ได้ยินดังนั้น เ้าอ้วนก็ถอนสายตาออกจากรถยนต์ที่เคลื่อนที่จากไป เขาทิ้งตัวร้องโวยวายกับพื้น “คุณปู่ ผมเจ็บมากเลย เจ็บจะตายอยู่แล้ว หลังของผมหักไปแล้วใช่หรือเปล่า ฮือฮือ เจ็บเหลือเกิน”
หัวหน้าหมู่บ้านอุ้มเ้าอ้วนขึ้นมาด้วยความร้อนรน พร้อมถามด้วยความโมโหว่า “ฮั่วต้าซานยังตีหลานตรงไหนอีก?”
เ้าอ้วนแอบเอื้อมมือไปหยิกก้นของตัวเอง จากนั้นจึงชี้ไปที่ก้นพลางร้องไห้เสียงดัง “เขาใช้ไม้เขี่ยฟืนตีหลังผม แล้วยังหยิกก้นผมด้วย ส่วนยายแก่คนนั้นก็ทำท่าจะตีผมอีก คุณปู่ คุณปู่ไม่รักผม ผมจะไปหาคุณย่า พวกคุณไม่มอบความยุติธรรมให้ผม ผมจะให้คุณย่าช่วย!”
หัวหน้าหมู่บ้านรีบปลอบ “เด็กดี ดูนะ ปู่จะทวงความยุติธรรมให้เ้าเอง ปู่จะให้พวกเขาขอโทษหลาน”
“ไม่เอา ผมจะตีพวกเขาคืน!” เ้าอ้วนโมโห ไม่รู้ว่าฮั่วเสี่ยวเหวินจะได้กลับมาเมื่อไร หากเธอไม่กลับมาอีก เขา… เขา… ยิ่งคิดเ้าอ้วนก็ยิ่งโมโห เขาร้องไห้ออกมา ถ้าหากฮั่วเสี่ยวเหวินที่เขาชอบที่สุดไม่ได้กลับมาจริงๆ จะทำอย่างไรดี
“ทำไมฉันต้องขอโทษเด็กคนหนึ่งด้วย ไม่ได้ว่างขนาดนั้นหรอกนะ แม่ พวกเรากลับบ้านกัน ปล่อยให้นังลูกเลวตายอยู่ด้านนอกนั่นแหละ”
ฮั่วต้าซานพูดอย่างไม่ใส่ใจ เ้าอ้วนได้ยินก็ยิ่งโมโหกว่าเดิม กล้าดีอย่างไรมาแช่งให้ฮั่วเสี่ยวเหวินตาย เขาหยิบหินขึ้นมาจากพื้นปาใส่ฮั่วต้าซาน เ้าอ้วนร้องไห้ไปก็พลางเอ่ยปากด่าไปด้วย “คนเลว คนเลว ฉันจะตีแกให้ตาย ตีให้ตาย!”
ฮั่วต้าซานถูกหินก้อนเล็กกระแทกใส่ก็รู้สึกเจ็บไม่น้อย เขาถลึงตาใส่พร้อมกับง้างไม้เขี่ยฟืนในมือเตรียมจะตีกลับ
ยายแก่ฮั่วรีบวิ่งไปกอดเ้าอ้วนอย่างรู้งานจึงถูกฟาดเข้าเต็มๆ หนึ่งครั้ง นางหันไปด่าฮั่วต้าซานว่า “แกกินดีเสือเข้าไปหรือไง ถึงกล้าตีแม้กระทั่งหลานชายของหัวหน้าหมู่บ้าน ยังไม่รีบขอโทษอีก วันหลังซื้อของอร่อยมาฝากเขาด้วย!”
เธอส่งสายตาให้กับลูกชายสุดชีวิต บอกใบ้ว่าให้เขาหยุดก่อเื่สร้างปัญหาเสียที
ฮั่วต้าซานไม่พอใจหนัก หัวหน้าหมู่บ้านแค่นเสียงเย็น “ยายแก่ฮั่ว กลับไปแล้วจงสั่งสอนบุตรชายให้ดี ถ้าความเจริญของหมู่บ้านได้รับผลกระทบ ฉันจะโทษว่าเป็เพราะพวกแก ไม่จำเป็ต้องให้ฉันพูด ทุกคนย่อมไม่ปล่อยพวกแกไปแน่นอน”
ยายแก่ฮั่วพยักหน้า รีบลากฮั่วต้าซานกลับบ้าน
เ้าอ้วนเห็นบ้านฮั่วกลับไปแล้วก็ลุกขึ้น ในใจยังคงรู้สึกโกรธเกรี้ยวอยู่ เขากลอกตาไปมาสักพักก็พลันนึกอะไรดีๆ ออก เ้าอ้วนเรียกเด็กๆ ในหมู่บ้านแล้วเดินไปที่บ้านฮั่วพร้อมกัน คุณปู่เคยสอนเขาไว้ว่า แก้แค้นสิบปีก็ยังไม่สาย!
