การสอบสวนและการแก้เผ็ดถูกพักไว้ชั่วคราวทั้งหมด เซี่ยเสี่ยวหลานยังคงอยากเข้าร่วมการสอบเกาเข่า ดังนั้นก็ต้องคิดหาวิธี
บริเวณที่าเ็คือข้อมือ เมื่อพิจารณาจากตำแหน่งกระดูกร้าวบนฟิล์มเอกซเรย์ประกอบกับความรู้สึกเ็ปของตนเอง น่าจะอยู่เหนือข้อต่อข้อมือมากกว่า 4 เิเ อันที่จริงตำแหน่งนี้ค่อนข้างฉิวเฉียด ถ้าต่ำลงไปอีกเพียงเล็กน้อย เธอจะไม่สามารถควบคุมฝ่ามือของตัวเองได้ด้วยซ้ำ ตอนนี้ดูเหมือนยังเหลือช่องว่างให้แก้ไขได้บ้าง
เซี่ยเสี่ยวหลานอยากทำเฝือกหนาเพื่อยึดั้แ่บริเวณข้อมือถึงข้อศอก การเขียนหนังสืออาศัยนิ้วมือในการจับปากกา ตราบใดที่นิ้วมือสำหรับจับปากกาไม่บุบสลาย โดยหลักการเธอก็สามารถเขียนได้
แน่นอนว่าข้อมือจะต้องส่งแรงช่วย เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกโชคดีที่ตอนนี้ไม่ใช่ยุคของการสอบโดยเขียนพู่กัน การใช้ปากกาหมึกซึมไม่จำเป็ต้องยกข้อมือขณะเขียน ถ้าไม่พิถีพิถันนัก แม้วางข้อมือติดโต๊ะก็สามารถเขียนได้... หลักการเดียวกับการพิมพ์ตัวอักษรบนแป้นพิมพ์ วางสองมือบนแป้นพิมพ์ พิมพ์ข้อความอย่างแคล่วคล่องว่องไวโดยใช้นิ้วมือทั้งสิบ หากขนาดของแป้นพิมพ์พอดีกับขนาดฝ่ามือของผู้พิมพ์ ขอบเขตการเคลื่อนไหวของข้อมือจะน้อยมาก
การเขียนตัวหนังสือก็ไม่แตกต่างกันนัก
วางข้อมือบนโต๊ะ อาศัยเฝือกช่วยยึดเพื่อไม่ให้มันขยับเขยื้อน อันที่จริงก็พอเขียนได้
เพียงแต่ต้องใช้ความพยายามทีเดียว ตัวอักษรขาดชีวิตชีวา และความเร็วในการเขียนจะถูกจำกัดอย่างมาก
แต่ในเวลาเฉพาะกิจแบบนี้ ไม่ว่างพอจะมัวสนใจรายละเอียดเยอะแยะขนาดนั้น ลายมือไร้พลัง อ่อนปวกเปียกขาดจิติญญา ไม่อาจส่งผลต่ออัตราความถูกต้องในการตอบคำถามของเซี่ยเสี่ยวหลาน จุดที่เธอได้รับาเ็คือข้อมือ ส่วนที่ใช้เขียนคำตอบลงบนข้อสอบคือมือ แต่ส่วนที่ใช้ตอบคำถามคือสมอง และสมองของเธอยังสมบูรณ์ดี!
แน่นอนว่าเมื่อเจอโจทย์ที่ต้องคำนวณปริมาณมาก ในขณะที่เธอคิดคำนวณบนกระดาษทดอย่างเชื่องช้า มันมีโอกาสส่งผลต่อความเร็วที่ควรจะเป็เช่นกัน
ไม่มีเวลาสนใจอะไรแล้ว สามารถเข้าสอบเกาเข่าได้ก็พอ
พอเซี่ยเสี่ยวหลานบอกหนทางนี้แก่หมอ ทำเอาหมออดมองเธอไม่ได้
“ทางทฤษฎีน่ะทำได้จริง แต่ต่อให้ขอบเขตการเคลื่อนไหวของเธอน้อยขนาดไหน ก็ไม่มีทางหลีกเลี่ยงการกระเทือนถึงจุดที่าเ็อยู่ดี กล้ามเนื้อและกระดูกของมนุษย์เชื่อมต่อกัน การคเลื่อนไหวของฝ่ามือต้องใช้ข้อมือและข้อศอกในการส่งแรงร่วมกัน... ถ้าปวดข้อมือระหว่างการสอบ เธอเองก็คงทำได้ไม่ดี ถูกไหมเล่า?”
