กระทู้ทั้งสองของเธอ ต่างมีการตอบกลับมากกว่าร้อยข้อความ หลินลั่วหรานยังคงได้แต่สงสัยว่าประเทศจีนไปเอานักฝึกศาสตร์มาจากที่ไหนมากมายขนาดนี้! จนกระทั่งเมื่อไปเห็นคนที่มีชื่อ ID ว่า “ลำบากขัดสนมาั้แ่เกิด” เธอก็เริ่มจะเข้าใจขึ้นมา บางทีนักฝึกศาสตร์ในจีนไม่ได้มีมากนักหรอกเพียงแต่ส่วนมากนั้นคือคนที่เตรียมพร้อมจะเป็นักฝึกศาสตร์ต่างหาก?
ก็จริงที่ตอนนี้การฝึกศาสตร์นั้นยากขึ้นทุกวันแต่ว่าเพียงแค่ความสามารถในระดับฝึกลมปราณ ก็ดูวิเศษในสายตาของคนธรรมดาทั่วไปแล้วถ้าหากว่ามีโอกาสได้เข้ามาในเส้นทางเส้นนี้แล้วทำไมพวกเขาจึงจะไม่พยายามดิ้นรนเพื่อมันล่ะ?
เพียงแต่ โลกของการฝึกศาสตร์ในวันนี้ตกต่ำลงไปมากเกินไปแล้ว...การตอบกลับส่วนมากนั้นอย่าได้พูดถึงการแลกเปลี่ยนอะไรเลย แค่ดอกมี่เิพวกเขายังไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำวัตถุดิบหลักของยาระดับพื้นฐาน จึงเงียบหายไปไม่มีใครกล่าวถึง
กระทู้อีกอัน การตอบกลับนั้นมีมากกว่ากระทู้แรกเสียอีก แต่กลับไม่มีใครเสนอราคาออกมาหลินลั่วหรานได้แต่ถอนหายใจ ความจริงเธอเริ่มที่จะร้อนใจขึ้นมาแล้วการฝึกศาสตร์ในปัจจุบันนั้นมีกำลังน้อยแล้วพวกนักฝึกศาสตร์ธรรมดาเหล่านี้จะเอาอะไรมาให้ราคาแลกเปลี่ยนกับเธอได้
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเธอน่าจะต้องหาคนที่มีกำลังมากกว่านี้ในการแลกเปลี่ยน หลินลั่วหรานขมวดคิ้วเข้าหากันเธอไม่ชอบการแลกเปลี่ยนที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนแบบนี้
ในระหว่างที่เธอกำลังคิดอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นมันแสดงขึ้นว่าปลายสายคือเป่าเจียเธอพูดกลับมาอย่างมึนงงว่าวันนี้จะไม่กลับไปที่เขาชิงเฉิงด้วยในใจของหลินลั่วหรานนั้น กำลังคิดถึงเื่อื่นอยู่ ทำให้เธอไม่ทันได้สนใจนัก
ในบ้านของผู้บังคับบัญชาฉิน เป่าเจียวางสายโทรศัพท์ลงก่อนจะนั่งเหม่ออยู่บนโซฟา
ผู้บังคับบัญชาฉินแตะลงที่มือของเธอเบาๆ “ถ้ารู้ั้แ่แรกว่าหนูไม่ได้ชอบคุณชายของตระกูลหลิ่วตาก็คงจะไม่หมั้น ในเมื่อตอนนี้เป็แบบนี้แล้ว มันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ?”
จะกล่าวหาว่าผู้บังคับบัญชาฉินเห็นแต่ประโยชน์ก็ไม่ได้ เพราะว่า “ความฝันในการฝึกศาสตร์” นั้นรุมเร้าตระกูลฉินของเขามาหลายชั่วรุ่น เมื่อมันมาปรากฏขึ้นที่ตัวหลานสาวเพียงคนเดียวของเขาเขาก็ไม่อยากจะให้เธอต้องเดินไปบนเส้นทางเดียวกับย่าทวดของเธอเข้าไปพันเกี่ยวมีความสัมพันธ์กับคนธรรมดาแบบนั้น
เป่าเจียขมวดคิ้วแน่น “หนูรู้สึกผิดกับคุณชายหลิ่ว...”
