แม้ว่าตอนนี้หลินเฟิงยังอยู่แค่ขอบเขตนักรบลมปราณขั้นที่ 8 แต่ก็เพียงพอที่จะคุกคามลู่เหลียงได้ หลิงเฟิงมั่นใจว่าเมื่อเขาบรรลุขอบเขตนักรบลมปราณขั้นที่ 9 จะสามารถสู้กับอีกฝ่ายได้อย่างสูสี
“คลื่น์เก้ากระแทก” หลินเฟิงได้ปล่อยหมัดไปทางซ้าย คลื่นพลังที่หลั่งไหลออกมาจากหมัดได้พุ่งตรงไปที่ลู่เหลียง
“กรงเล็บผ่าเมฆ” ลู่เหลียงยกมือขึ้น กรงเล็บที่เหมือนตะขอได้พุ่งตรงไปข้างหน้า ทันใดนั้นลมปราณอันแข็งแกร่งก็ฉีกผ่านอากาศอย่างรุนแรง ทำให้ระลอกคลื่นที่ทรงพลังแตกกระจายหายไปในพริบตา
“เคล็ดวิชาอัสนีกัมปนาท”
เมื่อหลินเฟิงขยับข้อมือ ดาบที่อยู่ในกรงเล็บของลู่เหลียงถึงกับสั่นะเืขึ้นมา เสียงสายฟ้าเคลื่อนไหวดังเปรี๊ยะๆ ลู่เหลียงรู้สึกชาที่มือก่อนจะรีบปล่อยดาบ
แต่ใน่เวลาที่ลู่เหลียงคลายกรงเล็บออกจากดาบ หลินเฟิงก็รู้สึกถึงคลื่นพลังที่สะท้อนกลับมา ทำให้ร่างของหลินเฟิงกระเด็นออกไป
“ลู่เหลียงมีจิติญญานกอินทรี ทำให้ความว่องไว การมองเห็นและพลังโจมตีเพิ่มขึ้น นอกจากนี้เมื่อผสานการโจมตีเข้ากับลมปราณแล้ว พลังโจมตีก็มีมากถึง 10,000 จิน”
หลินเฟิงคิดในใจว่า ขอบเขตนักรบลมปราณขั้นที่ 8 และขอบเขตแห่งจิติญญามีความแตกต่างกันเกินไป และอยากรู้ว่าระหว่างขอบเขตนักรบลมปราณกับขอบเขตแห่งจิติญญามันมีช่องว่างแค่ไหน แต่การท้าทายนี้มันยากเกินไปสำหรับผู้ฝึกยุทธ์ในระดับขอบเขตนักรบลมปราณ หลินเฟิงรู้ว่าตัวเอง้าที่จะเอาชนะลู่เหลียง แต่ในความเป็จริงกลับไม่สามารถทำได้
“อัสนีกัมปนาท” ดาบในมือของหลินเฟิงสั่นไหวอีกครั้ง แต่กลับไม่ได้โจมตี เขาแทงดาบไปในอากาศ จากนั้นก็มีดาบที่สองและดาบที่สามตามมา ดาบที่ถูกแทงออกไป จะมีเสียงฟ้าร้องออกมาตลอดเวลา ภายในถ้ำจึงมีเสียงร้องดังกึกก้องอีกครั้ง เสียงเปรี้ยงๆ ะเิขึ้นมาอย่างต่อเนื่องราวกับอัสนีกำลังพิโรธ
เพียงชั่วครู่ รอบตัวของหลินเฟิงก็ปรากฏคลื่นดาบห่อหุ้มร่างกายของตัวเอง และเป็คลื่นดาบที่ทรงพลังมาก
