“นั่นใคร?”
จางชูิได้สติกลับมาเป็คนแรก แต่ในแววตาของเขายังคงหลุดลอยไปเขาชอบเซี่ยปิงเหยียนมาตลอดหลายปี อย่างแรกเป็เพราะไม่ว่าจะจีบเท่าไรก็ไม่มีใครได้ ส่วนสาเหตุที่สองก็เป็รูปร่างหน้าตาภายนอกของเธอพวกผู้ชายต่างก็มีอารมณ์สายตาเหมือนสัตว์กันทั้งนั้นเมื่อได้เห็นหลินลั่วหรานทุกคนต่างก็นิ่งไป
คนที่นิ่งไปไม่ได้มีเพียงจางชูิเท่านั้น เซี่ยปิงเหยียนมีท่าทางเ็าก็จริงแต่ส่วนมากเป็เพราะพวกผู้ชายที่ตามจีบเธอทำให้เธอดูสูงส่งขึ้นแต่ไม่ได้ดูเหมือนกับความสูงส่งที่แปลกแยกจากผู้อื่นอย่างหลินลั่วหรานเซี่ยปิงเหยียนนั้นภูมิใจในรูปร่างหน้าตาของตัวเองมากดังนั้นถึงได้รู้สึกไม่พอใจกับใบหน้าด้านข้างบนรูปภาพที่เผยหยวนถ่ายมา และเธอก็คิดว่าเขา้าจะสร้างประเด็นขึ้นจึงได้ปล่อยคำลวงโลกแบบนั้นออกไป
แต่ว่าตอนนี้คนที่อยู่ในภาพกลับปรากฏตัวขึ้นมาจริงๆ
เซี่ยปิงเหยียนเองก็ไม่รู้ว่า ตอนนี้เธอกำลังรู้สึกอย่างไรอยู่ อยู่ๆเธอก็รู้สึกดีใจที่มีหมวกใบนั้นช่วยบดบังใบหน้าของเธอไว้เพราะมันช่วยปกปิดสีหน้าของเธอได้มากเลยทีเดียว
“เผยหยวน นั่นเทพที่นายพูดถึงไม่ใช่เหรอ?” ลูกสมุนคนหนึ่งได้สติกลับมาก่อนที่จะถามเผยหยวนขึ้นโดยไม่ได้ใส่ใจอะไรแต่กลับยากที่จะปกปิดเสียงลมหายใจที่ระรัวขึ้นมาของเขา
คนที่เป็ผู้หญิงด้วยกัน อย่างผู้ร่วมห้องพักของเซี่ยปิงเหยียนเธอได้สติกลับมาจากอาการช็อกด้วยความอิจฉาแน่นอนว่าคำพูดของเธอนั้นเจ็บแสบไปกว่ามาก “เผยหยวนนายรู้จักกับเทพอะไรนั่นไม่ใช่เหรอ ทำไมเธอไม่ชวนนายเข้าไปนั่งด้วยล่ะ?”
ไม่ว่าเผยหยวนจะนิสัยดีมากแค่ไหน แต่ว่าเขาก็ยังคงรู้สึกรังเกียจขึ้นมาอยู่ดีที่ไม่ว่าอย่างไรปิงเหยียนก็ยังคงเชื่อว่าเขาโกหกอยู่เป็เพราะผู้หญิงที่ชื่อเจียงผิงคนนี้คอยกระตุ้นอยู่ไม่ห่างจะว่าไปแล้วเขานั้นไม่ได้มีเงินเหลือมากมายไม่อย่างนั้นก็ต้องจะต้องเอาไปใช้ตกลงกับเจียงผิงไปแล้ว ั้แ่เมื่อก่อนตอนที่เขาและปิงเหยียนนั้นยังสนิทกันผู้หญิงคนนี้แค่เจอเขาก็มักจะพูดจาถากถางเขาตลอดมา นี่มันมากเกินไป!
