ชวีเสี่ยวปอรับโทรศัพท์ พูดอยู่แค่คำว่าอืมๆ ครับๆ อย่างขอไปทีตลอดทั้งสาย หลังจากกดวางสายโทรศัพท์ เขาก็มองไปยังเซี่ยเจิงที่เดินวนรอบตัวเขาไปมาพร้อมทั้งถอนหายใจออกมา
“ต้องกลับแล้วเหรอ? ” เซี่ยเจิงหยุดเดิน
“อืม แม่โทรมาเร่งฉันแล้ว” ชวีเสี่ยวปอยื่นอาหารใส่มือเซี่ยเจิง “นานๆ ทีจะได้ตื่นเช้าขนาดนี้ ตอนแรกนึกว่าอีกเดี๋ยวจะรอส่งนายไปสอนพิเศษสักหน่อย”
“วางใจได้” เซี่ยเจิงหัวเราะออกมาจนเห็นฟันขาวทั่วทั้งปาก “รับรองได้ว่าไม่หลงทาง”
“ได้” ชวีเสี่ยวปอเองก็หัวเราะออกมาเช่นกัน จากนั้นก็ชี้ไปทางรถที่จอดเอาไว้อยู่ “ถ้างั้นฉันไปก่อนนะ”
“ยังไปไม่ได้” เซี่ยเจิงพูดพลางขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิด ชวีเสี่ยวปอที่ยังไม่ยังรู้ถึงสาเหตุที่เขาขยับเข้ามา ทันใดนั้นเซี่ยเจิงก็ยื่นมือออกไปเช็ดที่ริมฝีปากเขาสองที พร้อมทั้งพูดขึ้นมาเสียงเบาว่า : “กินเสร็จแล้วไม่เช็ดปากหรือไง”
“อ่า” ในตอนที่ปลายนิ้วของเซี่ยเจิงลูบเบาๆ ไปบนริมฝีปากของเขา ชวีเสี่ยวปอรู้สึกเหมือนกำลังตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะ ความรู้สึกเดจาวูนี้มันช่างทำให้เขาคิดไปถึงเื่อื่นอยู่เรื่อยเลย
รู้สึกเย็นนิดหน่อย แต่นุ่มมากเลยทีเดียว
หยุด ! คิดลามกอะไรกลางวันแสกๆ !
ชวีเสี่ยวปอรีบยกหลังมือของตัวเองขึ้นมาเช็ดตรงที่เซี่ยเจิงลูบอย่างลวกๆ สองครั้ง “กินฟินเกินไม่ได้หรือไง? ”
“จะกินจนฟินแค่ไหนก็อย่ากลับบ้านไปทั้งที่น้ำมันเลอะเต็มปากสิ” เซี่ยเจิงยิ้มจนตาหยี “ไปเถอะ”
“ฉันไปก่อนนะ” หลังจากที่ชวีเสี่ยวปอพูดจบเขาเดินไปข้างหน้าสองก้าว แต่แล้วก็หันกลับมาโบกมือให้เซี่ยเจิงอีกครั้งหนึ่ง
“ฉันยังต้องร้องเพลงน้องสาวเธอต้องก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญให้ด้วยไหมเนี่ย” เซี่ยเจิงก็ยกมือขึ้นโบกไปมาเช่นเดียวกัน
“ร้องไปก็ไม่ได้ยินหรอก” ชวีเสี่ยวปอหัวเราะหึๆ “ครั้งนี้ไปจริงๆ แล้ว !”
ชวีอี้เจี๋ยไม่อยู่
ประโยคนี้คือสิ่งที่เวินลี่บอกกับเขาทางโทรศัพท์อย่างชัดเจนเมื่อครู่นี้ แต่เพื่อป้องกันเื่เหนือความคาดหมาย ทันทีที่ชวีเสี่ยวปอกลับมาถึงบ้านเขาจึงตั้งใจมองไปยังโรงรถรอบหนึ่ง และความจริงก็ได้รับการพิสูจน์เป็ที่เรียบร้อยว่าแม่ไม่ได้โกหกเขา
ดังนั้นในขณะที่เดินเข้าบ้านไปด้วยความวางใจและอาจหาญ เขาจึงมีท่าทางสบายๆ อย่างเห็นได้ชัด เมื่อเขาเห็นเวินลี่กำลังนั่งอยู่บนโซฟา ก็คิดขึ้นมาว่าหรือควรจะออดอ้อนหยอดคำหวานใส่แม่เขาให้มีความสุขขึ้นมาดีไหม เื่นี้จะได้จบไป แต่คิดไม่ถึงเมื่อเวินลี่อ้าปากเธอก็ะโออกมาทันที :
“ไอ้ลูกตัวดีมานี่เดี๋ยวนี้เลย !”
“ครับ กำลังไปอยู่นี่ไงครับ” ชวีเสี่ยวปอใบหน้ายิ้มแย้มท่าทีไม่ค่อยจริงจังสักเท่าไหร่ “มาแล้วครับ มาแล้ว” แต่ทันทีที่เขานั่งลงข้างๆ แม่ของเขา เวินลี่ก็ศอกใส่เขาไปหนึ่งที “ให้นั่งแล้วหรือไง? ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้ !”
“แม่ครับ” ชวีเสี่ยวปอไม่ได้ทำตาม ทั้งยังโอบกอดเวินลี่เอาไว้อย่างไม่อายเลยสักนิด “แม่ครับ ยังโกรธอยู่เหรอ”
เพียงแค่หนึ่งประโยคก็ทำให้เวินลี่ใจอ่อนแล้ว ใบหน้าที่แสร้งทำสีหน้าเคร่งขรึมเมื่อครู่ก็แกล้งทำต่อไปไม่ไหวขึ้นมาทันที แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังผลักชวีเสี่ยวปอออก แล้วมองดูทั่วทั้งตัวของเขา จากนั้นจึงโล่งใจขึ้นมา : “ลูกไปก่อเื่ไว้ใหญ่แค่ไหนรู้ไหม”
“ผมก่อเื่อะไรกันครับ” ชวีเสี่ยวปอหยิบแอปเปิลขึ้นมากัดไปหนึ่งคำ
“ชวีจิ่งเืตกยางออกซะขนาดนั้น !” เวินลี่ตีลงไปบนต้นขาของชวีเสี่ยวปออย่างแรงหนึ่งที “ทำไมลูกถึงไปอยู่ตรงนั้นกับเขาได้ล่ะ”
“ถ้าผมรู้ว่าเขาอยู่สนามบาสแล้วผมจะไปไหมล่ะครับ? ”ชวีเสี่ยวปอเกือบจะกัดลิ้นตัวเองเข้า “แม่คิดว่าผมอยากจะไปเจอเขาเหรอครับ”
“ถ้าอย่างงั้นเื่ที่เกิดขึ้นครั้งนี้เป็เพราะอะไรล่ะ” เวินลี่ขมวดคิ้วแน่น
“นิสัยเสียๆ ของชวีจิ่งแม่ยังไม่รู้หรือไงครับ? ” ชวีเสี่ยวปอลุกขึ้นเดินอ้อมไปด้านหลังของเวินลี่ ยื่นมือออกไปนวดขมับให้เวินลี่อย่างเบามือ เขาไม่อยากที่จะอธิบายเหตุผลที่แท้จริงของเื่ราวที่เกิดขึ้นเพราะมันจะทำให้แม่เขารู้สึกเสียใจไปด้วย พยายามบอกแบบปัดๆ ไปก็เพียงพอแล้ว
“ลูกแค่แก้ตัวกับแม่นะสิ” เวินลี่ส่งเสียงไม่ค่อยพอใจออกมา “เอ่อ ใช่แล้ว ได้ยินพ่อของลูกบอกว่าเพื่อนลูกเป็คนต่อยชวีจิ่ง? ”
“อ๋อ ใช่ครับ” ชวีเสี่ยวปอตอบรับกลับไป
ทันใดนั้นเวินลี่ก็จับมือของชวีเสี่ยวปอไว้ พร้อมทั้งหันหน้าไปมองเขา ดูท่าทางไม่ค่อยจะเชื่อสักเท่าไหร่ : “ลูกไม่ได้ต่อยจริงๆ เหรอ? แม่นึกว่าพ่อของลูกหลอกแม่ซะอีกนะเนี่ย”
“จริงๆ แล้วเพื่อนผมเป็คนทำครับ” ชวีเสี่ยวปอดึงมือออกมา แล้วนวดให้เวินลี่ต่อ
“เพื่อนคนที่ไปชกต่อยด้วยกันกับลูก? ” เวินลี่อยากที่จะหันหน้ากลับมาอีกครั้ง แต่ถูกชวีเสี่ยวปอจับบังคับให้หันกลับไป “นอกจากซือจวิ้นแล้วยังมีใครอีก? แม่ก็ไม่ค่อยเห็นว่าลูกจะคบเพื่อนใหม่อะไรกับเขาเท่าไหร่เลย”
“แม่ไม่รู้จักครับ” ชวีเสี่ยวปอนึกถึงคำพูดที่ชวีอี้เจี๋ยพูดออกมาก่อนหน้านี้ว่า “ไม่เป็โล้เป็พาย” คำพูดเช่นนี้เขาไม่อยากที่จะได้ยินมันออกมาจากปากของเวินลี่เพื่อฟังเป็ครั้งที่สองแล้ว เขาจึงรีบพูดออกไปว่า : “ไม่ต้องคิดไปสุ่มสี่สุ่มห้าแล้วครับ เขาเป็เด็กเรียนครับ แต่ถึงยังไงเื่ครั้งนี้ก็ต้องโทษชวีจิ่ง”
“โอ้โห ลูกชายของแม่รู้จักเด็กเรียนด้วยเหรอเนี่ย” เวินลี่ขำออกมาอย่างกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ ดูท่าแล้วคงจะไม่เชื่ออย่างแน่นอน แต่ก็ยังพูดออกมาว่า : “เอาละ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือลูกไม่เป็อะไรก็ดีแล้ว เดี๋ยวอีกสองวันแม่คุยกับพ่อเขาให้ ให้เขาพาลูกกับชวีจิ่งไปกินข้าวด้วยกันสักมื้อ เื่เล็กน้อยแค่นี้คุยกันให้เข้าใจก็จบเื่แล้วละ”
เขาฟังเวินลี่พูดบ่นจู้จี้จุกจิกอยู่พักหนึ่ง เื่ที่เกิดขึ้นนี้สำหรับเวินลี่ถือว่าจบลงแล้ว ในตอนนั้นชวีเสี่ยวปอถึงจะขึ้นไปชั้นบนได้ ขณะที่กำลังจะล้มตัวลงนอนบนเตียง โทรศัพท์มือถือก็สั่นขึ้นมาทีหนึ่ง
“ฉันกลับมาแล้ว !”
เป็ซือจวิ้นที่ส่งข้อความมา ชวีเสี่ยวปอขำกับโทรศัพท์ออกไปสองครั้ง แล้วจึงต่อสายหาเขาไปทันที
“ฮัลโหล? นายตื่นแล้วเหรอ? ” ซือจวิ้นรู้สึกใอย่างเห็นได้ชัดกับสายที่โทรเข้ามาของชวีเสี่ยวปอ “ยังไม่แปดโมงเช้าเลยนะ !”
