โจวซื่อกัดฟันจนแทบจะแตกเป็ผุยผง สายตาของนางจับจ้องไปที่หลินกู๋หยู่
นางไม่เคยเห็นลูกสะใภ้ที่จัดการลำบากเช่นนี้มาก่อน โจวซื่อไม่สามารถเอาชนะนางได้ แล้วนับประสาอะไรกับจะก่นด่าว่านาง สุดท้ายจึงกลืนความแค้นเคืองลงไปขณะจ้องมองด้วยสายตาราวกับว่านาง้าฆ่าอีกฝ่าย
หลินกู๋หยู่ไปที่ลานบ้านที่ฉือเย่พักอยู่ ฉือเย่อ่านหนังสืออยู่ตลอดเวลา โจวซื่อจึงให้ฉือเย่พักอยู่ในลานบ้านทางทิศตะวันออกเพื่อที่เขาจะได้อ่านหนังสืออย่างเงียบๆ
ฉือเย่เป็คนที่คุยง่าย เมื่อหลินกู๋หยู่เข้าไปพูดคุย ฉือเย่ก็ตอบตกลง
โจวซื่อให้กำเนิดบุตรชายสี่คนและบุตรสาวหนึ่งคน ได้ยินมาว่าลูกสาวของนางออกเรือนไปนานแล้ว
ฉือซู่เป็พี่ใหญ่ อุปนิสัยเป็คนซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา ในวันนั้นฉือซู่ดูเหมือนจะกลัวภรรยาของเขามาก
ฉือเทาไม่ใช่คนกลัวภรรยา เพียงแต่ว่าคนคนนี้ขี้คร้าน เขาไม่ยอมทำอะไรเลย เขาคิดแต่เื่ฉวยโอกาสอยู่ทุกวัน ไม่แม้แต่จะออกไปทำงานในไร่นาด้วยซ้ำ
ในครอบครัวนี้ หลินกู๋หยู่รู้สึกว่ามีเพียงฉือเย่คนเดียวเท่านั้นที่สามารถช่วยฉือหางได้
เมื่อกลับมาที่ห้องของฉือหาง หลินกู๋หยู่สั่งกำชับฉือเย่ด้วยความเป็ห่วง และยังบอกวิธีดูแลฉือหางอีกด้วย
"ข้าได้ยินมาว่าท่านแม่ให้เงินกับเ้าแล้ว ระหว่างทางเ้าซื้อของกลับบ้านท่านแม่ของเ้าได้" ฉือหางเอ่ยอย่างตะกุกตะกัก
"เข้าใจแล้ว" หลินกู๋หยู่เอ่ยตอบ จากนั้นขอบคุณฉือเย่ ก่อนจะออกไปพร้อมกับถือไข่ในตะกร้า
เดิมทีโต้ซานั่งถัดจากโจวซื่อ เมื่อเห็นหลินกู๋หยู่เดินออกมา เขาก็รีบลุกขึ้นและวิ่งไปหาหลินกู๋หยู่อย่างรวดเร็ว
“ข้าจะพาโต้ซากลับไปด้วย” หลินกู๋หยู่พูดเบาๆ ราวกับพูดกับตัวเอง
“อะไรอยู่ในตะกร้าของเ้า?” โจวซื่อลุกขึ้นยืนและเดินไปทางหลินกู๋หยู่ด้วยความเร็ว
หลินกู๋หยู่รู้ดีถึงความตระหนี่ของโจวซื่อ นางเอาไข่ไปสิบใบ โจวซื่อจะต้องไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน
หลินกู๋หยู่ไม่สนใจโจวซื่อ นางเดินออกไปข้างนอกกับโต้ซา
เมื่อเดินไปถึงประตู โจวซื่อจับแขนของหลินกู๋หยู่ที่จูงโต้ซาด้วยสีหน้าไม่น่ามอง นางถามอย่างไม่พอใจว่า "เ้านำของดีอะไรกลับไป ข้าจะต้องดูให้เห็นด้วยตาตัวเอง ใครจะไปรู้ว่าเ้าจะย้ายสิ่งของทั้งหมดของครอบครัวฉือของพวกเรากลับไปเสริมบ้านจนๆ ของแม่ของเ้าก็เป็ไปได้!”