เธอคิดไม่ถึงเลยว่า ที่หลิ่วเจิงมาในวันนี้ เป็เพราะว่าเขามาเสนอให้ยกเลิกการหมั้น! เป่าเจียไม่ได้รู้สึกว่าถูกถอนหมั้นแล้วจะน่าขายหน้าเพียงแต่เธอรู้ดีว่าเื่การแต่งงานนี้ เป็เื่ที่สำคัญมากสำหรับทั้งสองตระกูลยิ่งหลังจากนี้สถานะของตัวเธอสูงมากขึ้นเท่าไรตระกูลหลิ่วก็น่าจะยิ่งอยากมาเกาะติดตัวเธอให้แน่นมากขึ้น แล้วพวกเขาจะยอมเห็นด้วยกับการถอนหมั้นได้อย่างไร? เห็นได้อยู่ชัดๆ ว่าคุณชายหลิ่วนั้น น่าจะมาเสนอเื่นี้ด้วยตัวของเขาเองโดยที่ทางตระกูลไม่ได้รับรู้ด้วย...
ใบหน้าของผู้บังคับบัญชาฉินปรากฏสีหน้าที่ราบเรียบแสดงให้เห็นถึงความมากประสบการณ์ของเขา ั้แ่ที่เกิดเื่โจวเหย้าเวยขึ้นเขาก็รู้ได้เลยว่าตระกูลหลิ่วนั้น เป็ประเภทร่วมสุขไม่ร่วมทุกข์ต่อให้วันนี้หลิ่วเจิงไม่มาขอถอนหมั้นกับเขาเขาก็คงจะไม่ยอมรับการผูกสัมพันธ์นี้อีกต่อไปแล้วอยู่ดี
มีเพียงลู่ซานชุนเท่านั้น แต่เมื่อไม่ทันระวังไปได้ยินเื่ถอนหมั้นเข้าวันนี้ใบหน้าของเขาจึงเต็มไปด้วยรอยยิ้มคนในกลุ่มต่างก็พูดกันว่าจะต้องมีเื่ดีเกิดขึ้นแน่ๆหลังจากนี้ทุกคนก็สบายใจได้แล้วเพราะอย่างนั้นวันนี้คนในกลุ่มจึงเต็มไปด้วยความสุข
ในตอนที่หลินลั่วหรานกลับมาถึงคฤหาสน์ที่เขาชิงเฉิงด้วยตัวคนเดียวนั้นท้องฟ้าก็มืดลงเป็ที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ทุกคนทานอาหารเย็นเสร็จหลีซีเอ๋อร์ก็บอกว่า เสี่ยวจินไม่ได้ออกไปบินเล่นสองวันแล้วอยากให้หลินลั่วหรานพามันออกไปเล่นบ้าง เมื่อเป็ข้อเสนอที่เต็มไปด้วยความใส่ใจหลินลั่วหรานจึงไม่ได้สงสัยอะไรเธอ และพาเสี่ยวจินออกไปตากลมเล่นจริงๆ
หลายชั่วโมงต่อมา ในระหว่างกลางดึก ไฟในคฤหาสน์หลังอื่นต่างก็พากันดับลงหลินลั่วหรานจึงเริ่มเตรียมตัว
ในป่าเขานั้นกว้างใหญ่ อีกทั้งยังเต็มไปด้วยความมืดไม่มีใครสามารถถ่ายรูปตัวเสี่ยวจินได้ เป็่เวลาที่เหมาะพอดีตามที่หลินลั่วหราน้าสองวันที่ผ่านมาเสี่ยวลั่วตงพยายามที่จะเข้าใกล้เสี่ยวจินอยู่ตลอดแต่กลับไม่มีความกล้าพอ เธอจึงพาเขาไปด้วย
เมื่อหลินลั่วหรานอุ้มเสี่ยวลั่วตงขึ้นไปยังหลังของเสี่ยวจินแล้วเสี่ยวจินก็เริ่มขยับปีกออก ก่อนจะส่งเสียงแผดร้องดีใจออกมา หลังจากที่ห่างหายไปกว่าสองเดือนนี่เป็ครั้งแรกที่หลินลั่วหรานกลับมาขี่หลังมันอีกครั้ง
ลั่วตงนั้นอยากจะส่งเสียงร้องออกมา ก็ได้แต่อดทนเอาไว้
เสี่ยวจินเริ่มขยับปีกออก ก่อนที่จะบินข้ามตัวคฤหาสน์ไป ผ่านป่าไม้เก่าแก่ผ่านทิวเขา จนกระทั่งไปถึงบนยอดเขาสูง
หลีซีเอ๋อร์เผยรอยยิ้มเสียจนตาหยี ขนตาของเธอกะพริบผ่านไปมาก่อนที่จะะโอย่างมีความสุขออกมาจากตัวบ้าน
