ชิวซานอวิ๋นถามคำถามบางอย่าง
“ถ้าจั่วเชียนสวินถูกฆ่าเพราะเขาพบกุญแจ แล้วจางเหรินจวิ้นถูกฆ่าด้วยเหตุใด?”
ลี่ไห่ซิงกล่าวว่า “ศิษย์น้องถามได้ดี ฆาตกรสังหารจั่วเชียนสวินเพื่อแย่งกุญแจ เื่นี้สมเหตุสมผล แต่ทำไมถึงต้องสังหารฆ่าจางเหรินจวิ้น?”
ทุกคนกำลังครุ่นคิด
ก่อนชิวอีเซี่ยนจะกล่าวว่า “เมื่อครั้งที่จั่วเชียนสวินตาย จางเหรินจวิ้นเป็คนแรกเข้ามายังที่เกิดเหตุ เขาบอกว่าเขาไม่เห็นฆาตกร แล้วถ้านี่เป็เื่โกหกล่ะ? เช่นนี้สาเหตุการตายก็เข้าใจได้ง่ายแล้ว”
อูเหรินเจี๋ยกล่าวว่า “นี่เป็การลอบสังหาร”
สายตาของทุกคนหันไปมองอู๋เยวี่ยฮุย
“พวกเ้ามองข้าทำไม? ข้าจะสังหารศิษย์น้องของตนไปทำไม?”
ลี่ไห่ซิงหัวเราะเยาะ “โจรร้องจับโจร[1] คิดว่าเ้าสามารถหลอกทุกคนได้หรือ?”
เจียงซั่งอีกล่าวว่า “ในยามนี้ ดูเหมือนเ้าจะน่าสงสัยที่สุด”
อู๋เยวี่ยฮุยโกรธมากและสาปแช่ง “พวกเ้ากำลังป้ายสีคน หากสงสัยว่าข้าสังหารจั่วเชียนสวินและแย่งกุญแจไป พวกเ้าสามารถค้นตัวข้าได้เลย”
อู๋เยวี่ยฮุยหันสายตาแล้วชี้ชิวอีเซี่ยน ก่อนจะพูดว่า “มานี่สิ ต่อหน้าทุกคน จงค้นให้ทั่วต่อหน้าทุกคน ดูว่าบนร่างของข้ามีกุญแจซ่อนอยู่หรือไม่?”
ชิวอีเซี่ยนยิ้มแห้งๆ แล้วพูดว่า “หากข้าเข้าไป แล้วเ้าจับข้าเป็ตัวประกัน ข้าจะไม่ตายหรือ?”
อู๋เยวี่ยฮุยโกรธมากจนขู่คำรามด้วยความโกรธ “ข้าต้องจับเ้าเป็ตัวประกันด้วยหรือ? ข้าไว้ใจคนอื่นไม่ได้ และเกรงว่าจะมีฆาตกรอยู่ในหมู่พวกเขา หากมีแผนการต่อต้านข้า ข้าก็ต้องหาคนที่มีขอบเขตต่ำกว่ามาตรวจสอบเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง”
ความกังวลของอู๋เยวี่ยฮุยนั้นไม่ใช่เื่ที่ไม่สมเหตุสมผล แต่ชิวอีเซี่ยนยังคงปฏิเสธ เพราะเขาเป็คนแรกที่สงสัยว่าคำพูดของจางเหรินจวิ้นนั้นไม่เป็ความจริง ในกรณีที่อู๋เยวี่ยฮุยมีความแค้นใจ นั่นจะไม่ใช่การที่ชิวอีเซี่ยนโยนตนเองลงในกับดักหรอกหรือ?
ชิวซานอวิ๋นสนับสนุน “ทำไมเ้าไม่ให้หนิงเทียนตรวจร่างของเ้าล่ะ?”