หลินกู๋หยู่หันกลับไปมองโจวซื่ออย่างรำคาญ หว่างคิ้วขมวดเป็ก้อน พูดด้วยเสียงเ็า "ท่านแม่สามี!"
นางเดินมาถึงด้านนอกประตูแล้ว โจวซื่อก็ยังดึงดันไม่ยอมปล่อย
เสียงของโจวซื่อเดิมทีก็ดังมากมาโดยตลอด
“ท่านป้าโจว” หวังเสี่ยวเชี่ยนเดินมาจากประตูด้านข้างพร้อมอ่างไม้ในมือ ด้านในอ่างเป็เสื้อผ้าสกปรก “ท่านป้าโจวกำลังจะทำอะไรหรือ?”
โดยไม่รอให้โจวซื่อพูดออกมา หวังเสี่ยวเชี่ยนหันไปมองหลินกู๋หยู่ด้วยรอยยิ้ม "ที่แท้เ้าก็คือพี่สะใภ้สาม พี่สะใภ้สาม พี่กำลังจะกลับไปเยี่ยมบ้านใช่หรือไม่?"
“ใช่แล้ว” หลินกู๋หยู่พยักหน้าเล็กน้อย ดึงโต้ซาถอยหลังออกห่างจากโจวซื่ออย่างแเี
“ข้าก็แค่อยากจะดูว่านางเอาของดีอะไรให้แม่ของนางก็เท่านั้น” โจวซื่อพูดอย่างเด็ดเดี่ยว “ครอบครัวของนางยากจนมาก อย่าคิดเกาะตระกูลฉือของเราก็แล้วกัน”
“ท่านแม่สามี” หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย นางก้มหน้าลง แสร้งทำตัวให้ดูน่าสงสาร “ท่านแยกครอบครัวกับพี่ฉือหางั้แ่วันแต่งงานวันแรกแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“แยกครอบครัวแล้วหรือ?” หวังเสี่ยวเชี่ยนมองหลินกู๋หยู่ด้วยความประหลาดใจ จากนั้นมองไปทางโจวซื่อ นางเผลออุทานเสียงดัง “โอ้์ ท่านป้าโจ อาการป่วยของพี่สามยังไม่ดีขึ้นเลย แต่ท่านกลับรีบร้อนที่จะแยกครอบครัวกับพี่สะใภ้สามหรือ?”
อาจเป็เพราะเสียงของหวังเสี่ยวเชี่ยนดังเกินไป ผู้คนรอบข้างพลันขยับเข้ามาใกล้
คนในชนบทไม่ค่อยมีอะไรทำเพื่อฆ่าเวลากันหรอก สิ่งที่พวกเขาชอบที่สุดก็คือเื่ของคนอื่น
ใบหน้าของโจวซื่อน่าเกลียดเล็กน้อย นางจ้องมองหวังเสี่ยวเชี่ยนด้วยความไม่พอใจ "เ้าจะะโเสียงดังทำไม คอหอยใหญ่มากหรืออย่างไร?"
“ท่านป้าโจว ข้าจะเทียบกับท่านได้อย่างไร ท่านต่างหากที่เสียงดังที่สุด” หวังเสี่ยวเชี่ยนยิ้มอย่างเขินอาย นางยกอ่างไม้ขึ้นมา “ข้าจะไปซักผ้าแล้ว”
หลินกู๋หยู่เอื้อมมือเอาผ้าสีแดงบนตะกร้าออก น้ำเสียงของนางเจือความเศร้าสร้อยอยู่หลายส่วน ท่าทางของนางก็น่าสงสารมาก “ข้าเอาไข่สิบฟองกลับไปเยี่ยมบ้าน ท่านแม่สามี เช่นนี้ทำได้หรือไม่?”
ใบหน้าของโจวซื่อแปรเปลี่ยนเป็ซีดขาวด้วยความขุ่นเคือง
หลินกู๋หยู่กัดริมฝีปากแน่น ขนตายาวงอนของนางสั่นระริก ราวกับว่านางได้ตัดสินใจแล้ว นางมองโจวซื่ออย่างกล้าๆ กลัวๆ และถามอย่างลองเชิงว่า "หรือข้าเอาไข่กลับไปแค่สองฟองดี?"
