“หากข้าเป็คุณหนูใหญ่สกุลไป๋ผู้นี้คงอับอายจนตายไปเนิ่นนานแล้ว”
“ถูกต้อง ข้าว่าอีกประเดี๋ยวนางต้องหนีไปกระมัง”
เมื่อไป๋เสียนอันได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ ไม่เพียงแต่ไม่มีความรู้สึกผิดที่บิดาควรมี กลับยังเผยความพึงพอใจออกมาหลายส่วน
ดูสิ นี่คือจุดจบของการต่อต้านเขา
บุตรีแล้วอย่างไร? สิ่งที่เขามีไม่ขาดมากที่สุดก็คือบุตรี
เมื่อเห็นฮั่วเยี่ยนไหวยังคงหลับตาอยู่้า ไป๋เสียนอันก็ยิ่งรู้สึกว่าการตัดสินใจของตนเองนั้นถูกต้องแล้ว
ไป๋หว่านหนิงได้รับความรักจากไท่จื่อ ทั้งยังเป็สามีภรรยากันแล้ว วันหน้าเมื่อแต่งเข้าตำหนักบูรพาจะต้องได้รับความโปรดปรานอย่างแน่นอน ไหนเลยจะเหมือนกับไป๋เซี่ยเหอที่ถูกประทานสมรสแก่เซ่อเจิ้งอ๋องที่โหดร้ายและไม่ชอบใกล้ชิดกับสตรี
เกรงว่าวันสมรสจะเป็วันตายของนางเสียแล้ว
สิ่งที่เขาจำเป็ต้องทำมากที่สุดในตอนนี้คือเอาอกเอาใจไท่จื่อ ส่วนไป๋เซี่ยเหอนั้น...
ที่ไหนเย็นสบายก็อยู่ที่นั่นเถิด
“เหตุใดถึงยังไม่ไปอีก?”
เมื่อไป๋เซี่ยเหอมองใบหน้าของไป๋เสียนอัน นางก็บันดาลโทสะขึ้นมา ไม่ใช่เพื่อตนเอง ทว่าเพื่อมารดาที่ยังนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงจนถึงตอนนี้!
“ไม่ทราบว่าท่านเคยฟังนิทานเื่ชาวนากับงูเห่าหรือไม่? หวังว่าท่านจะไม่เสียใจกับการตัดสินใจในวันนี้”
แผนการของไป๋เสียนอันย่อมหนีไม่พ้นสายตาของไป๋เซี่ยเหอ
ไม่ทราบว่าเป็คนที่ตามืดบอดเพียงใด ถึงได้มองหินเปื้อนอาจมอย่างไป๋หว่านหนิงเป็ไข่มุกเสียนี่!
หัวใจของไป๋เสียนอันจมดิ่งลงทันที ทว่าเมื่อเบนสายตาไปมองบุตรีที่ยังคงปอกองุ่นให้เขาอยู่ข้างกายอย่างตั้งใจ จิตใจก็สงบลงทันที
“พูดจาไร้สาระที่นี่ให้มันน้อยลงหน่อย หากเ้ามีความเอาใจใส่สักหนึ่งในสิบส่วนของหนิงเอ๋อร์ วันนี้เ้าย่อมไม่เป็เช่นนี้หรอก”
“คิก”
ไม่เคยมอบความรักและความเอ็นดูให้นางสักหนึ่งในสิบส่วนของที่มอบให้ไป๋หว่านหนิง ทว่ากลับร้องขอให้นางรู้จักเอาใจใส่
ฝันไปเถิด!
นางรู้เพียงว่าผู้คนล้วนต้องเป็ทั้งผู้ให้และผู้รับ
“เ้ามาทำอะไรอยู่ตรงนี้?”
จู่ๆ ฝ่ามือของไป๋เซี่ยเหอก็ร้อนรุ่มขึ้นอย่างกะทันหัน นางได้ยินน้ำเสียงที่ฟังดูเ็าและเฉยเมยดังขึ้นที่เื้ั
“์ นั่นคือเซ่อเจิ้งอ๋อง!”
“นึกไม่ถึงว่าเขาจะเป็ฝ่ายเริ่มจับจูงมือของคุณหนูใหญ่สกุลไป๋ ข้ามองผิดไปหรือไม่?”
ไป๋เซี่ยเหอช้อนสายตาขึ้นมอง วันนี้ฮั่วเยี่ยนไหวสวมชุดคลุมยาวสีแดงเช่นเดียวกัน เขาสวมชุดสีสดเช่นนี้น้อยครั้งยิ่ง ทว่ากลับดูดีเหนือความคาดหมาย แม้แต่ความเ็าและความหยิ่งยโสของเขา ล้วนถูกสีแดงแต่งแต้มเกิดเป็ความร้อนแรงเล็กน้อย ดูเจิดจ้าชวนให้ยากจะสงบใจ
สวมอาภรณ์แดงทั้งคู่ บุรุษหล่อเหลา์สร้าง สตรีงดงามที่สุดในแผ่นดิน
“ท่าน...”
