พรึบ
ตุ๊บ
“โอ้ย!” ฉันร้องออกมาด้วยความเ็ปที่ฉันมัวแต่วิ่งแล้วก็วิ่งจนฉันมาชนเข้ากับใครสักคนที่มีรูปร่างอ้วนท้วนใหญ่โตจนร่างของฉันที่ตัวเล็กเหมือนหมากระเป๋ากระเด็นล้มก้นกระแทกพื้นเข้าอย่างจัง แผลเมื่อคืนก็ยังไม่หายดี ดีนะที่ไม่ได้แผลใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกนะ
“ชนแล้วยังไม่ขอโทษอีก!” ฉันโวยขึ้นอย่างไม่พอใจกับการปวดก้นของฉันในตอนนี้
“มะไม่ต้องขอโทษก็ได้ค่ะ…ฉันโง่เองที่ชนคุณพี่…” ฉันว่าเสียงอ่อนลงทันทีที่เจอเข้ากับใบหน้าบึ้งตึงอย่างไม่พอใจของชายใส่ชุดดำรูปร่างสูงใหญ่ที่จับจ้องฉันตาเขม่นอยู่ในตอนนี้ เกือบแล้วไหมล่ะ เกือบซวยแล้วเชียว
พรึบ
“เอ่อ…คะคุณพี่จับน้องทำไมคะ?” ฉันถามเสียงสั่นเครือไปอย่างหวาดกลัวที่อยู่ๆ ชายชุดดำร่างใหญนี้ก็คว้าข้อมือของฉันไปจับไว้อย่างไว
“มีคนอยากเจอ…” เสียงเรียบๆ เอ่ยออกมาจากปากของชายชุดดำร่างใหญ่ทำให้ฉันถึงกับหน้าเหวอทันที ฉันเคยไปรู้จักกับพวกคนหน้าตาน่ากลัวแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย?
พรึบ
“โอ้ย!” ฉันร้องออกมาเสียงดังกับแรงกระชากร่างของฉันให้ลุกขึ้นยืน ข้อมือฉันแทบหักแหนะ เจ็บก็เจ็บแต่กลัวตายมากกว่า
“ขึ้นรถ!”
“คะค่ะๆๆ” ฉันตอบเสียงสั่นอย่างกล้าๆ กลัวๆ แต่ก็ต้องยอมเดินขึ้นรถตู้คันสีดำที่เงาวับพร้อมกับจับข้อมือที่เป็รอยแดงของตัวเองไปด้วย มันเจ็บจริงๆ นะ T^T
พรึบ
ฉันขึ้นมานั่งบนรถด้านในสุดและมีชายชุดดำร่างั์นั่งประกบข้างหน้าประตูทางออกทำให้ฉันหมดหนทางที่จะหนีแล้ว
พรึบ
“เดี๋ยวถึงแล้วจะคืนให้!”
