เผยหยวนเป็นักศึกษาปีที่สามของมหาลัยการท่องเที่ยวแห่งจินหลิงสภาพครอบครัวของเขาถือว่าดีในระดับหนึ่ง และไม่ได้จำเป็ที่จะต้องทำงานหาเงินเรียนแต่อย่างใดแต่ว่าในทุกๆ ่วันหยุด เผยหยวนก็มักจะทำงานพิเศษเป็ไกด์นำเที่ยวอยู่เสมอจนตอนนี้เขาก็ได้มีประสบการ์จากการนำเที่ยวในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว
วันหยุดฤดูร้อนในปีนี้ ด้วยเื่ที่บ้านของเขา ทำให้เผยหยวนเลือกที่จะรับนำเที่ยวอยู่ในจินหลิง
เมื่อพูดถึงการท่องเที่ยวในจินหลิงแล้ว ด้วยการพูดกันปากต่อปากในเื่ของ “อินทรีเทพแห่งจีน” ทำให้สองปีที่ผ่านมาการท่องเที่ยวในจินหลิงนั้นก็ได้รับความนิยมขึ้นมามาก อย่างเช่นกลุ่มคนเกาหลีที่เผยหยวนรับดูแลนี้พวกเขาต่างก็เป็วัยรุ่นชาวเกาหลีสิบกว่าคนที่บินมาเพื่อเที่ยวชมที่นี่
เื่ที่วัยรุ่นมักจะคิดเวลาได้รวมกลุ่มอยู่ด้วยกัน มักจะเป็เื่แปลกๆพิสดารๆ อยู่เสมอ อย่างเช่นครั้งนี้ ความ้าของพวกเขานั้นแสนง่ายดายพวกเขาเพียงแค่้าจะเข้าไปดูอินทรีทองในยามดึกที่ไร้ผู้คนเท่านั้น
แม้ว่าความคิดนี้จะดูแปลกประหลาด แต่เผยหยวนก็เคยพบกับนักท่องเที่ยวที่มีความคิดน่าเหลือเชื่อมากกว่านี้มาก่อนแล้วเมื่อเทียบกัน ความ้าที่ทำให้ลำบากใจนี้ ก็ไม่ได้สาหัสเสียเท่าไรแน่นอนว่าไม่อาจจะไปพักอยู่ในบริเวณตัวสวนของสุสานได้ เผยหยวนจึงได้ทำการจัดหาเต็นท์เพื่อใช้ค้างแรมมาให้พวกเขาในตอนกลางวันพวกเขาก็แบ่งกันออกไปตั้งแคมป์ที่เนินเขาใกล้ๆเมื่อถึงตอนพลบค่ำที่นักท่องเที่ยวพากันแยกย้ายออกไปแล้วพวกเขาก็จะสามารถเข้าไปใกล้เสี่ยวจินได้มากขึ้น
ในที่สุดพวกนักท่องเที่ยวก็พากันแยกย้ายออกไปแสงของดวงจันทร์ล่องลอยขึ้นมาเหนือยอดไม้ ความตื่นเต้นของกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีกลุ่มนี้ก็เพิ่มมากขึ้นบางคนก็นำกล้องส่องทางไกลออกมา เพื่อส่องไปยังเสี่ยวจินที่พักอยู่บนสุสาน
อินทรีทองในกล้องส่องทางไกลระดับสูงเรือนขนสีทองของมันงดงามประกายรับกับแสงจันทร์ทำให้ความอ่อนโยนปรากฏขึ้นในความดุร้ายของมันชายเกาหลีผู้เป็ผู้นำใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเคราของเขาจ้องไปที่กล้องส่องทางไกลด้วยความดีใจที่ปกปิดเอาไว้ไม่มิด
เสี่ยวจินนั้นไวต่อความรู้สึกมาก มันหันมามองที่ทางเนินเขาเล็กๆแววตาของมันยังคงฉายแววราชันแห่งทิวเขา ก่อนจะมองไปรอบๆ