เมื่อเห็นว่ารุ่นน้องหลีมีรอยยิ้มแปลกๆ ซูอี้เหรินก็ถอนหายใจพร้อมกับคิดว่า “บ้านฉันมีเด็กสาวเพิ่งจะเริ่มโตอยู่” ในตอนที่กำลังจะตามไป เขาก็โดนผู้เป็พ่อที่เดินหมากผิดรั้งเอาไว้เสียก่อนเมื่อเขาหันกลับไปมองอีกครั้ง หลีซีเอ๋อร์ก็เดินห่างออกไปเสียแล้วอย่างไรที่หมู่บ้านในเขานี่ก็ไม่ได้มีอันตรายอะไรซูอี้เหรินจึงได้แต่คิดว่าบางทีรุ่นน้องของเขาอาจจะมีความลับส่วนตัวที่ไม่อยากให้เขารู้ก็ได้ ก็เลยปล่อยให้เธอไป
ณ คฤหาสน์หมายเลข 7 นั้นยังคงมีแสงไฟสว่างอยู่ เหล่าบอดี้การ์ดที่ชั้นล่างต่างพากันหลบซ่อนอยู่ในมุมมืดในป่าเขานั้นแมลงเยอะมากเป็พิเศษ ในตอนนี้พวกมันนั้นกำลังรวมตัวกันเข้าจู่โจมทำให้ลำบากอยู่ไม่น้อย
หลีซีเอ๋อร์ค่อยๆ แอบขยับเข้ามาใกล้ เมื่อเห็นว่าด้านข้างของตัวคฤหาสน์มีต้นไม้ผิวลื่นอยู่ต้นหนึ่งและเพราะว่ามันสูงมากจนคนธรรมดาไม่อาจจะปีนขึ้นไปได้ดังนั้นพวกบอดี้การ์ดจึงเดินตรวจตราอย่างไม่ได้รัดกุมอะไรมากนัก...ความจริงแล้วพวกเขากลับรู้สึกว่าประธานไอนั้นดูวิตกกังวลมากเกินไปเขาก็แค่มีเงินไม่ใช่คนสำคัญอะไรของรัฐบาล แล้วใครจะคิดมาฆ่าเขา? แค่มาพักรักษาตัวก็ยังต้องขนบอดี้การ์ดมามากมายขนาดนี้ทั้งที่ให้ดูแลบริษัทนั้นน่าจะดีกว่า
หลีซีเอ๋อร์นั้นไม่มีวิชาตัวเบาอะไรแต่ว่าโชคดีที่เธอเองก็เป็นักปราชญ์สาวระดับฝึกลมปราณที่ได้รับความรักความใส่ใจจากอาจารย์มากถ้าหากว่าเื่แค่นี้ยังทำไม่ได้ ก็อย่าเรียกเธอว่านักปราชญ์จีนเลย
ั้แ่ที่กลับมาจากสถานที่ลึกลับ บทเรียนจากความผิดพลาดทำให้เธอถอนกระดิ่งออกจากเชือกวิเศษเป็ที่เรียบร้อยแล้วตอนนี้เธออาศัยช่องว่างจากการเดินตรวจตราของเหล่าบอดี้การ์ด มือขยับร่ายเวทออกมาก่อนที่เชือกวิเศษจะไปพันเกี่ยวอยู่บนต้นไม้อย่างว่องไวเมื่อหลีซีเอ๋อร์ออกแรงกระตุก ตัวของเธอก็ขึ้นมาอยู่บนต้นไม้ได้อย่างสบายๆเมื่อเป็ไปตามแผนการ เธอก็ส่งเชือกไปยังรั้วระเบียงก่อนจะะโข้ามเข้ามาอย่างง่ายดาย
ผ้าม่านสีม่วงขยับปลิวไสวไปตามแรงลม ราวกับเป็หนึ่งเดียวกันกับชุดกระโปรงที่หลีซีเอ๋อร์สวมใส่การที่เธอซ่อนตัวอยู่หลังผ้าม่าน ก็ยิ่งทำให้คนยิ่งไม่ทันสังเกตถึงตัวของเธอ
ไอลี่กำลังล้างเครื่องสำอางของเธอออก โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่ามีใครคนหนึ่งซ่อนตัวอยู่ที่ด้านหลังผ้าม่าน ตอนที่เธอกำลังทาครีมบำรุงดวงตาอยู่นั้นเสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น เธอมองไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่โทรเข้ามาก่อนจะกดรับด้วยอารมณ์ไม่สู้ดีนัก
“หลี่อันผิง ขาไม่เจ็บแล้วเหรอ?”
