“ใต้เท้าหลี่พูดง่ายดายเหลือเกิน!” เฟิ่งชังคัดค้านพร้อมกับหัวเราะเสียงเย็น “ตอนนี้มีผู้ประสบภัยนับพันคนล้นเข้ามาในแคว้นเป่ยเยียนของพวกเรา หากเป็การช่วยเหลือพวกเขาอย่างเดียวย่อมมิใช่เื่ยากลำบากอันใด! แต่ใต้เท้าหลี่เคยไตร่ตรองดูหรือไม่ ทันทีที่พวกเราเปิดโอกาสนี้ ผู้ประสบภัยจากแคว้นต่างๆ ก็จะพากันอพยพเข้ามาในแคว้นเป่ยเยียนของพวกเราเช่นกัน ถึงเวลานั้นผู้ประสบภัยนับหมื่นนับแสนจะอพยพเข้ามาพร้อมๆ กัน พวกเราควรบริหารจัดการอย่างไรเล่า? หากหนึ่งในพวกเขามีไส้ศึกปะปนเข้ามาด้วย ใครจะรับรองความปลอดภัยของแคว้นเป่ยเยียน?”
“คำพูดนี้ของท่านมหาเสนาบดีเฟิ่งดูแล้วจะขี้ขลาดเกินไปหรือไม่!” หลี่เต๋อไรงไม่เห็นด้วย “ฝ่าา จะฟังคำพูดของท่านมหาเสนาบดีเฟิ่งไม่ได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ ขับไล่ผู้ประสบภัย ทอดทิ้งพวกเขา จะทำให้ขาดคุณธรรมและมนุษยธรรมพ่ะย่ะค่ะ!”
“ฝ่าา จะใจอ่อนเป็สตรีไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ!” เฟิ่งชังพุดต่อทันที “ทันทีที่แคว้นเป่ยเยียนเกิดความวุ่นวาย ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนมีเพียงราษฎรของแคว้นเป่ยเยียน นั่นต่างหากเล่าจึงเรียกได้ว่าถูกทอดทิ้ง สูญเสียความภักดีของราษฎรพ่ะย่ะค่ะ!”
“ท่านมหาเสนาบดีเฟิ่ง ท่านช่างมีสายตาตื้นเขิน พะวงหน้าแต่ไม่พะวงหลัง!”
“ฝ่าา จะขับไล่ผู้ประสบภัยไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ!”
“ฝ่าา จำเป็ต้องขับไล่ผู้ประสบภัยพ่ะย่ะค่ะ!”
“ฝ่าา...”
“ฝ่าา...”
ทั้งสองคนโต้เถียงกันไม่สิ้นสุด ขุนนางที่ยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับพวกเขาจึงทะเลาะกันไปมา ส่งผลให้ตำหนักหงเหวินวุ่นวายราวกับตลาดสดก็ไม่ปาน
บนที่ประทับ ปลายนิ้วเรียวยาวของเซวียนหยวนเช่อเคาะเตาะเป็จังหวะ ไม่พูดไม่จาสีหน้ายากจะคาดเดา
ลั่วหยิ่งเดินเข้ามาจากด้านนอกตำหนัก เขามาหยุดอยู่ข้างกายเซวียนหยวนเช่อแล้วเข้าไปกระซิบข้างหู “ฝ่าา เหนียงเหนียงได้จัดเตรียมพระกระยาหารค่ำเรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ ให้คนมาถามว่าพระองค์จะเสด็จไปเมื่อใดพ่ะย่ะค่ะ?”
ปลายนิ้วของเซวียนหยวนเช่อชะงักลง ดวงตาเปล่งประกายและลุกขึ้นทันที เขาพุดกับขุนนางทั้งหมด “ขุนนางทุกท่านเหน็ดเหนื่อยมามากแล้ว คืนนี้กินอาหารค่ำในวังก็แล้วกัน เื่ผู้ประสบภัย หลังอาหารค่ำค่อยหารือกันอีกครั้ง!”
พูดจบเขาก็เดินลงมาจากที่ประทับจ้ำอ้าวออกไป
เมื่อเซวียนหยวนเช่อไปถึงตำหนักเว่ยยาง เขาเห็นเฟิ่งเฉี่ยนยืนอยู่ลำพังในลานเรือนอย่างเลื่อนลอย เงาร่างบอบบางด้านหลังใต้ต้นสำลีให้ความรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้างและหดหู่ ทำให้คนเห็นแล้วปวดใจ
นางกำนัลกำลังจะรายงาน เซวียนหยวนเช่อห้ามนางแล้วโบกมือให้พวกนางถอยออกไป
เขาค่อยๆ เดินเข้าไปด้านหลังเฟิ่งเฉี่ยน นางใจลอยไปไกล ไม่รับรู้ถึงการมาของเขา กระทั่งเขากอดนางจากด้านหลัง นางจึงได้สติคืนมา
เขาถามเสียงเบาข้างหูนาง “กำลังคิดอะไรอยู่? ไฉนจึงมายืนใจลอยคนเดียว?”