ชายที่ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราพึมพำอะไรบางอย่างออกมาแต่ด้วยความเร็วของมัน ทำให้คนที่รู้เพียงภาษาเกาหลีง่ายๆที่ใช้ในชีวิตประจำวันอย่างเผยหยวนไม่อาจจะเข้าใจที่เขาพูดได้
“อินทรีทองที่ดูสง่างดงามแบบนี้เดิมทีก็ควรจะเป็ของเกาหลีของเราั้แ่แรก!” สาวชาวเกาหลีอายุราวๆยี่สิบกว่าปีพูดขึ้นมาดวงตาสวยงามของเธอมองจ้องไปยังเสี่ยวจินที่พักอยู่้าตัวตึกก่อนที่ในแววตาของเธอจะปรากฏความละโมบขึ้น
ไม่รู้ว่าดวงตาคู่นั้นศัลยกรรมมาหรือเปล่า? เผยหยวนคิดขึ้นมาโดยไร้ซึ่งจริยธรรมเขาเริ่มที่จะเสียใจที่รับกลุ่มทัวร์นี้มาแล้วสองปีที่ผ่านมาเกาหลีนั้นเริ่มที่จะทำอะไรที่ทั้งบ้าทั้งรุนแรงขึ้นมาอีกแล้วไม่ว่าจะอะไรก็เป็ของพวกเขาไปหมด แม้แต่ขงจื่อยังมีสายเืชาวเกาหลีทำเอาน่ารังเกียจเสียเหลือเกิน
เผยหยวนนั้นรู้สึกรังเกียจกับคำพูดคำจาของหญิงสาวชาวเกาหลีเสียเหลือเกินโชคดีที่อินทรีทองนั้นใช้สุสานซุนยัดเซนพักเป็ที่อาศัยไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมห่างออกไป ไม่อย่างนั้นด้วยความคิดของพวกเขาคงจะต้องเอาอินทรีทองตัวนี้บินกลับไปที่เกาหลีด้วยเพื่อไปเป็สายเืของพวกเขาให้ได้แน่นอน
ความคิดของเขานั้นเพิ่งจะลอยขึ้นมา แต่กลับรู้สึกได้ว่ารอบกายของเขาดูผิดปกติไป
ทำไมคนอื่นถึงเงียบไปล่ะ?
เมื่อเผยหยวนพบว่าพวกเขาต่างพากันยกกล้องและโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างสบายใจ
เพราะว่าตอนนี้ไม่ได้้าการพูดแนะนำอะไรเขาเองจึงนำกล้องถ่ายรูปตัวใหม่ที่เพิ่งซื้อออกมาเตรียมจะถ่ายรูปปอินทรีทองใต้แสงจันทร์บ้างถือว่าเป็ของที่ระลึกสำหรับการนำเที่ยวในครั้งนี้ก็แล้วนั้น เผยหยวนกำลังจะเก็บโทรศัพท์ลงเขามองไปยังชาวเกาหลีที่อยู่รอบกาย ก่อนจะต้องส่งเสียงแสดงความใออกมาเบาๆ
พวกอุปกรณ์ขาตั้งกล้องที่เขาคิดนั้น หลังจากผ่านการประกอบอย่างว่องไวแล้วสิ่งที่ปรากฏต่อหน้าของเผยหยวนก็คือ ปืนกระบอกหนึ่ง!
เห็นว่าท่าจะไม่ดีเสียแล้ว คนเกาหลีพวกนี้ไม่ได้มีแผนดีแน่!
เผยหยวนรีบตัดสินใจขึ้นมาด้วยความว่องไว จะทำเป็ไม่รู้ หรือว่าจะขัดขวาง? หลักเหตุผลบอกกับเผยหยวนว่า ให้ทำเป็ไม่รู้จุดมุ่งหมายของพวกเขาแล้วค่อยหาโอกาสแจ้งให้คนอื่นรู้ แต่ว่านักศึกษาแบบเขา ในเวลาสำคัญแบบนี้ใครบ้างจะไม่มีความเืร้อนขึ้นมา ถ้าหากว่ามัวมีเหตุผลอยู่ได้ก็คงจะแปลก!