จากมุมมองของแพทย์ ยังคงหวังว่าผู้ป่วยจะสามารถดูแลรักษาร่างกายของตนเองได้เป็อย่างดี
ร่างกายคือต้นทุนที่แท้จริงของการปฏิวัติ ไม่ว่าจะเป็เื่ใหญ่โตเพียงใด ต้องไม่จัดลำดับไว้ก่อนสุขภาพ
เซี่ยเสี่ยวหลานมีสีหน้านิ่งเฉยเหมือนเดิม “ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขอความช่วยเหลือจากคุณหมอแล้วค่ะ ได้โปรดช่วยจ่ายยาแก้ปวดสำหรับสามวันให้ฉันที ให้ฉันทนผ่านเกาเข่าได้จนจบ!”
ก่อนเข้าสอบก็กินยาแก้ปวดหนึ่งเม็ด เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าวิธีการของเธอมีความเป็ไปได้สูง หมอกลับส่ายหน้าไม่หยุด “ไม่ได้ไม่ได้ ตอนเธอกินยามันจะคลายความเ็ปชั่วคราว เธอทำให้ประสาทรับรู้ความเ็ปของตัวเองด้าน พออาการาเ็ของกระดูกร้าวรุนแรงยิ่งขึ้น เธอจะไม่รู้สึกตัวเหมือนเดิม!”
กินยาแก้ปวดเพื่อทนทานความเ็ปขณะสอบ หลังจากสอบเสร็จเล่า?
ใช้เวลาสอบสามวันติดกัน ต้องเขียนกระดาษคำตอบมากมายขนาดนั้น!
“แล้วคุณหมอมีวิธีที่ดีกว่านี้ไหมคะ?”
เซี่ยเสี่ยวหลานมองหมอ แม้เธออยู่ในสภาพยับเยิน ทว่าใบหน้างดงามจับใจ จดจ้องมองหมอด้วยความแน่วแน่ หมอถึงขั้นไม่กล้าสบตาเธอนานเลยจริงๆ
หมอเบนศีรษะไปอีกทาง ถอนหายใจราวกับยอมรับชะตากรรม
“ไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้”
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่พูดอะไร สีหน้านั่นได้บ่งบอกความคิดของเธอให้ทุกคนรับทราบแล้ว ใครมีวิธีที่ดีกว่าก็เสนอออกมา ในเมื่อไม่มีวิธีที่ดีกว่า เื่นี้ย่อมต้องขึ้นอยู่กับเธอ
สิ่งที่คนมีแววประสบความสำเร็จไม่เหมือนกับคนทั่วไป อาจเป็เพราะพวกเขาล้วนมี ‘ความดื้อรั้น’ บางอย่าง นิสัยดันทุรังประเภทนี้ คนรอบข้างยากที่จะเกลี้ยกล่อมสำเร็จ
ความดื้อรั้นบางอย่างทำให้ผู้ประกอบการยืนหยัดจนถึงวันที่ได้รับชัยชนะ
และความดื้อรั้นบางอย่างก็เป็แค่ความเอาแต่ใจ เป็อคติ พาเ้าของกิจการลงท่อระบายน้ำ!
แม้การสอบเกาเข่าครั้งนี้ของเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ใช่การก่อตั้งกิจการ แต่สถานะของ ‘นักศึกษามหาวิทยาลัย’ ในยุค 80 ช่างล้ำค่าขนาดไหน เธอเองก็สร้างก้าวแรกของความสำเร็จให้ตนเองโดยเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัยเหมือนกัน และเพราะว่ามันสำคัญ ต่อให้อาจารย์ใหญ่ซุนและคณะคิดว่าไม่ควร ใครจะโน้มน้าวได้?
ใคร้าจะรั้งเซี่ยเสี่ยวหลานจากเกาเข่าประจำปีนี้ หากปีหน้าเธอทำได้ไม่ดี คลาดกับมหาวิทยาลัยที่ปรารถนาเข้าจะทำอย่างไร!