หัวใจของไป๋เซี่ยเหอสั่นสะท้านอย่างรุนแรง กระแสความอบอุ่นหลั่งไหลจากปลายนิ้วของนางไปทั่วสรรพางค์กาย
นางเป็มนุษย์ไม่ใช่พระอิฐพระปูน แน่นอนว่าต้องรู้สึกอับอาย ยิ่งไปกว่านั้นยังถูกบิดาของตนทำให้อับอายภายใต้สายตาของผู้คนทั่วทั้งท้องพระโรงเช่นนี้ ทำให้นางไม่มีที่ให้หนี
ทว่านางไม่มีที่พึ่งพิงและระบายอารมณ์เลย
ไม่ว่าจะในอดีตหรือในชาตินี้ นางทำได้เพียงแบกรับสิ่งเหล่านี้ด้วยตนเองเท่านั้น!
“ข้ารอเ้ามานานแล้ว”
ไป๋เซี่ยเหอเงยหน้าขึ้น มุมปากยกเป็รอยยิ้ม แววตาดูจริงใจ “ทำให้ท่านอ๋องทรงรอนานแล้วเพคะ”
จู่ๆ แรงที่กุมมือของนางก็มากขึ้นหนึ่งส่วน ฮั่วเยี่ยนไหวก้มหน้ามองใบหน้าเล็กอันขาวผ่องดุจหยกนั้นด้วยแววตาหม่นแสง ลูกกระเดือกขยับเล็กน้อย
“ไปกับข้า”
ไป๋เซี่ยเหอเดินตามหลังเขาไปนั่งที่บริเวณแถวแรก
ฮั่วเยี่ยนไหวไม่ได้ชายตามองไป๋เสียนอันเลย นั่นคือการเพิกเฉยอย่างโจ่งแจ้ง
ไป๋เสียนอันมองแผ่นหลังของทั้งคู่ด้วยแววตาปั่นป่วน โดยลอบซ่อนจิตสังหารเอาไว้
“ท่านพ่อ แม้ว่าเซ่อเจิ้งอ๋องผู้นี้จะเป็ท่านอ๋อง แต่ท้ายที่สุดแล้วท่านก็เป็พ่อตาของเขาในอนาคต การที่เขาไม่เห็นท่านในสายตาก็ออกจะเกินไปหน่อยกระมังเ้าคะ”
แววตาของไป๋หว่านหนิงเต็มไปด้วยเพลิงริษยา โดยเฉพาะเมื่อเห็นสตรีในชุดนางกำนัลสีชมพูนั่งอยู่บนที่นั่งของฮั่วิเชิน นั่นคือเช่อเฟยคนใหม่ที่เขาโปรดปรานใน่นี้
“หุบปาก”
ความอับอายของไป๋เสียนอันแปรเปลี่ยนเป็โทสะ เดิมทีก็รู้สึกขายหน้าอยู่แล้ว ตอนนี้ดันถูกบุตรีที่ตนเองรักและเอ็นดูที่สุดพูดเช่นนี้ต่อหน้าทุกคนเสียนี่ นี่ไม่ใช่การตบหน้าเขาหรือไร?
ไป๋หว่านหนิงตกตะลึง นางเงียบปากไม่กล้าพูดมากความอีก จากนั้นก็กวาดสายตาไปยังที่นั่งแถวแรกด้วยความเกลียดชังอย่างชั่วร้ายในแววตา
ขณะเดียวกันก็ต่อว่าฮั่วิเชินอยู่ในใจ
แม้แต่ไป๋เซี่ยเหอยังถูกพาไปนั่งยังตำแหน่ง้าได้ ทว่าไท่จื่อเฟยในอนาคตอย่างนางกลับนั่งอยู่เบื้องล่างเสียนี่
งานเลี้ยงในวังให้ความสำคัญกับตำแหน่งเป็อย่างมาก ยิ่งอยู่บนก็ยิ่งสูงส่ง
แล้วนางจะยอมให้ไป๋เซี่ยเหอสูงส่งกว่านางได้อย่างไร?
องุ่นในมือถูกบดขยี้เป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อยโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว น้ำสีใสไหลลงมาตามง่ามนิ้วของไป๋หว่านหนิง
ที่ตำแหน่ง้า
ไป๋เซี่ยเหอนั่งอยู่ข้างๆ ฮั่วเยี่ยนไหว ทำให้ทุกคนเกิดความแตกตื่น ทั้งยังมีสายตาดุดันและชั่วร้ายจากฮั่วิเชินที่นั่งอยู่ตรงข้ามอีกด้วย
“ทำให้ข้าขายหน้าจริงๆ”
ฮั่วเยี่ยนไหวยังคงเอนตัวบนเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน ถือส้มเขียวหวานไว้ในมือแล้วโยน การกระทำนั้นดูอิสระราวกับเมฆาล่องสายน้ำไหลก็ไม่ปาน
“ข้าเป็เพียงสตรีบอบบางเท่านั้น”
ไป๋เซี่ยเหอกลอกตาให้เขา แม้จะรู้สึกขอบคุณที่เขายื่นมือช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที ทว่าเมื่อเห็นท่าทีมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นของเขา นางก็อยากจะกัดเขาสักคำ
“ตอนนี้เ้าคือชายาเซ่อเจิ้งอ๋องในอนาคต หากเ้าขายหน้า ก็หมายความว่าจวนเซ่อเจิ้งอ๋องของข้าจะขายหน้าตามไปด้วย”
“เช่นนั้นข้าจะทำอย่างไรได้? สังหารพวกเขาอย่างนั้นหรือ?”