อีกอย่าง ในตอนที่เผยหยวนกำลังลังเลอยู่นั้น หญิงสาวชาวเกาหลีที่ดูเหมือนจะเสียสติคนนั้นก็หันมาพูดกับเขาด้วยใบหน้าที่ยากจะเดาความรู้สึก “เพื่อนเพ๋ยเื่บางเื่ ไม่รู้จะดีกว่ารู้นะ”
เผยหยวนฝืนยิ้มขึ้นมา พวกคนเกาหลีพวกนี้ ตั้งใจจะจัดการอินทรีทองจริงๆด้วย!
พวกเขา้าจะฆ่ามัน หรือว่าจะจับเป็กันนะ?
ถ้าจับเป็ แล้วจะเอากลับประเทศอย่างไร?
จะต้องมีหน่วยงานสอดแนมอยู่ข้างในแน่ เพราะหากว่าไม่มีหน่วยงานภายในจะคิดเอาออกไปคงเป็เื่ยาก ถ้าจะจับตาย ตอนนี้เขาต้องทำอย่างไร? ในตอนนี้เผยหยวนเพิ่งจะเริ่มรู้สึกเสียใจขึ้นมา ที่ตัวเองนั้นไม่เคยเรียนรู้การป้องกันตัวเองเอาไว้เลย
น่าเสียดาย ที่ตอนนี้ทุกอย่าง มันสายไปแล้ว
ชายชาวเกาหลีที่ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครากำลังเล็งปืนไปทางอินทรีทองแล้วดูท่าทางแล้ว มันไม่น่าจะใช่อาวุธปืนใหญ่ที่เอาไว้ฆ่ากันแต่น่าจะเป็พวกปืนยาชาเสียมากกว่า เผยหยวนขยับเดินเข้าไปใกล้หญิงสาวตาโตชาวเกาหลีก็ขยับขึ้นมายืนข้างกายของเขาเพื่อเตรียมพร้อมที่จะคอยยั้งเขาเอาไว้ทุกเมื่อ
เผยหยวนจึงทำได้เพียงมองไปยังเข็มยาชาที่มีขนาดยาวกว่าเข็มเย็บปักถักร้อยเล็กน้อยเสียงปังดังขึ้นพร้อมกับเข็มฉีดยาที่พุ่งออกไปยังตัวของเสี่ยวจิน รีบหลบเร็วเข้า!ลมหายใจของเผยหยวนร้อนรนขึ้น ตัวของเขานั้นศึกษาอยู่ที่จินหลิงปกติแล้วเขาก็ได้รู้ข่าวของอินทรีทองมาไม่น้อย ดังนั้นเขาจึงค่อนข้างมั่นใจว่าอินทรีทองที่ดูแข็งแกร่งกว่าทั่วไปตัวนี้ จะต้องสามารถหลบได้พ้นอย่างแน่นอน
ทำไมถึงไม่หลบ
เผยหยวนนั้นเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ แต่ความจริงแล้วสำหรับเสี่ยวจินนั้นเข็มฉีดยาอะไรนี่ ไม่น่ากังวลอะไรไปมากกว่าพวกยุงหรือแมลงเลยสักนิดเดิมทีมันก็เป็สัตว์ที่ไม่ได้เกรงกลัวแม้แต่เวทธาตุทองของระดับลมปราณตอนกลางอย่าง “เวทมีดทอง” ดังนั้นแล้ว ทำไมมันจะต้องใส่ใจกับเข็มยาชาเล็กๆธรรมดาๆ นี่ด้วย?
แต่ว่าการทำแบบนี้ เป็การท้าทายกันชัดๆ!