……
ฮั่วเสี่ยวเหวินค่อยๆ ลืมตาขึ้น เธอพบว่าภายในห้องผู้ป่วยมีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีใครสักคนอยู่ที่นี่ ในใจของเธอรู้สึกผิดหวังเหลือแสน
พี่เจียิ พี่ไม่้าฉันแล้วจริงหรือ…
เธอรู้สึกน้อยใจ ทั้งที่สัญญากันแล้ว… ฮั่วเสี่ยวเหวินน้ำตาคลอ ใช้มือดึงเข็มที่หลังมืออีกข้างของตัวเองออกอย่างหงุดหงิด เธอนอนมองเืสีแดงเข้มที่ค่อยๆ ไหลซึมออกมาจนเปรอะเปื้อนไปทั่วผ้าปูเตียง
ในขณะนั้นเองพยาบาลได้ผลักประตูเปิดเข้ามาในห้องผู้ป่วยพอดี เมื่อได้เห็นภาพนี้เธอก็ส่งเสียงร้องใออกมา
จางเจียิที่เนื้อตัวมีแต่ฝุ่นวิ่งเข้ามาเป็คนแรก เขายืนอึ้งมองผ้าปูเตียงที่เปื้อนไปด้วยเืสีแดงเข้ม จางเจียิพยายามขยับริมฝีปากแต่กลับพบว่าลำคอช่างแห้งผากนัก ไม่สามารถเอ่ยคำพูดอันใดออกมาได้เลย
เฉินเทียนเหลยที่ตามมาทีหลังมองฮั่วเสี่ยวเหวินด้วยความตื่นใ
“ฮั่วเสี่ยวเหวิน ทำอะไรของหลานเนี่ย! ทำไมถึงไม่รู้จักถนอมร่างกายตัวเองเสียบ้าง หากคุณแม่รู้เข้าจะเสียใจนะ” เฉินเทียนเหลยเอ่ยกำชับอย่างจริงจัง แต่ฮั่วเสี่ยวเหวินกลับไม่สนใจ ขอบตาแดงก่ำของเธอเอาแต่มองไปทางจางเจียิ เธอเอ่ยถามเสียงเบา “พี่เจียิ พี่เป็อะไรหรือเปล่า?”
จางเจียิไม่ตอบ และหันหลังเดินออกไป
ฮั่วเสี่ยวเหวินเตรียมจะลุกขึ้น แต่พยาบาลกลับกดตัวเธอเอาไว้ พร้อมพูดด้วยความจนใจว่า “ตอนนี้ร่างกายของหนูอ่อนแอมาก อวัยวะภายในมีจุดบอบช้ำอยู่หลายจุด หนูต้องพักรักษาตัวบนเตียงสองสามวัน”
“แต่หนูจะไปหาพี่เจียิ”
สีหน้าของฮั่วเสี่ยวเหวินปรากฏความไม่พอใจอยู่หลายส่วน พยาบาลแสดงสีหน้าลำบากใจ “ั้แ่ส่งหนูมาที่นี่ เขาก็เฝ้าอยู่ด้านนอกมาตลอด เหมือนว่าจะไม่ได้กินอะไรมาสองวันแล้ว”
“อะไรนะคะ?”
ฮั่วเสี่ยวเหวินยิ่งรู้สึกร้อนใจมากกว่าเดิม เธอกระชากผ้าปูเตียงออก และวิ่งเท้าเปล่าออกไปด้านนอก ที่นอกประตูไม่มีแม้แต่เงาร่างของจางเจียิอยู่ เธอเตรียมที่จะวิ่งไล่ตาม แต่กลับถูกเฉินเทียนเหลยที่อยู่นอกประตูอุ้มเธอขึ้นมาพร้อมกับขมวดคิ้ว “ฉีดยาดีๆ ก่อนไม่ได้หรืออย่างไร!”
ฮั่วเสี่ยวเหวินโมโหเช่นกัน เธอเหวี่ยงหมัดใส่ดวงตาของเฉินเทียนเหลย “ไม่ต้องมายุ่ง หนูไม่ใช่น้องสาวของคุณ หนูคือฮั่วเสี่ยวเหวิน!”
อารมณ์โมโหของเฉินเทียนเหลยคล้ายกับถูกน้ำเย็นราดใส่ เขาพิจารณาฮั่วเสี่ยวเหวินอย่างจริงจังอีกครั้ง เธอดื้อรั้นเหมือนน้องเล็กไม่มีผิด เฮ้อ…
“ลุงบอกเด็กคนนั้นแล้วว่าจะพาหลานไปอยู่ในเมืองกับคุณยาย และบอกให้เขาเลิกคิดถึงหลานเสีย” เฉินเทียนเหลยเพิ่งพูดจบ ฮั่วเสี่ยวเหวินก็ร้องไห้ออกมา เธอพยายามแกะมือของเฉินเทียนเหลยออกจนตัวเธอร่วงหล่นกระแทกพื้น ฮั่วเสี่ยวเหวินรีบวิ่งตามออกไปอีกครั้ง
“ให้ตาย นี่มันอะไรกัน ไม่เอาลุงแท้ๆ แต่เอาไอ้เด็กนั่นงั้นหรือ!”
