โจวซื่อกัดฟันแน่น มองไปที่หลินกู๋หยู่ด้วยใบหน้าซีดเซียว ขณะชี้นิ้วมือไปที่ฉือหางด้วยมือที่สั่นเทา "พูด เ้าพูดอะไร?"
เมื่อเห็นการแสดงออกของโจวซื่อ ใบหน้าของซ่งซื่อก็ดูน่าเกลียดเล็กน้อย นางแผดเสียงะโเสียงดังว่า "ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเ้าร่วมมือกันโกงเงิน ใครจะให้พวกเ้าต้องมารับโทษด้วย?"
“ร่วมมือกันโกงเงินหรือ?” หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ฉือหางไม่ใช่คนแบบนั้น แต่นางก็ไม่เคยร่วมมือกับครอบครัวรองทำเื่เช่นนั้นด้วย
“หรือว่าข้าพูดผิด ทำไมสุดท้ายแล้วมีแต่บ้านของพวกเ้าบ้านเดียวที่เงินไม่ถูกขโมยไป?” ดวงตาของโจวซื่อแดงก่ำ มองไปที่หลินกู๋หยู่ด้วยแววตาเฉียบขาด
หลินกู๋หยู่รู้สึกตลกมาก นางอดไม่ได้ที่จะเอ่ยว่า "ทำไมหรือ จะต้องให้ครอบครัวของพวกเราไม่มีเงินด้วยแล้ว เ้าถึงจะคิดว่าพวกเรากับพี่รองไม่ใช่พวกเดียวกันงั้นหรือ?"
“ถ้าพวกเ้าไม่ใช่พวกเดียวกัน ครอบครัวรองโกงเงินแล้วทำไมพวกเ้าไม่บอก แต่กลับช่วยปิดบัง?” คิ้วของโจวซื่อขมวดแน่นขึ้น ผลักฉือหางออกไป ริมฝีปากของนางสั่นระริกด้วยความโกรธ
สิ่งนี้ช่างน่าสนใจจริงๆ
หลินกู๋หยู่ดึงฉือหางไปยืนอยู่ด้านข้าง แววตามองไปที่คนสองคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้น พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า "ท่านแม่ ตอนนี้ท่านจะถามอย่างไร พวกเราสองคนก็ไม่มีอะไรจะพูดอยู่ดี ในเมื่อท่านมีเวลาแล้ว ท่านถามพี่รองโดยตรงจะไม่ดีกว่าหรือ บางทีพวกเขาอาจจะยังมีเงินประมาณสองร้อยตำลึงอยู่ในมือก็เป็ได้"
เดิมทีใบหน้าของโจวซื่อแปรเปลี่ยนเป็ซีดขาวเนื่องจากความโกรธ แต่เมื่อได้ฟังสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูด ใบหน้าของนางก็คลายอ่อนลงเล็กน้อย
ในที่สุดอันตรายก็นับว่าเลือนหายไป
หลินกู๋หยู่เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและสายตาจับจ้องไปที่ร่างของฉือหาง จากนั้นก็มองไปที่รอยแผลบนเข่า ขมวดคิ้วมุ่นและเอ่ยถามอย่างเป็ห่วงว่า "เข่าของเ้าไม่เป็ไรใช่หรือไม่"
"ไม่เป็ไร” ฉือหางพูด ทอดถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขากดเสียงต่ำ "ข้ายังกังวลว่าเ้าจะกลับมาจากในเมืองอย่างไร เดิมทีข้าอยากจะไปรับเ้า แต่ข้าไม่อาจปลีกตัวไปได้..."
หลินกู๋หยู่ยิ้มๆ "ทำไมเ้าถึงได้โง่นัก สั่งให้เ้าคุกเข่า เ้าก็คุกเข่าแล้ว"
ฉือหางไม่ได้พูดจา
เมื่อเห็นฉือหางยืนขึ้น ฟางซื่อก็ยืนตรงในขณะที่กุมหน้าท้องของตนเอง มองไปที่โจวซื่อด้วยสายตาน้อยเนื้อต่ำใจ "ท่านแม่ ข้าตั้งครรภ์ ข้าจะยืนขึ้นได้หรือไม่?"
