แหวนเฉียนคุนของหลิ่วเชียนเย่นั้นมีพื้นที่เก็บของที่กว้างกว่าแหวนเฉียนคุนของมู่เฟิงเสียอีก ภายในนั้นมีพื้นที่จัดเก็บหลายสิบตารางเมตร นับว่าเป็แหวนที่ยอดเยี่ยมอย่างมาก
ภายในไม่ได้มีเหรียญตำลึงทองหรือทองคำแท่ง แต่มีป้ายทองคำอยู่หลายแผ่น และสิ่งที่ดึงดูดสายตาของมู่เฟิงก็คือหินเทวะหลากสีจำนวนมาก ถูกต้องแล้ว กองหินเทวะเหล่านี้มีจำนวนหลายร้อยก้อน
นอกจากนี้ยังมีขวดหยกที่บรรจุยาอายุวัฒนะอีกจำนวนไม่น้อยอีกด้วย เช่น ยาระงับมาร ยาระงับใจ ยาฟื้นคืนพลังปราณและยาตัวอื่นอีกหลายชนิด ในบรรดายาเหล่านี้ไม่มีเม็ดยาตัวใดที่ต่ำกว่าขั้นสามเลย
แน่นอนว่าผู้ฝึกยุกทธ์ระดับสูงย่อมไม่ขาดแคลนสิ่งของเหล่านี้ แต่เห็นได้ชัดว่าชายชราผู้นี้มีมากกว่าผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นๆ
สิ่งที่ทำให้มู่เฟิงรู้สึกคาดไม่ถึงก็คือ เขาพบว่าภายในมีหอกอยู่ชิ้นหนึ่งด้วย
หอกเล่มนี้มีสีม่วง ความยาวหนึ่งจั้ง คมมีด้ายาวสองฉื่อและมีสองคมเหมือนกระบี่ จากรูปทรงของมันคาดว่าคงสามารถใช้เจาะ แทง ผ่าและฟันได้อย่างคล่องมือ
บนตัวหอกมีพลังสายฟ้าห่อหุ้มเอาไว้ เห็นได้ชัดว่าหอกเล่มนี้เป็อาวุธิญญา
หอกเป็อีกหนึ่งอาวุธที่มู่เฟิงชอบใช้เมื่อออกรบร่วมกับกองทัพ เด็กหนุ่มมักจะใช้หอกสำหรับการต่อสู้ระยะไกล และใช้ดาบในการต่อสู้ระยะใกล้
มู่เฟิงนำมันออกมา ก่อนถือไว้ในมือ หลังทดสอบน้ำหนักแล้วเขาพบว่ามันมีน้ำหนักราวหนึ่งร้อยจิน ซึ่งไม่มีปัญหาในการกวัดแกว่งสำหรับเขา
มู่เฟิงลองทดสอบเหวี่ยงหอกยาวออกไป เขาส่งพลังปราณเข้าไปในตัวหอกก่อนจะตวัดมันออกไปข้างหน้า
เปรี้ยง!
สายฟ้าสีม่วงพุ่งออกมาจากคมหอก ก่อนจะทะลวงไปยังต้นไม้โบราณต้นหนึ่ง ส่งผลให้ต้นไม้ต้นนั้นะเิเป็จุณในทันที
“หอกดี!"
มู่เฟิงมองหอกเล่มนี้อย่างชอบใจ แต่ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่าบนตัวหอกมีอักษรสลักเอาไว้สองคำ
จื่อเหลย!
คาดว่านี่คงเป็ชื่อของหอกเล่มนี้
มู่เฟิงนำหอกเก็บกลับเข้าไป จากนั้นเขาก็นำหน้ากากสีขาวจากแหวนเฉียนคุนออกมาสวมใส่ หน้ากากนี้ปกปิดเพียงส่วนที่อยู่เหนือจมูกขึ้นไปเท่านั้น โดยปากและจมูกของเขายังคงโผล่ออกมาด้านนอก สิ่งนี้ทำให้เด็กหนุ่มดูลึกลับเพิ่มขึ้นอีกสองส่วน...