แล้วถ้าหากว่าเป็เมื่อก่อน ก็คงจะไม่เป็ไร ถ้าเป็เมื่อก่อนก็จะไม่เป็อะไรจริงๆ แต่ว่าเขาได้พบกับ ‘ท่านเทพ’ และในตอนที่เหมือนว่าเธอจะถูกเข้าใจผิดเพราะเขาแถมเจียงผิงก็มาใช้คำพูดแบบนี้อีก มันจึงทำให้เผยหยวนต้องกำหมัดแน่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
ในตอนนั้นเขาไม่ได้คิดไปถึงความคิดของปิงเหยียนเลยความคิดเดียวที่เขามีก็คือการที่พวกเขาพูดกันอยู่แบบนี้มันจะไม่เป็การดูิ่ท่านเทพสาวเหรอ...เธอน่าจะยังไม่รู้ว่าเขานั้นเผยแพร่รูปภาพไปในอินเทอร์เน็ตใช่ไหม? อยู่ๆ เผยหยวนก็เริ่มรู้สึกเสียใจกับความทะนงตนของตัวเองขึ้นมา
สีหน้าของเผยหยวนนั้นเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเสียยิ่งกว่าแสงรุ่งอรุณที่ขอบฟ้าเสียอีก
ความจริงแล้วหลินลั่วหรานนั้น ได้ยินที่พวกนักศึกษากลุ่มนี้พูดมาั้แ่แรกแล้ว
ตอนนี้เธอนั้นไม่ว่าจะพบใครต่างก็จำได้ไม่ลืมจะว่าไปแล้วนักศึกษาที่ชื่อว่าเผยหยวน คนนี้ก็เป็คนจีนคนแรกที่เธอได้พบั้แ่ออกมาจากราชวังสระเื ก็นับได้ว่ามีโชคชะตาต่อกันอีกทั้งตอนนี้ลั่วตงก็พัฒนาไปมาก ทำให้เธอกำลังอารมณ์ดีอยู่ เมื่อตั้งใจฟังแล้วดูเหมือนว่าเผยหยวนคนนี้จะโพสต์รูปภาพเธอที่ขี่เสี่ยวจินอยู่ออกไปยังอินเทอร์เน็ต?
แล้วท่าทางดูเหมือนว่าเพื่อนในชั้นเรียนของเขาต่างก็กำลังหัวเราะเยาะเขาอยู่
เมื่อได้ยินประโยคคำพูดเ่าั้ หลินลั่วหรานก็พอจะเข้าใจสถานการณ์โดยรวมขึ้นมาได้
เื่การเผยแพร่ภาพนั้น แม้ว่าเธอจะไม่ได้เป็คนริเริ่มแต่เธอก็ไม่ได้หลบหลีกอะไร อย่างไรก็ไม่ใช่รูปวางเพลิงหรือว่าฆ่าคนดังนั้นมันก็ควรจะเป็เื่ของทางรัฐบาล แล้วเธอจะไปยุ่งเกี่ยวอะไรด้วย?
อีกอย่างคนคนนี้ก็เป็เพียงแค่นักศึกษาคนหนึ่งถ้าหากว่าเป็ตัวเธอใน่อายุแบบนี้ และได้พบเจอกับเื่แบบนั้นก็คงอยากจะแบ่งปันให้กับคนอื่นฟัง แล้วก็อยากได้รับการยอมรับใช่ไหมล่ะ?
หลินลั่วหรานมองไปยังเผยหยวนที่ยังคงยืนหน้าแดงก่ำอยู่ที่เดิมในใจของเขานั้นไม่สงบเท่าไร พวกเพื่อนนั้นต่างก็พากันหัวเราะเยาะเขามากขึ้นและในตอนที่เธอกำลังอารมณ์ดี เธอก็จะยิ่งทำอะไรไปตามใจ
“ลั่วตง เดี๋ยวพี่สาวจะเชิญพี่ชายคนหนึ่งมากินข้าวเป็เพื่อนด้วยดีไหม?”