"ไม่ได้ คุกเข่าลง" เมื่อเห็นฟางซื่อเสแสร้งแกล้งทำเป็น่าสงสาร ซ่งซื่อก็โกรธมากรีบเดินไปด้านหน้าฟางซื่อและกดไหล่ของนางลงอย่างเต็มแรง
ฟางซื่อเป็คนเกียจคร้านและไม่ทำงานใดๆ เมื่อเทียบกับซ่งซื่อที่ทำงานในทุ่งนาตลอดทั้งปีแล้ว กำลังกายของฟางซื่อนั้นย่อมอ่อนแอกว่ามาก นางก็คุกเข่าลงอย่างควบคุมไม่ได้
ฟางซื่อทรงตัวไม่มั่นคงและล้มลงบนพื้นโดยตรงร้องไห้ออกมาด้วยความเ็ป
ใบหน้าของโจวซื่อซีดเผือด นางเงยหน้าขึ้นมองซ่งซื่อแล้วพูดอย่างดุดัน "นางยังตั้งท้องอยู่ เ้าจะใช้แรงมากเช่นนั้นไปเพื่ออะไร?"
ซ่งซื่อรู้สึกไม่ยอม แต่เมื่อได้ฟังโจวซื่อพูดเช่นนั้น นางก็ไม่กล้าต่อล้อต่อเถียงจึงไปยืนอยู่ข้างๆ
บนพื้นเต็มไปด้วยโคลน แม้กระทั่งริมฝีปากของฟางซื่อก็เต็มไปด้วยโคลน เมื่อได้ยินโจวซื่อพูดดังนั้น นางก็หลับตาทั้งสองข้าง คล้ายว่าจะแค่นเสียงเย็น
เมื่อเห็นท่าทางของฟางซื่อ ใบหน้าของโจวซื่อก็น่าเกลียดมาก และนางพูดกับซ่งซื่อที่อยู่ข้างๆ "ยังไม่รีบประคองสะใภ้รองให้ลุกขึ้นอีก"
ฉือเทานั้นเป็คนฉลาดไหวพริบมาโดยตลอด คราวนี้เมื่อได้ยินคำพูดของโจวซื่อ เขาจึงรีบไปช่วยประคองฟางซื่อให้ลุกขึ้น
“ใครบอกให้เ้าลุกขึ้น” ใบหน้าของโจวซื่อน่าเกลียดมาก ฟาดฝ่ามือไปที่ใบหน้าของฉือเทาโดยไม่ลังเลแม้แต่เศษเสี้ยว “ใครบอกให้เ้าทำเช่นนี้?”
ฉือเทามองไปที่โจวซื่ออย่างขลาดกลัวและคุกเข่าลงอย่างไม่เต็มใจ
ฟางซื่อยืนขึ้น ร่างกายของนางเต็มไปด้วยโคลน เอามือลูบหน้าท้องและเสแสร้งทำเป็เ็ป
“สะใภ้สาม เ้าช่วยดูหน่อยว่าสะใภ้รองเป็อะไรหรือไม่?” เมื่อเห็นสีหน้าของฟางซื่อ โจวซื่อก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย
เื่ใหญ่เท่าฟ้าก็ยิ่งใหญ่เทียบเท่าเื่ทายาท
เดิมทีหลินกู๋หยู่กำลังจะออกไปกับฉือหาง แต่เมื่อได้ฟังดังนั้น นางก็หยุดฝีเท้า
หลินกู๋หยู่หันกลับมาและเดินไปข้างหน้าฟางซื่อ "พี่สะใภ้รอง ยื่นมือมาให้ข้า"
"ยื่นมือให้เ้าทำไม?!" เมื่อคิดได้ว่าหลินกู๋หยู่ตรวจรักษาคนได้ หัวใจของฟางซื่อก็ปั่นป่วน คิ้วของนางขมวดแน่นยิ่งขึ้น ก้าวถอยออกไปด้านหลังด้วยความโกรธ "จะยื่นมือให้เ้าทำไมหรือ ข้าไม่ได้เป็อะไร ข้าสบายดี ไม่จำเป็ต้องให้เ้าดูเสียหน่อย!"