“ป้องกัน? คิดว่ามีประโยชน์หรือ? เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธ์ระดับขอบเขตแห่งจิติญญา ไม่ว่าจะเป็วิธีการใดๆ ก็ล้วนไร้ประโยชน์” ลู่เหลียงกล่าวขณะหัวเราะ ปีกอินทรีขยับอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพุ่งตัวเข้ามาโจมตีหลินเฟิง ถึงแม้ว่าตัวจะยังมาไม่ถึง แต่ลมปราณที่แข็งแกร่งก็โจมตีไปที่คลื่นดาบก่อน จนเกิดเสียงะเิออกมา
หลินเฟิงที่อยู่ในคลื่นดาบรู้สึกเหมือนกับว่า ตัวเองเป็เรือที่อยู่ในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ท่ามกลางพายุที่บ้าคลั่ง ลมปราณยังคงกระหน่ำโจมตีคลื่นดาบอย่างต่อเนื่อง หลินเฟิงโคจรพลังในร่างออกมา เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับคลื่นดาบ ทำให้เคล็ดวิชาอัสนีกัมปนาทยังคงลื่นไหลดุจสายน้ำและไม่สับสนวุ่นวาย
“อินทรีทะยาน”
เมื่อลู่เหลียงเห็นว่าลมปราณไม่สามารถทำอะไรหลินเฟิงได้ จึงทะยานขึ้นฟ้าและใช้กรงเล็บอินทรีจ้วงแทงลงมา ประหนึ่งนกอินทรีจู่โจมเหยื่อ กรงเล็บอินทรีตัดผ่านอากาศลงมาอย่างรวดเร็ว
“ตูม!” คลื่นดาบสั่นไหวอย่างรุนแรง กระทั่งร่างของหลินเฟิงยังสั่นะเืขึ้นมา แต่หลังจากนั้นไม่นานร่างกายก็กลับมามั่นคง ราวกับภูผาที่ตั้งตระหง่านไม่มีวันล้ม และเสียงสายฟ้าก็ดังเปรี้ยงๆ เช่นเดิม
เมื่อลู่เหลียงเห็นว่าตัวเองไม่สามารถทำอะไรกับผู้ฝึกยุทธ์ระดับขอบเขตนักรบลมปราณได้ เขาก็เริ่มโจมตีอย่างบ้าคลั่ง ร่างของเขากลายเป็นกอินทรีและโจมตีไปที่หลินเฟิงอย่างต่อเนื่อง
แรงกดดันที่หลินเฟิงต้านรับเริ่มรุนแรงขึ้นทุกทีๆ แต่ท่าดาบกลับยิ่งแหลมคมมากขึ้น ทั่วทั้งถ้ำมีเสียงฟ้าร้องดังกึกก้องและสั่นคลอนไปมา เหมือนกับว่าถ้ำพร้อมที่จะถล่มลงมาได้ทุกเมื่อ
หลินเฟิงมีเืไหลออกจากมุมปาก ทุกการโจมตีของลู่เหลียงล้วนมีพลังไม่น้อยกว่า 12,000 จิน และเป็การโจมตีที่ไม่แน่นอน ไม่มีกฎตายตัว อีกทั้งอวัยวะภายในของหลินเฟิงก็ได้รับาเ็สาหัส
“มันควรจะจบได้แล้ว”
สายตาของหลินเฟิงเปล่งประกายขึ้นมา เขาขยับดาบในมือและสลายคลื่นดาบที่ห่อหุ้มร่างทั้งหมด เพื่อให้ไหลมาโคจรรอบดาบของหลินเฟิง พลังอัสนีกัมปนาทที่แข็งแกร่งราวกับหลอมรวมเข้าไปในดาบของเขา
พลัง พลังของดาบ และพลังของอัสนี ทุกอย่างได้ะเิออกมาพร้อมกัน!