หลินลั่วหรานเคยสั่งเอาไว้ว่า มันไม่สามารถทำร้ายคนตามใจชอบได้แต่ว่าเธอไม่ได้บอกเอาไว้ว่าเมื่อถูกท้าทายแล้วห้ามตอบกลับเสี่ยวจินจึงเริ่มกางปีกออกกว้าง ในตอนที่มันกำลังจะบินไปจัดการพวกแมลงที่กล้ามาท้าทาย “อินทรีขนทอง” ให้ตายในกรงเล็บนั้นกลิ่นอายที่แสนคุ้นเคยก็ปรากฏขึ้น ทำให้ปีกของมันเผลอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ
นี่มัน...เสี่ยวจินเต็มไปด้วยความสับสนและมึนงงนี่คือสิ่งที่มันรอมาตลอดสามปี หรือว่าเป็เพียงภาพหลอน?
เผยหยวนใร้องขึ้นมา พวกชาวเกาหลียกปืนของพวกเขาขึ้นในใจนั้นเต็มไปด้วยความกังวล ทำไมอยู่ๆ ก็มีใครไม่รู้โผล่ออกมา?
มือขาวเนียนปรากฏขึ้น ก่อนที่จะจับเข็มฉีดยาเอาไว้ แล้วโยนทิ้งลงไปที่พื้น
ภายใต้แสงจันทร์ทำให้ใบหน้าของหลินลั่วหรานนั้นไม่ได้ปรากฏออกมาอย่างชัดเจนแต่ว่าความผูกพันของจิติญญาในส่วนลึกและไม่ได้มีการขวางกั้นของราชวังสระเือีกต่อไปแล้วทำให้เสี่ยวจินไม่มีทางจำได้ผิด นี่คือเ้านายของมัน เธอกลับมาแล้วจริงๆ!เสี่ยวจินที่่นี้สง่างามมากขึ้นทุกวัน กลับกลายเป็อินทรีที่ทั้งโง่ทั้งขี้อ้อนและนุ่มนวลขึ้นมาอีกครั้ง มันยังคงนิ่งเฉยอยู่ที่เดิมจนกระทั่งหลินลั่วหรานเดินเข้ามาใกล้
พวกคนเกาหลีที่อยู่ห่างออกไปอีกเนินเขา ไม่ได้เห็นท่าทางการจับเข็มยาชาของ"เธออย่างชัดเจนพวกเขาต่างก็คิดว่ามีคนออกมา “ขัดขวาง” พวกเขา ทำให้พากันโมโหขึ้นมา เขาหยิบเอาปืนยิงระยะไกลออกมาก่อนที่จะเตรียมจัดการกับคนที่เข้ามาขวางทางไปซะแต่แล้วพวกเขาก็พบว่าร่างที่อยู่ใต้แสงจันทร์สลัวนั่น กลับะโขึ้นยังท้องฟ้าด้วยตัวเปล่า!
เป็ไปไม่ได้!
ชายเกาหลีที่ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราแย่งกล้องส่องทางไกลมาคนคนนี้จะต้องอาศัยอุปกรณ์อะไรช่วยอยู่แน่ เธอ้าจะแย่งอินทรีทองของพวกเขาไป!
ภาพที่ชายเกาหลีที่ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราได้เห็นผ่านกล้องส่องทางไกลนั้นทำให้เขาต้องอ้าปากค้างด้วยความใ ที่แท้ เธอก็ะโขึ้นฟ้าไปด้วยตัวเปล่าจริงๆอีกทั้งเมื่อเห็นปลายเสื้อผ้าที่ปลิวไสว ก็ทำให้รู้ว่า ใครคนนั้นเป็ผู้หญิง!
