อวี๋เจียวนิ่งเงียบครู่หนึ่งหันหลังกลับมาเมื่อคิดว่าสตรีแซ่ซ่งช่วยสวมอาภรณ์ให้อวี๋เมิ่งซานเรียบร้อยแล้วเอ่ยว่า “ข้าต้องจับชีพจร”
อวี๋หรูไห่ถอยออกมาจากหัวเตียงเพื่อหลีกทางให้อวี๋เจียว
อวี๋เจียววางมือลงบนจุดชีพจรของอวี๋เมิ่งซานทั้งสามคนที่อยู่ภายในห้องต่างจดจ้องไปที่อวี๋เจียว
ผ่านไปเพียงครู่เดียวอวี๋เจียวชักมือกลับ จับปลายนิ้วของอวี๋เมิ่งซาน ตั้งใจมองพิจารณาปลายนิ้วทั้งสิบเอ่ยถามอวี๋เมิ่งซานว่า “ท่านลุงเมิ่งท่านลองแลบลิ้นให้ข้าดูฝ้าที่ลิ้นสักหน่อยเ้าค่ะ”
อวี๋เมิ่งซานทำตามคำบอก
อวี๋เจียวชูนิ้วออกไปสองนิ้วตามด้วยกดลงบนหน้าอกด้านซ้ายถัดลงไปสองนิ้วของอวี๋เมิ่งซานใบหน้าของอวี๋เมิ่งซานขาวซีดพร้อมทั้งฉายแววเ็ป อวี๋เจียวจึงชักมือกลับมา
อาการของอวี๋เมิ่งซานแลดูคล้ายเส้นประสาทใต้ชั้นิัมีอาการบวมแต่แท้จริงแล้วไม่ได้เป็เช่นนั้นทั้งหมดอาการเส้นประสาทใต้ิับวมเป็หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการอวี๋เจียวครุ่นคิดครู่หนึ่งถึงเอ่ยว่า “เป็ไข้เพราะเืพร่องก่อนหน้านี้ท่านลุงเมิ่งซานน่าจะได้รับการาเ็ภายใน เมื่อยื้อเวลามาหลายวันทำให้เกิดอาการม้ามทำงานผิดปกติ เืลมและพลังหยินหยางไม่สมดุลเ้าค่ะ”
“าเ็ภายใน?” อวี๋หรูไห่เอ่ยด้วยความประหลาดใจก่อนหน้านี้อวี๋เมิ่งซานไปเก็บยาบนเขาแล้วบังเอิญพบสัตว์ร้ายเพียงแต่แค่ถูกกัดขาขาด เขาตรวจแล้วไม่พบอาการาเ็ภายในอะไร
เมื่อได้ยินอวี๋เจียวเอ่ยเช่นนี้อวี๋เมิ่งซานที่นอนอยู่บนเตียงพลันนึกขึ้นได้ เอ่ยออกมาอย่างยากลำบากว่า“วันนั้น...แค่กๆ ...ตอนถูกสัตว์ร้ายไล่ตามข้า...ข้าเคยกลิ้งตกลงจากเขาจนชนกับต้นไม้โบราณต้นหนึ่ง”
“ควรจะรักษาอย่างไร? แล้วเ้ารู้ได้อย่างไร?” ยามนี้อวี๋หรูไห่รู้สึกว่าวิชาหมอของอวี๋เจียวอยู่เหนือกว่าเขาอย่างยิ่งทำให้สายตาที่มองไปยังอวี๋เจียวฉายแววกระตือรือร้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