พลังทำร้ายล้างที่น่าหวาดกลัวแผ่พุ่งออกมาจากดาบของหลินเฟิง ทำให้ลู่เหลียงรู้สึกได้ถึงขุมพลังที่แข็งแกร่ง จิติญญานกอินทรีสั่นระริกขึ้นมา ก่อนจะบินถอยหลังอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียวก็ถอยห่างจากหลินเฟิงไปไกลมาก
แต่ดาบของหลินเฟิงยังคงรวบรวมลมปราณไม่หยุด นอกจากนี้เขายังใช้เคล็ดวิชาเคลื่อนไหวดั่งเงาควบคู่ไปด้วย ทันใดนั้นคลื่นดาบอันแข็งแกร่งได้กลายเป็ลำแสงสายฟ้าฟาดฟันไปทางลู่เหลียง
“อินทรีทะยาน” ลู่เหลียงะโ ขณะที่มือทั้งสองข้างปลดปล่อยลมปราณที่แข็งออกมา
“ตูม!!!” พื้นดินสั่นะเื ทั่วทั้งถ้ำสั่นไหวขึ้นมาฉับพลัน
“เคล็ดวิชาเคลื่อนไหวดั่งเงา!”
ร่างกายของหลินเฟิงกลายเป็ลำแสง มุ่งหน้าออกไปยังนอกถ้ำ วินาทีที่ฟันดาบออกไป เสียงแหลมคมพลันดังกึกก้องขึ้นมา
“ไอ้สารเลว!” ลู่เหลียงกู่ร้องอย่างบ้าคลั่ง เขาพบว่ามือทั้งสองข้างเต็มไปด้วยเื ซึ่งเห็นได้ชัดว่าได้รับาเ็สาหัสจากการโจมตีของหลินเฟิง หากไม่ถอยเร็วกว่านี้ ดาบนั่นคงคร่าชีวิตของเขาไปแล้ว
ลู่เหลียงไม่เคยคิดเลยว่า ผู้ที่อยู่แค่ขอบเขตนักรบลมปราณคนหนึ่ง ไม่เพียงแต่จะสามารถหนีพ้นเงื้อมมือของเขาได้ แต่ยังทำให้เขาาเ็สาหัสอีกด้วย แม้กระทั่งคร่าชีวิตน้องชายของเขาอย่างลู่เฟยได้
ลู่เหลียงกอดร่างของลู่เฟยไว้ สีหน้าของลู่เหลียงน่ากลัวเหมือนกับผี ลู่เฟยในตอนนี้มีเืไหลทะลักออกมาจากลำคอและไร้ซึ่งลมหายใจ นี่คือผลงานชิ้นเอกที่ออกมาจากดาบของหลินเฟิง
“ข้า ลู่เหลียง ขอสาบานว่าตราบใดที่เ้ายังมีชีวิต เ้าจะไม่มีวันได้อยู่อย่างสงบ” เสียงของลู่เหลียงดังสะท้อนอยู่ภายในถ้ำ เป็น้ำเสียงราวกับปีศาจร้ายในขุมนรก เสวี่ยฮวนสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว ขณะที่ยืนพิงผนังถ้ำ นางไม่คิดเลยว่าหลินเฟิงจะมีพลังแข็งแกร่งเช่นนี้ แม้แต่ลู่เหลียงก็ยังไม่สามารถทำอะไรหลินเฟิงได้
หากหลินเฟิงได้ยินเสียงะโของลู่เหลียงคงจะยิ้มเยาะเย้ย ลู่เหลียงจะไล่ล่าหลินเฟิงจนกว่าชีวิตจะหาไม่ เหอะ พวกเขาทั้งสองคนล้วนต่อสู้กันขนาดนี้แล้ว ยังมีหน้ามาพูดว่าจะไม่ให้ข้าได้อยู่อย่างสงบ? ฆ่าคนหนึ่งได้ ก็ต้องฆ่าอีกคนได้เช่นกัน
หลินเฟิงไม่ใช่คนชั่วร้าย เขาไม่เคยคิดที่จะไปยั่วยุคนอื่นก่อน แต่การที่เขาฆ่าหรือทำร้ายใคร นั่นก็เป็เพราะว่าคนพวกนั้นมารังแกเขาก่อน มันเป็ธรรมชาติที่เขาจะต้องลุกขึ้นมาป้องกันตัว
