ด้วยความทะเยอทะยานของฮ่องเต้จิ่วเทียน เมื่อขึ้นครองบัลลังก์แห่งแคว้นหนานหยวนแล้ว เขาก็ประกาศไปทั่วใต้หล้าว่าจะรวมดินแดนให้เป็หนึ่งเดียว ตอนแรกฮ่องเต้องค์อื่นๆ ก็ยังคิดว่านี่เป็เพียงเื่น่าขัน แต่ไม่นาน พลังของฮ่องเต้จิ่วเทียนก็เป็ที่ประจักษ์ในสนามรบ พวกเขาจึงตระหนักได้ว่าคำพูดของอีกฝ่ายนั้น หาได้เกินจริงแต่อย่างใด
ตามตำนานเล่าว่า ฮ่องเต้จิ่วเทียนใช้เืพิเศษของตน มาปรุงยาพิษชนิดหนึ่งให้เหล่าทหารใต้อาณัติดื่มกิน จากนั้นทุกคนก็จะกลายเป็หุ่นเชิดที่เชื่อฟังคำสั่ง ต่อสู้ได้อย่างไม่หยุดหย่อน ไร้ซึ่งความเ็ปและครั่นคร้าม กองทัพหนานหยวนจึงแข็งแกร่งไร้พ่าย
ั้แ่นั้น โลกก็ตกอยู่ในความโกลาหล ผู้คนได้รับความเดือดร้อนจากาไปทุกหย่อมหญ้า
ซึ่งนี่ก็ทำให้วีรบุรุษหลายร้อยคนได้มารวมตัว เพื่อวางแผนต่อต้านเขา และต้องใช้เวลาถึงสามสิบปีจึงจะทำสำเร็จ สุดท้าย ฮ่องเต้จิ่วเทียนก็ฆ่าตัวตาย
แล้วฮ่องเต้ผู้นั้นมาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ได้อย่างไร ควงเยวี่ยโหลวคิดไม่ตก ว่าเหตุใดหนีเจียเอ๋อร์ที่เกิดในจวนสกุลหนี จึงกลายเป็ทายาทของฮ่องเต้จิ่วเทียนไปได้
หากจะว่ากันด้วยเหตุผลแล้ว เพื่อเห็นแก่ส่วนรวม ควงเยวี่ยโหลวก็สมควรจะกำจัดหนีเจียเอ๋อร์ไปเสีย เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต แต่เขาไม่อยากจะคิดไกลไปถึงขนาดนั้น
หากท้ายที่สุดแล้วไม่อาจยับยั้งเื่ราว จนข่าวคราวเล็ดลอดไปถึงหูผู้อื่น หนีเจียเอ๋อร์ย่อมกลายเป็ ‘คนชั่ว’ ที่ทุกคน้าจะกำจัด
ดังนั้น ควงเยวี่ยโหลวจึงอยากจะเก็บเื่นี้ไว้เป็ความลับ และคิดจะใช้วิธีการแลกเืมาแก้ไข...
“ไปตามควงเจียและควงเหยามาพบข้า” เมื่อตัดสินใจแล้ว เขาก็เรียกหาลูกศิษย์ทั้งสองทันที
หนีเจียเอ๋อร์ โจวชิงหวาและควงเหยากำลังพูดคุยสัพเพเหระกันอยู่ พอศิษย์น้องไปถ่ายทอดคำสั่งของอาจารย์ พวกเขาจึงมาพบควงเยวี่ยโหลวพร้อมกัน
“ที่อาจารย์เรียกพวกเรามา เป็เพราะเื่หญ้าอวี้ซินหรือขอรับ?” ควงเหยาเอ่ยถาม
“มิใช่” ควงเยวี่ยโหลวเดินเข้าไปหาหนีเจียเอ๋อร์ และถามเสียงเคร่งขรึม “ควงเจีย เ้าเชื่อใจข้าหรือไม่?”
หนีเจียเอ๋อร์พยักหน้า แล้วพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ศิษย์ย่อมเชื่อใจท่านอาจารย์เ้าค่ะ!”
โจวชิงหวารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี รีบเข้าไปขวางระหว่างคนทั้งสอง ก่อนที่ควงเยวี่ยโหลวจะเอ่ยปาก “เ้าคิดจะทำอะไร? ไหนเคยสัญญากับข้า ว่าจะไม่ฉวยประโยชน์จากความไว้วางใจของเสี่ยวเอ๋อร์ ให้นางไปช่วยทำในเื่ที่เสี่ยงอันตรายอย่างไรเล่า!”