อาจารย์ใหญ่ซุนบอกว่าต้องพบผู้ปกครองของเธอ ต้องได้รับความยินยอมจากมารดาของเธอ ถึงจะลองวิธีนี้ได้
เซี่ยเสี่ยวหลานแค่นยิ้ม “ครูใหญ่คะ แม่หนูเป็คนแบบไหน การที่ครูเรียกแม่มา จะไม่ช่วยอะไรเลยนอกจากทำให้แม่พะว้าพะวัง แม่เขาก็ฟังความคิดของหนูเหมือนกัน หนูอายุ 19 แล้ว ในเวลาแบบนี้มีสิทธิตัดสินใจด้วยตัวเอง”
กว่าจะครบ 19 ปียังขาดอีกไม่กี่วัน แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
ประเด็นสำคัญคืออาจารย์ใหญ่ซุนต้องยอมรับคำพูดของเธออยู่ดี กฎหมายคุ้มครองเด็กและเยาวชนยังไม่ถูกประกาศใช้ เป็ผู้ใหญ่หรือไม่ ไม่ได้แบ่งโดยใช้เกณฑ์อายุ 18 ปี
ไม่ว่าจะมองอย่างไร อายุ 19 ปีก็คือวัยที่สามารถตัดสินใจด้วยตนเองได้ เด็กที่แต่งงานเร็วมีลูกเต็มบ้านแล้วด้วยซ้ำ ในเมื่อตัวของเซี่ยเสี่ยวหลานยืนยันจะเข้าร่วมการสอบเกาเข่าภายใต้สถานการณ์แบบนี้ อาจารย์ใหญ่ซุนจะไม่ออกบัตรประจำตัวผู้เข้าสอบให้เธอได้หรือ?
“นักเรียนเสี่ยวหลาน หวังว่าเธอจะทบทวนให้ดีอีกหน่อย!”
อาจารย์ใหญ่ซุนดูเคร่งเครียดมาก เขาอยากให้เซี่ยนอีจงมีจ้วงหยวน [1] มีผลสัมฤทธิ์ นี่ไม่ใช่แค่เกียรติยศของเซี่ยนอีจงเท่านั้น เนื่องจากเกียรติยศนี้จะทำให้หน่วยงานทรัพยากรการศึกษาของเมืองเฟิ่งเสียนเอนเอียงสนับสนุนอันชิ่งเซี่ยนอีจง ถ้าเซี่ยเสี่ยวหลานคว้าอันดับหนึ่งเกาเข่าของมณฑลอวี้หนานมาได้ สำนักงานศึกษาธิการประจำมณฑลจะให้ความสำคัญต่อโรงเรียนที่ผลิตจ้วงหยวนมากยิ่งขึ้น
แนวโน้มสนับสนุนทรัพยากรการศึกษาแบบนี้สื่อว่าอันชิ่งเซี่ยนอีจงจะเป็ต่อในการแข่งขันตอนจัดสรรอาจารย์ใหม่ สื่อถึงการจัดสรรงบประมาณการศึกษา และสื่อถึงทรัพยากรนักเรียนที่มีคุณภาพสูงยิ่งขึ้น!
ปัจจัยหลายหลากผสมเข้าด้วยกัน ภายในแค่สองสามปี มาตรฐานการเรียนการสอนของอันชิ่งเซี่ยนอีจงจะพัฒนาขึ้นอีกระดับ!
