เหล่าหมอหลวงกลุ่มใหญ่รวมตัวกันในวังเฟิงเทียน แต่ละคนมีขอบตาคล้ำและใบหน้ามอมแมม ผมเผ้าศีรษะยุ่งเหยิง ใช้ชีวิตราวกับไม่ได้นอนมาตลอดทั้งปี สติสัมปชัญญะก็มึนๆ งงๆ อยู่เล็กน้อย
พวกเขาไม่ได้ยินแม้แต่เสียงของขันทีที่ดังขึ้นมา
จนกระทั่งฉู่จื่ออวี้และชิงอีเดินเข้าไปในห้องโถง พวกเขาถึงจะรู้สึกสะดุ้งใ และคุกเข่าลงทีละคน
“เหล่าหมอหลวงต่างเหนื่อยมามากแล้ว ไปพักผ่อนกันก่อนเถอะ! อาการป่วยของเสด็จพ่อยังต้องพึ่งพาพวกท่านอีก พวกท่านจะล้มไปก่อนไม่ได้”
เหล่าหมอหลวงมองหน้ากันและกัน หลังจากได้ยินคำพูดนั้นก็มีชีวิตชีวาขึ้นมา ทว่า อีกด้านหนึ่งก็เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ว่าองค์รัชทายาทไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับพวกเขาหรอก พวกเขายังสู้ไปได้อีกเจ็ดวันเจ็ดคืน
เมื่อเห็นเหล่าหมอหลวงที่อายุมากกว่าเขาไม่รู้กี่รอบกำลังตื่นเต้นคึกคัก ฉู่จื่ออวี้กระตุกมุมปาก พร้อมกับใบหน้าที่หล่อเหลาที่เ็าขึ้นมา “นี่คือคำสั่ง! พวกเ้าพาหมอหลวงไปส่ง ดูให้แน่ใจว่าพวกเขากลับถึงจวนหรือเปล่า ดูจนกระทั่งพวกเขาเข้านอน!”
ทันทีที่คำเหล่านี้ออกมา เหล่าหมอหลวงก็ทั้งรู้สึกซาบซึ้งและยอมเชื่อฟังมากขึ้น พร้อมกับท่าทางที่รู้สึกว่าอยากที่จะถวายชีวิตให้กับฉู่จื่ออวี้
ชิงอีที่อยู่ข้างๆ เบะปาก เื่การโน้มน้าวให้ได้ใจผู้คน เด็กน้อยคนนี้ช่างทำได้ไหลลื่นเสียจริง
หลังจากเหล่าหมอหลวงถูกไล่ออกไปแล้ว ฉู่จื่ออวี้ก็ไล่ข้าหลวงคนอื่นๆ ออกไปเช่นกัน จากนั้นไปยืนอยู่ข้างเตียงของฮ่องเต้เหยียน เขาแทบรอไม่ไหวที่จะพูดว่า “รีบมาดูสิ!”
“ดูเขาไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก” ชิงอีพูดด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“ไม่มีประโยชน์? แล้วเช่นนั้นจะช่วยชีวิตเขาได้อย่างไรล่ะ?!”
ชิงอีกลอกตาและมองไปทั่วห้องโถง “แล้วตะเกียงแห่งชีวิตนั่นล่ะ?!”
ฉู่จื่ออวี้แสดงความรังเกียจออกมา “แน่นอนสิ่งชั่วร้ายเช่นนั้นยิ่งอยู่ไกลเท่าไรก็ยิ่งดี ใจข้าอยากจะเอาไฟมาเผามันด้วยซ้ำ!”
“ถ้าอยากให้พ่อเ้าตายในทันที ก็เผามันเลยสิ”
ฉู่จื่ออวี้ถึงกับใเมื่อได้ยินคำพูดนี้ แผ่นหลังเองก็เริ่มมีเหงื่อออก เขาเกือบเผาตะเกียงนั่นไปแล้วจริงๆ “โชคดีที่ตอนนั้นพี่ใหญ่เซียวหยุดข้าไว้ ไม่อย่างนั้น...”