หนีเจียเอ๋อร์แตะข้อศอกของโจวชิงหวา พลางกระซิบเบาๆ “ชิงหวา เ้าพูดอะไร? อาจารย์ของข้าเชื่อใจได้”
คำพูดนี้ ยิ่งทำให้ใบหน้าของโจวชิงหวาอึมครึม จนกลิ่นอายเ็าแผ่ซ่าน
ควงเหยาส่ายหน้า ก่อนโพล่งขึ้นว่า “ที่หุบเขาแห่งนี้หนาวเย็นมากพอแล้ว จิตสังหารของเ้าทำอะไรพวกเราไม่ได้หรอก”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายกอดอก แสร้งทำท่าหนาวเหน็บ โจวชิงหวาก็จับจ้องด้วยสายตาเอาเื่
หนีเจียเอ๋อร์ขยับออกห่างจากชายหนุ่มไม่กี่ก้าว แล้วกล่าวว่า “อาจารย์ ท่านพูดมาเถอะ ศิษย์เชื่อท่าน”
ดวงตาของควงเหยวี่ยโหลวเป็ประกาย “ภายในสองวันหลังจากนี้ ห้ามกินอาหารหรือดื่มน้ำจากที่อื่น นอกเหนือไปจากที่ข้ามอบให้”
ไม่ปล่อยให้ใครเอ่ยถาม ควงเยวี่ยโหลวก็กล่าวต่อ “อีกสองวัน ข้าจะทำพิธีแลกเืกับเ้า”
พูดจบ เขาก็หันไปมองควงเหยา “เื่พิธี ขอฝากกับเ้าด้วย”
ควงเหยาเบิกตากว้างอย่างใ “อาจารย์หมายถึงทำพิธีแลกเืของท่านกับศิษย์น้องหญิงหรือ?”
หนีเจียเอ๋อร์กับโจวชิงหวาก็เช่นเดียวกัน ทั้งสองตาเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก ขณะรอฟังคำอธิบายจากควงเยวี่ยโหลว
ทว่า ยิ่งมีคนรู้เื่น้อยเท่าใด ก็ยิ่งเป็ผลดีเท่านั้น แม้กระทั่งตัวของหนีเจียเอ๋อร์เองก็ตาม นางยังไม่รู้ภูมิหลังที่แท้จริงของตน ดังนั้น เพื่อมิให้หญิงสาวต้องมาเดือดร้อนในภายหลัง การแลกเืนี้ จึงถือว่าเป็ปราการป้องกันอีกชั้นหนึ่ง... จะไม่มีใครทราบว่านางเป็ทายาทของฮ่องเต้จิ่วเทียนเด็ดขาด!
ควงเยวี่ยโหลวเหลือบมองคนทั้งสาม ก่อนจับจ้องไปที่ใบหน้าของหนีเจียเอ๋อร์ “เพียงรู้ไว้ว่า ที่อาจารย์ทำเช่นนี้จะเป็ผลดีกับเ้าก็พอ”
คิ้วของหนีเจียเอ๋อร์ขมวดมุ่น พลางถามเสียงกังวล “อาจารย์ หากท่านแลกเืกับข้าแล้ว ร่างกายของท่าน....”
โจวชิงหวาขัดจังหวะ ไม่เผยช่องว่างให้นางพูดต่อ “ไม่ได้... ข้าไม่เห็นด้วย! ไม่ว่าเ้าจะมีจุดประสงค์อะไร มันก็อันตรายเกินไปที่จะทำพิธีนี้”
ใบหน้าของควงเยวี่ยโหลวเปลี่ยนไปเป็เย็นะเื “นี่คือสำนักอิ้นเสวี่ย คำพูดของข้า ถือเป็ที่สิ้นสุด”
โจวชิงหวาหรี่ตาลง รังสีสังหารทะลักล้น จนทำให้หนีเจียเอ๋อร์รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
ชายหนุ่มก้าวเข้าไปประชิดตัวควงเยวี่ยโหลว มองลอดผ่านผ้าคลุมสีดำเข้าไปยังดวงตาของอีกฝ่าย และกล่าวเน้นทีละคำ “นางเป็ของข้า... น้องสาวข้า ข้ามีสิทธิ์!”