การกลับไปเยี่ยมบ้านนั้นย่อมต้องเอาอะไรติดมือไปด้วย หากไม่พกอะไรกลับไปเลยย่อมทำให้บ้านฝ่ายสามีขายขี้หน้าเอาได้
"รีบไปสิ จะมาขวางอยู่ตรงนี้ทำไมกัน ข้าด่าว่าเ้าหรือไง?!" โจวซื่อโบกมืออย่างรำคาญใจก่อนจะเดินกลับเข้าไปในลานบ้าน
หลินกู๋หยู่ปิดตะกร้าเบาๆ จากนั้นเดินกลับบ้านสกุลหลินพร้อมกับโต้ซา
“ท่านป้าโจวก็จริงๆ มีอย่างที่ไหนกัน ไม่ให้ลูกสะใภ้พกไข่สิบฟองกลับไปเยี่ยมบ้านเกิด”
“ขี้งกอย่างไรละ เ้าไม่รู้เหรอว่านางเป็เช่นนี้มาตลอด?”
"เื่นี้ข้าไม่รู้จริงๆ"
"ข้าได้ยินมาว่าภรรยาของหางเอ๋อดูเหมือนจะถูกหย่าเพราะนางเอาอะไรบางอย่างไปมากเกินไป"
......
ได้ยินสิ่งที่ผู้คนที่ด้านหลังพูดคุยกัน ริมฝีปากของหลินกู๋หยู่โค้งขึ้นอย่างมีชัย
ในขณะที่หลินกู๋หยู่นำโต้ซาออกไป โจวซื่อรีบไปเรียกฉือเทา
ฉือเทาคาบเศษหญ้าในปาก เขายืนอยู่ตรงหน้าโจวซื่อด้วยท่าทีเฉยเมย พูดอย่างไม่เต็มใจ "ท่านแม่ ท่านจะเรียกข้าทำไมหรือ?"
“เ้าแอบตามนางไป” โจวซื่อบุ้ยใบ้ปากไปทางประตู แล้วลดเสียงลง “นางจะกลับไปเยี่ยมบ้าน ข้าไม่วางใจ”
เมื่อได้ยินคำพูดของโจวซื่อ ฉือเทาก็พูดอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย "ท่านแม่ ท่านคิดมากไปแล้ว เมื่อวานเป็โอกาสดีถึงเพียงนั้น แต่น้องสะใภ้สามก็ไม่ได้หนีไปไหนเสียหน่อย ตอนนี้นางยังพาโต้ซาไปด้วย นางจะไปไหนได้?"
โต้ซา
เมื่อโจวซื่อนึกถึงสิ่งนี้ นางรีบลุกขึ้นและพูดอย่างกระวนกระวาย "นางคงไม่เอาโต้ซาไปขายหรอกนะ!"
“ท่านแม่” ฉือเทามองโจวซื่ออย่างหมดความทน
โจวซื่อหยิบคานหามด้านข้างยกขึ้น แล้วกวัดไกวต่อหน้าฉือเทา นางพูดอย่างขุ่นเคือง "ไม่ได้ เ้าต้องแอบสะกดรอยตามนางให้ข้า ดูสิว่านางกำลังจะทำอะไร ไม่งั้นพรุ่งนี้ข้าจะให้เ้าไปถอนหญ้าสามเหมียวให้หมด และไม่อนุญาตให้ใครช่วยเ้า!”