ลั่วตงนั้นเพิ่งร้องไห้ไปดูเหมือนว่าภาระอันหนักอึ้งที่เขาเคยแบกเอาไว้จะโดนยกออกไปด้วยแม้ว่าเขาจะไม่ได้สามารถเปลี่ยนไปเป็อีกคนหนึ่งได้ในทันทีแต่ว่าในเื่ของการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นแล้วเพราะว่าก่อนหน้านี้เขามีตัวอย่างที่ดีอย่างหรงตงหลินทำให้เขาตั้งตารอที่จะได้พบกับเพื่อนใหม่มากขึ้น
เมื่อเห็นว่าลั่วตงพยักหน้าลง หลินลั่วหรานก็เผยรอยยิ้มออกมาเธอยกมือขึ้นโบกเรียกไปทางกลุ่มนักศึกษาเ่าั้
“เผยหยวนเดินเขาขึ้นมา ท่าจะเหนื่อยแย่ มาดื่มชาด้วยกันสักแก้วสิ!”
อะไรนะ? เธอเรียกชื่อของเผยหยวนขึ้นมาจริงๆ? ผู้หญิงคนนั้นรู้จักกับเผยหยวนจริงๆ เหรอ ในใจของจางชูินั้นเกิดความโมโหและริษยาขึ้น
เซี่ยปิงเหยียนรู้สึกไม่สบายใจเสียเท่าไรในขณะที่เจียงผิงนั้นก็หัวเราะคิกคักขึ้นมา “นี่รู้จักกันจริงๆ ด้วยหรือว่าจะนัดกันจะมาแสดงโชว์อะไรหรือเปล่า...ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงไม่เห็นอินทรีทองในตำนานล่ะ?”
เซี่ยปิงเหยียนพูดขัดขึ้นมา “เจียงผิง!”
เจียงผิงปิดปากของเธอลง “โอเค โอเคคนสวยโมโหแล้ว ถ้างั้นฉันก็จะไม่พูดแล้วก็ได้!”
เซี่ยปิงหยวนมองไปทางเผยหยวน พวกเขานั้นก็รู้จักกันมาตั้งหลายปีแล้วเธอเชื่อว่าเผยหยวนอาจจะพูดคำโกหกออกมาด้วยความทะนงตนในชั่วขณะได้แต่เธอกลับไม่คิดว่าเขาจะตั้งใจทำให้ พวกเพื่อนๆ ของเขา ‘บังเอิญ’ เจอกันแบบนี้
ใบหน้าของเผยหยวนนั้นกลับแดงก่ำขึ้นมา เขายังคงยืนมึนงงอยู่ที่เดิมภาพของหลินลั่วหรานที่สวมชุดโบราณนั่งอยู่บนหลังของอินทรีทองก่อนจะพุ่งเข้ามาที่ด้านหน้าของพวกเขาในชั่วพริบตาอีกทั้งเพียงการขยับมือแค่ไม่กี่ครั้ง ก็จัดการพวกคนเกาหลีให้ล้มลงไปได้หมดภาพความทรงจำเ่าั้ยังคงถูกบันทึกเอาไว้ในความทรงจำส่วนลึกของเผยหยวนและสร้างความะเืใจให้เขามากทีเดียว ดังนั้นในตอนนี้เขาจึงยากที่จะเชื่อว่าเทพสาวที่สวมเสื้อผ้าพลิ้วไสวคนนั้น จะสามารถจำชื่อของเขาได้แถมยังเรียกให้เขาไปดื่มชาด้วยอีก...ดื่มชาบนยอดเขาฮั่วชาน?
ในขณะที่เผยหยวนกำลังสงสัยว่าตัวเองนั้นได้ยินผิดไปหรือเปล่า
หลินลั่วหลานก็เรียกย้ำขึ้นมาอีกครั้ง “เผยหยวน!”
เมื่อย้อนคิดดูแล้ว ก็เหมือนว่ามีเขาเพียงคนเดียวที่ชื่อว่าเผยหยวนใช่ไหม? เจียงผิงนั้นยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะ “เผยหยวนเทพสาวของนายกำลังเรียกอยู่น่ะ”
เผยหยวนหันไปมองค้อนใส่เธอ ก่อนที่จะได้สติกลับมาเขาจัดการเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อย ก่อนที่จะเดินไปยังตรงโขดหิน
หลินลั่วตงจัดการจัดเต็นท์ด้วยความว่องไว โต๊ะพับหนึ่งตัวและเสื่อปูนั่งสามเผยหยวนไม่รู้ว่าเขาควรจะทำตัวอย่างไร หลินลั่วหรานเห็นแบบนั้น ก็พูดขึ้นมาพร้อมทั้งรอยยิ้ม“นั่งลงสิ!”
