลกใจแกมดีใจซ้ำแล้วซ้ำอีก
หมากดีสุดๆ แบบนี้ที่อาจช่วยให้เขายิ่งก้าวขึ้นไปอีกขั้น เขาจะทิ้งให้นางถูกคนวางยาตายง่ายๆ ได้อย่างไร?
คิดถึงตรงนี้ ซูเต๋อเหยียนย่นคิ้วมองนางแซ่หลี่ทันที “พูดมา ที่แท้เื่เป็อย่างไร?”
นางแซ่หลี่ถูกเสียงของเขาข่มขู่จนเข่าอ่อน เกือบล้มลงกับพื้น “นายท่าน ข้า… ข้าไม่รู้ แม้ถ้วยน้ำแกงนี้เป็ข้าปรุงพิเศษเพื่อเฟยซื่อโดยเฉพาะ แต่ในครัวมีหลายคนเข้าๆ ออกๆ ถ้วยน้ำแกงนี้ก็ให้สาวรับใช้ยกมา ผ่านมือหลายคนแบบนั้น ทำไมถึงตัดสินว่าเป็ข้าที่วางยาพิษแล้ว?”
ไม่ดีแน่ เดิมซูเต๋อเหยียนก็รังเกียจนางมากพออยู่แล้ว ตอนนี้ยังถูกจับได้คาหนังคาเขาอีก เกรงว่านางคงยากจะหนีรอดจากภัยพิบัตินี้ไปแล้ว
“ก็ต่อให้ไม่สามารถตัดสินได้ว่าใครเป็คนวางยาพิษ นายหญิงใหญ่ปกครองจวนอัครมหาเสนาบดีกลับเกิดเื่นี้ขึ้น หรือว่าไม่ควรแบกรับความรับผิดชอบบ้างหรือ?” แม่น้ารองกล่าวอย่างจริงจัง
นางแซ่หลี่ก็ใในคำพูดของนางจนเหงื่อเย็นผุดเต็มหลัง รีบคุกเข่าลง “นายท่าน เป็ความบกพร่องของข้าแล้ว ยังขอนายท่านลงโทษ”
“อืม ข้าไม่คิดฟังวาจาประดิษฐ์เหล่านี้ ในฐานะที่เ้าเป็นายหญิงใหญ่ของจวนอัครมหาเสนาบดี คาดไม่ถึงว่าจะปกครองจนจวนอัครมหาเสนาบดีกลายเป็แบบนี้ เ้าทำให้ข้าผิดหวังมากเกินไปแล้วจริงๆ” ซูเต๋อเหยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงกริ้วโกรธ
เห็นสมควรแก่เวลาแล้ว ซูเฟยซื่อรีบลดสายตาลงเอ่ยปากพูดอย่างอ่อนโยน “ท่านพ่อ ทั้งนี้แม่ใหญ่ก็ได้รับโทษมามากพอแล้ว เื่แบบนั้นใช่ว่าเพียงวันสองวันก็สามารถผ่อนปรนได้ เื่ในจวนอัครมหาเสนาบดีก็วุ่นวายขนาดนี้ ชั่วขณะนี้คงไม่อาจทำความเข้าใจได้เร็วนัก”
วาจาเหล่านี้ดูเหมือนช่วยขอร้องให้นางแซ่หลี่ ทว่าความจริงเป็กำลังทาเกลือกำหนึ่งลงบนาแของนางแซ่หลี่กับซูเต๋อเหยียนในเวลาเดียวกัน เื่ดังกล่าวเป็เื่ยากที่นางแซ่หลี่จะลืมลง ยิ่งซูเต๋อเหยียนที่ถูกสวมหมวกเขียวนั้น ไยมิใช่ยิ่งปลดปล่อยไปได้ยากกว่าหรือ
“ตอนนี้เฟยซื่อเติบใหญ่แล้ว ถ้าท่านพ่อวางใจก็ยกจวนอัครมหาเสนาบดีให้เฟยซื่อ รอแม่ใหญ่ได้รับการปล่อยตัว สามารถปกครองจวนอัครมหาเสนาบดีได้อีกครั้ง เฟยซื่อย่อมคืนอำนาจการปกครองกลับไปเ้าค่ะ” ซูเฟยซื่อกะพริบตากล่าวยื่นข้อเสนอ ท่าทางซื่อสัตย์จริงใจของนางแทบทำให้คนไม่สามารถแข็งใจปฏิเสธได้
ซูเต๋อเหยียนครุ่นคิดสักพัก “เ้าเติบใหญ่แล้ว ก็ควรหัดปกครองดูแลครอบครัว เอาตามอย่างที่เ้ากล่าวไว้ ต่อจากนี้เื่ในจวนอัครมหาเสนาบดีก็มอบให้เ้ารับผิดชอบมีอำนาจเต็มที่”
“ขอบคุณท่านพ่อ ลูกจะทุ่มเทสุดกำลังจัดการจวนอัครมหาเสนาบดีให้ดีที่สุดแน่นอนเ้าค่ะ” ซูเฟยซื่อกล่าวด้วยความซาบซึ้งสุดประมาณ
ท่าทีแบบนี้ของนาง ในสายตาของซูเต๋อเหยียนดูเหมือนไม่มีเื่อะไร แต่กล่าวไปสำหรับซูเฟยซื่อเป็พระคุณอย่างใหญ่หลวงจริงๆ ทว่าสำหรับนางแซ่หลี่กับซูจิ้งเถียนยิ่งราวกับฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ
เรียกว่าขโมยไก่ไม่สำเร็จ ยังต้องเสียข้าวกำมือหนึ่ง คนที่ควรตายกลับไม่ตาย แต่ตนกลับสูญเสียสิทธิ์ในการปกครองจวนอัครมหาเสนาบดีไป
ทว่าสิ่งที่ทำให้นางแซ่หลี่กังวลที่สุดคือ บุตรสาวคนโตภรรยาเอกของแต่ละครอบครัวที่มีอายุได้พอควร ผู้ปกครองในครอบครัวต้องให้พวกเขาเรียนรู้ที่จะปกครองดูแล ถ้าปกครองได้ดี โอกาสที่จะต้องตาเชื้อพระวงศ์หรือตระกูลขุนนางใหญ่ก็เพิ่มขึ้นมาก
บุตรสาวคนโตภรรยาเอกของจวนอัครมหาเสนาบดีเป็ซูจิ้งโหยว แต่ซูจิ้งโหยวเข้าวังั้แ่อายุยังน้อย เดิมนางคิดรอซูจิ้งเถียนให้โตขึ้นอีกสักหน่อยก็หาโอกาสให้นางปกครองครอบครัว ทว่าไม่คิดว่าตอนนี้กลับถูกซูเฟยซื่อชิงรับตำแหน่งไปก่อน
สิ่งเดียวที่นางหวังไว้ตอนนี้คือ ซูเฟยซื่อที่ได้รับตำแหน่งนี้แต่กลับไม่ได้มีความสามารถ ก็ได้เพียงภาวนาให้ซูเฟยซื่อก่อเื่จนจวนอัครมหาเสนาบดีต้องยุ่งเหยิงไปหมด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้