ฮั่วเยี่ยนไหวส่งเสียงในลำคอสองที ปากพร่ำบอกว่าจะฆ่าคน นึกไม่ถึงว่ายังจะกล้าเรียกตนเองว่าสตรีบอบบาง
“เหตุใดจะไม่ได้? วันหน้าหากพบเจอเื่เช่นนี้อีก จะสังหารทั้งตระกูลก็ย่อมได้ ต่อให้ฟ้าถล่มลงมาก็มีจวนเซ่อเจิ้งอ๋องเป็ที่พึ่งให้เ้าอยู่”
หัวใจของนางร้อนรุ่มเล็กน้อย หากจะบอกว่าไม่ซาบซึ้งก็คงโกหก เพียงแต่คำกล่าวนี้ออกจะเหนือความคาดหมายเกินไป
ตอนพบหน้ากันครั้งก่อน ทั้งสองยังโต้คารมกันอยู่เลย
ไป๋เซี่ยเหอเลียนแบบเขาด้วยการเอนตัวบนพนักพิงอย่างเอ้อระเหย รู้สึกสบายมากดังคาด
“ท่านเคยได้ยินคำกล่าวหนึ่งหรือไม่?”
“อะไร?”
“พึ่งพาูเา ูเาย่อมถล่ม พึ่งพาต้นไม้ ต้นไม้ย่อมหนีหาย...อื้อ”
ยังไม่ทันกล่าวจบประโยค ส้มกลีบหนึ่งก็ถูกยัดเข้ามาในปากของนาง ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็ฝีมือของผู้ใด
ฮั่วเยี่ยนไหวมองแววตาสุกใสคู่นั้น เงาร่างของจิ้งจอกน้อยปรากฏสู่สายตาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ซ้อนทับกับสตรีตรงหน้าอย่างอธิบายไม่ได้
หากเปลี่ยนเป็เด็กสาวคนอื่น เมื่อทราบว่ามีจวนเซ่อเจิ้งอ๋องเป็ที่พึ่งให้เช่นนี้ เกรงว่าคงะโโลดเต้นด้วยความดีใจไปนานแล้ว ทว่านางกลับยังคงสงบนิ่งและไม่ยี่หระ
นางแตกต่างกับผู้อื่นอย่างที่คาด
ไม่แปลกใจเลยที่จิ้งจอกน้อยจะชอบเข้าใกล้นาง
“ฮ่องเต้เสด็จ ฮองเฮาเสด็จ!”
เมื่อฮ่องเต้และฮองเฮาก้าวเข้ามา ทุกคนก็ทำความเคารพอย่างพร้อมเพรียง
“ลุกขึ้นได้”
หลังจากทุกคนลุกขึ้น ก็พบว่ามีสตรีหน้าตางดงามนางหนึ่งติดตามอยู่ข้างกายของทั้งสองพระองค์
อันหนิงจวิ้นจู่หรือโหยวพิงถิงสวมชุดกระโปรงยาวสีฟ้าน้ำทะเล อวดหุ่นเพรียวบางอย่างเต็มที่ เส้นผมยาวสีดำขลับปล่อยสยายราวกับน้ำตก ทั่วสรรพางค์กายนั้น นอกจากปิ่นปักผมที่แกะสลักจากหยกเป็ดอกไม้ดอกเล็กๆ สองดอกแล้ว ก็มีเพียงกำไลหยกมันแพะบนข้อมือขาวผ่องที่ขับให้ผิวพรรณเปล่งประกาย
นางดูอ่อนโยนและบอบบาง ราวกับลมกระโชกแรงสามารถพัดนางปลิวได้ สตรีเช่นนี้กระตุ้นความปรารถนาที่จะปกป้องของบุรุษมากที่สุด
“เ้านั่งข้างข้าเถิด”
ฮองเฮาลูบมือของโหยวพิงถิง
สามารถนั่งข้างฮองเฮาได้ นั่นคือความกรุณาเพียงใดกัน
เกียรติยศพิเศษเช่นนี้ เป็สิ่งที่แม้กระทั่งองค์หญิงหกอย่างฮั่วอวิ๋นเยียนยังไม่ได้
ทว่าพระกรุณายิ่งใหญ่ปานนี้กลับถูกปฏิเสธเสียแล้ว
โหยวพิงถิงยืนอยู่ตรงนั้น ใบหน้าเล็กขาวผ่องดูโปร่งแสงเล็กน้อย เครื่องประทินโฉมบนใบหน้าไม่อาจปกปิดความซีดเซียวได้ น้ำเสียงของนางก็ฟังดูอ่อนแรงเช่นเดียวกัน
“ฮองเฮา หม่อมฉันนั่งข้างเซ่อเจิ้งอ๋องได้หรือไม่เพคะ?”
------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้