หลังจากนั้น ซูฉางอันก็พาเซี่ยโหวฟ่งอวี้ไปเยี่ยมกู่เซี่ยนจวินต่อ
แม้อาการของกู่เซี่ยนจวินจะดีขึ้นมากแล้วแม้ทั้งสองจะไม่ถูกกันมาโดยตลอด แต่ไม่รู้ทำไม ครั้งนี้ทั้งสองถึงไม่ได้ทะเลาะกันอย่างที่เคยทำเป็ประจำนั่นทำให้ซูฉางอันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่อย่างไรเสียนั่นก็ถือเป็เื่ดี
หลังเซี่ยโหวฟ่งอวี้กลับไปกู่เซี่ยนจวินก็มีสีหน้าจริงจังขึ้นมาทันที นางมองไปยังซูฉางอัน พลางกล่าวถามขึ้น“คุณชายซูจะไปประลองเพื่อองค์ชายห้าจริงรึ?”
“อืม”ซูฉางอันไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติในสีหน้าของกู่เซี่ยนจวินแม้แต่น้อย เขาเอ่ยขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ“ก็แค่การประลองเอง ข้าจะระวังก็แล้วกัน”
กู่เซี่ยนจวินชะงักไป นางรู้ว่าซูฉางอันยังไม่เข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในเื่นี้จึงเตรียมจะพูดบางอย่างออกมา แต่พอมาตรงดูอีกที ท่านอวี้เหิงย่อมรู้เื่นี้แล้วเป็แน่ในเมื่อเขาไม่พูดอะไร นั่นก็แปลว่าเขาเองก็ไม่คัดค้านต่อเื่นี้ เมื่อเป็เช่นนั้นหลังลังเลเล็กน้อย ในที่สุดกู่เซี่ยนจวินก็หยุดคำพูดเอาไว้ไม่ได้พูดออกมาแต่อย่างใด
“เ้ารู้ไหมว่าคู่ต่อสู้เป็ใคร?” นางถามเช่นนั้น
ซูฉางอันส่ายหน้า “รู้แค่ว่ามีคนที่ชื่อเป่ยทงเสวียนอยู่ด้วยเห็นบอกว่าเป็ยอดฝีมือแห่งอันดับผืนฟ้าเชียวนะ แต่ข้าไม่ต้องไปรับมือกับเขาหรอกคนที่ข้าต้องรับมือด้วยเป็ศิษย์จากสำนักอื่น ต่างหากแต่ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็ศิษย์คนไหนกันแน่”
เมื่อได้ฟังดังนั้น กู่เซี่ยนจวินก็มีสีหน้าหนักอึ้งยิ่งกว่าเดิมด้วยอำนาจและสายสืบที่องค์ชายห้ามีในเมืองหลวงต่อให้เขาจะไม่อาจระบุได้ว่าคู่ต่อสู้เป็ใคร แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องรู้แน่ว่าน่าจะเป็ใครบ้าง ทว่าแม้แต่รายชื่อของคนที่น่าจะเป็คู่ต่อสู้ของซูฉางอันองค์ชายห้าก็ยังไม่ยอมบอกเลย นั่นทำให้กู่เซี่ยนจวินรู้สึกสงสัยอย่างอดไม่ได้ไม่รู้ว่าเซี่ยโหวฟ่งอวี้กับองค์ชายห้ากำลังจะทำอะไรกันแน่
“เป่ยทงเสวียน เหมือนข้าเคยได้ยินชื่อนื้จากที่ไหนนะ” จู่ๆฝานหรูเยว่ที่เพิ่งเดินเข้ามาก็พูดแทรกขึ้น
“ว่ากันว่าเขาเป็ผู้บัญชาการหนุ่มที่สร้างผลงานใหญ่ในาระหว่างต้าเว่ยกับเผ่าหมานในดินแดนตะวันตกได้หลายครั้งเื่ของเขาก็คงจะถูกลือในเมืองฉางอันอยู่บ้าง” ซูฉางอันบอก
“ไม่สิ” แต่ฝานหรูเยว่กลับขมวดคิ้วมุ่นแล้วส่ายหน้า นางดวงตาเป็ประกายราวนึกเื่ที่สำคัญเป็อย่างมากขึ้นมาได้ “ข้าจำได้แล้ว เป็พี่หรูเยี่ยน”