“เซียวเจวี๋ยหยุดเ้าไว้งั้นหรือ?” เมื่อได้ยินเช่นนี้ชิงอีก็เกิดสงสัยขึ้นมา “ทำไมล่ะ?”
“พี่ใหญ่เซียวบอกว่าตะเกียงนี้เป็หลักฐานในทางอาญา บางทีการเก็บมันไว้อาจจะเป็ประโยชน์ในการล่อคนชั่วผู้นั้นออกมาด้วย”
ดวงตาของชิงอีสั่นไหวอย่างแ่เบา ที่พูดมามันก็ดูสมเหตุสมผล หนุ่มน้อยผู้นั้นคงไม่ได้ทำไปก่อนคิดหรอกใช่ไหม?
“หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว เร็วเข้าสิ!” นางอยากจะกลับไปนอนอีกรอบจะตายชักอยู่แล้ว
ฉู่จื่ออวี้รีบเดินออกไปจากห้องโถง และสั่งให้คนไปเอาตะเกียงแห่งชีวิตมา
ไม่นานหลังจากนั้น ตะเกียงก็ถูกวางไว้หน้าเตียงของฮ่องเต้เหยียน
ชิงอีจ้องไปที่เปลวเพลิงครู่หนึ่ง และสังเกตเห็นร่างมนุษย์ร่างหนึ่งกำลังดิ้นรนอยู่ในกองไฟ
ถูกเผาด้วยน้ำมันศพมาเป็เวลานานขนาดนี้ คงจะมีแค่เพียงซานหุนของฮ่องเต้โลกมนุษย์ที่สามารถทนมาได้จนถึงตอนนี้กระมัง กระนั้น ซานหุนนี้ก็ได้หายไปหนึ่งดวงแล้ว เหลือแค่เพียงหุนสองดวงเท่านั้น เกรงว่าถึงจะช่วยให้รอดได้ ทว่า ก็มีชีวิตอยู่ได้ไม่นานอยู่ดี
ชิงอีเหลือบมองฉู่จื่ออวี้ที่กังวลใจและคาดหวังอยู่ข้างๆ นาง และในใจก็ถอนหายใจด้วยความรำคาญ
เอาเถอะ ช่วยสักครั้งก็แล้วกัน
“เ้าไปรอที่นอกห้องโถง”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นฉู่จื่ออวี้ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และรู้สึกไม่สบายใจที่จะออกไป หลังจากเดินไปได้สองก้าว ก็หันกลับมามองที่นางและพูดว่า “ท่านเอง...ก็ระวังตัวด้วยนะ อย่าอวดเก่งล่ะ”
“ไสหัวออกไป!” ชิงอีะโด่า
เด็กน้อย ถ้าเ้ายังจะกล้าเล่นอะไรแผลงๆ อีก ข้าจะตีเ้าไม่ให้ตายดีแน่!
น่ารำคาญจริงๆ!
ชิงอีกัดฟันและจ้องไปที่ตะเกียงแห่งชีวิต จากนั้นมองไปยังฮ่องเต้เฒ่าบนเตียง
“ท่านควรจะขอบคุณตัวเองที่มีลูกชายที่ดีเช่นนี้!”
นางกางฝ่ามือออก ทันใดนั้นก็มีเปลวไฟซาตานสีดำก็ปรากฏขึ้น ครู่ต่อมาเปลวไฟซาตานสีดำก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็สีขาวในเวลาต่อมา
สีดำคือเปลวไฟนรก
สีขาวคือเปลวไฟบริสุทธิ์
มีเพียงเปลวไฟบริสุทธิ์เท่านั้นที่ไม่สามารถทำร้ายจิติญญาของมนุษย์ได้ เมื่อชิงอีกระตุ้นเปลวไฟ บนใบหน้าของนางก็เผยความเ็ปเล็กน้อย
หากเป็เมื่อก่อนก็คงไม่เป็ไร ทว่า ตอนนี้พลังในร่างกายของนางแทบจะไม่เหลือ ทันทีที่เปลวไฟออกมา จู่ๆ นางก็รู้สึกว่าภายในของนางราวกับกำลังถูกเจาะรู
ครั้งนี้...ขาดทุนครั้งใหญ่จริงๆ!