ในตอนนี้หลินลั่วหรานไม่มีเวลาไปสนใจอะไรกับพวกเห็บหมัดตัวน้อยๆเวลาผ่านไปกว่าสามปี เมื่อออกจากราชวังสระเืมาก็ได้พบกับเสี่ยวจินทำให้ในใจของเธอสบายขึ้นมา ในเวลาสามปีนั้นเธอได้ัักับความเป็ความตายมาหลายครั้งทำให้หลินลั่วหรานเริ่มเข้าใจในคุณค่าของชีวิตขึ้นมา ทำให้เธอกระตือรือร้นและก็ทำให้เธอให้ความสำคัญกับมันมากขึ้น
“เสี่ยวจิน...” หลินลั่วหรานะโขึ้นไปยัง้าตัวตึกเสี่ยวจินลดหัวของมันลงมา หลินลั่วหรานซุกใบหน้าลงที่ลำคอของมันราวกับว่าน้ำตาของเธอจะไหลรินลงมาเสียแล้ว
เสี่ยวจินเองก็ขยับคอของมันไปัักับใบหน้าของหลินลั่วหรานการพบกันอีกครั้งของเ้านายและผู้รับใช้เต็มไปด้วยความอบอุ่นแต่ฝั่งตรงข้ามกลับยิงลูกะุออกมาทำลายบรรยากาศอันแสนอบอุ่นเหล่านี้
ลูกะุยิงเข้ามาที่ปีกของเสี่ยวจิน ก่อนจะถูกกันออกไปความแข็งแรงของขนทองคำนั้น แม้แต่แผ่นเหล็กยังไม่อาจจะเทียบเคียงได้แน่นอนว่าแค่กันลูกะุเหล่านี้ ไม่ใช่ปัญหาอะไรสำหรับมันเลย
ความ้าฆ่าปรากฏขึ้นในแววตาของหลินลั่วหรานการที่ถูกกัดกินอยู่ในสระเืมากว่าสามปีเธอไม่ถูกปีศาจกัดกินใจไปก็นับว่าเป็โชคดีแต่ว่าสุดท้ายความรุนแรงและความร้ายกาจก็แทรกซึมเข้ามาในนิสัยของเธอเสียแล้ว
หลินลั่วหรานพลิกตัวขึ้นไปยังหลังของเสี่ยวจิน ปีกของเสี่ยวจินขยับขึ้นก่อนที่บินข้ามมายังเนินเขาฝั่งตรงข้ามในชั่วพริบตา ด้วยความเร็วของมันทำให้คนที่อยู่อีกฝั่งนั้นไม่ทันได้ตั้งตัว!
เมื่อเธอมองลงไปจาก้าหลินลั่วหรานก็ได้ยินชายเกาหลีที่ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราพูดอะไรบางอย่างที่มักจะสามารถพบเจอได้ตามละครเกาหลีออกมาภาษาเกาหลีที่น่าอายแต่กลับทำเป็กล้าหาญเอาไว้แบบนั้น แค่ได้ยินขึ้นมาหลินลั่วหรานก็รับรู้ได้แล้ว
ตอนแรกก็ลงมือทำร้ายเสี่ยวจิน อีกทั้งยังยิงปืนออกมาตามใจชอบถ้าคนพวกนี้คือคนดี แล้วบนโลกใบนี้ใครจะเป็คนชั่วได้อีก? ไม่ใช่ว่าเป็คนคนละชนชาติแล้วจะคิดไม่เหมือนกันเสียหน่อย หลินลั่วหรานี้เีจะสนใจแล้วว่าพวกเขามาที่นี่เพื่ออะไรมือขวาของเธอนั้นขยับร่ายเวทออกมา มวลพลังที่เต็มไปด้วยพลังในการทำลายล้างแทรกซึมเข้าไปในร่างกายของชายเกาหลีที่ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราก่อนที่เขาจะล้มลงทันที คนอื่นที่เหลือต่างพากันเตรียมโจมตีกลับแต่ไม่ว่าใครที่ทำท่าทางแปลกๆ ขึ้นมาต่างก็ถูกหลินลั่วหรานล้มลงเพียงการขยับปลายนิ้ว
นี่คือมวลพลัง มันไม่ได้เหมือนกับพลังที่เข้าไปในร่างกายของมู่เทียนหนานพลังการทำลายล้างของทั้งสองนั้นต่างกันมากทีเดียว และที่สำคัญก็คือพวกมวลพลังเหล่านี้ แม้ว่าจะเป็เพียงเส้นเดียวแต่ว่ามันจะอยู่ในร่างกายไปจนวันตาย ไม่สามารถสลายหายไปได้ด้วยตัวเองให้ความรู้สึกได้ของความเป็ความตายได้ดี
ตอนนี้เหลือเพียงคนที่ดูท่าทางเหมือนกับนักเรียนคนหนึ่งเท่านั้นเมื่อหลินลั่วหรานกำลังยกมือขึ้น เขาก็รีบะโออกมาทันที “ผมเป็คนจีน เป็นักศึกษาของมหาลัยการท่องเที่ยวแห่งจินหลิงผมไม่ใช่พวกเดียวกับพวกเขา!”