หลายคนค่อนข้างไม่พอใจ แต่หยางวั่นอวิ๋นคัดค้าน
“ถ้าอู๋เยวี่ยฮุยจับศิษย์น้องหนิงของข้าเป็ตัวประกัน แล้วบังคับให้เราต้องพยายามเพื่อเขา เมื่อถึงเวลานั้น เขาแค่เพียงต้องเอาชนะไปทีละคน เกรงว่าจะไม่ใช่แค่ฝ่ายเราที่เดือดร้อน”
อวี้ชุนเสวี่ยกล่าวว่า “นี่ก็สมเหตุสมผลเช่นกัน ในขณะนี้เป็การยากที่จะระบุความถูกต้องของเื่นี้ การตรวจค้นร่างกายสามารถแสดงให้เห็นความบริสุทธิ์ได้อย่างแน่นอน แต่ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีความกังวล ดังนั้นทุกคนจึงได้แค่ระมัดระวังมากขึ้นเท่านั้น”
ทุกคนยอมรับคำแนะนำของอวี้ชุนเสวี่ย แม้อู๋เยวี่ยฮุยจะน่าสงสัย แต่ก็เป็เพียงความสงสัย พวกเขาไม่สามารถยืนยันได้ว่าเขาเป็คนลงมือ ปัญหาจะไม่ได้รับการแก้ไขหากทางตันยังคงมีอยู่เช่นนี้
ทุกคนแยกย้ายกันไป ขณะที่หนิงเทียนเตือนพวกเขาก่อนจะจากไป
“ทางที่ดีควรวางศพไว้ในจุดที่เห็นได้ชัดเจน ไม่เช่นนั้นร่างกายจะหายไป และสิ่งต่างๆ จะยิ่งแปลกประหลาดมากขึ้น”
อู๋เยวี่ยฮุยมองด้านหลังของหนิงเทียนอย่างครุ่นคิด ในที่สุดก็ตัดสินใจเคลื่อนย้ายร่างของจางเหรินจวิ้นไปยังกำแพงหินซึ่งมีแผนที่ตั้งอยู่
คนอื่นๆ ผลัดกันเฝ้าทางเข้าวังใต้ดิน แต่สมาชิกทั้งสี่คนในกลุ่มจื๋อซิวยังคงอยู่ใกล้แผนที่
ชิวอีเซี่ยนโน้มตัวเข้าหาหนิงเทียนแล้วกระซิบ “สถานการณ์คืนนี้ซับซ้อนกว่าเมื่อก่อนๆ มาก เ้าคิดว่าใครน่าสงสัยที่สุด”
หนิงเทียนจ้องมองเขาและเตือน “การพูดมากเกินไปจะนำไปสู่ความผิดพลาด แค่ยืนอยู่ตรงนี้ รับรองว่าเ้าจะรอด”
หยางวั่นอวิ๋นกล่าวว่า “ศิษย์น้องหนิงรู้เบาะแสอะไรหรือ?”
อูเหรินเจี๋ยก็มาด้วย เื่ในคืนนี้ช่างน่าสงสัยจริงๆ
หนิงเทียนครุ่นคิด “ข้าบอกได้แค่ว่านอกจากพวกเราสี่คนแล้ว คนอื่นๆ ต่างก็เป็ผู้ต้องสงสัย”
หยางวั่นอวิ๋นโต้กลับ “เคอเจิ้งหยางและอวี้ชุนเสวี่ยคือคนที่มาจากปราสาทนั้นกับเรา พวกเขาไม่รู้เกี่ยวกับเื่โอกาสล่วงหน้า เว้นแต่จะพบกุญแจที่นี่ มิฉะนั้นก็ไม่ต้องสงสัยเลย”
“พวกเขามาที่นี่กับพวกท่านก็จริง แต่ก่อนจะพบกันที่ปราสาทเมื่อคืนนี้ มีใครในพวกท่านทราบบ้างว่าพวกเขามาจากที่ใด? หากมีใครเดินทางจากซากปรักหักพังเช่นนี้ไปสู่ปราสาทนั้น ในเื่นี้ถ้าพวกเขาไม่พูด พวกท่านย่อมไม่มีทางรู้”
การแสดงออกของอูเหรินเจี๋ยเปลี่ยนเป็ใ เขาเห็นด้วยทันที “คำพูดของหนิงเทียนนั้นสมเหตุสมผล นอกจากพวกเราสี่คนแล้ว คนอื่นๆ ต่างน่าสงสัย”
ชิวอีเซี่ยนกล่าวว่า “สิ่งหนึ่งที่ข้ายังคิดไม่ออกก็คือกุญแจวงแหวนซ่อนอยู่ที่ใด ทำไมถึงไม่เคยพบมันเลย”
หนิงเทียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “สมมติว่ามีคนค้างคืนที่นี่เมื่อคืนนี้และได้กุญแจมาโดยบังเอิญ แต่ไม่รู้ว่ามีวังใต้ดินอยู่ ทั้งยังไม่เข้าใจว่ากุญแจสามารถเปิดโอกาสได้ เขาเพียงแค่หยิบกุญแจออกไปโดยบังเอิญ เช่นนี้เราจะพบมันได้อย่างไร?”
