บทที่ 107 คุณป่วย
“อาการดีขึ้นเยอะเลย ฉันมาอีกทีอาทิตย์หน้าก็คงจะเกือบหายดีแล้วแหละ ่นี้นายลองใช้สองขาออกแรงดูนะ ลองยืนดูได้แล้ว”
เย่จื่อเฉินตบบั้นเอวหวงอี้ ก่อนจะลุกขึ้นยืน
จากการรักษาให้หวงอี้ ทำให้เย่จื่อเฉินใช้พลังลมปราณได้ถนัดมือมากขึ้น
ครั้งนี้เขาไม่ได้เหงื่อซกไปทั้งตัว เหมือนกับครั้งแรก
“จื่อเฉิน เช็ดเหงื่อหน่อย”
หวงเซิงเหม่ยยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้ เย่จื่อเฉินพยักหน้ายิ้มก่อนจะรับมา หวงอี้ที่ฟุบอยู่บนเตียงเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าดีใจ
“ผมยืนได้แล้วจริงๆ เหรอครับ?”
“แน่นอนสิ หรือพี่จื่อเฉินเขาจะโกหกเรา?”
เย่จื่อเฉินยิ้มไม่พูดอะไร หวงอี้พลิกตัวทันที ดวงตามองเพดาน ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“จริงสิ พี่จื่อเฉิน ที่เมื่อกี้พี่ถามผมว่าอยากเล่นเป็อาชีพหรือเปล่า มันคืออะไรเหรอครับ?”
“เพื่อนฉันตั้งทีมเล่นมืออาชีพ ยังขาดผู้เล่นเลนบนอยู่ ถ้านายอยากเล่นเป็อาชีพ หลังจากที่นายฟื้นตัวแล้ว ฉันจะได้ช่วยแนะนำนายให้ แน่นอนว่าต้องเคารพความคิดของนายด้วย ถ้านายไม่อยาก...”
“ผมอยากครับ”
หวงอี้ใช้สองมือตบเตียงเต็มแรง หน้าตาเต็มไปด้วยความหลงใหล
“มันเป็ความฝันของผมมาตลอด ที่จะได้เป็นักแข่งเกมมืออาชีพ เมื่อก่อนได้แต่ดูพวกเขาแข่งกันอยู่ที่บ้าน ถ้าผมทำได้บ้างมันต้องสุดยอดมากแน่ๆ”
“งั้นก็รอให้นายหายดีก่อน แล้วฉันจะพานายไปดู”
เย่จื่อเฉินตบบ่าหวงอี้เล็กน้อย ก่อนจะพาหวงเซิงเหม่ยเดินออกมาจากห้องนอน
“อาการฟื้นตัวของหวงอี้ดีขึ้นมาก ่นี้ผมแนะนำให้คุณลางานกับทางโรงพยาบาล แล้วอยู่ดูแลเขาที่บ้านสักหนึ่งอาทิตย์ รอผมมาอีกทีอาทิตย์หน้า เขาก็อาจจะลุกขึ้นได้ ใน่นี้คุณทุ่มเทให้กับการรักษากล้ามเนื้อส่วนขาของเขาให้มาก”
“งั้นก็แปลว่าเลี้ยงข้าวคุณไม่ได้อีกแล้วสิ?”
ใบหน้าเล็กของหวงเซิงเหม่ยงอลงเล็กน้อย เย่จื่อเฉินถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยอ่อน แล้วเคาะนิ้วที่ศีรษะเธอเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
“คุณจัดลำดับความสำคัญไม่ค่อยถูกนะครับ ตอนนี้เื่กินข้าวกับผมสำคัญกว่าเื่ที่น้องชายคุณยืนได้หรือไงกัน?”
“สำคัญสิครับ”
จู่ๆ หวงอี้ที่อยู่ในห้องก็เอ่ยขึ้นมา
“พี่จื่อเฉินช่วยพวกเรามาตั้งขนาดนี้ ให้พี่ผมเลี้ยงข้าวสักมื้อมันปกติมากๆ เลยครับ พวกพี่ไม่ต้องเป็ห่วงผมหรอก แต่ก่อนผมก็อยู่บ้านคนเดียว”
ดวงตาของหวงเซิงเหม่ยเป็ประกายขึ้นมาทันที เมื่อได้รับความช่วยเหลือจากหวงอี้
พูดมาขนาดนี้ ถ้าเขายังปฏิเสธอีกก็เกินไปหน่อยแล้ว
ภายใต้สถานการณ์ที่ทำอะไรไม่ได้แบบนี้ เย่จื่อเฉินจำต้องพยักหน้าตอบรับ
เนื่องจากตอนบ่ายหวงเซิงเหม่ยยังต้องไปทำงานที่โรงพยาบาล พวกเขาจึงได้หาร้านอาหารเล็กๆ แถวโรงพยาบาล
ที่จริงพอได้อยู่กับเธอ ในใจของเย่จื่อเฉินก็รู้สึก…
กระอักกระอ่วน!