หลินลั่วหรานพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ถ้าเป็คนจีนแล้วไปร่วมมือกับพวกหมัดต่างชาติพวกนั้นทำไม?”
เผยหยวนถูกหญิงสาวสวมชุดโบราณขี่อินทรีทองเข้ามาราวกับเทพ์ทำเอาใจนสติหลุดถ้าหากว่าไม่ได้เกี่ยวกับชีวิตของเขา เขาก็คงจะลืมแม้แต่จะพูดจา
ตอนนี้ความสามารถในการพูดจากการเป็ไกด์นั้นได้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้เขาเล่าสถานการณ์อย่างสรุปออกมาให้หลินลั่วหรานฟังภายในสองสามประโยคก่อนที่หลินลั่วหรานจะพูดขึ้นกับตัวเอง “ฆ่าคนก็คงจะทำให้นักเรียนใมากพอแล้ว...นี่ถ้าฉันจะให้เรียกตำรวจมาจัดการพวกเขาหน่อย ทำได้ไหม?”
เผยหยวนหยักหน้าลงอย่างหนักแน่น หลินลั่วหรานไม่ได้สนใจว่าหลังจากถูกส่งตัวให้ตำรวจแล้วพวกเขาจะถูกประกันตัวออกมาหรือไม่เพราะไม่ว่าอย่างไรเมื่อมวลพลังในกายของพวกเขาขยับขึ้นมาพวกเขาก็ไม่อยากจะมีชีวิตต่อไปแล้ว
ตอนนี้หลินลั่วหรานนั้นอยากกลับบ้านมากเธอไม่มีอารมณ์จะมาพูดคุยกับเด็กนักเรียนมากนัก เธอผ่านการเกิดการตายมามาก ทำให้นิสัยของเธอเป็ไปตามที่ใจอยากจะทำเื่สำหรับคนธรรมดาๆ แบบนี้ ก็เอาไว้ให้พวกหน่วยงานพิเศษปวดหัวเล่นเถอะเกี่ยวอะไรกับเธอด้วยล่ะ?
เธอลูบลงที่คอของเสี่ยวจินก่อนที่มันจะขยับปีกที่มีความกว้างกว่าแปดเมตรออกตัวของมันถูกปกคลุมไปด้วยแสงจันทร์
เผยหยวนะโว่า “เทพ์” ออกมา ใบหน้าด้านข้างของหลินลั่วหรานที่นั่งอยู่บนหลังอินทรีทองทำให้เพ๋ยเจียเต็มไปด้วยความใกับสิ่งมหัศจรรย์นี้ สำหรับหลินลั่วหรานแล้วเื่พวกนี้ก็เป็เพียงเื่เล็กๆ เสี่ยวจินนั้นว่องไวราวกับสายฟ้าภายในพริบตามันก็หายไปในขอบฟ้าแล้ว
เผยหยวนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิจารณาอย่างละเอียดภาพอินทรีทองที่เต็มไปด้วยความสง่านั้นถูกถ่ายออกมาอย่างชัดเจนแม้ว่าสาวงามสวมชุดโบราณนั้นจะมีให้เห็นเพียงใบหน้าด้านข้างอีกทั้งยังถูกความสั่นในตอนถ่ายทำให้พร่าเลือน แต่นั่นก็ไม่อาจจะปกปิดท่าทางอันสูงส่งของเธอเอาไว้ได้ในตอนที่กำลังโบยบินนั้น เธอดูราวกับเทพสาวบน์
เผยหยวนเต็มไปด้วยความสับสนเสียงร้องของชาวเกาหลีที่ล้มอยู่ที่พื้นทำให้เขาได้สติกลับมาเขาแจ้งไปที่ตำรวจก่อนเป็อย่างแรก จนในตอนที่ตำรวจเข้ามาจับกุมในใจของเขาก็ลังเลอยู่สักพัก ก่อนที่จะโพสต์รูปภาพนั้นลงสู่เวยป๋อ
“เธอที่อินทรี์เฝ้ารอคอย”
สิ่งที่เผยหยวนทำนั้นเป็เพียงการขยับปีกเบาๆ ของผีเสื้อตัวหนึ่งเขานั้นไม่ได้คิดเลยว่า สิ่งที่กั้นกลางระหว่างคนธรรมดาและผู้ฝึกศาสตร์ก็ถูกแรงกระพือปีกเบาๆ ของเขา ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น!