หลินเฟิงวิ่งอย่างต่อเนื่องเป็เวลากว่าครึ่งชั่วโมง ก่อนจะค่อยๆ หยุดวิ่งและไอออกมาสองครั้ง จนเืไหลออกมาจากมุมปาก เห็นได้ชัดว่าหลินเฟิงได้รับาเ็หนักจากการต่อสู้ ความจริงแล้วช่องว่างของพลังและขอบเขตระหว่างทั้งสองคนมีมากเกินไป การต่อสู้ในครั้งนี้แม้จะาเ็หนักแต่ก็ทำให้เขาภูมิใจเป็อย่างมาก เนื่องจากเขาอยู่แค่ขอบเขตนักรบลมปราณขั้นที่ 8 แต่กลับสามารถรับมือกับขอบเขตแห่งจิติญญาได้
จากนั้นหลินเฟิงก็หยิบขวดยาออกมา ก่อนจะเปิดฝาขวดและหยิบเม็ดยาเข้าปาก ความรู้สึกสดชื่นและเบาสบายแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของเขา ความอึดอัดตรงบริเวณหน้าอกก็ค่อยๆ ผ่อนคลายขึ้น ไม่นานอารมณ์ของเขาก็กลับมาดีดังเดิม หลินเฟิงไม่เคยมี่เวลาแบบนี้มาก่อน และเขาก็รู้สึกว่าอาการาเ็ของตัวเองได้ฟื้นฟูกลับมาเป็ปกติแล้ว
“ประสิทธิภาพของยาช่างดียิ่งนัก”
ในดวงตาของหลินเฟิงเผยให้เห็นถึงความประหลาดใจ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมชายชราถึงกล่าวว่า เพียงเม็ดเดียวก็สามารถรักษาหานหมานจากอาการาเ็ได้ ก่อนหน้านี้เขายังสงสัยเลยว่า ถ้าให้เม็ดยาหานหมานและจิ้งหยุนคนละสามเม็ด จะเป็อันตรายหรือไม่ แต่ตอนนี้เมื่อได้ลองกับตัวเอง หลินเฟิงก็รู้สึกได้ถึงประสิทธิภาพของยารักษา
หลินเฟิงตอนนี้ไม่เพียงแต่รู้สึกว่าอาการาเ็จะหายดีแล้ว กระทั่งลมปราณยังแข็งแกร่งมากขึ้น
“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้คนจำนวนมากมายถึงหลงรักในเม็ดยา เม็ดยาเหล่านี้ คู่ควรให้ผู้ฝึกยุทธ์บ้าคลั่งได้จริงๆ”
ในทวีปเก้า์ มีผู้ฝึกยุทธ์จำนวนมากสามารถกลั่นยาและหลอมอาวุธขึ้นมาได้ ซึ่งปรมาจารย์เหล่านี้ล้วนได้รับความเคารพ ตำแหน่งทางสังคมก็สูงมาก กระทั่งในนิกายหยุนไห่ก็มีปรมาจารย์ที่เชี่ยวชาญการกลั่นยาอยู่บ้าง แต่เนื่องจากหลินเฟิงเป็เพียงศิษย์สายนอก จึงไม่มีโอกาสได้พบปะกับพวกเขา
การต่อสู้เป็วิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น หลังจากผ่านประสบการณ์ในการต่อสู้ที่ยากลำบากมาและมีเม็ดยาคอยช่วยสนับสนุน จะทำให้เลื่อนระดับได้เร็วขึ้น ดีกว่ามานั่งบ่มเพาะเฉยๆ หลายเท่า ตอนนี้เขาควรจะหาสถานที่ดีๆ ในการบ่มเพาะ และบางทีอาจจะใช้โอกาสนี้ในการทะลวงขอบเขตนักรบลมปราณขั้นที่ 9 เมื่อถึงเวลานั้นก็ค่อยกลับไปที่เมืองหยางโจวเพื่อเข้าร่วมงานชุมนุม