ควงเยวี่ยโหลวนิ่งเงียบ แต่กลับพ่นลมหายใจอย่างเยียบเย็น ส่งแรงกดดันที่เทียบเท่ากันกลับมา ทำให้ความหนาวเหน็บทิ่มแทงไปทุกลมหายใจ
ด้วยเกรงว่าคนทั้งสองจะปะทะกัน ควงเหยาจึงรีบเข้าไปขวางระหว่างพวกเขา และเกลี้ยกล่อมให้โจวชิงหวาถอยออกไปก่อน แต่ไม่มีใครรับฟัง
หนีเจียเอ๋อร์ขมวดคิ้วด้วยความอึดอัดใจ แตะนิ้วลงบนผ้าพันแผล และเอ่ยเบาๆ “อาจารย์ ข้ารู้ท่าน้าช่วยเหลือข้า ที่ท่านใช้วิธีแลกเื คงเพราะอยากรักษาดวงตาของศิษย์ ต่อให้มีโอกาสเพียงน้อยนิด ข้าก็ไม่คิดยอมแพ้ แต่การจะให้ท่านแลกเืกับศิษย์เช่นนี้ ข้าไม่อาจยอมรับได้”
พอได้ยินควงเหยาก็รู้ทันที ว่าที่นางเอ่ยเช่นนี้ ประการแรกก็เพื่อให้โจวชิงหวาอ่อนข้อลง ประการที่สอง ก็เพื่อปฏิเสธอาจารย์ที่จะเสียสละแลกเืกับนาง แม้ว่าจะไม่ทราบเหตุผลที่แท้จริง แต่เขาก็เชื่อในตัวอาจารย์
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว หลังขบคิดครู่หนึ่ง เขาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ “อาจารย์ ศิษย์ยังด้อยประสบการณ์อยู่มาก แต่การแลกเืนี้ เปลี่ยนให้ข้าเป็คนทำได้หรือไม่? เพราะหากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา ท่านอาจารย์ก็จะได้ยื่นมือเข้ามาช่วยพวกเราได้ทันอย่างไรเล่าขอรับ!”
“ศิษย์พี่ใหญ่” หนีเจียเอ๋อร์ร้องอุทาน “หากต้องแลกเืกับท่าน ข้าก็ขอปฏิเสธเช่นกัน”
“พิธีแลกเืนี้ สามารถรักษาดวงตาของนางได้หรือ?”
พอได้ยิน สายตาอยากฆ่าคนของโจวชิงหวาพลันเลือนหาย รีบผลักควงเหยาออก แล้วหันมาจ้องควงเยวี่ยโหลว พลางถามด้วยน้ำเสียงอันเต็มไปด้วยความหวัง “เ้าแน่ใจแค่ไหน?”
ควงเยวี่ยโหลวมิได้ตอบคำถามในทันที แต่เหลือบไปมองศิษย์ทั้งสอง แล้วจึงกล่าว “พิธีแลกเืไร้ซึ่งความเสี่ยง แต่ดวงตาของนางจะกลับมาฟื้นตัวได้หรือไม่ ข้าไม่อาจรับประกัน”
ตราบใดที่ร่างกายของนางยังปลอดภัยดี แม้ว่าจะมีเพียงเศษเสี้ยวแห่งความหวัง ชายหนุ่มก็ยินดีจะไขว่คว้าเอาไว้
เคร้ง!
เขาชักกระบี่ออกมา และยื่นให้ควงเยวี่ยโหลว “ใช้เืของข้าเถอะ!”
หนีเจียเอ๋อร์คิดจะปฏิเสธ แต่โจวชิงหวายังคงยืนกรานที่จะทำ มิฉะนั้น เขาจะทำลายดวงตาของตัวเองเสีย หญิงสาวจึงจำต้องตกลงอย่างไม่เต็มใจ
ควงเยวี่ยโหลวอธิบายว่า “การแลกเืแบ่งออกเป็สามครั้ง ใน่ทำพิธี เ้าต้องกินยาสมุนไพรที่ข้ามอบให้ อาหารก็ต้องเป็ข้าที่กำหนด ไม่อาจกินอะไรตามอำเภอใจได้”
โจวชิงหวาตอบรับ “ไม่มีปัญหา!”