“...แต่งรูปเหรอ?”
การตอบกลับที่เต็มไปด้วยความสงสัยแรกปรากฏขึ้นบนเวยป๋อคนที่เต็มไปด้วยความมั่นใจอย่างเผยหยวนนั้น ยินดีที่จะให้ตรวจสอบ
หลังจากได้รับการประเมินจากเหล่านักแต่งภาพแล้วภาพที่หลินลั่วหรานนั่งบนอินทรีทองก็ปรากฏไปยังฟอรั่มและเว็บไซต์ใหญ่ๆ มากมายแม้ว่าจะมีคนไม่น้อยที่สงสัยว่าภาพนี้คือภาพจริงหรือเปล่าแต่ว่าคนจำนวนมากกว่านั้นก็มองว่าหลินลั่วหรานคือเซียวเหล่งนึ่งที่เหนือเกินกว่ามนุษย์ทั่วไปอย่างในนิยายของกิมย้งเสียแล้ว
ในยุคนี้ ทำไมถึงยังมีคนสวมชุดโบราณขี่อินทรีทองอยู่อีก?
คนที่อาศัยอยู่บนโลกในยุคสมัยนี้ อาจจะย้อนกลับไปในโลกแห่งตำนานอีกครั้งในค่ำคืนเดียวหรือเปล่า?
มีคนบางกลุ่มที่ใ แต่ก็เต็มไปด้วยความเฝ้ารอ
โลกในตำนานจีนนั้น พวกบรรดาสัตว์ประหลาดมากมายและเทพที่ไม่รู้จักแก่จักเฒ่าพวกนั้น คนเราจะเอาอะไรไปตั้งตารออย่างนั้นเหรอ
หลินลั่วหรานยังคงไม่รู้เื่ราวที่เกิดขึ้นนี้
ภายใต้แสงจันทร์อันไร้ขอบเขตเธอััได้ถึงความพัฒนาของเสี่ยวจินในสามปีที่ผ่านมา ความเร็วของมันในวันนี้ไม่ได้ต่างไปจากเครื่องบินเท่าไรนัก
อีกทั้งการบินของเสี่ยวจินยังเป็เส้นทางตรง น่าจะเร็วเสียยิ่งกว่าเครื่องบินเสียอีกใช่ไหม? เมื่อคำนวณเวลาดูแล้ว อีกสักชั่วโมงเธอก็น่าจะได้พบกับคนที่ห่างหายกันไปกว่าสามปีแล้วหลินลั่วหรานลูบลงบนขนบนแผ่นหลังของเสี่ยวจินรอยยิ้มและความรอคอยก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธออย่างห้ามไม่ได้!
แต่ในขณะเดียวกันนั้น ท้องฟ้าของเมืองหรงเฉิงกลับเต็มไปด้วยสายฟ้าที่ประกายขึ้นมาไม่หยุด!
เพราะว่าฝนกระหน่ำแบบนี้พบได้ยากในหลายปีทำให้อินเทอร์เน็ตถูกตัดขาดไปชั่วคราว
หลินลั่วหรานที่เต็มไปด้วยความตั้งตารอยังไม่ได้รับรู้ว่าบ้านหลินกำลังตกอยู่ในอันตราย...
แต่ไม่ว่าจะเป็อย่างไร ฉันก็กลับมาแล้ว