เมื่อเห็นท่าทีเช่นนั้นของฟางซื่อ ซ่งซื่อรู้สึกรำคาญเต็มทน ก้าวเท้าไปข้างหน้าและจับแขนของฟางซื่อลากให้หลินกู๋หยู่
“เ้าปล่อยข้า เ้ากำลังจะฆ่าคน ข้าจะไปฟ้องเ้าที่ศาลาที่ว่าการ!” ฟางซื่อพยายามอย่างหนักจนเกือบจะชกซ่งซื่อ
หลินกู๋หยู่จับมือของฟางซื่ออย่างแรงด้วยมือข้างหนึ่ง พร้อมวางมืออีกข้างไว้
จับมือของฟางซื่อจนเนื้อหนังมือของตนเองกลายเป็รอยถลอก ใบหน้าของหลินกู๋หยู่น่าเกลียดเล็กน้อย นางปล่อยมือฟางซื่ออย่างช้าๆ
เมื่อเห็นหลินกู๋หยู่ปล่อยมือ ซ่งซื่อก็ปล่อยมือฟางซื่อเช่นเดียวกัน
“ลูกไม่ได้เป็อะไรใช่หรือไม่?” โจวซื่อมองหน้าหลินกู๋หยู่อย่างเป็ห่วง
“ท่านแม่ พี่สะใภ้รอง...” หลินกู๋หยู่หันศีรษะไปมองฟางซื่อด้านข้าง ใบหน้าของนางกระอักกระอ่วนเล็กน้อย คิ้วของนางก็ขมวดเล็กน้อย
เมื่อไม่ได้ยินคำตอบของหลินกู๋หยู่ โจวซื่อก็ยิ่งกังวลมากขึ้น "เ้าหมายความว่าอย่างไร?"
หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วแน่น พูดด้วยเสียงต่ำว่า "พี่สะใภ้รองไม่ได้ตั้งครรภ์"
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินกู๋หยู่ ร่างกายของโจวซื่อก็ถึงกับเซ
ฟางซื่อใมากจนคุกเข่าลงกับพื้นโดยตรง และไม่มีใครพูดอะไรอีก
เดิมทีโจวซื่อยังคงคิดว่าสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูดนั้นเป็เท็จ แต่เมื่อเห็นว่าฟางซื่อทำเช่นนี้ ความหวังสุดท้ายในใจของโจวซื่อก็มลายหายไป
เ้ารองและสะใภ้รองแต่งงานกันมาหลายปีแล้ว พวกเขาไม่มีลูกมาโดยตลอด
ไม่ใช่เื่ง่ายเลยที่ตอนนี้พวกเขามีลูกแล้ว โจวซื่อทนไม่ได้ที่ฟางซื่อโกหกนาง
โจวซื่อรู้สึกอึดอัดสุดจะทน จึงเดินไปหาฉือเทาและฟางซื่อ ฟาดฝ่ามือที่ใบหน้าพวกเขาสองคน
หลินกู๋หยู่มองไปที่รอยถลอกบนมือของตนเอง ขมวดคิ้วเล็กน้อย ยื่นมือออกไปเพื่อดึงฉือหางกลับไปบ้าน
เมื่อเดินไปที่ประตูบ้าน หลินกู๋หยู่ก็พบว่าประตูปิดอยู่ และหันศีรษะไปมองฉือหางราวกับจำอะไรบางอย่างได้
“โต้ซาอยู่ไหน?” หลินกู๋หยู่เอ่ยถามด้วยความงุนงง
"ข้ายังไม่มีเวลาไปรับโต้ซา” ฉือหางพูดด้วยความรู้สึกผิด "งั้นข้าจะไปรับ เ้าไปทำอาหาร"
"อืม"
มีเสียงฝีเท้าลอดแว่วจากข้างนอก หลินกู๋หยู่หันศีรษะไปเห็นฉือหางเดินเข้ามาจากข้างนอกพร้อมกับโต้ซาในอ้อมแขน
โต้ซาขยี้ดวงตา ขอบตาแดงก่ำ จมูกของเขาก็แดงก่ำเช่นกัน ใบหน้าของเด็กน้อยเหี่ยวย่นเป็ลูกหนังกลม
"เกิดอะไรขึ้น?” หลินกู๋หยู่เดินไปดึงโต้ซาออกจากอ้อมแขนของอีกฝ่าย จับมือของโต้ซาด้วยความเห็นอกเห็นใจ เอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า "เกิดอะไรขึ้น?"