“หรูเยี่ยน?” ครั้งนี้ ซูฉางอันกลายเป็คนที่นิ่งไปแทนเขาครุ่นคิดอย่างจริงจังอยู่ครู่หนึ่ง จึงนึกขึ้นได้ว่าเป็สตรีที่นั่งร่วมโต๊ะกับพวกเขาที่หอหมู่ตันนั่นเองในตอนนั้น พวกเขายังมีเื่มีราวกับคุณชายสกุลหวังผู้หนึ่งในนั้นด้วย และก็เป็นางที่เรียกประมุขแห่งหอหมู่ตันหลงเซี่ยงจวินมาจัดการให้ ในตอนนั้น ซูฉางอันยังอยากจะขอบคุณนางอยู่เลยแต่สุดท้ายเขาก็ไม่มีโอกาสได้ขอบคุณนางเสียที แต่ซูฉางอันไม่เข้าใจเลยว่าเป่ยทงเสวียนกับแม่นางหรูเยี่ยนมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร
ฝานหรูเยว่ดูออกว่าซูฉางอันกำลังสงสัยเื่ใด นางจึงพูดขึ้นอีกครั้ง“ก่อนหน้านี้ พี่หรูเยี่ยนเคยเป็ยอดบุปผาของหอหมู่ตัน ในวันที่นางถูกเปิดประมูล นางได้พบกับชายผู้หนึ่ง”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ จู่ๆ ฝานหรูเยว่ก็ชะงักนิ่งไป นางมองไปยังซูฉางอันอย่างเขินอายเพียงครู่หนึ่งแต่พอได้เห็นว่าอีกฝ่ายยังคงมีสีหน้านิ่งเรียบ ฝานหรูเยว่ก็รู้สึกเคืองขึ้นมา แต่นางก็พูดต่อไปในที่สุด“ชายผู้ผู้นั้นออกตัวปกป้องนาง ถึงแม้ว่าสุดท้ายคืนแรกของพี่หรูเยี่ยนจะถูกขายให้แขกในหอ แต่เพราะเื่ในคราวนั้น พี่หรูเยี่ยนจึงตกหลุมรักชายผู้นั้นมาโดยตลอดทว่าชายผู้ผู้นั้นมีฐานะยากจน ไม่มีเงินมาไถ่ตัวพี่หรูเยี่ยนออกไปจากหอพี่หรูเยี่ยนจึงมักจะใช้เงินของตัวเองซื้อตัวเอง เพื่อให้มีเวลาอยู่กับชายผู้นั้นอยู่เป็ประจำต่อมาชายผู้นั้นได้รับคำสั่งให้ไปประจำการที่ชายแดนตะวันตกก่อนไปเขาเคยบอกให้พี่หรูเยี่ยนรอเขาบอกว่าหากได้ดิบได้ดีจะกลับมาแต่งกับพี่หรูเยี่ยนอย่างแน่นอน”
“ข้าเคยได้ยินพี่ๆ ในหอหมู่ตันบอกว่า ดูเหมือนชายผู้นั้นชื่อเป่ยทงเสวียนอะไรนี่แหละหลายปีที่ผ่านมาพี่หรูเยี่ยนปฏิเสธการไถ่ตัวจากชนชั้นสูงและเศรษฐีมาไม่รู้กี่รายต่อกี่รายคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะได้กลับเมืองหลวงจริงๆแถมยังกลายเป็แม่ทัพที่มีชื่อเสียงในแถบซีเหลียงอีกพี่หรูเยี่ยนทนลำบากมาตั้งหลายปี ในที่สุดนางก็สมหวังเสียที”
ยิ่งพูด ฝานหรูเยว่ก็ยิ่งรู้สึกมีความสุขมากขึ้นราวกับคนที่รอคอยจนคนรักกลับมาไม่ใช่หรูเยี่ยน แต่เป็ตัวนางเองอย่างไรอย่างนั้นแต่นางก็เป็คนเช่นนี้ มักรู้สึกยินดีเมื่อคนที่รู้จักสมหวังหรือมีความสุขเสมอ
ซูฉางอันนิ่งไปเมื่อได้ฟังแม้เขาจะคิดว่าหรูเยี่ยนเป็หญิงที่ดีมากผู้หนึ่ง แต่เขาก็ไม่เคยคิดเลยว่านางจะมีความหลังเช่นนี้ทันใดนั้น เขาก็นึกถึงหนังสือเื่ ‘เพลงรักจากหนานเยวียน’ ที่เคยอ่านขึ้นมา