ไม่มีทางเลือกอื่น เนื่องจากโลกภายนอกล้วนคิดว่าเขาตายไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงต้องสวมใส่หน้ากากเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ตัวตนของเขาถูกเปิดเผย
มู่เฟิงอุ้มร่างของหลิ่วเชียนเย่ขึ้น จากนั้นเขาก็ะโขึ้นหลังเสือดาวหางอสรพิษ ก่อนจะใช้ส้นเท้าเตะไปยังท้องของมันเพื่อให้มันพุ่งทะยานไปข้างหน้า เสือดาวหางอสรพิษไม่รอช้า มันพามู่เฟิงออกวิ่งอย่างรวดเร็วราวกับลมพายุทันที
ความเร็วในการวิ่งของเสือดาวหางอสรพิษนั้นไม่มีที่ติ ในครึ่งชั่วยามมันสามารถวิ่งได้ไกลกว่าสองร้อยลี้อย่างไม่มีปัญหา ดังนั้นมันจึงสามารถพามู่เฟิงกลับมาถึงเมืองอันหนานได้ในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม
“ดูนั่น เสือดาวหางอสรพิษ!”
“โอ้ เสือดาวหางอสรพิษระดับจื่อฝู่ขั้นเก้า ชายผู้นั้นเป็ใครกัน ช่างร้ายกาจนัก สามารถใช้เสือดาวหางอสรพิษเป็สัตว์พาหนะได้”
เมื่อมู่เฟิงขี่เสือดาวหางอสรพิษเข้ามาในเมืองก็สามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนในเมืองได้เป็อย่างดี แต่มู่เฟิงไม่ได้สนใจ เขาอุ้มร่างของหลิ่วเชียนเย่ตรงกลับไปยังจวนตระกูลมู่ทันที
“พี่เฟิง ท่านกลับมาแล้ว ข้ากำลังจะไปหาพี่พอดีเลย เอ๊ะ นั่นท่านกำลังอุ้มใครอยู่น่ะขอรับ?”
ทันทีที่มู่เฟิงกลับมาถึงจวนตระกูลมู่ เขาก็พบกับไป๋จื่อเยว่และมู่ขวง
คนทั้งคู่นั่งควบอยู่บนหลังสัตว์อสูรสองตัว เหมือนว่าพวกกำลังจะออกไปข้างนอก
ไป๋จื่อเยว่กำลังขี่อยู่บนหลังหมาป่าร่างั์สีคราม มันคือหมาป่าวายุ เป็อสูรร้ายระดับจื่อฝู่
ส่วนมู่ขวงก็กำลังขี่อยู่บนหลังพยัคฆ์ร้ายสีเื มันคือพยัคฆ์เนตรโลหิต เป็อสูรร้ายระดับจื่อฝู่เช่นกัน
อสูรร้ายทั้งสองตัวนี้ล้วนเป็มู่เฟิงที่ช่วยลงลายเส้นสัตว์พาหนะให้เด็กหนุ่มทั้งสอง ทำให้สะดวกต่อการเดินทางไปยังเทือกเขาอันหนานเพื่อฝึกฝน เพราะหากเป็ม้าคงไม่สะดวกที่จะนำพวกมันเข้าไปด้วย
จวบจนถึงตอนนี้พวกเขาก็ใช้ชีวิตในเมืองอันหนานมาครบหนึ่งปีแล้ว วรยุทธ์ของเด็กหนุ่มทั้งสองต่างก็เพิ่มขึ้นมาเป็ระดับจื่อฝู่ขั้นห้าและขั้นหก
ตอนนี้ไป๋จื่อเยว่บรรลุถึงขั้นหกแล้ว ในขณะที่มู่ขวงยังช้ากว่าอีกฝ่ายหนึ่งก้าว
“เป็ผู้แข็งแกร่งท่านหนึ่งที่เสียชีวิตบนเทือกเขาอันหนาน เขามีบุญคุณส่งมอบทักษะวิชาลับให้กับข้า ดังนั้นข้าจึงนำร่างของเขากลับมาเพื่อฝังในสุสานของตระกูล พวกเ้าสองคนไปฝึกกันก่อนเถอะ”
หลังจากมู่เฟิงอธิบาย เด็กหนุ่มทั้งสองต่างก็พยักหน้าและขี่สัตว์พาหนะของตนมุ่งหน้าไปยังเทือกเขาอันหนานทันที
มู่เฟิงอุ้มร่างไร้ิญญาของหลิ่วเชียนเย่ไปยังสุสานของตระกูลมู่ที่ถูกล้อมเอาไว้ด้วยสวนดอกไม้ เด็กหนุ่มขอให้คนของเขาขุดหลุมศพขึ้นมาใหม่ จากนั้นเขาก็แกะสลักอักษรลงบนหน้าป้ายหลุมศพว่า ‘หลุมศพของท่านอาจารย์’ เพื่อให้ง่ายต่อการไหว้ทำความเคารพในอนาคต