ไม่รู้ว่าปลายสายพูดอะไรออกมา ไอลี่ถึงได้เหยียดรอยยิ้มออก ก่อนจะพูดว่า “ค่ารักษาพยาบาล? นายคิดว่าฉันเป็หลินลั่วหรานที่ไม่สู้คนแบบนั้นหรือไงหรือคิดว่าหน้าตานายมันหล่อมากขนาดนั้นเลย!”
เมื่อได้ยินคำว่า “หลินลั่วหราน” ออกมา หลีซีเอ๋อร์ก็ััได้ถึงความผิดปกติทันทีก่อนที่จะกลั้นหายใจเข้าอีกครั้ง
ไอลี่โต้เถียงกับหลี่อันผิงที่อยู่ปลายสายในระหว่างที่กำลังขัดแย้งกันอยู่นั้น ก็ราวกับกำลังเล่าเื่ราวเก่าๆออกมาอีกรอบหนึ่ง ยิ่งได้ฟังมากเท่าไร หลีซีเอ๋อร์ก็ยิ่งโมโหมากขึ้นเท่านั้นเธอค่อยๆ กำหมัดของตัวเองขึ้นมาแน่น
เมื่อไอลี่ระบายเรียบร้อยแล้ว เธอก็ส่งถ้อยคำขอบคุณไปยังเบอร์โทรศัพท์ของซูอี้เหรินอีกครั้งเมื่อเห็นว่าผ่านไปนานแล้ว ก็ยังไม่มีใครตอบกลับมา เธอก็นอนหลับไปด้วยความโมโห
หลีซีเอ๋อร์ได้ยินว่าเสียงลมหายใจของเธอนั้น เริ่มสม่ำเสมอแล้วเธอจึงเข้ามาในตัวห้อง
“เฮ้อ” เธอลอบถอนหายใจออกมาผู้หญิงที่พอลบเครื่องสำอางออกก็กลายเป็แบบนี้คือศัตรูความรักเก่าขของรุ่นพี่หลินเหรอ? แล้วในตอนนี้ก็ยังไปยุ่งกับตระกูลหลินอีกเธอ้าอะไรกันแน่...แม้ว่าจะคิดอยู่นาน แต่เธอก็ยังคิดอะไรไม่ออกอยู่ดีในใจของเธอนั้นไม่ได้ยอมแพ้ไปง่ายๆ หากจะฆ่าคน เธอก็ไม่ได้คิดว่าผู้หญิงคนนี้ทำอะไรร้ายแรงถึงขนาดที่ต้องฆ่าหลีซีเอ๋อร์คิดไปคิดมา ก่อนที่แววตาของเธอจะเป็ประกายขึ้น!