ชิวอีเซี่ยนตกตะลึงและพูดด้วยความประหลาดใจ “เ้าหมายความว่ามีคนเอากุญแจไปั้แ่เมื่อคืน หรืออาจเป็ไปได้ว่าคนผู้นั้นจากที่นี่ไปโดยไม่รู้ตัวเช่นนั้นหรือ”
“นี่เป็เพียงหนึ่งในความเป็ไปได้ มีความเป็ไปได้อีกอย่างหนึ่งคือคนที่ได้รับกุญแจบังเอิญกลับมาที่นี่ในวันนี้ ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็คนที่มาจากปราสาทพร้อมกับศิษย์พี่ทั้งสอง หรือคนที่มาจากที่อื่น ทุกคนต่างเป็ผู้ต้องสงสัย”
หยางวั่นอวิ๋นพยักหน้าและกล่าวว่า “การวิเคราะห์ของศิษย์น้องนั้นสมเหตุสมผล เหลือความเป็ไปได้เพียงทางเดียวเท่านั้น และนั่นหมายความว่ากุญแจไม่ได้อยู่ที่นี่”
อูเหรินเจี๋ยขมวดคิ้วและพูดว่า “นอกเหนือจากเื่นี้ ยังมีความเป็ไปได้อื่นอีกหรือไม่?”
ชิวอีเซี่ยนส่ายหัวและไม่คิดว่าจะมีความเป็ไปได้อื่นใดอีก แต่หนิงเทียนกลับกล่าวว่า “มีความเป็ไปได้อีกอย่างหนึ่งจริงๆ...”
คำพูดยังคงดังก้องอยู่ในหู ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องอันแหลมคมดังขึ้นอีกครั้ง!
“ให้ตายเถอะ นี่มันบ้าอะไรกัน!”
ชิวอีเซี่ยนสาปแช่ง เขารู้สึกว่าคืนนี้แปลกเกินไปแล้ว
การบุกรุกของความมืดภายนอกโล่แสงก็น่ากลัวพอแล้ว ไหนเลยจะคิดว่าตนยังต้องกังวลกับการอยู่ในโล่แสงที่มีคนกำลังทยอยตายไปทีละคนเช่นนี้อีก
ทั้งสี่คนตามทิศทางของเสียงไป เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ทางเข้าวังใต้ดิน คราวนี้ผู้เสียชีวิตคือเฮ่อหยวนขุยจากสำนักชื่อหยวนปัง
สภาพการตายของเขานั้นคล้ายคลึงกับจั่วเชียนสวิน ตรงคิ้วเปื้อนไปด้วยเื กะโหลกแตก ราวกับถูกฝ่ามืออันแข็งแกร่งทุบอย่างแรง
คนแรกที่มาถึงที่เกิดเหตุคืออวี้ชุนเสวี่ย และคนที่สองที่มาถึงคือเจียงซั่งอี
“ใครเป็คนทำ?”
ลี่ไห่ซิงจ้องมองทุกคนด้วยสายตาเ็า ดวงตาของเขากวาดไปที่เจียงซั่งอี อวี้ชุนเสวี่ย อู๋เยวี่ยฮุย และคนอื่นๆ
อวี้ชุนเสวี่ยส่ายหัวแล้วพูดว่า “สถานการณ์แปลกมาก เมื่อครู่นี้ข้ามาสลับกับศิษย์พี่เจียง แต่แล้วเราก็เดินออกจากทางเข้าและพูดคุยกันสองสามคำ แต่เราไม่เห็นใครเข้ามาที่นี่เลย จากนั้นเราก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของเฮ่อหยวนขุย ดังนั้นเราจึงเป็คนแรกที่เร่งรีบเข้ามา แต่ก็ไม่พบอะไรเลย”
เจียงซั่งอีกล่าวว่า “ฆาตกรราวกับผี เดิมทีเฮ่อหยวนขุยอยู่ในที่แจ้ง ส่วนข้าอยู่ในที่มืด แต่ระหว่างการเปลี่ยนกะ ข้าพูดคุยกับแม่นางอวี้เพียงสองสามคำ ไม่คิดเลยว่ายามนั้นเองที่มีเหตุร้ายเกิดขึ้น เราอยู่นอกทางเข้า จะจินตนาการได้อย่างไรว่าในพริบตาเดียวโศกนาฏกรรมก็เกิดขึ้นเสียแล้ว”
อู๋เยวี่ยฮุยคำราม “ก่อนหน้านี้ เ้ายังสงสัยว่าข้าก่อเหตุฆาตกรรมและปิดปากคน ถ้าเป็ข้าจริง ทำไมข้าถึงต้องสังหารเฮ่อหยวนขุยด้วยเล่า?”