ฉือหางยืนอยู่ข้างๆ ทำตัวไม่ถูก "ข้าก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นท่านอาจารย์บอกว่า หลังจากเด็กทุกคนกลับไปหมดทุกคนแล้ว โต้ซานั่งบนเก้าอี้คนเดียวและเริ่มร้องไห้ไม่หยุด ไม่ว่าจะใช้วิธีใด ก็ไม่อาจเกลี้ยกล่อมให้โต้ซาหยุดร้องไห้ได้"
เมื่อได้ยินสิ่งที่ฉือหางพูด หลินกู๋หยู่ก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา เช็ดน้ำตาบนใบหน้าของโต้ซาอย่างระมัดระวัง และกล่าวปลอบประโลมว่า "อย่าร้องไห้เลย ไม่เป็ไรแล้ว!"
“ท่านแม่ ท่านไม่้าข้าแล้วใช่หรือไม่?” โต้ซาร้องไห้สะอึกสะอื้น ในขณะมองดูหลินกู๋หยู่ด้วยน้ำตาคลอเบ้า
“ใครพูดเช่นนั้น?” หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ และพูดอย่างโกรธๆ ว่า “แม่จะไม่้าเ้าได้อย่างไร?”
“พี่ชายที่เรียนห้องเดียวกันพูดเช่นนี้” โต้ซายกมือเล็กๆ เช็ดหยดน้ำตาบนใบหน้าอย่างแรง และพูดด้วยเสียงร้องไห้สะอื้นว่า “พวกเขาบอกว่าข้าเป็ลูกที่เก็บมา ท่านไม่้าข้าแล้ว"
เ้าพวกเด็กเล็กเ่าั้ก็จริงๆ เลย
"อย่าไปฟังพวกเขาพูดพล่ามเลย” หลินกู๋หยู่ไม่ยอมให้โต้ซาเช็ดใบหน้าด้วยมือ หยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดใบหน้าของโต้ซาให้สะอาด พูดอย่างจริงจังว่า "ข้าให้เสื้อผ้าใหม่แก่เ้า ให้เ้าไปเรียนที่สถานศึกษา เพื่อให้เ้าเก่งกว่าพวกเขา เพื่อเ้าจะได้ไม่ต้องทำงานหนักในวันข้างหน้า”
“ทำไมไม่ทำงาน?” โต้ซาถามขึ้นอย่างสงสัย
"ทุกคนล้วนต้องทำสิ่งที่ตนเองต้องทำเพื่อที่จะสามารถหาเงินมาใช้ชีวิต เ้าดูสิว่าท่านพ่อของเ้าทำไร่ทำนาและล่าสัตว์ได้ เขาเก่งมากใช่หรือไม่?” หลินกู๋หยู่ชี้นิ้วมือไปที่ฉือหางที่อยู่ข้างๆ พร้อมกับรอยยิ้ม
เมื่อฟังคำพูดของหลินกู๋หยู่ โต้ซาก็สูดจมูกอย่างแรง จากนั้นมองไปที่หลินกู๋หยู่และส่ายศีรษะอย่างแรง
"ท่านแม่ เยี่ยมมาก" โต้ซาสะอึกสะอื้น หยดน้ำตาใสแจ๋วยังคงเกาะอยู่บนขนตายาว เด็กน้อยพูดด้วยน้ำเสียงร้องไห้ "ท่านแม่ช่วยชีวิตท่านพ่อ"
สีหน้าของหลินกู๋หยู่ชะงักงัน มุมริมฝีปากของนางม้วนงออย่างควบคุมไม่ได้ พูดเบาๆ ว่า "อย่าร้องไห้เลย เป็ผู้ชายจะร้องไห้ทำไม?"
โต้ซากระตุก มองไปที่หลินกู๋หยู่อย่างสมเพชและไม่พูดอะไร
เสียงทะเลาะดังลอดมาจากเรือนใหญ่ไม่หยุดไม่หย่อน หลังจากทานข้าวเสร็จก็ยังคงได้ยินเสียงโวยวายจากเรือนใหญ่เช่นเดิม
ไม่รู้ว่าสองคนนั้นเปิดเผยอย่างไร คิดไม่ถึงว่าพวกเขาทำให้โจวซื่อรู้เื่นี้เสียแล้ว
หลังจากทานข้าวเสร็จ ฉือหางก็ล้างจาน ส่วนหลินกู๋หยู่ก็เก็บโต๊ะ
"ก๊อก ก๊อก ก๊อก!"