หลินเฟิงกวาดสายตามองไปรอบๆ ก็พบว่าที่นี่ดูคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก
“ที่แท้ก็คือที่แห่งนี้” แววตาของหลินเฟิงเป็ประกายและมีรอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นมา เมื่อพบว่าไกลออกไปนั้นมีูเาลูกหนึ่งที่ตรงกลางมีรอยแยกกว้างออกมา ราวกับว่าถูกดาบผ่าครึ่ง มันเป็ช่องผาที่หลินเฟิงบังเอิญเข้าไปในคราวก่อน และถูกไล่ออกมาโดยผู้หญิงคนหนึ่ง
“ข้าไม่เคยพบถ้ำที่ไหนที่ดีเท่าที่นี่อีกแล้ว และอีกอย่างถ้ำแห่งนี้ก็ยังเป็สถานที่ที่สวยงามมาก” หลินเฟิงไม่มีทางลืมว่าหญิงสาวผู้นั้นพยายามฆ่าเขาถึง 2 ครั้ง ครั้งนี้หลินเฟิงก็อยากจะเห็นว่า หญิงงามคนนั้นจะหยุดเขาได้หรือไม่
หลินเฟิงเร่งฝีเท้าเดินไปยังช่องผาแห่งนั้น และเข้าไปในช่องผาอย่างไม่ลังเล
บริเวณรอบๆ ช่องผามีคนเห็นหลินเฟิงเดินเข้าไปด้านในอย่างไม่ลังเล ดังนั้นพวกเขาจึงรออยู่ข้างนอกเพื่อดูหลินเฟิงหน้าแตก ไอ้หมอนี่กล้าเข้าไปในพื้นที่ต้องห้ามของศิษย์พี่หลิ่วเฟย ช่างไม่รู้จักคำว่าตายเสียแล้ว
หลังจากที่หลินเฟิงเดินเข้าไปในช่องผา ก็พบบ่อน้ำพุร้อนที่ตั้งอยู่ตรงกลางยอดเขาทั้งสี่ ระหว่างทางเข้าถ้ำก็พบหินงอกหินย้อยไม่น้อย ถ้าไม่มีใครเข้ามารบกวน ที่แห่งนี้ก็เหมาะแก่การบ่มเพาะพลังเป็อย่างมาก
ขณะนั้น ตรงใจกลางบ่อน้ำพุร้อน เช่นเดียวกับครั้งก่อนที่หลินเฟิงพบหลิ่วเฟย นางกำลังฝึกกลั้นหายใจและดำน้ำอยู่ในบ่อน้ำพุร้อน ซึ่งนี่เป็วิธีการฝึกลมหายใจของนาง เพื่อให้มีจังหวะการหายใจที่แข็งแกร่งขึ้น และทำให้หลิ่วเฟยสามารถยิงลูกศรได้หลายดอกภายในลมหายใจเดียว อีกทั้งยังทำให้พลังของลูกศรแข็งแกร่งมากขึ้นด้วย
เมื่อใบหน้าแสนงดงามของนางโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ ก็ได้เห็นหลินเฟิงอีกครั้ง นางอดไม่ได้ที่จะหรี่ตามองและกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็าว่า “เ้าอีกแล้ว”
“ใช่ ข้าเอง” หลินเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มบางเบา ในเมื่อเขากล้าต่อสู้กับขอบเขตแห่งจิติญญา ดังนั้นการเผชิญหน้ากับหลิ่วเฟยก็ไม่นับว่าเป็อะไรได้ และถึงแม้ว่าหลิ่วเฟยจะถูกจัดอันดับให้เป็ศิษย์สายนอกที่แข็งแกร่ง แต่ทว่าหลินเฟิงก็ยังคงเชื่อมั่นในฝีมือของตัวเอง ขนาดจิ่งฮ่าวที่อยู่อันดับที่สูงกว่าหลิ่วเฟยก็ยังถูกเขาสังหารมาแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้