มู่เฟิงจงใจไม่สลักชื่อของชายชราลงไป เพราะเขากลัวว่าในอนาคตหลิ่วฉิงอาจจะออกตามหาหลิ่วเชียนเย่ และหากอีกฝ่ายมาพบหลุมศพนี้ อาจจะเกิดปัญหาขึ้นได้
หลังจากจัดการฝังศพอาจารย์เรียบร้อยแล้ว มู่เฟิงก็ขี่เสือดาวหางอสรพิษกลับไปยังเทือกเขาอันหนาน
กล่าวถึงเื่นี้แล้วเขาก็รู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อย หลังจากข่าวการเสียชีวิตของมู่เฟิงถูกประกาศออกไป เด็กหนุ่มก็มักจะใช้เวลาอยู่ในเทือกเขาอันหนานมากกว่าอยู่ในจวนตระกูลมู่
ภายในเทือกเขาอันหนาน มู่เฟิงกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนโขดหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง เขาใช้เวลาศึกษาเกี่ยวกับทักษะวิชาลับที่เขาเพิ่งจะได้รับมาอย่างอสนีบาตย่ำแปดทิศได้สองสามวันแล้ว
บริเวณพื้นหญ้าริมน้ำเบื้องล่าง เสือดาวหางอสรพิษ หมาป่าวายุและพยัคฆ์เนตรโลหิตกำลังแทะกินร่างของฮิปโปตัวอ้วนพี
ส่วนไป๋จื่อเยว่กับมู่ขวงก็กำลังถือไม้เสียบปลาและย่างบนกองไฟ ด้านเสี่ยวเทียนก็กำลังแหวกว่ายอยู่ในแม่น้ำหยอกล้อกับจระเข้ดำร่างั์ตัวหนึ่ง
“เหนี่ยวนำพลังสายฟ้าเข้าสู่ร่างกาย จากนั้นก็ทำการควบแน่นมัน เมื่อทำได้แล้วก็จะสามารถะเิพลังออกมาได้ในชั่วเวลาหนึ่ง”
มู่เฟิงพึมพำกับตัวเองขณะกำลังทำความเข้าใจ เขาลองทดสอบโคจรพลังตามขั้นตอนของทักษะวิชาลับ ก่อนจะพบว่าพลังสายฟ้าที่หลิ่วเชียนเย่ช่วยควบแน่นขึ้นในจุดตันเถียนของเขากำลังไหลเวียนไปตามร่างกาย ประกายสายฟ้าสีม่วงที่ดูเลือนรางกำลังวิ่งแล่นอยู่บนผิวกายของเขา มันทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกชาวาบขึ้นมาเล็กน้อย
จากนั้นอากาศโดยรอบก็เริ่มปรากฎร่องรอยของสายฟ้าให้เห็น โดยพวกมันกำลังซึมเข้าสู่ร่างกายของมู่เฟิงอย่างช้าๆ
พลังฟ้าดินนั้นไม่ได้มีองค์ประกอบรวมของพลังเพียงห้าธาตุเท่านั้น นอกเหนือจากพลังธาตุทอง ธาตุไม้ ธาตุน้ำ ธาตุไฟและธาตุดินแล้ว ยังมีพลังธาตุอื่นๆ อีก เช่น พลังธาตุลม พลังธาตุสายฟ้า พลังธาตุน้ำแข็ง พลังธาตุแสง พลังธาตุความมืด พลังธาตุแห่งห้วงมิติและพลังธาตุอื่นอีกมากมาย
เพียงแต่อสนีบาตย่ำแปดทิศจะดูดซับเพียงพลังธาตุสายฟ้าเท่านั้น
บนท้องฟ้าเหนือศีรษะของมู่เฟิง คลื่นพลังสายฟ้ากำลังก่อตัวขึ้นเป็กลุ่มก้อน เพียงไม่นานมันก็กลายเป็สายฟ้าเส้นหนึ่งก่อนจะฟาดลงมายังร่างของมู่เฟิงทันที
“อ๊าก…!”
มู่เฟิงแผดเสียงร้องออกมา โคนเส้นผมสีขาวราวหิมะชี้ฟูขึ้นมาทันใด สายฟ้าที่ฟาดลงมาเมื่อครู่หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของมู่เฟิงอย่างรวดเร็ว
“พี่เฟิง!”