แม้จะรู้สึกว่าผู้หญิงที่ขี่อินทรีออกไปแบบนั้นมีระยะห่างกับตัวเองมากแต่ว่าหลินลั่วตงกลับดูเป็กันเอง เผยหยวนค้นกระเป๋าเป้ของเขาก่อนจะหยิบถุงขนมบิสกิตออกมา แล้วส่งให้กับลั่วตง
“ขอบคุณครับ พี่เผย พี่นั่งตรงนี้นะ” ลั่วตงได้ทำการเตรียมเสื่อที่นั่งให้เขาเรียบร้อยแล้วเมื่อเขานั่งลงไป ััอันนุ่มนวลนี่ดูเหมือนว่าจะสบายเสียยิ่งกว่าโซฟาหนังแท้เสียอีกนี่เป็เสื่อที่ใช้หญ้าถักขึ้นมาจริงๆ เหรอ?
เขาไม่กล้าที่จะมองไปที่หลินลั่วหรานตรงๆ จึงได้แต่มองไปยังโต๊ะเตี้ยๆด้านหน้าแทน
เอ๋? เขามองผิดไปหรือเปล่า? แซลมอน? ลูกท้อ แอปเปิ้ล นม องุ่น ไข่ทอด? อีกทั้งยังมีอุปกรณ์เครื่องชาพร้อมครบชุด ที่ตอนแรกบอกว่าให้เขามาดื่มชาไม่ได้เป็เพียงคำพูดให้ดูสุภาพเท่านั้นสินะของเหล่านี้มันสามารถแบกขึ้นมาบนยอดเขาได้ด้วยเหรอจะกินข้าวเช้าแต่แบบนี้มันก็ไม่มากเกินไปหน่อยหรือเปล่า เด็กนักศึกษาอย่างเผยหยวนนั้นคนที่ยังคงสามารถกินข้าวเช้าได้ทุกวันนั้นมีอยู่น้อยมากพวกเขาได้เพียงแค่กินขนมปังและดื่มนมเปรี้ยวเท่านั้นแล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปเจอกับข้าวเช้าแบบนี้ หรือการต้มชากิน
“ไปสิ พวกเราก็ไปดูกันหน่อยเถอะ” เมื่อเจียงผิงเห็นว่าเผยหยวนนั้นนั่งลงจริงๆแล้ว เธอก็อดที่จะพูดขึ้นมาไม่ได้และครั้งนี้ข้อเสนอของเธอก็ทำให้แม้แต่คนอย่างเซี่ยปิงเหยียนยังเห็นด้วยขึ้นมาจากใจจริง
เซี่ยปิงเหยียนเดินนำไป ก่อนที่หลินลั่วหรานจะถามออกมาอย่างไม่ได้รีบร้อนว่า เผยหยวนจากครั้งก่อนที่ได้พบกัน ก็เดือนกว่าแล้วใช่ไหม เป็ยังไงบ้าง?”
เผยหยวนนิ่งไป เขาแอบเหลือบมองไปยังเพื่อนร่วมชั้นที่กำลังเดินเข้ามาก่อนจะเข้าใจได้ในทันทีว่า ที่แท้เทพสาวคนนี้ก็กำลังช่วยเขารักษาหน้าอยู่?
สิ่งนี้ทำให้เขาตื้นตันใจและกังวลไปด้วย เขาจึงพยักหน้าลง “ขอบคุณสำหรับความใส่ใจครับ ก็ค่อนข้างดี...แต่ว่ารูปที่ถูกเผยแพร่ออกไป...”