มันเป็หนังสือที่บันทึกเื่ราวความรักระหว่างบัณฑิตหนุ่ม นามว่าหนานเยวียนกับหญิงในหอนางโลมที่ชื่อซุ่ยอวี้ั้แ่แรกพบจนสืบต่อไปเป็ความรักแต่เพราะหนานเยวียนมีฐานะยากจน ทั้งยังต้องเข้าไปสอบจอหงวนในเมืองหลวง ซุ่ยอวี้จึงขายเครื่องประดับและของมีค่าที่มีอยู่ทั้งยังนำเงินที่เก็บออมออกมาให้คนรักนำไปใช้ระหว่างเดินทางไปสอบอีกด้วยหนานเยวียนเองก็ไม่ทำให้นางผิดหวัง เขาสอบผ่านและได้ตำแหน่งจึงกลับมาที่บ้านเกิดอีกครั้งพร้อมกับชื่อเสียงและอนาคตที่ดี หลังจากนั้น เขาก็แต่งงานกับซุ่ยอวี้ตามคำสัญญา
นี่เป็หนึ่งในหนังสือที่ซูฉางอันชื่นชอบมากที่สุดซึ่งเขาก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมถึงชอบมันแต่ความทุ่มเทและเสียสละที่ซุ่ยอวี้มีต่อหนานเยวียนและความมั่นคงในรักที่หนานเยวียนมีต่อซุ่ยอวี้ ต่างก็เป็เื่ราวที่งดงามและน่าชื่นชมทั้งสิ้นและซูฉางอันก็ชื่นชอบเื่ราวที่งดงามเช่นนี้มาก
เป่ยทงเสวียนกับหรูเยี่ยนช่างละม้ายคล้ายกับหนานเยวียนและซุ่ยอวี้ในหนังสือเหลือเกิน
ซูฉางอันครุ่นคิดอยู่นาน ก่อนจะพูดขึ้นในที่สุด“งานเลี้ยงฉลองพระชนมพรรษาขององคจักรพรรดิจะจัดขึ้นในอีกสามวันต่อจากนี้และแม้ตอนนี้เป่ยทงเสวียนจะอยู่ระหว่างทางกลับเมืองหลวงแต่คาดว่าเขาคงจะมาถึงในอีกไม่เกินหนึ่งหรือสองวันนี้แน่”
“อย่างนั้นรึ?” ฝานหรูเยว่ดูตื่นเต้นเป็อย่างมากตอนอยู่ในหอหมู่ตัน หรูเยี่ยนเป็หนึ่งในหญิงเพียงไม่กี่คนที่ดูแลและช่วยเหลือนางมาโดยตลอดเหตุนี้ นางจึงรู้สึกยินดีกับหรูเยี่ยนจากใจจริง ฝานหรูเยว่ก้าวเข้าไปข้างหน้าแล้วดึงมือของซูฉางอัน พลางพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนราวกับเด็กๆ “คุณชายซูพวกเราไปเยี่ยมพี่หรูเยี่ยนตอนนี้เลยได้ไหม ข้าอยากบอกข่าวนี้กับนางตอนนี้เลย”
ซูฉางอันชะงักอึ้งไป เขาเองก็มีความคิดเช่นนั้นอยู่เหมือนกัน หลังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งในที่สุดซูฉางอันก็พูดขึ้น “อย่างนั้นเ้ารอข้าสักเดี๋ยวนะ”
หลังพูดจบ เขาก็เดินออกไปจากห้องท่ามกลางสายตาสงสัยจากสตรีทั้งสองและกลับมาอีกครั้งพร้อมกับหนังสือเล่มหนึ่งในอีกไม่ถึงสิบนาทีต่อมา
“ไปกันเถอะ” เขาบอกกับฝานหรูเยว่ด้วยรอยยิ้ม
“นั่นอะไรรึ?” ฝานหรูเยว่หยิบหนังสือที่เก่าจนเริ่มเปลี่ยนไปเป็สีเหลืองมาจากมือของซูฉางอันจากนั้นก็มองมันอย่างสำรวจก่อนจะพบกับตัวอักษรที่เขียนว่าเพลงรักแห่งหนานเยวียนในนั้น
“ของขวัญสำหรับแสดงความยินดีน่ะ” ซูฉางอันมองนางพลางกะพริบตาปริบๆ
“อ้อ” ฝานหรูเยว่ทำปากจู๋ นางไม่ชอบที่ซูฉางอันมักจะลีลาและเก็บเื่ราวเอาไว้คนเดียวเช่นนี้สักเท่าไหร่แต่เพราะถูกความยินดีที่มีต่อหรูเยี่ยนครอบงำอยู่หรูเยว่จึงไม่เอาความกับซูฉางอันในตอนนี้
“อย่างนั้นเราไปกันเถอะ” ซูฉางอันพูดขึ้นแล้วเตรียมจะพาหรูเยว่ออกไปจากห้อง
“คุณชายซูจะไปทั้งอย่างนี้เลยรึ?” ทว่าในตอนนั้นเอง จู่ๆกู่เซี่ยนจวินที่ฟังบทสนทนาของทั้งสองอย่างเงียบๆ มานานก็กล่าวขึ้นอย่างกะทันหัน