ด้ายที่ดึงพวกเขาทั้งคู่มันแปลกประหลาดเกินไป ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เลื่อนขั้นขึ้นเป็คนรัก โดยที่ความรู้สึกยังไม่ทันสุกงอมเลยด้วยซ้ำ
แต่ตรงกันข้ามมันกลับเป็ความรู้สึกที่แข็งทื่อมาก
เมื่อสั่งอาหารไปสองสามอย่าง เย่จื่อเฉินที่นั่งอยู่ก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรดี หวงเซิงเหม่ยยกมือเท้าคาง ดวงตาคู่สวยไม่ได้ละออกไปจากร่างของเย่จื่อเฉินแม้แต่น้อย
“เอ่อ…”
“เป็อะไร” หวงเซิงเหม่ยเลิกคิ้วถาม เย่จื่อเฉินเลียริมฝีปาก หลังจากที่ลังเลอยู่นานก็ได้พูดขึ้น “คุณเพิ่งจบจากมหาลัยเทคโนโลยีปิงเฉิงใช่ไหม”
“ก็ใช่”
“เก่งใช้ได้เลยนี่ เพิ่งจบก็ได้บรรจุเข้ามาเป็หมอที่โรงพยาบาลทันที…”
“อาจจะเป็เพราะตอนเรียนอยู่ฉันทำวิชาหลักได้ค่อนข้างดี บวกกับตอนที่มาฝึกงานก็ได้ศาสตราจารย์เจิ้งดูแลด้วย”
“อาจารย์เจิ้ง เจิ้งเฉิงเหรอ?”
“อื้ม เขานั่นแหละ” หวงเซิงเหม่ยพยักหน้ายิ้มรับเพียงเล็กน้อย ความชื่นชมหลั่งไหลออกมาจากดวงตา ก่อนจะพูดขึ้น “อาจารย์เจิ้งเป็บุคคลทรงอิทธิพลในวงการแพทย์ ฉันโชคดีที่ได้รับความรู้จากเขา”
สิ้นเสียง เธอก็เบนสายตามาที่เย่จื่อเฉิน แล้วพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“แต่คุณเก่งกว่าฉันอีก ในเคสที่ขนาดอาจารย์เจิ้งยังจัดการไม่ได้ แต่คุณกลับสามารถช่วยให้คนฟื้นขึ้นมาได้”
“ก็แค่แมวตาบอดมาเจอหนูตาย” (อุปมาว่าทำสำเร็จโดยที่ตัวเองก็ยังไม่เข้าใจ)
“ไม่น่าจะใช่นะ การช่วยชีวิตคนไม่สามารถทำเป็เล่นได้ คุณช่วยได้ก็แปลว่าคุณมีความสามารถ” ในน้ำเสียงของหวงเซิงเหม่ยเต็มไปด้วยความชื่นชมที่มีต่อเย่จื่อเฉิน “จริงสิ คุณก็เป็นักศึกษาแพทย์ของมหาลัยเทคโนโลยีปิงเฉิงเหมือนกันใช่ไหมล่ะ ถ้าอย่างนั้น…”
“ผมเรียนสัตวแพทย์”
“...”
หวงเซิงเหม่ยนิ่งงันเมื่อได้ยิน
สัตวแพทย์!
สัตวแพทย์ปัจจุบันนี้สามารถรักษาคนได้ด้วยเหรอ!
เย่จื่อเฉินรู้ดีว่าคำตอบเมื่อครู่นี้ของเขามันทำให้เธอใมากแค่ไหน โชคดีที่พนักงานยกอาหารมาเสิร์ฟพอดี ทั้งคู่จึงได้พับเื่นี้เก็บเอาไว้ก่อน
ในระหว่างที่กินข้าวอยู่นั้น เย่จื่อเฉินก็ได้พบว่าหวงเซิงเหม่ยค่อนข้างจะแตกต่างจากผู้หญิงหลายคนรอบตัวเขา
เมื่อเทียบกับเสน่ห์ของเซียวอี้เหม่ย หรือว่าความอ่อนเยาว์ของซูเหยียนกับเซี่ยเขอเข่อแล้ว เธอเป็ประเภทที่มีความสวยทางความคิด
“เซิงเหม่ย!”