เหมยฉินเสวี่ยพึมพำ “สิ่งต่างๆ เริ่มแปลกประหลาดขึ้นเรื่อยๆ มีคนตายสามคน แต่กลับไม่พบฆาตกร ผู้กระทำความผิดช่างเ้าเล่ห์ยิ่งนัก”
หนิงเทียนมองไปรอบๆ แล้วขมวดคิ้ว ก่อนจะจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
ศิษย์ทั้งสี่ของจื๋อซิวกลับมาที่แผนที่ ทั้งสี่คนยังคงนิ่งเงียบอยู่นาน
“เมื่อครู่ศิษย์น้องหนิงบอกว่ายังมีความเป็ไปได้อีกอย่างหนึ่ง ไม่ทราบว่ามันคืออะไร?”
หยางวั่นอวิ๋นคิดอยู่นาน และในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะถาม
หนิงเทียนกล่าวว่า “มีความเป็ไปได้อีกอย่างหนึ่ง นั่นคือมีบางอย่างผิดปกติกับกุญแจดอกนั้น”
ชิวอีเซี่ยนถามด้วยความสับสน “มีอะไรผิดปกติกับกุญแจหรือ?”
หนิงเทียนส่ายหัวและไม่ได้อธิบาย
ในเวลานี้ เหมยฉินเสวี่ยจากสำนักดาราทมิฬก็มาที่นี่
“พวกเ้าฉลาดมากจริงๆ ด้วยวิธีนี้ เ้าจะไม่ถูกสงสัยหรือถูกเอารัดเอาเปรียบ”
หยางวั่นอวิ๋นกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เราไม่ได้มีความทะเยอทะยานใดๆ เราแค่มีชีวิตอยู่ต่อไปอีกหนึ่งวัน และไม่แข่งขันเพื่อโอกาสและโชคลาภ”
เหมยฉินเสวี่ยมองอูเหรินเจี๋ยแล้วถามว่า “เ้ามาจากสำนักกายา ข้าได้ยินมาว่าเ้าพกอาวุธิญญาจื๋อซิวติดตัวมามากมาย มีวิธีใดที่จะค้นหาตำแหน่งของกุญแจได้หรือไม่?”
อูเหรินเจี๋ยส่ายหัว เขาพยายามแล้ว แต่ไม่มีการตอบกลับใดๆ เลย
ชิวอีเซี่ยนพูดติดตลก “เ้าคิดว่าคืนนี้จะมีคนตายเพิ่มหรือไม่?”
หนิงเทียนหยางวั่นอวิ๋น และอูเหรินเจี๋ยต่างก็จ้องมองเขาอย่างดุเดือด เ้าเด็กนี่เปรียบดั่งคนที่กาไหนน้ำยังไม่เดือดก็หยิบกานั้น[2]จริงๆ ไม่มีเื่ยังจะหาเื่มาจนได้
เหมยฉินเสวี่ยกล่าวว่า “ข้าคิดว่ามันเป็ไปได้มาก”
หยางวั่นอวิ๋นถามกลับ “เ้ามองว่าอย่างไร?”
เหมยฉินเสวี่ยพูดอย่างหยิ่งผยอง “เห็นได้ชัดว่ากุญแจอยู่ในมือของใครบางคน ไม่เช่นนั้นคนสามคนคงไม่ตายโดยไม่มีเหตุผล ก่อนหน้านี้หนิงเทียนและชิวซานอวิ๋นจะต่อสู้กัน นั่นเป็เพราะพวกเขามีปัญหากันและพวกเขายังมีความกังวลอยู่ ตอนนี้จั่วเชียนสวิน จางเหรินจวิ้น และเฮ่อหยวนขุยต่างตายอย่างอธิบายไม่ได้ หากไม่มีความสัมพันธ์ทางผลประโยชน์ คงไม่มีใครเสี่ยงกับเื่เช่นนี้”
อูเหรินเจี๋ยครุ่นคิด “ดูเหมือนว่าจะสมเหตุสมผล”
ราตรีเคลื่อนเข้า่ดึก ความมืดบุกรุกที่ภายนอกโล่แสงเริ่มกระสับกระส่าย
หนิงเทียนจ้องมองแผนที่อย่างต่อเนื่อง สังเกตความเคลื่อนไหวของจุดทั้งสิบบนแผนที่ เพราะแผนที่ไม่เคยโกหก
ในวังใต้ดินมีคนสองคนปฏิบัติหน้าที่ในแต่ละกะ คนหนึ่งอยู่ในที่มืดและอีกคนอยู่ในที่แจ้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ฆาตกรปรากฏตัว
แต่จริงๆ แล้วยังมีช่องโหว่อยู่ เพราะถ้าหนึ่งในสองคนที่ปฏิบัติหน้าที่เป็ฆาตกร อีกคนจะไม่ตกอยู่ในอันตรายหรือ?