ลมหายใจอุ่นร้อนของเขารินรดใบหูของนาง ทำให้ร่างของนางสั่นสะท้านเบาๆ เมื่อรู้สึกตัวนางคิดจะต่อต้านเขา ทว่าแขนของเขากลับกอดรัดนางเอาไว้แ่า
“เมื่อคืนเจิ้นผิดนัด เ้าคงไม่ได้โกรธเจิ้นอยู่ใช่หรือไม่? เมื่อคืนเจิ้น...”
เขาคิดจะอธิบาย เฟิ่งเฉี่ยนตัดบทเขา “ท่านไม่จำเป็ต้องอธิบาย ข้ารู้หมดแล้ว ข้าไม่ได้โกรธท่าน เพียงแต่กำลังคิดถึงเื่บางเื่ เลยใจลอยไปหน่อย”
นางพูดแล้วคิดจะดิ้นรนให้หลุดจากมือของเขาอีกครั้ง เซวียนหยวนเช่อกลับกอดนางเอาไว้แน่น “อย่าขยับ! อยู่แบบนี้ก่อน! เจิ้นอยากกอดเ้าอีกสักครู่!”
เขาซุกไซ้ใบหน้าเข้ามาในกลุ่มผมของนาง สูดดมกลิ่นหอมอ่อนหวานที่เป็เอกลักษณ์เฉพาะตัวของนางแรงๆ ทั้งเป็สุข ทั้งเมามาย “เฉียนเฉี่ยน เจิ้นต้องพิษแล้วใช่หรือไม่? เจิ้นคิดถึงเ้าทุกเวลาทุกนาที...เ้าแตกฉานวิชาแพทย์ รักษาเจิ้นได้หรือไม่?”
ติ่งหูเฟิ่งเฉี่ยนร้อนลวก แก้มทั้งสองข้างแดงปลั่ง นางเลิกดิ้นรน เอนกายไปพิงด้านหลัง ััความรู้สึกหวานล้ำและอบอุ่นวินาทีนี้เอาไว้
“ได้! แต่ข้ารักษาได้เพียงวิธีพิษถอนพิษเท่านั้น! เทียบยาของข้าคือตะขาบมีพิษหนึ่งร้อยตัว แมลงป่องมีพิษหนึ่งร้อยตัว บวกกับแมงมุมพิษอีกสองรร้อยตัว ห้ามต้มห้ามแกง ต้องกลืนลงไปทั้งเป็! เป็อย่างไร ท่านยังอยากให้ข้ารักษาหรือไม่?”
เซวียนหยวนเช่อก้มหน้าลงมองริมฝีปากที่โค้งขึ้นด้วยความเ้าเล่ห์ของนาง “หากเ้ากล้าป้อน เจิ้นก็กล้ารับการรักษา!”
พูดแล้วเขาก็ขโมยจุมพิตนาง
เฟิ่งเฉี่ยนไม่ทันป้องกัน จึงร้องอ๊ะ ดิ้นรนผลักเขาออกพร้อมกับถลึงตาใส่เขาด้วยความขวยอาย “ตกลงท่านจะกินข้าวหรือไม่?”
เซวียนหยวนเช่อเห็นท่าทางเขินอายของนางแล้วริมฝีปากโค้งขึ้น “ท่าทางของเ้าในตอนนี้ ดูแล้วน่ากินกว่าเป็ไหนๆ!”
เฟิ่งเฉี่ยนวางมือไม้ไม่ถูก “พวกท่านที่เป็บุรุษปากหวานโดยกำเนิดใช่หรือไม่?”
เซวียนหยวนเช่อเบี่ยงหน้ามาครุ่นคิดจริงจัง “อืม ปัญหานี้ต้องดูว่าต่างฝ่าย้าสิ่งใด! เพราะสตรีมักชอบฟังคำหวาน ดังนั้นบุรุษจึงต้องพูดคำหวาน นี่เป็เื่ของสองฝ่าย คนหนึ่งเสนออีกคนหนึ่งสนอง!”
เฟิ่งเฉี่ยนมืดแปดด้าน นางเพียงถามไปอย่างนั้นเอง ไม่ได้้าให้เขาตอบนางอย่างมีเหตุผลเช่นนี้สักหน่อย?
เซวียนหยวนเช่อกล่าวเสริมอีกประโยคหนึ่ง “แต่คำพูดของเจิ้นเมื่อสักครู่ ไม่ใช่คำหวาน แต่เป็ความจริง! คำพรอดรักย่อมมีคำพูดเกินจริง ความจริงกลับเป็ความรู้สึกที่แท้จริงจากใจ! เจิ้นบอกว่าเ้าน่ากินกว่า นั่นเป็ความรู้สึกจากใจจริงๆ...”