เฉินเทียนเหลยยกมือขึ้นต่อยกำแพง พยาบาลที่เดินตามออกมาถลึงตาใส่เขา “คุณมองไม่ออกหรือว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นพึ่งพิงเด็กชายที่หน้ามีแผลเป็คนนั้นมาก เฉินเทียนเหลย สมองคุณมีแต่โพรงผุๆ หรือ!”
เฉินเทียนเหลยถูกพูดให้จนหายโมโห เขาถอนหายใจอย่างหมดหนทาง “ถ้าอย่างนั้นจะให้ทำอย่างไรดี?”
“ยังจะทำอย่างไรได้อีก ฉันมีสามีโง่ขนาดนี้ได้อย่างไร ให้ตายเถอะ ให้ฉันลงมือเองดีกว่า คุณไปจัดการบ้านฮั่วซะ ย้ายทะเบียนบ้านของฮั่วเสี่ยวเหวินออกมา” พยาบาลคนนั้นพูดด้วยความฉุนเฉียว
“ได้เลย ภรรยาสุดที่รัก เช่นนั้นแล้วจะย้ายทะเบียนบ้านของหลานสาวไปอยู่ที่ไหนดี?” เฉินเทียนเหลยโอบไหล่ป๋ายเข่อเหยียน เอ่ยถามด้วยความรักใคร่
“ย้ายไปอยู่ที่บ้านหัวหน้าหมู่บ้านก่อน รอให้ฉันถามความเห็นของหลานสาวแล้วเราค่อยว่ากันอีกที” ป๋ายเข่อเหยียนถอนหายใจ เหตุใดผู้ชายคนนี้ถึงได้โง่เง่านัก… เป็ถึงระดับผู้พันแล้วแต่ยังคงมีนิสัยบุ่มบ่ามไม่เคยเปลี่ยน
แต่คิดดูดีๆ แล้วก็ไม่แปลก ตอนนั้นทุกคนต่างรู้กันหมดว่าเขาซึ่งเป็พี่ใหญ่รักน้องสาวคนเล็กมากที่สุด ขนาดที่หล่อนยังแอบรู้สึกหึงหวงอยู่ไม่น้อย วันที่น้องสาวคนเล็กแต่งงานออกไป เขาดื่มจนเมามายและร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของหล่อนไม่ต่างอะไรกันกับเด็กน้อยคนหนึ่ง
และเมื่อรู้ข่าวว่าน้องสาวคนเล็กเสียชีวิตจากการคลอดลูก เขาก็นอนไม่หลับอยู่หลายวันหลายคืน เสี่ยงชีวิตกลับมาจากสมรภูมิแนวหน้า กอดรูปถ่ายของน้องสาวและพูดคนเดียวทั้งวันทั้งคืน
“ที่รัก คุณรู้สึกไหมว่าเห็นเด็กคนนั้นแล้ว… รู้สึกเหมือนเห็นน้องสาว… ที่ยังมีชีวิตอยู่…”
ป๋ายเข่อเหยียนพยักหน้าเบาๆ “คุณพูดถูก ฉันรู้ว่าคุณคิดถึงน้องสาวมาตลอด ฉันอดสงสารไม่ได้เมื่อเห็นลูกสาวของเธอ”
เฉินเทียนเหลยหอมแก้มภรรยาด้วยความรักใคร่ “ขอบคุณที่คุณเข้าใจผมนะ ตอนที่น้องเล็กตาย ผมไม่มีโอกาสได้ไปพบหน้าเธอเป็ครั้งสุดท้าย นั่นทำให้ผมรู้สึกผิดมาตลอดหลายปี ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าแท้จริงแล้วลูกสาวของเธอต้องมีชีวิตแบบนี้ ในฐานะลุง ผมรู้สึกละอายแก่ใจมากจริงๆ”
“คุณอย่าคิดแบบนี้เด็ดขาด ก่อนหน้านี้พวกเราไม่รู้ แต่ในเมื่อตอนนี้รู้แล้ว ย่อมไม่ทนอยู่นิ่งเฉย”
มือขาวเนียนผุดผ่องของเธอเอื้อมมากุมเข้ากับมือของสามีไว้
“คุณวางใจเถอะ ฉันจะไปคุยกับเธอเดี๋ยวนี้ ถึงอย่างไรคุณก็เป็ลุงแท้ๆ ของเธอ”
……
จางเจียิ เด็กหนุ่มอายุสิบหกปีที่มีเสื้อผ้าบนตัวสั้นยาวไม่เสมอกันกำลังเดินบนถนนขรุขระซึ่งมีเพียงเงาร่างอันอ้างว้างของเขาเท่านั้น
หากอยู่กับเขา เขาอาจดูแลเธอไม่รอด ในเมื่อคุณลุงของเธอมาแล้ว และเขาสามารถมอบสิ่งที่ดีกว่าให้เธอได้ เหตุใดจะต้องดึงให้เธอลำบากไปกับตัวเองด้วย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้