หลินลั่วหรานโบกมือไปมา “ไม่เอาน่ะไม่พูดถึงเื่นี้ มาชิมชาที่ฉันชงดีกว่า”
แม้ว่าเธอจะเพิ่งศึกษา แต่ว่าเธอก็ค่อนข้างที่จะเข้าใจในสิ่งพวกนี้อยู่ล้างมือ จัดอุปกรณ์ชงชา ล้างอุปกรณ์ชงชา ต้มน้ำ ล้างใบชา ต้มพวกวิธีการเหล่านี้เธอทำได้อย่างเป็ธรรมชาติและคล่องแคล่วมันให้ความรู้สึกราวกับสายลมใน่ฤดูใบไม้ผลิ
และที่สำคัญก็คือเดิมทีท่าทางของหลินลั่วหรานก็เหมาะกับการชงชาอยู่ก่อนแล้วความรู้สึกที่ราวกับปรากฏออกมาจากภาพวาดของเธอนั้น ดูเข้ากันได้กับความสงบของชาราวกับเป็หนึ่งเดียวกัน
และสิ่งที่ทำให้ดวงตาของเผยหยวนแทบจะถลนออกมานั้นก็คือน้ำที่เธอใช้ล้างมือ ดูเหมือนว่ามันจะโผล่ออกมาจากกลางอากาศอย่างไรอย่างนั้นอีกทั้งหม้อเล็กๆ นี่จากมุมมองของเขานั้น สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามันไม่ได้มีถ่านหรืออะไรอยู่เลยแต่กลับมีไฟลุกโชนขึ้นมา...มันเป็วิธีการของพวกเทพเหรอ?
ปลาแซลมอนอยู่ในปากของเผยหยวนเมื่อเห็นหลินรั่วหรานทำท่าทางเชื้อเชิญให้ดื่มชา เขาก็เกือบจะสำลักออกมา
ซาชิมินี่อร่อยมากจริงๆ...
หลินลั่วตงเผยรอยยิ้มขึ้น และมันคือรอยยิ้มแห่งความหวังดีทำให้เขานั้นลดอาการเกร็งลงไปได้ไม่น้อย เขายกแก้วชาขึ้นมา ก่อนจะจิบลงไปน้ำชาสีทองแดงใสประกาย รสชาตินุ่มนวลและไม่ได้ขม ดูเหมือนว่ามันจะมีรสชาติของคาราเมลอยู่ด้วยเมื่อััลงไปแล้ว ก็ยังได้รับรสชาติหวานติดขึ้นมาอีกกลิ่นของชานี้หอมเกินไปแล้ว...เพียงชาแก้วเล็กๆทำไมถึงได้มีกลิ่นหอมและรสชาติได้มากมายขนาดนี้?
“นี่มันชาอะไรเหรอครับ รสชาติดีมากเลย” เขาถอนหายใจยาวออกมาในระหว่างที่พูดถึงกลิ่นหอมของชาก็ลอยออกมามันให้ความรู้สึกเหมือนกับกลิ่นของดอกกล้วยไม้บางอย่าง
หลินลั่วหรานไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ลั่วตงกลับเป็คนพูดขึ้นมาว่า “คุณปู่มู่บอกว่าเป็ต้นแม่พันธุ์ต้าหงเผ้าบนเขาอู่อี๋อะไรสักอย่างน่ะครับพี่เผย มันอร่อยไหม?”