เฟิ่งเฉี่ยนกระพริบตาปริบๆ ไม่รอให้นางตั้งสติได้ นางถูกอุ้มขึ้นแล้วหมุนตัวรอบหนึ่งจากนั้นร่างของนางพิงลำต้นของต้นสำลี
“ท่าน...” นางไม่ทันได้พูดอะไรก็ถูกปิดปาก
แม้จะถูกเขากอดและถูกเขาจุมพิตมาก่อน ถูกเขากอดเอาไว้และจุมพิตมา ถูกจุมพิตบนตักของเขา แต่การถูกจุมพิตใต้ต้นไม้นี้เป็ครั้งแรก หรือนี่คือ “จุมพิตใต้ต้นไม้” ในตำนานนะ?
เฟิ่งเฉี่ยนหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ทั้งๆ ที่นางตัดสินใจแล้วว่าจะจากไป คืนนี้ต้องบอกลาเขา แต่เขากลับหยอกเย้านางไม่หยุด ช่างทำให้นางทั้งรักทั้งกลัดกลุ้ม!
“อ๊ะ!”
ริมฝีปากพลันถูกขบเบาๆ นางร้องเบาๆ ด้วยความเจ็บ ข้างหูได้ยินเสียงจริงจังดังขึ้น “มีสมาธิหน่อย!”
เฟิ่งเฉี่ยนยิ้มขื่น ช่างเถิด อย่างไรนี่ก็เป็จุมพิตสุดท้ายแล้ว รู้สึกและััมันเถิด!
นางปิดดวงตาทั้งคู่ลง ไม่ดิ้นรนขัดขืนอีก ปล่อยให้เขาจุมพิตตามอำเภอใจ
ใต้ต้นสำลี เขาจุมพิตนางอย่างอ่อนโยน ใบไม้สีแดงร่วงหล่นลงมาเป็พักๆ เป็ภาพที่งดงามเหลือเกิน
“อาเช่อ รับปากข้าสักเื่ได้หรือไม่?”
“เื่อะไร?”
“ต่อไป ห้ามจุมพิตหญิงอื่นใต้ต้นไม้”
“หืม?”
“เพราะเช่นนั้น...ข้าหึงหวง”
“นอกจากเ้า เจิ้นจะไม่จุมพิตหญิงอื่นอีก”
เฟิ่งเฉี่ยนกอดเขาแน่น แนบใบหน้าของตนเองกับแผ่นอกของเขา น้ำตาไหลลงมาทางหางตา
นางรู้ว่าคำขอของตนเองนั้นเห็นแก่ตัวและเผด็จการ แต่นางควบคุมตนเองไม่ได้
กินมื้อค่ำแล้ว เซวียนหยวนเช่อกำลังจะย้อนกลับไปตำหนักหงเหงินเพื่อหารือเื่ผู้ประสบภัยต่อ
เฟิ่งเฉี่ยนจิตใจว้าวุ่น วินาทีที่เขาจะก้าวออกประตูไป นางดึงมือของเขาเอาไว้ “ช้าก่อน! ข้ายังมีสิ่งของอีกอย่างหนึ่งจะให้ท่าน!”
ขณะที่เซวียนหยวนเช่อกำลังประหลาดใจ เฟิ่งเฉี่ยนหยิบเหอเปาใบหนึ่งออกมา มอบให้เขาด้วยมือทั้งคู่ “เหอเปาก่อนหน้านี้ปักได้ไม่ดี ใบนี้ข้าปักใหม่! อักษรของข้าไม่งดงาม ดังนั้นจึงให้เย่เอ๋อร์ช่วยข้าเขียน”
เซวียนหยวนเช่อรับมามองตัวอักษรที่ปักบนเหอเปานั้นแล้วถึงกับตะลึงงัน
เฟิ่งเฉี่ยนจ้องมองเขาอย่างตื่นเต้น เห็นเขาไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบในใจสลดหดหู่ “เป็เพราะข้าปักได้ไม่ดี? เอาอย่างนี้ ข้าปักใหม่ให้ท่านอีกครั้งเถิด!”
นางยื่นมือออกมาหมายจะหยิบเหอเปาคืน เซวียนหยวนเช่อดึงมือหนี จ้องมองนางเขม็ง “เฉียนเฉี่ยน เ้าอ่านตัวอักษรที่อยู่้าให้เจิ้นฟังได้หรือไม่?”
อักษรเช่นนั้นที่ปักอยู่บนเหอเปา เฟิ่งเฉี่ยนยิ่งขัดเขิน เขาถึงกับให้นางอ่านให้เขาฟังต่อหน้า...เฟิ่งเฉี่ยนหน้าร้อนซู่ หัวใจเต้นโครมคราม
“ท่านอ่านเองไม่เป็หรือ?”
“เจิ้นอยากฟังเ้าอ่านกับของเ้า” สายตาของเขาแผดเผาผู้อื่นอยู่บ้าง น้ำเสียงนั้นขึ้นนาสิก “เฉียนเฉี่ยน...”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้