เสียงร่าเริงเสียงหนึ่งดังขึ้นมา เมื่อหวงเซิงเหม่ยเงยหน้าขึ้น คิ้วเรียวสวยก็ขมวดมุ่นเข้าหากันทันที
เย่จื่อเฉินเห็นแบบนั้น จึงหันไปมองด้านหลังเล็กน้อย ถึงได้เห็นว่าตรงบันไดชั้นสองของร้านอาหาร มีชายร่างท้วมไม่สูงหน้ากลมคนหนึ่ง กำลังเดินมาทางที่พวกเขาสองคนนั่งอยู่
“รู้จักเหรอ?”
“รองผู้อำนวยการของโรงพยาบาลพวกฉัน อู๋เต๋อโหยว ถือว่าเป็หัวหน้าฉันอีกที” หวงเซิงเหม่ยขมวดคิ้วมุ่น แล้วพูด “เขาชอบเปิดเผยข้อมูลบางอย่างที่มันค่อนข้างเป็ความลับออกมาโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ แต่ถ้าเขาไม่พูดออกมาโต้งๆ ฉันก็จะแกล้งโง่ไป”
แฝงตัวล้วงความลับ!
หึหึ
เย่จื่อเฉินเลิกคิ้ว ในทันใดนั้น อู๋เต๋อโหยวก็เดินหัวเราะร่าเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกเขา
“มากินข้าวกับน้องชายเหรอ?”
เมื่อเห็นเย่จื่อเฉินที่นั่งอยู่ด้านข้าง อู๋เต๋อโหยวก็หัวเราะขึ้นมาเบาๆ ในน้ำเสียงนั้นมีความไม่แน่ใจปนอยู่ด้วย
หวงเซิงเหม่ยเม้มปาก แต่ในตอนนั้นเย่จื่อเฉินกลับลุกขึ้นพูดด้วยรอยยิ้ม
“คุณนี่เข้าใจล้อเล่นนะครับ ผมขอแนะนำตัวหน่อย ผมชื่อเย่จื่อเฉินครับ เป็แฟนของหวงเซิงเหม่ย”
“แฟนเสี่ยวหวง”
หลังจากที่ตัวแข็งทื่อไปครู่หนึ่ง รอยยิ้มยังคงปรากฏอยู่บนใบหน้าของอู๋เต๋อโหยว แต่คำพูดกลับเปลี่ยนไป แม้แต่คำเรียกชื่อก็เปลี่ยนไปด้วย
“เสี่ยวหวง คุณเพิ่งจะจบมาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีปิงเฉิง การที่สามารถนั่งอยู่ในตำแหน่งแพทย์ประจำโรงพยาบาลนั้นมันไม่ใช่เื่ง่ายเลย แน่นอนว่าการทำงานของคุณที่โรงพยาบาลใน่นี้ก็ไม่เลว อันที่จริงผมอยากทำให้คุณก้าวหน้าขึ้นไปอีก แต่นี่คุณ…”
อู๋เต๋อโหยวส่ายหน้าพร้อมกับถอนหายใจ สายตามองไปทางเย่จื่อเฉินอย่างมีความนัย
“การงานของคุณกำลังอยู่ใน่ขาขึ้นคุณจะมาทำอย่างนี้ไม่ได้ แน่นอนว่าผมไม่ได้หมายความว่าไม่ให้คุณมีแฟน แต่การมีแฟนจะทำให้คุณพะว้าพะวัง คุณลองคิดดูสิว่าถ้าคุณอยู่ในห้องผ่าตัด แล้วเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมา...”
“เื่พวกนี้รองผู้อำนวยการไม่ต้องเป็ห่วงหรอกค่ะ ฉันรู้ดีอยู่แก่ใจ”
หวงเซิงเหม่ยลุกออกจากเก้าอี้แล้วเหยียดยิ้ม อู๋เต๋อโหยวตาวาวโรจน์ ก่อนจะเอ่ยเสียงห้วน
“ได้ ไม่ฟังคนมีประสบการณ์ แล้วจะเสียใจ!”
พูดจบ อู๋เต๋อโหยวก็ส่ายหน้าแล้วเดินจากไป พร้อมกับบ่นพึมพำไปด้วย
“ดูเหมือนว่าตำแหน่งหัวหน้า เธอยังต้องรอไปอีกหลายปีถึงจะได้เป็”
“รองผู้อำนวยการอู๋ รอเดี๋ยวครับ”
หวงเซิงเหม่ยยังไม่ทันได้เอ่ยปาก เย่จื่อเฉินก็ยกมือขึ้นเรียกเขาเอาไว้ทันที
“หือ?”
อู๋เต๋อโหยวหยุดลงตามเสียงเรียก ก่อนจะเหลือบมองเย่จื่อเฉิน
“รองผู้อำนวยการอู๋ คุณรู้หรือเปล่าว่าคุณป่วย!”
เย่จื่อเฉินเอ่ยขึ้นอย่างชัดถ้อยชัดคำ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้