มือขวาของเธอร่ายเวทที่สลับซับซ้อน พลังเวทธาตุทองตวัดผ่านหัวของไอลี่เมื่อแสงสีทองลอยผ่านไป หลีซีเอ๋อร์ก็เผยรอยยิ้มออกมา ก่อนที่จะกลับออกไปจากคฤหาสน์หมายเลข 7 ด้วยวิธีเดิม
เมื่อเธอกลับไปนอนที่ห้องของตัวเองอย่างเรียบร้อยพร้อมกับมีความสุขกับเื่แสบๆ ที่ได้ไปทำมาหลินลั่วหรานก็เพิ่งจะพาลั่วตงและเสี่ยวจินกลับมาที่บ้านเสียงหัวเราะแหลมของลั่วตงถูกส่งผ่านเข้ามาให้เธอได้ยิน จากนั้นรอยยิ้มของเธอก็เด่นชัดขึ้นอีกแม้แต่ในความฝัน ตลอดค่ำคืนใบหน้าของเธอก็ยังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้มมีความสุขเสียจนควบคุมตัวเองไม่ได้
วันต่อมา ไอลี่ถูกเสียงแจ้งเตือนของโทรศัพท์ทำเอาตื่นขึ้น
เธอดึงผ้าปิดตาออก ก่อนจะรู้สึกว่าบนใบหน้าของเธอนั้นเต็มไปด้วยเศษผมเมื่อััไปเจอโทรศัพท์ ความสนใจของเธอก็ถูกข้อความเ่าั้ดึงดูดไปที่แท้ซูอี้เหรินก็แอบมีใจคิดถึงเธอ ถึงได้ตั้งใจยั่วยวนด้วยการรอให้ถึงเช้าแล้วค่อยตอบกลับมา
ทั้งสองต่างก็เต็มไปด้วยความสงสัยไม่นานการสนทนาผ่านข้อความก็ดุเดือดขึ้นมา ไอลี่บอกว่าอยากจะไปเยี่ยมขอบคุณซูอี้เหรินจึงได้แต่ตอบกลับไปอย่างงุนงงว่า เ้าของบ้านไม่อยู่นะ ไม่อยู่เหรอ? นั่นมันพอดีเลยไม่ใช่หรือไง! ไอลี่เผยรอยยิ้มออกมา ก่อนที่จะเดินลงไปยังชั้นล่างด้วยชุดกระโปรงนอน
ผู้ดูแลบ้านกำลังพยายามกระตุ้นให้ชายชราทานอาหารเช้า แต่เมื่อทุกคนหันไปมองที่ไอลี่ต่างก็แสดงท่าทีใขึ้นจนซ่อนไม่มิด เมื่อเธอกำลังจะเอ่ยถามบอดี้การ์ดคนหนึ่งที่ตรวจสอบเลขทะเบียนรถของคฤหาสน์หมายเลข 18 มาได้ก็กำลังจะเข้ามารายงาน ก่อนจะถูกไอลี่ทำเอาใเข้าเขาไม่ทันได้คิดถึงระดับสูงต่ำ จึงพูดออกมาด้วยความใ
“คุณหนู ผมของคุณ!”
ผม? ผมจะทำไมล่ะไอลี่ใช้มือของตัวเองลูบลงที่ผม ก่อนจะต้องถูกััเรียบๆ เย็นๆมันวาวทำเอาใจนนิ่งไป เธอรีบวิ่งขึ้นห้องไปทันทีที่ได้สติในตอนที่เห็นสภาพของตัวเองในห้องอาบน้ำเสียงกรีดร้องของเธอก็ดังทะลุหลังคาคฤหาสน์หมายเลข 7 ออกไป ไม่เพียงแค่ผมที่หายไปแต่คิ้วก็ยังถูกโกนจนใสสะอาด หรือแม้แต่ขนตาก็ยังถูกตัดจนถึงส่วนโคน!