ซูฉางอันชะงักอึ้งไปเขาคิดว่ากู่เซี่ยนจวินโกรธที่ตนจะไปโดยไม่ถามสักคำว่านางจะไปด้วยไหมจึงแอบตำหนิความไม่รอบคอบของตัวเองในใจ ขณะที่ปากก็รีบพูดขึ้นดังนี้“หากเซี่ยนจวินมีเวลาว่างก็ไปพร้อมกับพวกเราได้นะ พี่หรูเยี่ยนเป็คนที่ดีมากเลยละ”
ทว่ากู่เซี่ยนจวินกลับส่ายหน้า“ข้าไม่รู้จักแม่นางหรูเยี่ยนที่คุณชายซูพูดถึง ต่อให้ไปก็ไม่รู้ว่าจะกล่าวอะไรกับนางอยู่ดีแต่หอหมู่ตันไม่ใช่ที่ๆ จะเข้าออกได้ตามใจหรอกนะข้าไม่รู้ว่าครั้งก่อนพวกเ้าเข้าไปได้ยังไง แต่ข้าเกรงว่าในครั้งนี้พวกเ้าคงจะไม่โชคดีเหมือนครั้งก่อนแน่”
คำเตือนจากกู่เซี่ยนจวินทำให้ซูฉางอันนึกขึ้นมาได้ว่าครั้งก่อนพวกเขาเคยถูกขวางโดยคนเฝ้าประตูหน้าหอมาก่อนเป็เพราะตราทองคำของศิษย์พี่ พวกเขาถึงได้เข้าไปในหอได้สำเร็จ เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาจึงเพิ่งตระหนักได้ว่าหอหมู่ตันไม่ใช่ที่ๆ จะเข้าได้ง่ายๆ จริงๆ เสียด้วยซึ่งนั่นทำให้เขารู้สึกหนักใจขึ้นมาทันที
ทว่าในตอนนั้นเอง จู่ๆ กู่เซี่ยนจวินก็หยิบบางอย่างออกมาจากหน้าอก โยนมันขึ้นไปบนอากาศเบาๆทำให้มันมาหล่นอยู่ในมือของซูฉางอันพอดิบพอดี
ซูฉางอันรับเ้าสิ่งนั้นเอาไว้ เมื่อมองสำรวจจึงพบว่ามันเป็ตราสัญลักษณ์ที่มีคำว่า ‘กู่’ สลักอยู่
“ตระกูลกู่กับตระกูลหลงเป็คู่ค้ากันมาแต่ไหนแต่ไรดังนั้นพวกเขาจึงให้ตราสัญลักษณ์นี้กับข้า บอกว่าเมื่อนำมันมาแสดงจะสามารถเข้าออกร้านค้าหรือกิจการของตระกูลหลงที่อยู่ในแผ่นดินต้าเว่ยได้ตามใจแม้จะเป็หอหมู่ตันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร” กู่เซี่ยนจวินบอกเช่นนั้น
แต่ซูฉางอันกลับรู้สึกสะดุ้งใขึ้นมากะทันหัน นอกจากตัวอักษรแล้วตราสัญลักษณ์ของกู่เซี่ยนจวินในมือเหมือนกับตราที่ศิษย์พี่ใช้แสดงในวันนั้นไม่มีผิดแต่ไม่รู้เพราะเหตุใด ศิษย์พี่ถึงบอกว่านั่นเป็ตราสัญลักษณ์ของราชวงศ์แต่กู่เซี่ยนจวินกลับบอกว่าเป็ตราที่ตระกูลหลงมอบให้ตระกูลกู่ที่เป็แขกคนพิเศษ
เขากำลังจะคิดไตร่ตรองให้ลึกลงไปแต่ฝานหรูเยว่ก็พูดเร่งขึ้นเสียก่อน “ดีจริงๆ คุณชายซู เรารีบไปกันเถอะ”เห็นได้ชัดว่านางรีบจนแทบจะทนรอไม่ไหวแล้ว
ซูฉางอันข่มความสงสัยในใจลง แล้วบอกลากับกู่เซี่ยนจวินจากนั้นก็พาฝานหรูเยว่ออกไปจากสำนักเทียนหลานแล้วมุ่งหน้าไปที่หอหมู่ตันในเวลาต่อมา
แต่เขาไม่รู้เลย ว่าหลังจากที่ตัวเองจากไป กู่เซี่ยนจวินได้ถอนหายใจออกมาแล้วเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าหมองเศร้า
“คุณชายซู เมืองฉางอันเต็มไปด้วยสัตว์ร้ายจริงๆ...”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้