ไม่รอช้า นางนำเปลวไฟบริสุทธิ์ห่อไว้รอบๆ ตัวอย่างระมัดระวัง จากนั้นค่อยๆ ผลักหุนทั้งสองของฮ่องเต้เหยียนกลับเข้าไปในร่างกายของเขา
อย่างไรก็ตาม ิญญาทั้งสองถูกแยกจากกันนานเกินไป มันเริ่มวิ่งไปรอบๆ และไม่ยอมกลับมายังที่เดิม ร่างของฮ่องเต้เหยียนก็เริ่มกระตุกอย่างรุนแรง
“น่ารำคาญจริงๆ!” ชิงอีขมวดคิ้ว มือขวาของนางที่ไม่สามารถจุดไฟบริสุทธิ์ขึ้นมาได้อีกครั้ง นางจึงบังคับให้หุนทั้งสองที่เร่ร่อนเข้าสู่แท่นิญญา
หลังจากนั้นไม่นาน ซานหุนก็รวมตัวกันในที่สุด
ชิงอีถอนหายใจออกมายาวๆ ส่ายหน้าเล็กน้อย เมื่อนางกำลังจะล้มตัวลงนั่ง หลังของนางก็เหยียดตรงขึ้นทันใด พร้อมกับดวงตาที่มองพุ่งไปยังใดที่หนึ่ง “ออกไป!”
น้ำค้างแข็งที่เกาะอยู่บนพื้น จู่ๆ ก็เข้ามาใกล้นาง ชิงอีส่งเสียงฮึอย่างเ็า เปลวไฟซาตานสีดำใต้เท้าของนางก็ะเิออกและไล่พวกมันออกไป
น้ำค้างแข็งที่เกาะอยู่บนพื้นก็หายไปในทันที และมีใบหน้าที่อ่อนโยนปรากฏขึ้นในห้องโถง พร้อมกับเสื้อผ้าสีขาวบนร่างของเขาที่มีรอยไหม้เกรียมมากมาย ทั่วทั้งใบหน้ามืดหม่นจนเกือบจะมีน้ำตาหยดลงมา ในถือที่สั่นเทาก็มีเสื้อคลุมของตนเองที่ไหม้เกรียม
“ชุดเส้นไหมเทพเซียนชุดนี้มีเพียงสิบชุดในหกโลกา และมีเพียงแค่สองชุดเท่านั้นที่เป็สีขาว ข้ารวบรวมมันมานับพันปีถึงจะได้มันมา แต่กลับโดนเ้าเผามันทั้งหมด นางมารร้าย ข้ากับเ้าไม่มีทางอยู่ร่วมใต้ฟ้าเดียวกันได้!!!!”
“นิสัยสาวน้อยจริงๆ สวมชุดสีขาวตลอดเวลาคิดว่าตัวเองเป็หนุ่มหล่อหรือไร? เทพไป๋อู่ฉาง[1]ในปรโลกของข้ายังดูดีกว่าท่านเสียอีก!”
ใบหน้าของจื่อโตวโกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันใด เทพไป๋อู่ฉางที่ใช้ลิ้นถูพื้นนั่นดูดีกว่าเขางั้นหรือ?! นางมารร้ายนี่ตาบอดหรือไร?
“นางมารร้าย เ้าคิดจริงๆ หรือว่าไม่มีใครในหกโลกานี้จัดการเ้าได้ วันนี้ข้าจะต้อง...”
“อยากสู้งั้นหรือ? มาสิ!” ชิงอีเดินมาข้างหน้าสองก้าว พร้อมกับเปลวไฟซาตานที่ลุกโชนอยู่ใต้ฝ่า ความเย่อหยิ่งของนางเองก็ไม่ได้น้อยไปกว่าใคร “ถ้ามันไปเผาหน้าเล็กๆ อันหล่อเหลาของท่านไป ก็อย่ามาร้องไห้แล้วกัน!”