“เสียข้าวสุกจริงๆ...ต่างก็เลี้ยงเสียข้าวสุกทั้งนั้น...” ชายชราโมโหเสียจนส่งเสียงคำรามขึ้นในคอเมื่อผู้ดูแลบ้านเห็นว่าอัตราการหายใจของเขาผิดปกติ ก็รีบนำยามาให้
ไอลี่ใช้เสื้อผ้าคลุมตัวอยู่ในห้องน้ำ อย่างไม่รู้ความเป็ความตายเมื่อพวกบอดี้การ์ดเข้าไปตรวจสอบห้องของเธอ ก็ไม่พบอะไรเลยนอกเสียจากเศษเส้นผมที่กระจายอยู่เต็มเตียง
รอยเท้า? ไม่มี
รอยนิ้วมือ ยิ่งไม่มีเข้าไปใหญ่
ต้นไม้ข้างหน้าต่างนั่นก็ไม่ได้มีอะไรผิดปกติไปเลยแม้แต่น้อยคนร้ายเข้ามาจากทางไหนกันแน่? เหล่าบอดี้การ์ดใช้บันทึกจากกล้องวงจรปิดในการตรวจสอบก็ยังไม่พบอะไร เหล่าบอดี้การ์ดจึงพากันพูดไปว่า สงสัยคุณหนูไอของพวกเขา จะเจอกับ “ผีโกนผม” เข้าแล้ว? ปกติแล้วไอลี่นั้นเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งท่าทีที่ใช้กับพวกบอดี้การ์ดก็กระทำราวไม่ใช่คนแน่นอนว่าในเวลาแบบนี้จึงไม่มีใครช่วยปฏิเสธให้เธอ เื่ที่เธอถูกผีโกนผมจึงค่อยๆ แพร่ออกไป ในตอนแรกก็เป็พวกหน่วยรักษาความปลอดภัยของบริษัทแต่เพราะว่าพวกเขานั้นทำงานรักษาความปลอดภัยให้กับผู้คนอีกมากเื่ของไอลี่จึงแพร่ออกไปมากขึ้นเรื่อยๆ เื่ “ผีโกนผม” ของคุณหน้าแห่งฝูหม่านโหลวนั้น ก็ค่อยๆกลายเป็เื่ขบขันหลังอาหารของใครหลายๆ คน
คฤหาสน์หมายเลข 7 นั้นวุ่นวายมาจนถึงตอนบ่ายแต่แม้แต่เส้นผมเพียงเส้นเดียวของผู้มาเยือนก็ยังหาไม่พบ ่นี้ชายชรานั้นด้วยเื่ของตัวเขาเองทำให้ไม่เชื่อเื่ผีอะไรทุกคนต่างก็พูดกันว่าเธอถูกผีโกนผม แต่ในใจของเขานั้นกลับไม่คิดแบบนั้นจึงกดโทรศัพท์ไปยังหมายเลขหนึ่ง
“ท่านปรมาจารย์...รบกวนท่านหรือเปล่า?”
ดูเหมือนว่าปลายสายจะอารมณ์ดีพอสมควร ชายชราจึงพูดเื่ “ผีโกนผม” ออกมาอย่างระมัดระวังปลายเสียงได้ยินก็แสดงความสนใจออกมาอีกทั้งยังได้ยินว่าได้รับเบาะแสที่ยืนยันแน่ชัดเื่อินทรีทองแล้วว่ามันเอาแต่อยู่ที่คฤหาสน์หมายถึง 18 ตลอดทั้งวัน “ปรมาจารย์” ปลายสายคนนั้นจึงส่งเสียงหัวเราะออกมาก่อนที่จะตัดสินใจลงมาจัดการเื่นี้ด้วยตัวเอง
ชายชราถอนลมหายใจออกมายาว “ยา” ของเขานั้นใกล้จะหมดแล้วรอบนี้น่าจะต้องให้ท่านปรมาจารย์ช่วยให้รางวัลเป็สองเท่าเขามองไปยังหลานสาวที่ร้องไห้งอแงอยู่ เขารู้สึกราวกับจะะเิอารมณ์ออกมาอีกครั้งแต่ก็ยังระงับเอาไว้ ก่อนที่จะปลอบประโลมหลานสาวของตัวเอง
“ลี่เอ๋อร์ อย่าร้องไห้เลยเดี๋ยววันสองวันนี้ท่านปรมาจารย์จะมาที่นี่ด้วยตัวเองเื่ของหนูจะต้องมีทางแน่นอน...ส่วนเื่คฤหาสน์หมายเลข 18 นั่น ก็ปล่อยมันไปก่อนเถอะ”
ปล่อยไปก่อนเหรอ? ถ้าแบบนั้นเื่ผมของเธอก็จบแบบนี้เหรอ?
ความโกรธแค้นประกายฉายขึ้นมาในแววตาของไอลี่ในทันที