หญ้าหางสุนัขในปากของฉือเทาตกลงไปที่พื้น เขายืดตัวตรงทันที "ได้ขอรับ"
หลังจากพูดจบ ฉือเทาก็วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
หลินกู๋หยู่มุ่งหน้าไปพร้อมกับโต้ซา ทันใดนั้นเองนางก็ได้ยินเสียงที่คมชัดจากด้านหลัง "พี่สะใภ้สาม"
เสียงนั้นเป็เสียงของคนที่ช่วยนางที่หน้าประตูเมื่อครู่ เท้าหลินกู๋หยู่หยุดชะงัก นางหันกลับไปมองเด็กสาวคนนั้น
เด็กสาวคนนั้นดูเป็คนซื่อตรงและจิตใจดีมาก ดวงตาสีดำคล้ายลูกองุ่นของนางเหมือนจะพูดได้ ดั้งจมูกโด่ง ริมฝีปากบาง ปรากฏรอยบุ๋มบนแก้มสองข้างเมื่อนางฉีกยิ้ม
“พี่สะใภ้สาม” หวังเสี่ยวเชี่ยนเดินไปหาหลินกู๋หยู่ด้วยอาการกระหืดกระหอบ เมื่อครู่นางลืมหยิบเสื้อผ้าหนึ่งตัวจึงวิ่งกลับบ้านเพื่อไปเอามัน นางไม่คิดว่าหลินกู๋หยู่จะเดินเร็วถึงเพียงนี้ “ข้าชื่อหวังเสี่ยวเชี่ยน เรียกข้าว่าเสี่ยวเชี่ยนก็ได้ บ้านของข้าอยู่ทางทิศตะวันออกของบ้านของพี่"
หลินกู๋หยู่ชำเลืองไปที่บ้านของหวังเสี่ยวเชี่ยน บ้านของนางดูดีทีเดียว เป็บ้านก่อด้วยอิฐ
ท่ามกลางบ้านที่สร้างจากดินโคลน บ้านของหวังเสี่ยวเชี่ยนดูแตกต่างมาก
“สวัสดี น้องเสี่ยวเชี่ยน” หลินกู๋หยู่ยิ้มเล็กน้อยและกล่าวทักทายอย่างสุภาพ จากนั้นก็มองลงไปที่โต้ซาที่อยู่ข้างๆ และเขย่าแขนของโต้ซา “รีบเรียกท่านน้าสิ”
“ท่านน้า” โต้ซาเรียกด้วยเสียงเด็กๆ โดยซ่อนตัวอยู่ข้างหลังหลินกู๋หยู่
“เดินไปด้วยกันเถอะ ข้าต้องเดินไปทางนี้พอดี” หวังเสี่ยวเชี่ยนเดินเคียงข้างหลินกู๋หยู่ราวกับคุ้นเคย นางพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าได้ยินมาว่าพี่สามได้แต่งงานกับเ้าสาวแสนสวย ปรากฏว่าเป็ไปตามที่ข้าคิดไว้เลย”
“คนพวกนั้นพูดเพ้อเจ้อน่ะ” หลินกู๋หยู่ก้มหน้าลงอย่างเฉยเมย
ยามนี้นางอายุเพียงสิบสี่ปี ร่างกายนี้ทั้งเล็กและผอม อีกอย่างนางเพิ่งป่วยหนักเมื่อไม่นานมานี้ จะหน้าตาดีได้อย่างไรกัน?
"เมื่อก่อนโต้ซาเป็เด็กขี้กลัว ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ข้าไม่คิดว่าโต้ซาจะชอบพี่สะใภ้สามมากขนาดนี้" หวังเสี่ยวเชี่ยนพูดตามความจริง แม้กระทั่งแม่ของโต้ซา นางยังจำได้ว่าผู้หญิงคนนั้นเรียกโต้ซาเสียงดัง แต่โต้ซากลับซ่อนตัวอยู่ในบ้านยอมไม่ออกมา
หลินกู๋หยู่มองหวังเสี่ยวเชี่ยนด้วยความประหลาดใจ จากนั้นมองลงไปที่โต้ซา พร้อมเอ่ยว่า "ข้าคิดว่า แม้ว่าโต้ซาจะเป็คนขี้กลัว แต่กระนั้นโต้ซาก็ติดคนมาก!"