ทว่านี่ก็ไม่ใช่เหตุผลในการขอให้เซี่ยเสี่ยวหลานฝืนสอบเกาเข่าเสียนะ... อาจรย์ใหญ่ซุนยังมีจรรยาบรรณครู ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจอยู่ลึกๆ ถ้าตอนนั้นไม่รั้งไว้ ปล่อยให้เซี่ยเสี่ยวหลานย้ายโรงเรียนไปยังเฟิ่งเสียน คงไม่มีอุบัติเหตุรุนแรงในวันนี้
ซุนเถียนและคนอื่นๆ ผลัดกันเกลี้ยกล่อม กระทั่งเฉินชิ่งก็ไม่สนว่าอาจารย์อยู่ในที่นี้ด้วยแล้ว เขารวบรวมความกล้าโน้มน้าวเธออีกแรง
ไม่มีหนทางที่จะเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของเซี่ยเสี่ยวหลานได้เลย
“ช่วยทำเฝือกให้ฉันก่อนเถอะค่ะ ทำเสร็จแล้วฉันค่อยลองดู”
วิธีการจะปฏิบัติได้จริงหรือเปล่าย่อมต้องทดลอง เธอไม่นำมือของตนเองมาล้อเล่นแน่ อุตส่าห์ทุ่มเทกายใจอย่างหนักแล้ว แม้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีทางอดตายหากไม่เรียนมหาวิทยาลัย แต่การไม่ได้สอบเกาเข่าในปีนี้ยังคงทำให้เธอไม่เต็มใจยอมรับ เซี่ยเสี่ยวหลานยืนกราน หมอจึงทำได้เพียงใส่เฝือกให้เธอ
ต้องยึดกระชับหน่อย อีกทั้งต้องปล่อยให้เืไหลเวียนสะดวก สิ่งนี้ค่อนข้างท้าทายทักษะทีเดียว
เมื่อเฝือกแห้งสนิทแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานวางมือไว้บนโต๊ะ และหยิบปากกาขึ้นมาเริ่มเขียนลงบนกระดาษ ทำได้แค่ขยับเขยื้อนเชื่องช้าเล็กๆ น้อยๆ อย่างที่คาดจริงๆ เฝือกปูนปลาสเตอร์หนักเทอะทะ ข้อมือของเธอออกแรงได้ไม่เต็มที่ ง่อนแง่นเวลาเขียนหนังสือ พอใช้แรงเพิ่มขึ้นเล็กน้อย บริเวณที่กระดูกร้าวก็ปวดร้าวเหลือเกิน
ด้วยความเร็วเท่านี้ ไม่สามารถทำโจทย์คำนวณจำนวนมากได้น่ะสิ
แค่ทำข้อสอบเสร็จครบถ้วนภายในเวลาที่กำหนดได้ก็ต้องขอบคุณ์แล้ว!
เซี่ยเสี่ยวหลานหนักใจพอสมควร
“ให้ฉันกินยาแก้ปวดสักเม็ดเถอะค่ะ”
รับประทานยาแก้ปวดแล้วความเร็วในการเขียนจะดีกว่าเดิมอย่างแน่นอน และสมาธิก็ไม่ต้องถูกใช้ไปนึกถึงจุดที่าเ็ตลอดเวลา
“คุณเซี่ย...”
ต้องทำถึงขนาดนี้จริงๆ หรือ?
ต่อให้ไม่สอบเกาเข่า ธุรกิจของคุณผู้หญิงเซี่ยก็ดำเนินไปได้ด้วยดี บัณฑิตมหาวิทยาลัยเ่าั้แค่รับเงินเดือนทุกเดือนไม่ใช่หรือ พูดออกไปก็ฟังดูน่าชื่นชม แต่ผลตอบแทนเป็ชิ้นเป็อันสู้ทำธุรกิจอิสระไม่ได้ เก่อเจี้ยนไม่เข้าใจว่าทำไมต้องดิ้นรนขนาดนี้
“เก่อเจี้ยน ฉันละทิ้งการสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้”
สถานการณ์ที่ผู้ทำอาชีพอิสระถูกดูิ่และไร้สถานะยังจะดำเนินต่อไปอีกหลายปี ต้องยอมให้คนอื่นใส่ร้ายป้ายสีตามใจชอบอยู่ร่ำไปหรือ? การสอบเกาเข่าในชาติก่อนของเซี่ยเสี่ยวหลานไม่สมดั่งใจหวัง เธอมีเหตุผลที่อยากชดเชยความผิดหวัง มีเหตุผลที่อยากพยายามเพื่อครอบครัวที่รักในชาตินี้ และมีการไตร่ตรองที่จะพัฒนาอนาคตของตนเอง การสอบเข้ามหาวิทยาลัยนี้คือสิ่งที่จำเป็!
เชิงอรรถ
[1]状元 จ้วงหยวน คือ ผู้ที่ได้คะแนนเป็อันดับหนึ่งของการสอบข้าราชการในสมัยโบราณ (จอหงวน) ถูกนำมาใช้เปรียบเทียบถึงผู้มีคะแนนสูงสุดในการสอบเกาเข่า