หลินลั่วหรานยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะพูดต่อ “ถ้าชอบก็เอากลับไปสักหน่อยสิแต่ฉันเองก็ได้มาจากคนอื่นเหมือนกัน ก็เลยมีอยู่ไม่มาก อย่าได้ว่าอะไรเลยนะ”
แม้ว่าเผยหยวนจะเป็ไกด์ก็ตามแต่เขาก็ไม่ได้รู้เื่อะไรเกี่ยวกับด้านการชงชาเลยแม้แต่น้อยเขาเพียงแค่เคยได้ยินชื่อเสียงของชาต้าหงเผ้าจากเขาอู่อี๋มาบ้างก็เท่านั้นดังนั้นเมื่อเธอเสนอว่าจะให้ เขาก็ปฏิเสธไป ก่อนที่จะตอบตกลงรับมาจนได้
ในตอนที่เขาจะดื่มชาลงไปอีกครั้ง เสียงของจางชูิก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง
“เผยหยวน เทพของนายคนนี้ใจดีเหลือเกินนะ ชาต้าหงเผ้าจากเขาอู่อี๋แบบนี้มีเงินก็อาจจะซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำ นอกเสียจากจะไปประมูลมาในราคาสูงลิ่วต้นชามีเพียงเจ็ดต้น ปีหนึ่งก็เก็บได้ไม่เท่าไหร่ และมันก็ถูกส่งขึ้นไปให้เบื้องบนเกือบทั้งหมดวันนี้ฉันเพิ่งจะได้รู้ว่า ที่แท้มันก็สามารถให้กันได้ง่ายๆ”
“คุณชายจางนี่ มีความรู้เยอะจริงๆ...” เจียงผิงยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเผยหยวนนั้นก็แค่แสร้งทำทั้งนั้น ชาต้าหงเผ้าจากเขาอู่อี๋นั้นราคาแพงจะตาย ถ้าเผยหยวนมีเพื่อนที่ร่ำรวยขนาดนี้จริงทำไมถึงยังจะต้องลำบากไปเป็ไกด์แบบนั้นอีก?
เผยหยวนนิ่งไป ประมูลในราคาสูงเท่านั้น เขาไม่ได้สงสัยเลยว่าใบชานั้นเป็ของจริงหรือของปลอมแต่กลับรู้สึกว่าการที่ตัวเองรับของที่มีมูลค่าสูงแบบนี้มา คงไม่เหมาะสมนัก
หลินลั่วหรานบีบเม็ดองุ่น พวกเพื่อนร่วมชั้นเรียนของเผยหยวนพวกนี้ที่แท้ก็เป็พวกตัวร้ายนี่เอง...ทั้งที่เรียนอยู่มหาลัยเดียวกันแท้ๆแต่ทำไมถึงต้องทำเื่ให้มันโหดร้ายขนาดนี้นี่มันเหมือนกับตบหน้ากันกลางสาธารณะชัดๆ การทำตัวแบบนี้เธอนั้นไม่ค่อยชอบเสียเท่าไร
หากเป็คนที่รู้จักกับหลินลั่วหรานดีมักจะรู้ว่าเธอนั้นน้อยมากที่จะไม่ชอบใครหรือไม่ชอบอะไรบางอย่างแต่ถ้าหากว่าเธอเกลียดมันเข้าไปแล้ว เวลาที่จะทําอะไรเธอก็จะไม่ไว้หน้าอะไรทั้งนั้น
ดังนั้นในตอนที่จางชูิพูดออกมาว่า เขาอยากจะลองดื่มชาสักแก้วเพื่อที่จะได้ลิ้มลองรสชาติของชาตาหงเผ้า หลินลั่วหรานก็ไม่ได้ทำตามที่เขาพูดง่ายๆอย่างที่เธอมักจะเป็อยู่บ่อยๆ แต่กลับเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ขอโทษนะ คุณเป็ใคร?”
เอ๋
คนที่อยู่ตรงนั้นต่างพากันนิ่งไป คนแรกที่ได้สติกลับมาก็คือเจียงผิง “นี่มันคงไม่ใช่ชาปลอมใช่ไหมก็เลยกลัวว่าคุณชายจางจะจับได้ล่ะสิ”
หลินลั่วหรานกวาดสายตามองมาที่เธอ ก่อนที่มันจะทำให้เธอใขึ้นมาก่อนจะหลบไปที่ด้านหลังของเซี่ยปิงเหยียนโดยไม่ทราบสาเหตุ
สีหน้าของหลินลั่วหรานดูอบอุ่นแต่พวกนักศึกษาเหล่านี้ไม่เคยเจอคนที่มีท่าทางแบบนี้มาก่อนในขณะนั้นพวกเขาต่างก็เงียบเสียงกันไป ก่อนที่เธอจะยิ้มขึ้นมา
“ชาของฉัน ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถดื่มได้หรอกนะ เผยหยวนนี่เป็เพื่อนของเธอหรือเปล่า?”