โต้ซาดูเหมือนจะเข้าใจว่าหลินกู๋หยู่กำลังพูดถึงเขา เด็กน้อยเดินตามหลินกู๋หยู่อย่างใกล้ชิด
โต้ซาอายุเพียงหนึ่งขวบ เขาเดินช้ามาก ไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้พวกนางเดินมาไกลแล้ว ขาเล็กๆ นั่นตามไม่ทันอยู่หลายส่วน
หลินกู๋หยู่นั่งยองด้วยรอยยิ้ม อุ้มโต้ซาขึ้นมาด้วยมือข้างหนึ่ง
"มีอย่างที่ไหน เมื่อก่อนโต้ซาชอบหลบคน และไม่ชอบแม่ของเขาด้วย" หวังเสี่ยวเชี่ยนคิดอยู่ครู่หนึ่ง โน้มตัวเข้าไปใกล้ใบหูของหลินกู๋หยู่ นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่มีเพียงสองคนเท่านั้นที่ได้ยิน "แม่ของเขาเคยทุบตีเขาบ่อยๆ”
ใบหน้าของหลินกู๋หยู่เปลี่ยนไปทันที คิ้วของนางขมวดเป็รอยย่น ศีรษะเบนไปทางหวังเสี่ยวเชี่ยน "จริงหรือ?"
"ข้าจะพูดปดทำไมกัน?" เมื่อหวังเสี่ยวเชี่ยนเอื้อมมือจะแตะศีรษะของโต้ซา นางไม่คิดว่าโต้ซาจะเอามือโอบรอบลำคอและฝังศีรษะระหว่างลำคอของหลินกู๋หยู่
หวังเสี่ยวเชี่ยนถอนมือตัวเองออกอย่างเฉยเมย และพูดด้วยความเสียดายว่า "เด็กคนนี้ถูกสตรีคนนั้นทุบตีจนหวาดกลัว เขาไม่กล้าเข้าใกล้คนอื่นง่ายๆ"
หลินกู๋หยู่เดิมทีก็เห็นใจโต้ซามาก ยิ่งนางได้ฟังสิ่งที่หวังเสี่ยวเชี่ยนพูด สีหน้าของนางกลายเป็ไม่น่ามองในทันที "นางทำได้ลงคอได้อย่างไร เขาเชื่อฟังมากขนาดนี้"
หวังเสี่ยวเชี่ยนยักไหล่เล็กน้อย มองไปที่แม่น้ำซึ่งอยู่ไม่ไกล และพูดด้วยรอยยิ้มว่า "พี่สะใภ้สาม พี่ไปทางทิศตะวันตกก็ได้แล้ว ข้าจะไปซักผ้าแล้ว ไว้ค่อยคุยกันใหม่"
หลินกู๋หยู่เดิมเป็เพียงเด็กสาว นางอุ้มโต้ซาไว้ในมือข้างหนึ่ง อีกมือหนึ่งถือตะกร้า ไม่นานหลังจากนั้นนางก็รู้สึกเหนื่อย
คงจะดีไม่น้อยหากอยู่ในยุคปัจจุบัน ได้นั่งรถออกจากบ้านไม่ต้องมาลำบากเช่นนี้
มือของหลินกู๋หยู่อ่อนล้ามากจริงๆ ถึงขั้นต้องนั่งยองและวางโต้ซาลงบนพื้น
"ท่านแม่แบกโต้ซาไว้ด้านหลังดีหรือไม่?" หลินกู๋หยู่มองไปที่โต้ซาด้วยรอยยิ้ม มือแตะศีรษะของโต้ซาอย่างอ่อนโยน
หน้าตาของโต้ซาน่ารักมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อยามที่ดวงตาคู่นั้นเปล่งประกายมองมาที่นาง
"อื้ม" โต้ซาเดินไปยังด้านหลังหลินกู๋หยู่ด้วยรอยยิ้ม และขึ้นไปบนแผ่นหลังของหลินกู๋หยู่
โต้ซากอดลำคอของหลินกู๋หยู่แน่น ศีรษะเล็กๆ ของเขาอยู่ติดกับลำคอและไหลไปที่ใบหูของหลินกู๋หยู่ด้วยรอยยิ้ม
"ท่านแม่"
“หืม?” หลินกู๋หยู่รู้สึกว่าการให้ขี่หลังนั้นดีกว่าการอุ้มโต้ซามาก
โต้ซาไม่พูดอะไร เด็กน้อยกอดหลินกู๋หยู่แน่น มุมริมฝีปากโค้งเป็รอยยิ้ม
เมื่อเดินมาถึงหมู่บ้านที่ครอบครัวหลินอาศัยอยู่นี้ หลินกู๋หยู่ก็เห็นร่างผอมบางจากระยะไกล คิ้วและดวงตาของนางค่อยๆ แสดงออกถึงความดีใจ