ประตูถูกเคาะเสียงดังมากกว่าปกติ
เมื่อเห็นว่าฉือหางกำลังยุ่งอยู่ หลินกู๋หยู่จึงรีบออกไปเปิดประตู
ทันทีที่เปิดประตูก็เห็นโจวซื่อยืนอยู่ข้างนอกด้วยใบหน้าที่มืดมน ฟางซื่อร้องไห้สะอื้นอยู่ข้างๆ นาง และซ่งซื่อก็ยืนอยู่ด้านหลังสุด
พวกเขามาที่บ้านพวกนางทำไม?
แม้ว่านางจะสงสัยอย่างมาก แต่หลินกู๋หยู่ก็เรียก "ท่านแม่" ด้วยความเคารพนบนอบ
“ท่านแม่” ฟางซื่อชี้ไปที่หลินกู๋หยู่และพูดด้วยความมั่นใจ “ข้าได้ยินมาจากหมอดูบอกว่านางโดนของ”
"เ้าพูดเหลวไหลอะไรหรือ?” หลินกู๋หยู่มองฟางซื่อด้วยความไม่พอใจ "พี่สะใภ้รอง พี่บอกว่าข้าโดนของเพียงเพราะข้าบอกความจริงว่าพี่ไม่ได้ตั้งครรภ์งั้นหรือ?"
ดวงตาของโจวซื่อขยายขนาดพินิจมองหลินกู๋หยู่ สิ่งที่ฟางซื่อพูดนั้นก็ใช่ว่าจะไม่สมเหตุสมผล
ถ้าหลินกู๋หยู่ไม่มีปัญหา แล้วด้วยสาเหตุใดนางถึงได้ทำให้ลูกชายของนางหลงใหลงมงายหัวปักหัวปำเช่นนั้น
ในขณะที่หลินกู๋หยู่ยังไม่มา เ้าสามก็คุกเข่าลงบนพื้นอย่างว่านอนสอนง่าย
ก่อนที่นางจะใช้กำลังต่อหลินกู๋หยู่ เ้าสามก็ปกป้องหลินกู๋หยู่ให้อยู่ข้างหลัง ถ้าไม่ใช่เพราะคาถาอาคมของหลินกู๋หยู่ เ้าสามจะติดตามหลินกู๋หยู่อย่างสุดจิตสุดใจเช่นนี้ได้อย่างไร?
“สะใภ้ใหญ่ เ้าไปเรียกแม่หมอในหมู่บ้านของเรามาที่นี่” โจวซื่อมองหลินกู๋หยู่ด้วยใบหน้ามืดมนและเ็า ดวงตาทั้งสองข้างของนางแข็งกร้าว “ถ้าเ้าไม่ได้ทำอะไรไว้ นั่นจะเป็การดีที่สุด แต่ถ้าเ้าทำอะไรไว้ จะต้องให้แม่หมอโบยเ้าจนิญญาร้ายออกไป!"
นับั้แ่ที่นางได้พบกับอาจารย์ท่านนั้นคราวที่แล้ว ในตอนนี้หลินกู๋หยู่ไม่กล้าที่จะพบคนเ่าั้ง่ายๆ อีกต่อไป จะเป็อย่างไรหากมีมนต์สะกดบางอย่างที่ทำให้ิญญาของนางขวัญหนีดีฝ่อ?
ดวงตาของหลินกู๋หยู่แห้งผาก ใบหน้าของนางซีดเซียว ริมฝีปากของนางเม้มแน่น ร่างกายของนางโซเซทรงตัวไม่มั่นคง
………………………………………………………………………………………………………
[1] ชักนำภัยพิบัติสู่ฝั่งบูรพา หมายถึง การใช้ลูกไม้บางอย่างทำให้ตนไม่ได้รับความเสียหาย แต่ให้คนอื่นมารับความเสียหายแทนตน