อวี๋ฉี่เจ๋อหันไปมองอวี๋เจียวเช่นกันดวงตาดุจดอกท้อหมายมั่น ทำให้ผู้อื่นรู้สึกราวกับโดนอัดไปด้วยความรู้สึกเปี่ยมล้น
อวี๋เจียวเอ่ย“อาการาเ็ภายในจะทำให้เกิดอาการตัวร้อนเพราะเืพร่องเ้าค่ะส่วนมากจะตัวร้อนไม่มาก เวียนหัวตาลาย หัวใจเต้นไม่เป็จังหวะ ใบหน้าขาวซีดริมฝีปากซีดจาง ลิ้นสีขาว ชีพจรอ่อน ไม่เป็อันใดร้ายแรงมากกินน้ำแกงบำรุงม้ามก็จะดีขึ้นแล้วเ้าค่ะ”
สตรีแซ่ซ่งปาดน้ำตาตรงหางตารู้สึกวางใจหลังได้ยินอวี๋เจียวเอ่ยเช่นนี้
อวี๋เจียวเอ่ยเสริม“ท่านลุงเมิ่งซานค่อนข้างบวมน้ำ แต่ก็ไม่เป็อะไรเช่นกันเ้าค่ะข้าจะเขียนเทียบยาอีกอัน หลังกินยาสองอย่างก็คงจะไม่เป็อะไรแล้วเ้าค่ะ”
อวี๋ฉี่เจ๋อจ้องมองอวี๋เจียวราวกับ้ามองทะลุร่างกายเข้าไปยังจิติญญาของนาง อวี๋เจียวชะงักครู่หนึ่งเอ่ยถามทั้งรอยยิ้มว่า “เป็อะไรไปหรือเ้าคะ?”
อวี๋ฉี่เจ๋อเก็บสายตากลับไปเอ่ยเสียงเบาว่า “ขอบคุณ”
อวี๋เจียวเม้มปากอมยิ้มนึกไม่ถึงว่าเ้าเซ่อนี้จะขอบคุณนาง? นับว่าเป็ ‘คนดี’ จริงๆ
อวี๋เจียวบอกวิธีทำน้ำแกงบำรุงม้ามและเทียบยารักษาอาการเส้นประสาทใต้ิับวมที่ปรับเปลี่ยนปริมาณแล้วกับผู้เฒ่าอวี๋ผู้เฒ่าอวี๋ไปเตรียมสมุนไพรที่ห้องฝั่งตะวันตกเขาลอบคัดลอกวิธีรักษาทั้งสองวิธีนี้และนำไปสอดเก็บไว้ในตำราหมอ
หลังจากวุ่นวายพักหนึ่งสตรีแซ่ซ่งไม่มีเวลาสนใจอาหารเช้าก็นำสมุนไพรที่ผู้เฒ่าอวี๋จัดไว้เรียบร้อยไปต้มในห้องหุงต้มเสียแล้ว
ขณะอวี๋เจียวกำลังเก็บถ้วยจานอวี๋ฉี่เจ๋อยกถ้วยข้าวต้มที่เย็นชืดแล้วขึ้นมาดื่ม
อวี๋เจียวเอาหมั่นโถวออกมาหนึ่งก้อนโดยไม่ต่างอะไรกับเล่นกลตามด้วยยัดใส่ลงไปในมือของอวี๋ฉี่เจ๋อ “ข้าเห็นว่าในห้องครัวยังมีหัวไชเท้าดองให้ข้าตักมาให้ท่านสักหน่อยดีหรือไม่?”
อวี๋ฉี่เจ๋อมองหมั่นโถวในมือก่อนจะวางกลับลงไปในเข่ง“ข้ากินข้าวต้มถ้วยเดียวก็พอแล้ว”
อวี๋เจียวเก็บถ้วยชามอย่างคล่องแคล่ว“ท่านยังต้องเติบโต กินข้าวต้มถ้วยเดียวจะไปพออะไร?”