มู่ขวงและไป๋จื่อเยว่ต่างก็ใกับเหตุการณ์นี้ นี่พี่เฟิงของพวกเขากำลังทำสิ่งใดกัน เด็กหนุ่มทั้งสองรีบวิ่งเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อพวกเขาััผิวกายของมู่เฟิง แขนของพวกเขาก็ชาหนึบ
มู่เฟิงนอนอยู่บนพื้น ร่างกายมีควันสีขาวลอยออกมา ส่วนปากของเขาก็พ่นควันสีดำออกมา สายฟ้าเมื่อครู่หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของเขา ก่อนจะถูกพลังสายฟ้าภายในร่างของเด็กหนุ่มดูดกลืนเข้าไป
หลังจากนั้นไม่นานมู่เฟิงก็ฟื้นตัวจากอาการชาหนึบทั่วทั้งร่าง เขาโบกมือเป็เชิงบอกมู่ขวงและไป๋จื่อเยว่ว่าไม่ต้องสนใจเขา จากนั้นเขาก็เฝ้าดูสิ่งที่เกิดขึ้นภายในร่างกายของตัวเอง
มู่เฟิงพบว่าหลังจากพลังสายฟ้าได้ดูดกลืนสายฟ้าเมื่อครู่เข้าไป พลังของมันก็แข็งแกร่งขึ้นไม่น้อย
“กว่าจะฝึกฝนทักษะวิชาลับนี้จนบรรลุระดับสมบูรณ์ได้สำเร็จ ข้าจะต้องโดนสายฟ้าฟาดไปอีกกี่ครั้งกัน?”
ภายในใจของมู่เฟิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
จากบันทึกในแผ่นหยก หากจะบรรลุวิชานี้ถึงระดับสมบูรณ์ได้สำเร็จ จำเป็ต้องถูกสายฟ้าฟาดลงมาแปดครั้ง จึงจะสามารถะเิพลังออกมาได้มากกว่าปกติแปดเท่า
ตอนนี้ภายในร่างของเขามีพลังสายฟ้าเพียงสายเดียว ซึ่งหลิ่วเชียนเย่เป็คนช่วยควบแน่นขึ้นมาให้
แน่นอนว่ามู่เฟิงตระหนักได้เป็อย่างดีว่ายิ่งทักษะวิชาลับแข็งแกร่งมากเท่าไร ความยากในการฝึกฝนก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
“เอ๊ะ เหตุใดภายในร่างกายของเ้าจึงมีพลังสายฟ้าเพิ่มขึ้นมาได้เล่า?”
ทันใดนั้นเสียงของสตรีผู้หนึ่งก็ดังขึ้น เป็ซีเยว่ที่เพิ่งตื่นขึ้นมาจากการหลับใหล
“เยว่เอ๋อร์ เ้าตื่นแล้วหรือ เ้าคงยังไม่รู้ว่าเมื่อสองสามวันก่อนข้า... "
มู่เฟิงบอกเล่าเื่ราวของหลิ่วเชียนเย่ให้ซีเยว่ฟังทันที และแผ่นหยกนั้นเขาก็เก็บไว้ในหยกเทพชูร่าแล้ว
หลังจากได้เห็นทักษะวิชาลับของอสนีบาตย่ำแปดทิศซีเยว่ก็ประหลาดใจ
“ทักษะวิชาลับนี้ทรงพลังมาก หากเ้าสามารถฝึกฝนจนบรรลุระดับสมบูรณ์ได้ย่อมสามารถใช้ในการต่อสู้ได้ไม่มีปัญหา เพียงแต่มันมีผลกระทบที่ใหญ่มากอย่างหนึ่ง”
ซีเยว่กล่าวด้วยใบหน้าจริงจัง
“ผลกระทบอะไรหรือ?”
มู่เฟิงเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว
“แรงสะท้อนกลับ ทักษะวิชาลับนี้มีแรงสะท้อนกลับอยู่ ในขณะที่ทำร้ายศัตรู เ้าก็จะได้รับาเ็จากแรงสะท้อนกลับนี้ด้วยเช่นกัน กล่าวได้ว่าเป็วิชาที่ทำลายศัตรูหนึ่งพันแต่ตัวเองเสียหายแปดร้อย*”
(*ความสูญเสียระหว่างสองฝ่ายแทบไม่ต่างกัน)
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้