จื่อโตวกัดฟันแน่นกรอด ทั้งสองมือเต็มไปด้วยน้ำแข็ง
น้ำแข็งและไฟกำลังเผชิญหน้ากัน และดูเหมือนว่ากำลังจะต่อสู้
ทว่า จู่ๆ จื่อโตวก็นึกอะไรบางอย่างได้ เขากระตุกมุมปาก เก็บน้ำค้างแข็งกลับมา และพูดอย่างเ็าว่า “ที่ข้ามาในวันนี้เพราะมีเื่สำคัญที่ต้องทำ ข้าี้เีเกินกว่าจะเสวนากับเ้าแล้ว”
ชิงอีเก็บเปลวไฟซาตาน และแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก หากต้องสู้กับชายหนุ่มนิสัยหญิงสาวผู้นี้อีกครั้ง บางทีพลังของนางอาจจะหมดไปจริงๆ ก็ได้
“มารับิญญางั้นหรือ? ฮึ เทพพิพากษาทำเื่ไร้สาระเช่นนี้ั้แ่เมื่อไรกัน? ดูเหมือนว่ายมโลกจะไม่มีใครอยู่สักคนเลยจริงๆ สินะ”
ชิงอีเดินไปด้านข้างหน้าอย่างไม่แยแส นั่งลงอย่างหยิ่งยโส และเมินสายตาที่เต็มไปด้วยความเ็าของจื่อโตวที่มองมายังนาง
จื่อโตวคิดขึ้นมาในใจว่า รอให้เขาทำเื่สำคัญเสร็จ แล้วเขาจะมาจัดการนางอย่างแน่นอน หุนทั้งสองได้กลับสู่ตำแหน่งเดิม และผสานเข้ากับร่างของฮ่องเต้เหยียนได้เป็อย่างดี ซานหุนที่แตกสลายไป มันเป็ไปไม่ได้เลยที่จะช่วยมันกลับคืนมาได้
จื่อโตวเหลือบมองด้านหลังของชิงอีด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
นางร้ายคนนี้ช่วยผู้คนจริงๆ หรือ?
ทั้งยังใช้เปลวไฟบริสุทธิ์โดยไม่เสียดายอีก การจุดเปลวไฟบริสุทธิ์เป็การจุดด้วยบุญของนางอีก นางมารร้ายผู้นี้ใจกว้างเช่นนี้ั้แ่เมื่อไรกัน?
“ิญญากลับมาแล้ว แต่ิญญาก็หายไปแล้ว” จื่อโตวหันไปมองนาง
ชิงอีที่ใบหน้าเต็มไปด้วยอารมณ์เสีย ไม่มีความสุข และหมดความอดทน นางตบโต๊ะอย่างโกรธเคือง “เื่ของข้า! ต่อให้ฮ่องเต้เฒ่าผู้นี้ตายไป ก็ไม่ใช่หน้าที่ของข้าในปรโลกอยู่ดี คิดจะให้ข้าทำงานแทนพวกท่านหรือไร? เป็ใครกันถึงได้หน้าด้านเช่นนี้? ฮะ?!”
จื่อโตว : ...
เขาได้พูดอะไรสักคำหรือยัง?
เมื่อกำลังจะเปิดปากพูด ก็เห็นชิงอียื่นมือออกมา
“ทำอะไร?” จื่อโตวกระตุกมุมปาก
สีหน้าของชิงอีที่เต็มไปด้วยความจริงจัง “เป็หนี้ก็ต้องชำระ เห็นไฟบริสุทธิ์ของข้าเป็ของฟรีหรือไร?”
จื่อโตว :!!!
นางกล้ามั่นหน้าขนาดนี้ได้ไงกัน?!
***************************
[1] เทพไป๋อู่ฉางจะสวมชุดและหมวกทรงกรวยสูงสีขาว ถือป้ายที่อักษรเขียนว่า 你可来了 แปลว่า “ในที่สุดเ้าก็มาจนได้” แลบลิ้นสีแดงยาวถึงหน้าอก