กล่าวจบยกถ้วยชามออกไปยังห้องหุงต้มทิ้งอวี๋ฉี่เจ๋อให้กินข้าวต้มอยู่ภายในห้องโถงเพียงลำพัง
อวี๋ฉี่เจ๋อถือถ้วยข้าวต้มทว่าภายในใจกลับจดจ่ออยู่ที่อวี๋เจียว หลังจากนางฟื้นขึ้นมาได้เปลี่ยนไปอย่างชัดเจนการกระทำแตกต่างกับเมื่อก่อนราวกับเป็คนละคน ทำให้ผู้อื่นนึกสงสัยยิ่งนัก
ไม่นานนักอวี๋เจียวถือถ้วยเล็กใบหนึ่งกลับมาจากห้องหุงต้ม วางลงตรงหน้าอวี๋ฉี่เจ๋อภายในถ้วยคือหัวไชเท้าดองที่ตักออกมาจากไหดอง
“รีบกินเร็วเข้า” อวี๋เจียวกล่าวจบไม่รอให้อวี๋ฉี่เจ๋อได้สติกลับมานางเดินกลับห้องหุงต้มเพื่อล้างถ้วยชามเสียแล้ว
หลังจากกินข้าวต้มหนึ่งถ้วยอวี๋ฉี่เจ๋อไม่ได้แตะต้องหมั่นโถวในเข่งก้อนนั้น กลับถือเข้าไปในห้องหุงต้ม
อวี๋เจียวกำลังค้อมเอวขัดหม้อเงาร่างบางยังคงเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิดเพี้ยนอวี๋ฉี่เจ๋อปรายตามองชั่วครู่พลันเก็บสายตากลับมา สตรีแซ่ซ่งกำลังถือพัดพลางต้มยาอยู่หน้าเตา
อวี๋ฉี่เจ๋อส่งหมั่นโถวและกับข้าวที่เหลือไปตรงหน้าสตรีแซ่ซ่ง“ท่านแม่ ท่านกินอะไรเสียก่อน ข้าจะต้มยาให้ท่านพ่อขอรับ”
สตรีแซ่ซ่งส่ายหน้า“แม่กินไม่ลง เ้ากินเยอะๆ สักหน่อยเถิด”
อวี๋ฉี่เจ๋อร่างกายอ่อนแอมาแต่ไหนแต่ไรความอยากอาการไม่ค่อยดีนัก เขาวางหมั่นโถวและกับข้าวที่เหลือไว้บนโต๊ะด้านข้างเพราะรู้ว่าท่านพ่อของเขาไม่สบาย ภายในใจแม้รู้สึกไม่ดีแต่กลับไม่รู้ว่าควรจะปลอบโยนเช่นไรเขาจึงไม่ออกจากห้องหุงต้มทว่าก็ไม่เอ่ยสิ่งใดให้มากความ
อวี๋เจียวล้างถ้วยชามจนสะอาดเรียบร้อยนางหันกลับไปฉวยพัดจากมือสตรีแซ่ซ่ง เอ่ยทั้งรอยยิ้มว่า “ท่านอาซ่งท่านลุงเมิ่งซานไม่เป็อะไรมากจริงๆ เ้าค่ะ เขาแค่ตัวร้อนเพราะอาการาเ็ภายในเมื่อระบายออกมาก็จะดีขึ้นแล้ว แต่หากไม่เผยอาการออกมาเช่นนั้นถึงจะเป็ภัยใหญ่เ้าค่ะ! นี่คือหมั่นโถวที่พี่ห้าตั้งใจเหลือเอาไว้ให้ท่านท่านรีบกินเถิด อย่าให้ท่านลุงเมิ่งซานหายดีแล้ว แต่ท่านกลับล้มป่วยเสียเอง”
น้ำเสียงและคำกล่าวของอวี๋เจียวคล่องแคล่วผ่อนคลายสตรีแซ่ซ่งได้ฟัง ภายในใจจึงรู้สึกผ่อนคลายตามไม่น้อย ยอมหยิบหมั่นโถวขึ้นมากิน
“เ้าเด็กคนนี้ เหตุใดถึงเปลี่ยนคำเรียกเป็ท่านลุงท่านอาเสียแล้ว?” สตรีแซ่ซ่งเพิ่งจะสังเกตสรรพนามที่อวี๋เจียวใช้ก่อนหน้านี้อวี๋เมิ่งซานไม่สบายทั้งความคิดและจิตใจของนางล้วนอยู่ที่อาการป่วยของอวี๋เมิ่งซานไม่ได้สนใจแม้แต่นิดว่าอวี๋เจียวเรียกอะไร ยามนี้เพิ่งจะฟังเข้าหู
อวี๋เจียวหัวเราะ“แค่คำเรียกเ้าค่ะ จะเรียกอย่างไรก็เหมือนกัน ท่านกับท่านลุงเมิ่งซานเป็คนดีใจของข้ารู้สึกใกล้ชิดกับพวกท่านเ้าค่ะ!”