ในค่ำคืนอันยาวนาน หลังจากมีคนเสียชีวิตไปสามคน ทุกอย่างก็ดูสงบลง
ทว่ายังไม่มีใครกล้าผ่อนคลาย เพราะยิ่งสงบ ยิ่งมีคนรู้สึกเหมือนพายุกำลังจะมามากขึ้น
ในเวลารุ่งสางอวี้ชุนเสวี่ยก็ปรากฏตัวขึ้น และมายังจุดที่มีแผนที่ ซึ่งเหมยฉินเสวี่ยก็อยู่ที่นั่นด้วย สตรีทั้งสองมองหน้ากัน แต่มีปฏิสัมพันธ์กันไม่มาก ทว่ายามนั้นเองกลับมีเสียงกรีดร้องดังมาจากทางเข้าวังใต้ดินอีกครั้ง
ชิวอีเซี่ยนใกลัวและสาปแช่ง “ให้ตายเถอะ ฆาตกรเป็ผีหรือ?”
ทุกคนรีบเข้าไปในวังใต้ดินพร้อมกัน ก่อนจะเห็นว่าเคอเจิ้งหยางจากตำหนักดาวเหนือนอนจมกองเืไปแล้ว ร่างกายของเขายังอุ่นอยู่ แสดงว่าเขาเพิ่งเสียชีวิตไม่นาน
อู๋เยวี่ยฮุย เจียงซั่งอี และลี่ไห่ซิงะโพร้อมกันด้วยความโกรธ “เป็ใคร?”
ใบหน้าของอวี้ชุนเสวี่ยมืดมน นางพูดด้วยสีหน้าหม่นหมอง “เมื่อครู่ข้าอยู่กับเขา เมื่อถึงเวลา ข้าจึงออกไปตามลี่ไห่ซิง เพราะตามข้อตกลง ถึงเวลาที่เขาควรเข้ามาแทนที่ข้าแล้ว”
ลี่ไห่ซิงกล่าวว่า “ข้ามากับศิษย์น้องชิว แต่ข้าได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาก่อนจะเข้าใกล้ด้วยซ้ำ”
อวี้ชุนเสวี่ยกล่าวว่า “เมื่อครู่ข้าอยู่ตรงแผนที่ เหมยฉินเสวี่ยและอูเหรินเจี๋ยสามารถเป็พยานแทนข้าได้”
อูเหรินเจี๋ยกล่าวว่า “ทันทีที่แม่นางอวี้มาถึงด้านหน้าแผนที่ เสียงกรีดร้องก็ดังมาจากวังใต้ดิน เป็ฆาตกรที่ฉวยโอกาสจากช่องว่างชั่วขณะนั้น”
ลี่ไห่ซิงมองเจียงซั่งอีและอู๋เยวี่ยฮุยแล้วะโลั่น “เป็ใครในหนึ่งในพวกเ้าทั้งสอง?”
เจียงซั่งอีพูดด้วยความโกรธ “อย่าสุ่มเดา ตามข้อตกลง คนสองคนทำงานร่วมกัน ไม่ว่าใครฆ่าเขา อีกคนย่อมต้องรู้ เ้าคิดว่าเราจะโง่ขนาดนี้หรือ?”
อู๋เยวี่ยฮุยตะคอก “ลี่ไห่ซิง ข้าคิดว่าเ้าน่าสงสัยมาก อวี้ชุนเสวี่ยเพิ่งจากไป และถึงเวลาที่เ้าต้องเปลี่ยนกะแล้ว ดังนั้นเ้าคือคนที่สังหารเคอเจิ้งหยาง”
“เ้ากำลังป้ายสีคน ศิษย์น้องชิวและข้ายังมาไม่ถึง เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นก่อนแล้ว”
ชิวซานอวิ๋นกล่าวว่า “ข้าสามารถเป็พยานให้กับศิษย์พี่ เขาอยู่ช่วยรักษาอาการาเ็ของข้าตลอดเวลา และเริ่มขยับตัวเมื่อถึงเวลาก็เท่านั้น”
ทุกคนต่างพากันสงสัย ตอนนี้ไม่มีใครไว้ใจใครได้ แต่ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าฆาตกรคือใคร?
---------------------------------------
[1] โจรร้องจับโจร (贼喊捉贼) แปลว่าการพูดเพื่อเอาตัวรอดให้ตัวเองพ้นผิด ปัดความผิดให้ผู้อื่น
[2] กาไหนน้ำยังไม่เดือดก็หยิบกานั้น (哪壶不开提哪壶) แปลว่าทำเื่ที่ไม่ควรทำ หรือพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด
