ณ ซากปรักหักพังบนเกาะลอยฟ้า
ไม่นาน หลังจากที่กู่ไห่เดินทางออกจากบริเวณนี้ไป เรือเหาะของเฉินจีหยิงก็พาหลงหว่านชิงและไต้ซือหลิวเหนียน หายลับไปเช่นกัน
กลุ่มผู้ฝึกฝนที่ถูกทิ้งเอาไว้เื้ั ต่างก็ไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าเท่าใดนัก
...
อีกมุมหนึ่ง
เิไท่เอนกายพิงก้อนหินใหญ่ เฟิงหลิงที่อยู่ด้านข้าง รีบเข้ามาช่วยดูแลอาการาเ็ทันที
เมื่อเขามองไปยังทิศที่กู่ไห่เดินจากไป ก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย “เ้ากู่ไห่นั่นคือปีศาจ แข็งแกร่งยิ่งกว่าจอมมารเสียอีก หากต้องต่อสู้กันอีกคราเพื่อชีพจรั... ก็ดี! จะได้รู้ผลแพ้ชนะกันไปเสียที”
ว่าแล้ว เิไท่ก็หันไปยังเส้นทางที่เรือเหาะของเฉินจีหยิงมุ่งไป
“สำนักหมู่ตานที่ข้าอยากไปเสมอ แต่น่าเสียดาย ที่ดูเหมือนทางสำนักนั้น ไม่้าที่จะเปิดรับผู้ใดเข้าไป... อืม! แต่ก็ไม่อาจยับยั้งเื่นี้ได้หรอก” เิไท่พูดเสียงเย็น
“สา... สามี ข้าพันแผลให้ท่านเรียบร้อยแล้ว” เฟิงหลิงกัดริมฝีปาก อย่างหวั่นเกรง
“อะไรกัน! นี่เ้ากลัวข้าอย่างนั้นหรือ?” เิไท่ถาม พลางจ้องมองเฟิงหลิง
“ไม่... ข้าไม่ได้กลัว!” เฟิงหลิงตอบ แต่กระนั้น ดวงตาทั้งคู่ก็ยังมีความหวาดหวั่นเล็กน้อย
เิไท่ถอนหายใจ ก่อนจะคว้าร่างของเฟิงหลิงเข้าสู่อ้อมกอด พร้อมกล่าว “อย่ากังวลเลย ทุกอย่างจะผ่านพ้นไปด้วยดี เมื่อใดที่ได้ชีพจรัมาไว้ใน ข้าจะสร้างแคว้นของเราขึ้นมา และจะแต่งตั้งให้เ้าเป็ฮองเฮา รับรองว่าข้าจะปฏิบัติต่อเ้าอย่างดี”
เฟิงหลิงไม่ได้ตอบอะไร เพียงขบริมฝีปากแน่น
“ไปกันเถอะ! พวกเราจะไปยังสำนักหมู่ตาน ที่เกาะจิ๋วหวู่มีประตูที่จะพาเราไปที่นั่น!” เิไท่กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
...
กู่ไห่และเหล่าคนใต้อาณัติหยุดพักการเดินทาง ที่บริเวณซากปรักหักพัง ซึ่งซ่อนอยู่ใจกลางหุบเขา
กระบี่โลหิตถูกเก็บเข้าฝัก ตอนนี้กู่ไห่กำลังรอบางอย่างอยู่เงียบๆ
กู่ฉินเดินขึ้นไปบนเนินเขาเล็ก ก่อนร้องบอก
“พ่อบุญธรรม! เรือเหาะของเฉินจีหยิงหายลับไปแล้ว”
กู่ไห่พยักหน้ารับรู้
“ที่สำนักหมู่ตานมีชีพจรัอยู่ ท่านจะไม่ไปจริงๆ หรือ?” กู่ฉินถามอย่างสงสัย
กู่ไห่ส่ายหน้าปฏิเสธ ก่อนตอบ “ถูกควบคุมเช่นนี้ หากเราไปก็รังแต่จะเสียเปรียบเขา”
“พ่อบุญธรรม ท่านยังต้องต่อสู้เพื่อแย่งชิงชีพจรัอยู่หรือไม่?”
กู่ไห่ส่ายหน้าปฏิเสธอีกครา พลางตอบ “ข้าก็ไม่แน่ใจ แต่หากไม่มีโอกาส ก็จงอย่าฝืน มิเช่นนั้นจะเป็การทำร้ายตัวเองเปล่าๆ”
“ข้าเข้าใจแล้ว!”
“นายท่าน ข้านำศพของติงรุ่ยมาแล้ว!” ซ่างกวนเหินเดินนำชายสองคน ที่อุ้มร่างไร้ิญญาของติงรุ่ย ซึ่งมีสภาพไม่ค่อยน่าดูนักเข้ามา
“พ่อบุญธรรม ท่าน้าจะทำอะไรกับร่างไร้ิญญานี่? หรือว่าจะค้นหาป้ายหัวหน้าสังกัดอัคคี?” กู่ฉินถามอย่างใคร่รู้
ซ่างกวนเหินส่งมอบป้ายหัวหน้าสังกัดอัคคีให้กู่ไห่ ลักษณะของมันก็ไม่ต่างอะไรกับป้ายสังกัดวารีและสังกัดปฐีเท่าไรนัก ต่างกันเพียงมีรูปเปลวไฟอยู่บนป้ายเท่านั้น
กู่ไห่เหลือบมองร่างไร้ิญญาของหญิงชรา แล้วพูดเสียงเรียบ “การตายของติงรุ่ยมิใช่เื่น่าเสียดาย แต่มีเพียงนางคนเดียวเท่านั้น ที่รู้เื่ราวการตายของท่านแม่ของหลงหว่านชิง ทว่ากลับตายไปเสียแล้ว แม้ตอนนี้จะถามอะไรไม่ได้ แต่ในวันข้างหน้า อาจจะสามารถใช้ร่างเรียกิญญานาง ให้กลับคืนมาได้”
“ิญญา?” กู่ฉินเอ่ยอย่างกังขา
“ใช่! สร้างสุสานให้เพื่อกักเก็บิญญานางเอาไว้ เพราะมันอาจจะช่วยพวกหลงหว่านชิงได้ในอนาคต” กู่ไห่พยักหน้า
“นายท่าน เกรงว่าจะต้องผิดหวังแล้ว” ซ่างกวนเหินบอก พลางยิ้มเจื่อนๆ
“โอ้!”
“ดูเหมือนหลี่ฮ่าวหรานจะทำตามอำเภอใจไปสักหน่อย จึงได้ถ่ายพลังเข้าไปในดวงจิตของติงรุ่ย ทำให้บางส่วนของจิตทั้งสามถูกทำลายไป” ซ่างกวนเหินอธิบายด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ทำลายจิตทั้งสาม?” กู่ไห่พูดอย่างหดหู่
ซ่างกวนเหินพยักหน้า โดยมิได้อธิบายอะไรมากกว่านั้น
“หลี่ฮ่าวหราน... เ้าฆาตกร!” กู่ไห่บริภาษเสียงเยียบเย็น
...
“นายท่าน จะให้ข้าทำอย่างไรกับร่างของติงรุ่ย” ซ่างกวนเหินถาม
“ฝังนางเสีย!” กล่าวพลางถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน
ร่างของติงรุ่ยถูกฝังอย่างรวดเร็ว กู่ฉินหยิบแหวนออกมา แล้วโบกอย่างแ่เบา
ฟู่!
จู่ๆ เรือเหาะก็ปรากฏแก่สายตาของทุกคน... นี่คือเรือเหาะไป๋อวิ๋นของหลงหว่านชิงนั่นเอง
“องครักษ์ทั้งสามให้ยืมมา ไว้ข้าค่อยคืนให้ท่านประมุขหออี้ผินในภายหลัง” กู่ฉินหัวเราะร่า
กู่ไห่มองบุตรบุญธรรม พลางยิ้มบางๆ “ลืมไปเสียเถอะ! เ้าจะไม่ได้คืนมันให้หลงหว่านชิงแน่ ตอนนี้นางอยู่กับไต้ซือหลิวเหนียนแล้ว... กลับบ้านกันเถอะ!”
กล่าวจบ ก็ก้าวนำขึ้นไปบนเรือเหาะ ผู้ใต้บังคับบัญชาจึงหมุนตัวขึ้นเรือเหาะเช่นกัน จากนั้นยานเหาะก็แล่นไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
...
บนเรือเหาะ
กู่ไห่อยู่ในห้อง เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าที่แสนสกปรกของเขา และในขณะเดียวกัน ก็มองดูป้ายประจำตำแหน่งของติงรุ่ย
ติงรุ่ยตายไปแล้ว ดังนั้นจึงสามารถลบรอยประทับเืบนป้ายได้อย่างง่ายดาย โดยการหยดเืของตัวเองลงบนป้าย เพียงเท่านี้ เขาก็เข้าถึงช่องว่างมิติที่อยู่ภายในทันที
หินิญญาระดับสูงนับหมื่นก้อน ถูกวางทิ้งเอาไว้ในนั้น กู่ไห่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อจำต้องทิ้งหินิญญาเศษเล็กเศษน้อยของติงรุ่ยไป
นอกจากนี้ยังมีตำราเกี่ยวกับการฝึกพลัง ของใช้ต่างๆ และดาบ
“ติงรุ่ยมีเรือเหาะนี่ ไม่ได้เก็บไว้ที่นี่หรอกหรือ?” กู่ไห่รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
ส่วนตำราการฝึกพลังนั่น คล้ายจะไม่มีประโยชน์สำหรับเขาเท่าใดนัก และเมื่อตรวจสอบสิ่งของอื่นๆ ก็พบกล่องขนาดเล็กกล่องหนึ่ง
“โอ้?” กู่ไห่หยิบมันออกมา
กล่องใบนี้บอบบางเล็กน้อย อีกทั้งยังถูกจัดเก็บอย่างดี ในช่องว่างมิตินั่น เขาจึงค่อยๆ เปิดกล่องออกอย่างใคร่รู้
ปรากฏว่า มีจดหมายฉบับหนึ่งอยู่ภายในกล่อง
กู่ไห่นิ่งไปชั่วขณะ พลางมองดูจดหมายในมือใหญ่ของตน แต่ท้ายที่สุดแล้ว ก็ไม่ได้เปิดอ่าน เพียงนำมันเก็บใส่กล่องเหมือนเดิมอย่างระมัดระวัง
“ท่านไต้ซือหลิวเหนียนไม่ได้รีบร้อน ที่จะรับแผ่นป้ายกลับคืนไป เป็เพราะ้ารั้งตัวข้า ให้อยู่ในตำแหน่งหัวหน้าสังกัดวารีเช่นนั้นหรือ? หึ!” เขาเอ่ยพึมพำ ความสงสัยพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้า
ฟึ่บ!
กู่ไห่วางกล่องลงในช่องว่างมิติเช่นเดิม หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ก็ก้าวออกจากห้อง เดินไปยังดาดฟ้าเรือทันที
“พ่อบุญธรรม บนเกาะจิ๋วหวู่มีห้าสำนัก หกแคว้น แต่ตอนนี้สำนักทั้งสี่ถูกทำลายไปแล้ว เหลือเพียงสำนักหมู่ตานเท่านั้น และมันก็ตั้งอยู่ในแคว้นบ้านเกิดของข้า ท่านพ่อบุญธรรม จะให้พวกเราแวะไปที่นั่นหรือไม่?” กู่ฉินเอ่ยถามอย่างมีความหวัง
“ไว้โอกาสหน้าเถอะ! ตอนนี้เกาะจิ๋วหวู่ไม่สงบเหมือนเดิมแล้ว รีบกลับบ้าน!” กู่ไห่ปฏิเสธ พลางส่ายศีรษะอย่างไม่เห็นด้วย
“ขอรับ!” กู่ฉินตอบกลับอย่างเสียดาย
“ให้ทุกอย่างเป็ไปตามครรลองของมันเถิด ในพื้นที่ที่เราอาศัยอยู่ มีเพียงห้าแคว้น และตอนนี้ก็มีหลายอย่างที่เราต้องทำ” กู่ไห่กล่าว พลางยกยิ้ม
“ขอรับ!”
...
บนเรือเหาะของกองกำลังเฉินจีหยิง ซึ่งมีเรือนจำนวนมากอยู่บนดาดฟ้า
ที่ทางเข้าเรือนหลังหนึ่ง ไต้ซือหลิวเหนียนวางมือลงบนหลังของ หลงหว่านชิง เพื่อช่วยทำลายผนึกพลังบนร่างของนาง
หลี่ฮ่าวหรานมองผู้ทรงศีล ที่อยู่บนดาดฟ้า ใบหน้าแสดงออกถึงความไม่ชอบใจ ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะอารมณ์ไม่ดีเสียแล้ว
ข้างๆ กันนั้น มีร่างของชายในชุดเกราะสีเขียวยืนอยู่
“เกาหลิวเซิง ข้ามีงานให้เ้าทำ” หลี่ฮ่าวหรานเอ่ยเสียงเรียบ
“น้อมรับคำสั่งท่านแม่ทัพ!” ชายในชุดเกราะเขียวขานรับเสียงต่ำ
“เมื่อเร็วๆ นี้เ้าเพิ่งบรรลุระดับหยวนอิง ดังนั้นจงนำคนกลุ่มหนึ่งไปลอบสังหารกู่ไห่ให้ข้า!” หลี่ฮ่าวหรานกล่าวเสียงเข้ม
“เอ๊ะ? ขอรับ! ” ชายในชุดเกราะอุทานขึ้นอย่างสงสัย ก่อนรับคำสั่ง
หลี่ฮ่าวหรานเคลื่อนมือไปจับราวบันได สายตาคมทอดมองไปไกลพลางอธิบาย “เกาะจิ๋วหวู่คือกระดานหมากที่ถูกทิ้งเอาไว้โดยผู้าุโกวนฉี ก่อนหน้านี้ศิษย์อี้เทียนเก๋อ ดูจะให้ความนับถือต่อกู่ไห่ไม่น้อย มันต้องเกี่ยวข้องกับเื่นี้แน่
แม้กู่ไห่ไม่ปรารถนาที่จะเข้าร่วมการต่อสู้ เพื่อแย่งชิงชีพจรั แต่นี่เป็สิ่งที่เขาไม่อาจเลี่ยงได้ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดคิดเช่นนี้อีก... กู่ไห่ต้องตายสถานเดียวเท่านั้น!
แต่ข้าก็ไม่อาจลงมือเองได้ จึงมีเพียงเ้าคนเดียว ที่จะช่วยข้าได้!”
“ขอรับ! ทว่า กำลังพลของเราล้วนเกรงกลัวเขา” เกาหลิวเซิงเอ่ยพลางขมวดคิ้วแน่น
“ข้าทราบดี ว่ากู่ไห่นั้นแข็งแกร่งเพียงใด เขาเคยปะทะกับคนของเฉินจีหยิง ดังนั้น อย่าลงมือด้วยตัวเอง ข้าจะมอบสมบัติให้กับเ้า จงไปจ้างคนมาฆ่าเ้ากู่ไห่เสีย!” หลี่ฮ่าวหรานกล่าวเสียงต่ำ
“ขอรับ ข้าน้อยรู้จักผู้ฝึกตนระดับหยวนอิงไม่กี่คนบนเกาะจิ๋วหวู่ แต่ล้วนเป็กลุ่มโจรสังหารในทะเลพันเกาะ” เกาหลิวเซิงพยักหน้า
“ในแหวนนี้มีสมบัติอยู่ ไปเลือกจ้างมาสักคนเถอะ” หลี่ฮ่าวหรานยื่นแหวนให้
“ขอรับ!” เกาหลิวเซิงตอบรับ ก่อนจะเร่งไปคัดเลือกทหารชั้นผู้น้อย ที่จะติดตามออกไปปฏิบัติภารกิจสำคัญร่วมกับตน
เรือเหาะหยุดลง ณ บริเวณของยอดเขาแห่งหนึ่ง ทหารนับพันจากกองกำลังเฉินจีหยิง ต่างก็รีบวิ่งลงจากเรือไป
...
“อุ๊บ!” หลงหว่านชิงกระอักโลหิตออกมา ก่อนจะรับรู้ได้ถึงพลังที่เพิ่มมากขึ้นของตน
“ท่านไต้ซือหลิวเหนียน ผนึกคลายออกแล้ว... ขอบคุณยิ่ง!” หญิงสาวมองดูมือของตนอย่างตื่นเต้น
“ผนึกโลหิตต่างจากผนึกพลังอื่นๆ คงต้องใช้เวลาอีกสักหน่อย” ไต้ซือเอ่ย พลางยกยิ้ม
“หือ?” หลงหว่านชิงเลิกคิ้วขึ้นทันที เมื่อเห็นว่ามีคนของเฉินจีหยิงนับพัน กำลังลงจากเรือเหาะ หลี่ฮ่าวหรานที่อยู่ไกลออกไป ก็ตามมาดูเช่นกัน
“ท่านแม่ทัพหลี่ พวกเขาจะไปไหนกันหรือ?” หญิงสาวถามอย่างข้องใจ
“ข้าแค่ส่งพวกเขาไปทำงานบางอย่าง... อย่าได้กังวล!” หลี่ฮ่าวหรานตอบ พร้อมรอยยิ้ม
“อย่างนั้นหรือ?” ทว่า หลงหว่านชิงกลับรู้สึกไม่สบายใจ
หลังพูดคุยกันเสร็จ หลี่ฮ่าวหรานก็กลับเข้าเรือนของตน
หญิงสาวซึ่งยืนดูบรรดาคนของกองกำลังเฉินจีหยิง จากบนดาดฟ้า จู่ๆ ก็เป็ห่วงขึ้นมา
“ท่านไต้ซือ คนของเฉินจีหยิงนับพันพวกนั้น คงไม่ได้กำลังจะไปจัดการกับกู่ไห่หรอกนะ?” หลงหว่านชิงมองไต้ซือหลิวเหนียนอย่างกังวล
แม้นางจะมีประสบการณ์ในโลกภายนอกไม่มากนัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะโง่เขลาจนไม่รู้อะไร จากสถานการณ์ตรงหน้า ก็พอจะคาดเดาได้บ้างแล้ว ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น…
“ข้าก็หวังเช่นนั้น” ผู้ทรงศีลคลี่ยิ้ม พลางทอดมองไปไกล
“หืม?” หญิงสาวรู้สึกหวาดวิตกยิ่ง
“อย่าห่วงเลย! กู่ไห่มิใช่คนที่จะยอมใครง่ายๆ เกาหลิวเซิงไม่มีทางชนะเขาได้แน่!” ไต้ซือหลิวเหนียนกล่าวเสียงเรียบ พร้อมมองไกลออกไป
“แล้วถ้าเกิดเป็การลอบโจมตีล่ะ?” หลงหว่านชิงเอ่ยถาม พลางขมวดคิ้วแน่น
“ลอบโจมตี? นั่นย่อมเป็วิธีที่จะยั่วโทสะกู่ไห่ได้มากที่สุด... เหอะ!” ผู้ทรงศีลยกยิ้ม
หญิงสาวนิ่งงัน
“วางใจเถอะ! กู่ไห่ต้องไม่เป็อะไรแน่ ชีวิตของเขาผ่านความยากลำบากมานักต่อนักแล้ว กลับเป็ท่านเสียอีก ที่ต้องห่วงตัวเอง โปรดระวังตัวให้มาก เมื่อไปถึงเขตสำนักหมู่ตาน” ไต้ซือกดเสียงต่ำ
“อืม!”
...
ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม
และแล้วเรือเหาะไป๋อวิ๋น ก็พาพวกเขามาถึงจวนสกุลกู่
ตอนนี้บริเวณรอบจวนนั้น วุ่นวายมาก ั้แ่ได้รับคำสั่งของกู่ไห่ คู่ค้าส่วนใหญ่ของตระกูลกู่ ต่างก็คาดเดาถึงเจตนารมณ์ของกู่ไห่ และพากันวิ่งวุ่นไปทั่ว ด้วยความกระตือรือร้น
ท่านกู่้าที่จะรวบรวมแผ่นดินให้เป็ปึกแผ่น ภายใต้จักรวรรดิเดียวกัน
ผู้คนต่างคิดว่ามันไม่สามารถเป็ไปได้ แต่เหล่าคู่ค้าต่างก็ให้การสนับสนุน เพราะนั่นคือท่านกู่ หลังจากนี้ไม่นาน พวกจะไม่เป็แค่เพียงคู่ค้า แต่จะได้เป็ถึงขุนนาง มีหรือที่จะไม่ดิ้นรนกัน
เมื่อเรือเหาะพากู่ไห่กลับมา ผู้คนมากมายในจวนสกุลกู่ ต่างก็มีชีวิตชีวา และพากันออกมาต้อนรับ
“นายท่าน ท่านกลับมาแล้ว ตอนนี้กองทัพของเกาเซียนจืออยู่ที่แนวหน้า และได้ส่งกองกำลังไปยังสี่อาณาจักรที่เหลือด้วย!” เฉินเทียนซานเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม
“รายงาน!”