“นอนเร็วตื่นเช้าร่างกายแข็งแรง” ชวีเสี่ยวปอตอบกลับไป “นายเพิ่งจะมาถึงเหรอ? ”
“ใช่สิ ตื่นั้แ่ตีห้ากว่า” ซือจวิ้นพูดพลางหาวไปด้วย ถ้าเมื่อวานเขาไม่ต้องไปงานแต่งงานของญาติกับพ่อแม่ของเขานะ พวกเขาทั้งสามคนก็คงจะได้ไปสนามบาสเกตบอลด้วยกันแล้ว “เอ่อใช่ ฉันส่งข้อความสุขสันต์วันเกิดไปให้นายไม่เห็นเหรอ ทำไมไม่เห็นตอบกลับมาเลย? ”
“เห็นแล้วๆ ตอนแรกจะตอบกลับไปอยู่ แต่ตอนหลังก็ลืมไปเลย” ชวีเสี่ยวปอคิดย้อนกลับไปอย่างละเอียด ข้อความอวยพรของซือจวิ้นส่งมาได้ไม่ค่อยจะถูกเวลาสักเท่าไหร่ เหมือนว่าจะเป็่ที่เซี่ยเจิงต่อยกับชวีจิ่งตอนนั้น พอถึงตอนเย็นนึกขึ้นได้เลยเปิดออกมาดูอยู่แวบหนึ่ง แต่แล้วก็ไม่ได้ตอบกลับไป
“นายมันเป็ผู้ชายที่เลวจริงๆ เลย” ซือจวิ้นถอนหายใจออกมา รู้สึกเสียใจเป็ที่สุด “อีกสักพักออกมาเจอกันหน่อยสิ ฉันเตรียมของขวัญเอาไว้ให้นายด้วย”
ทั้งสองคนนัดกันที่ร้านอินเทอร์เน็ต ชวีเสี่ยวปอที่ไปถึงก่อนจึงนั่งรอซือจวิ้นตรงที่นั่งมุมหนึ่งที่อยู่ด้านใน เวลาผ่านไปไม่นานซือจวิ้นก็มาถึง พร้อมทั้งกอดกล่องกระดาษใบใหญ่เข้ามาด้วย
“สุขสันต์วันเกิดนะปอเอ๋อร์”
ชวีเสี่ยวปอรับมาเปิดดู และเห็นว่าด้านในเป็ตัวต่อเลโก้
“ก่อนหน้านี้เลโก้รุ่นนี้หมดไปแล้วไม่ใช่หรือไงกันนะ? ” ซือจวิ้นพูด “แต่พอเห็นว่ามีของแล้วฉันก็เลยซื้อมาได้พอดี”
“ขอบคุณนะ !” ชวีเสี่ยวปอตบกล่องกระดาษไปสองที “ซีรีส์นี้ฉันใกล้จะเก็บครบแล้วละ”
หลังจากที่ซือจวิ้นนั่งลงแล้วเขาก็บ่นถึงเื่ราวแปลกๆ มากมายที่เขาไปบังเอิญเจอมาตอนไปงานแต่งงานของญาติเขาเมื่อวานนี้ จากนั้นทั้งสองคนก็ตกลงเล่น PUBG กันซึ่งถือว่าเป็เื่สำคัญยิ่งกว่า
บนหน้าจอแสดงคำว่า “ชนะ เย็นนี้กินไก่ !” ติดต่อกันทั้งสองครั้ง จากนั้นชวีเสี่ยวปอก็ถอดหูฟังออก เอนตัวพิงไปด้านหลังอย่างพออกพอใจ
“นายไม่เล่นต่อแล้วเหรอ? ” ซือจวิ้นพูดกับเขาในขณะที่สายตาได้ไม่ละไปจากหน้าจอ
“พักก่อน ปวดคอ” ชวีเสี่ยวปอพูด
“งั้นฉันเล่นต่อนะ” ซือจวิ้นใส่หูฟังจากนั้นก็เริ่มเกมอีกครั้ง
สิบโมงครึ่ง
ชวีเสี่ยวปอมองไปยังมุมล่างขวาของจอคอมพิวเตอร์ ตอนนี้เซี่ยเจิงจะสอนพิเศษเสร็จแล้วหรือยังนะ?
ถ้าเป็สอนการบ้าน ประมาณชั่วโมงหนึ่งก็น่าจะเสร็จแล้วไม่ใช่เหรอ?
ไม่รู้ว่าเป็เพราะอะไรเหมือนกัน จู่ๆ เขาก็อยากรู้ว่าตอนนี้เซี่ยเจิงกำลังทำอะไรอยู่ หรือกำลังอยู่กับใครขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
เมื่อชวีเสี่ยวปอนึกเื่นี้ เขาจึงรีบหยิบโทรศัพท์ออกมา กดเข้าไปที่รูปโปรไฟล์ของเซี่ยเจิง จากนั้นก็พิมพ์ข้อความส่งไปบรรทัดหนึ่ง
“คุณครูเซี่ย สอนเสร็จหรือยัง? ”