“ค่ะ…” ฉันตอบเสียงแห้งไปในขณะที่โดนชายร่างใหญ่แย่งกระเป๋าเป้ไปจากฉัน ในนั้นมีโทรศัพท์ของฉันที่หน้าจอแตกและแมคบุ๊คไอแพดและโทรศัพท์ของไดร์ฟอยู่ด้วย เลยทำให้ฉันหมดหนทางที่จะคิดหนีแล้ว ฉันจึงเปลี่ยนมานั่งสงบเสงี่ยมเจียมตัวมองตรงไปด้านหน้าเพื่อสำรวจเส้นทางแทนว่าพวกเขาจะพาฉันไปไหนกัน
จะพาฉันไปเรียกค่าไถ่ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะดูจากการแต่งตัวที่ยาจกตามสไตล์ของฉันก็น่าจะรู้นะ เพราะงั้นตัดข้อนี้ออกเลย และมันคืออะไรกันแหละ ต้นเหตุของการจับตัวฉันมาในครั้งนี้นะ
กระจกด้านข้างของฉันไม่สามารถมองเห็นภายนอกได้เพราะถูกม่านสีทองบดบังอยู่ บนรถคันนี้มีชายชุดดำสองคนรวมคนที่ฉันวิ่งชนเขาด้วย คนขับอีกหนึ่งคนและฉันอีกหนึ่งรวมเป็สี่คนแค่นั้น แต่ตัวฉันเล็กกระจิดริดแบบนี้จะเอาอะไรไปสู้พวกเขาล่ะ
พรึบ
“ลงมา…”
“ค่ะ…” ฉันตอบเสียงสั่นทำหน้าแหยๆ ให้เขาก่อนจะเดินลงมาจากรถตามคำสั่งของชายชุดดำและมองสำรวจไปรอบๆ บ้านหลังใหญ่โตนี้ ที่มีเนื้อที่มากพอสมควรมีรั้วรอบขอบชิดมีสนามหญ้ามีลานวิ่งออกกำลังกายด้วยแฮะ เ้าของบ้านคงจะรวยมากแน่ๆ
หรือว่า พวกเขาจะจับตัวฉันให้มาเป็นางบำเรอให้มาเฟีย??!!
“เดินเข้าไป…”
“ค่ะ….” ฉันจึงต้องเลิกมองสิ่งรอบๆ ตัวและจำใจเดินไปยังด้านหน้าตามคำสั่งของชายชุดดำร่างใหญ่ที่เดินตามหลังฉันมา โดยเดินตามหลังชายชุดดำที่มีรูปร่างเล็กที่มุ่งหน้าเดินเข้าไปยังบ้านชั้นเดียวแห่งนี้แต่มองกว้างขวางมากนะ
พรึบ
“นั่งลงสิ….”
“ค่ะ…” ฉันตอบชายกลางคนที่แต่งตัวดูภูมิฐานไปก่อนจะนั่งลงบนโซฟาตัวนุ่มนิ่มที่ตั้งอยู่ใจกลางของห้องน่าจะเป็ห้องรับแขกนะฉันว่า
“เมื่อคืน….ไดร์ฟกับเธอ…กอดกันใช่ไหม?” ชายวัยกลางคนเอ่ยเปิดประเด็น ฉันมองเขาไม่ค่อยมีพิษมีภัยจึงตอบเขาไปตามความจริง เพราะมองไปรอบๆ บ้านหลังนี้ก็มีแต่รูปของถ่ายของไดร์ฟติดเต็มทั่วทุกบริเวณเลยนะ
แอบเสียดายจัง ที่ไม่ได้โดนจับมาเป็นางบำเรอให้มาเฟียน่ะ ไม่สิ!!ฉันต้องโล่งใจต่างหากล่ะถึงจะถูก!!
“ค่ะ…”
“เธอ….เป็แฟนคลับเขาใช่ไหม?” เขาถามฉันพลางมองสำรวจการแต่งกายของฉัน ที่แสนจะบ้านนอกๆ ก็ฉันชอบแบบนี้ กางเกงขาสั้นและเสื้อยืดมันใส่สบายดี
“หนู…ไม่ได้เป็แฟนคลับเขาค่ะ…บังเอิญว่าเขาวิ่งชนหนู…และทำให้โทรศัพท์ของหนูพังหนูเลยวิ่งตามเขาเพื่อจะให้เขารับผิดชอบนะคะ”
“แต่หนูเห็นเขามีท่าทางแปลกๆ”
“ท่าทางแปลกๆ?” ชายคนนั้นว่าอย่างทวนคำพูดของฉันอย่างสงสัย ฉันก็มองหน้าเขาอย่างจริงจัง
“ค่ะ…หนูเคยศึกษาเกี่ยวกับโรคซึมเศร้าเพื่อจะเอามาเขียนนิยาย…และหนูเห็นว่าเขามีอาการแบบนั้น…”
“เธอก็เลยกอดเขา?” ชายคนนั้นว่าอย่างพอเดาเื่ราวได้
“ค่ะ….”