สตรีแซ่ซ่งหัวเราะตาม“เหตุใดหลังจากป่วยหนักครั้งใหญ่ ปากเ้าเด็กคนนี้กลับหวานขึ้นเสียแล้วเรียกท่านลุงท่านอาก็ได้ ตามแต่เ้าจะเรียกอะไรเถิด”
หลังจากกินหมั่วโถวเสร็จสตรีแซ่ซ่งยังคงไม่อยู่เฉย เทน้ำหนึ่งถังลงในหม้อใหญ่ คิดจะต้มน้ำให้อวี๋เจียวอาบ
อวี๋เจียวไม่อาจหักใจให้นางเหน็ดเหนื่อยเอ่ยเรียกพลางแย้มยิ้มว่า “ท่านอาซ่ง ท่านไม่ต้องทำแล้ว ยาของท่านลุงเมิ่งซานต้มเสร็จแล้วเ้าค่ะข้าต้มน้ำร้อนเองได้เ้าค่ะ”
อวี๋เจียวเทยาน้ำในหม้อต้มยาลงในถ้วยจากนั้นส่งให้สตรีแซ่ซ่ง
สตรีแซ่ซ่งเป็ห่วงสุขภาพของอวี๋เมิ่งซานหยัดกายลุกขึ้นจากด้านล่างเตา เช็ดมือแล้วรับถ้วยยาเอาไว้“รอกระทั่งลุงเมิ่งซานของเ้าดื่มเสร็จแล้ว ข้าจะเอาถังน้ำเข้าไปในห้องของฝูหลิงเ้าจะได้อาบน้ำดีๆ”
อวี๋เจียวหยักหน้าหลังจากสตรีแซ่ซ่งออกไป นางเดินไปด้านล่างเตาเพื่อใส่ฟืนเข้ากองไฟ
ยามนี้อวี๋เจียวคิดว่าค่อนข้างโชคดีเมื่อชาติก่อน ท่านปู่เคยพานางไปอยู่บนป่าเขาห่างไกลผู้คนหัดผ่าฟืนและก่อไฟมาทุกอย่าง ทำเช่นนี้มาั้แ่ยังเด็กนางถึงได้คุ้นชินกับชีวิตภายในสกุลอวี๋รวดเร็วถึงเพียงนี้
อวี๋เจียวพึ่งต้มน้ำเสร็จและกำลังจะยกกลับเรือนฝั่งตะวันออกทันใดนั้นสะใภ้สามแซ่จ้าวก็ปรากฏตัวหน้าห้องหุงต้ม มองอวี๋เจียวด้วยสายตารังเกียจเอ่ยบงการผู้อื่นอย่างอวดดี “ข้าจะใช้น้ำร้อนนี้”
กล่าวจบเข้าไปแย่งถังน้ำในมือของอวี๋เจียวอวี๋เจียวเบี่ยงหลบ ตามด้วยยกน้ำร้อนครึ่งถังออกไปจากห้องหุงต้มพลางเอ่ยว่า“ท่านอยากใช้น้ำร้อน ท่านก็ไปต้มเองเถิดเ้าค่ะ”
ภายในใจสตรีแซ่จ้าวคิดจะหาเื่แน่นอนว่าอวี๋เจียวไม่มีทางอ่อนข้อเช่นกัน
ความโมโหของสตรีแซ่จ้าวปะทุราวกับจุดประทัด“นังเด็กคนนี้ ข้าบอกว่าข้าจะใช้น้ำร้อนนี้ เ้าไม่ได้ยินงั้นหรือ? รีบวางลงแล้วเอาให้ข้า!”