“เธอคงจะไม่ได้ชอบเขาใช่ไหม?”
“ค่ะ…หนูมีแฟนอยู่แล้วค่ะ…”
“งั้นก็ดี…ฉันมีเื่อยากจะขอร้องเธอ….”
“ช่วยทำให้เขาหายจากการเป็โรคซึมเศร้าทีเถอะนะ…”
“ช่วยเขาด้วย….”
“ค่ะ….แต่หนูก็ไม่มั่นใจว่าหนูจะช่วยเขาได้ไหม…เพราะหนูไม่ใช่หมอที่รักษาเฉพาะทาง…”
“หนูคิดว่าคุณควรจะพาไดร์ฟไปพบจิตแพทย์นะคะ…” ฉันเอ่ยอย่างแนะนำ ชายคนนั้นก็ถอนหายใจออกมาด้วยท่าทางเคร่งเครียด แววตาของเขาสั่นไหวสื่อว่าเขาเป็ห่วงไดร์ฟจริงๆ
“ฉันก็อยากพาไป…แต่ทางเ้าของค่ายเขาไม่ยินยอม…”
“เขาจะรอให้ไดร์ฟตายก่อนอย่างงั้นเหรอคะ?” ฉันว่าเสียงแข็งตอกกลับไป
“ไดร์ฟเป็ถึงเลเวลที่สี่แล้วนะคะ…เขาคิดที่จะฆ่าตัวตายแล้ว…”
“เขาคิดว่าไม่มีใคร้าเขา…และคิดว่าตัวเองไม่ดีพอ…”
“ให้ค่าตัวเองน้อยลง…” ฉันว่าเสียงเข้มหน้าตาจริงจังอย่างใส่อารมณ์
พรึบ
“เพราะอย่างนี้ไง…ฉันถึงอยากจะขอร้องเธอ…ให้เธอช่วยไดร์ฟ…”
“ช่วยเขาด้วยเถอะนะ…”
“ได้โปรด….”
“คุณคะ…อย่าทำแบบนี้..” ฉันนี่แทบจะลุกขึ้นถลาไปรับร่างของชายคนที่แต่งตัวดูภูมิฐานนี้แทบจะไม่ทันเพราะเขาทำท่าจะคุกเข่าขอร้องอ้อนวอนฉัน
“หนูจะช่วย….ให้ถึงที่สุดค่ะ…” ฉันเลยต้องจำใจยอมรับการขอร้องนี้ ฉันจะช่วยเขา ฉันจะช่วยฉุดรั้นเขาให้เขาหลุดพ้นออกมาจากจิตปลุกแต่งของเขา ฉันจะทำให้เขารู้ว่าเขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวบนโลกใบนี้
และทำให้เขารู้ว่าโลกใบนี้ก็น่าอยู่เหมือนกัน
พรึบ
เพล้ง
“ออกไป!!”
“ออกไปให้หมด!!!” เสียงเอะอะโวยของผู้ชายและเสียงเขวี้ยงปาข้าวของดังมาจากทางด้านหลังสุดของบ้าน
“ไดร์ฟน่ะ…เขาคงจะอาละวาดอีกแล้ว…” ชายคนนั้นตอบฉันมาทันทีที่เขาคงสังเกตเห็นอาการใของฉัน ฉันก็ละสายตาจากต้นตอของเสียงกลับมามองหน้าชายคนนี้
“ฉันชื่อมิตรนะ…เป็ผู้จัดการขอ
งไดร์ฟ…” เขาเอ่ยแนะนำตัวให้ฉันรู้จัก
“ค่ะ….ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ…หนูชื่อไอริสค่ะ…เรียกว่าไอเฉยๆ ก็ได้ค่ะ..”
“โอเค…หนูไอ…^_^”