แก่นอสูรคือแก่นแท้พลังของสัตว์อสูร มันจึงเป็สิ่งที่สำคัญมาก
เพียงแต่พลังเซียนาก็เป็โชควาสนาอันยิ่งใหญ่ หากเต่าทมิฬะดูดซับพลังนี้ได้ มันจะเบิกสติปัญญาได้อย่างสมบูรณ์และเปลี่ยนร่างเป็มนุษย์คล้ายกับเมิ่งชิงชิง
สำหรับแก่นอสูรแล้ว ใช้เวลาหน่อยก็สามารถสร้างขึ้นใหม่ได้ ยิ่งอายุขัยของเต่าทมิฬะยืนยาวมาก กาลเวลามิได้มีความหมายกับมันมากนัก มันจึงรู้ว่าสิ่งใดควรมิควร
“ขอบคุณผู้าุโ”
จั๋วอวิ๋นเซียนมิได้ปฏิเสธความปรารถนาดีของเฉียนโม่ เขาเก็บแก่นอสูรหมื่นปีของเต่าทมิฬะกลับไป เพราะเขาสามารถััถึงความห่วงใยและความจริงใจจากอีกฝ่ายได้
“อย่าเพิ่งรีบร้อนขอบคุณ ยังมีสิ่งนี้อีก…”
ขณะกล่าวเฉียนโม่รวบรวมพลังเซียนาเอาไว้ในมือ จั๋วอวิ๋นเซียนอดมึนงงไม่ได้! นี่เป็ถึงพลังเซียนาก้อนหนึ่ง มากกว่ารางวัลที่เขาเคยได้รับในมิติมายาสุญญตาในตอนนั้นเป็สิบเท่า
ของที่ล้ำค่าเช่นนี้ จั๋วอวิ๋นเซียนไม่กล้ารับเอาไว้ง่ายๆ
“ผู้าุโ! นี่ท่าน?”
เมื่อเห็นจั๋วอวิ๋นเซียนลังเล เฉียนโม่ก็มิได้เร่งรัด “หนุ่มน้อย พลังเซียนาที่เคยให้เ้าในคราวนั้น คือรางวัลที่เ้าควรได้รับ แต่ที่ครั้งนี้ให้พลังเซียนาเ้ามากเพียงนี้ เป็เพราะหน้าที่และความรับผิดชอบอย่างหนึ่ง นี่ก็คือสาเหตุที่ข้ามาตามหาเ้าที่ทะเลล่วนซิง”
“หน้าที่อะไรหรือ?”
“เมื่อถึงเวลาข้าจะบอกเ้า แต่ตอนนี้ยังบอกไม่ได้”
เฉียนโม่โบกมือพลางกล่าวด้วยความเคร่งขรึม “หากเ้ามีความกล้าจะเผชิญหน้ากับอนาคต ก็รับพลังเซียนาก้อนนี้เอาไว้เสีย หากเ้าไม่มีความกล้า ข้าจะจากไป ค้นหาคนที่สามารถแบกรับมันได้”
“……”
จั๋วอวิ๋นเซียนตะลึง เขาผุดความคิดขึ้นมามากมายอย่างห้ามมิได้ ความโกรธจากการถูกใส่ร้าย ความแค้นที่ครอบครัวแตกแยก ทั้งยังมีอันตรายจากสัตว์ั์หุบเหว หากคิดจะแก้ไขปัญหาทั้งหมดนี้ เขา้าพลังที่แข็งแกร่ง!
ดังนั้นจั๋วอวิ๋นเซียนจึงรับพลังเซียนาเอาไว้ เขาไม่กลัวอนาคตและรู้ว่าต้องทุ่มเทถึงจะได้ผลตอบแทนกลับมา หากอยากได้พลังที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ก็ต้องแบกรับหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่มากขึ้น
“ดี! ดีมาก!”
เฉียนโม่พยักหน้า นางพอใจกับท่าทีของจั๋วอวิ๋นเซียนมาก
สาเหตุที่นางให้ความสำคัญกับจั๋วอวิ๋นเซียน ไม่ใช่เพราะพร์หรือพลังแฝงของอีกฝ่ายสูงส่ง แต่เป็เพราะจิตใจอันสูงส่ง ปณิธานอันยึดมั่น และรากฐานวิถีเซียนอันมั่นคงของอีกฝ่ายต่างหาก
ผู้บำเพ็ญเซียนเช่นนี้หากอยู่ในยุคโบราณ ถึงจะถือว่าเป็อัจฉริยะที่แท้จริง เป็ผู้ที่ถูกกำหนดให้กลายเป็เซียนผู้ยิ่งใหญ่
เมื่อคิดได้เช่นนี้เฉียนโม่จึงเอาพลังเซียนาใส่เข้าไปในร่างกายจั๋วอวิ๋นเซียน จากนั้นผนึกพลังเอาไว้ชั่วคราว เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับยามจำเป็
……
ผ่านไปครู่หนึ่ง จั๋วอวิ๋นเซียนถามว่า “ผู้าุโ ท่าน…ท่านจะอยู่อีกได้นานเท่าไร?”
เฉียนโม่ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ครั้งนี้เสียพลังไปมาก อีกประมาณสามเดือนร่างแยกของข้าก็คงหายไปแล้ว!”
สำหรับความเป็ตาย เฉียนโม่เคยชินไปนานแล้ว แต่เมื่อไม่มีร่างแยกแล้ว ก็มีเื่ราวมากมายที่มิอาจทำได้ คงถูกผนึกอยู่ในมิติมายาสุญญตาต่อไป
จั๋วอวิ๋นเซียนก็เข้าใจดี เฉียนโม่ต้องจ่ายค่าตอบแทนไปมหาศาลถึงจะออกมาได้ กลับไปเช่นนี้ต้องไม่ยินยอมแน่ อีกทั้งจั๋วอวิ๋นเซียนก็รู้สึกไม่อยากให้เฉียนโม่จากไป
“ผู้าุโเฉียนโม่ ท่าน…อยู่ต่อได้หรือไม่?”
เมื่อได้ยินคำขอของจั๋วอวิ๋นเซียน เฉียนโม่อดมึนงงมิได้ นางเกิดความรู้สึกบางอย่างในใจ แต่นางลังเลเล็กน้อย มิได้พยักหน้าแต่ก็มิได้ปฏิเสธ
เมื่อเห็นเฉียนโม่เงียบไม่พูดจา จั๋วอวิ๋นเซียนกล่าวต่อว่า “ผู้าุโ รอข้ามีอำนาจมากพอแล้ว ข้าจะไปหาท่านที่มิติมายาสุญญตา จากนั้นช่วยท่านออกมา”
เฉียนโม่จิตใจสั่นไหว นางรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา “ขอบคุณความปรารถนาดีของเ้า แต่…”
“ข้าต้องทำได้แน่”
จั๋วอวิ๋นเซียนพูดแทรกเฉียนโม่อย่างไม่ลังเล เขากล่าวออกมาด้วยสีหน้าแน่วแน่ นี่เป็ครั้งแรกที่เขาแสดงด้านแข็งแกร่งออกมาต่อหน้าเฉียนโม่
“ดี ข้าจะรอเ้า”
เฉียนโม่พยักหน้าเงียบๆ นางเหม่อมองสถานที่ห่างไกล
……
หลังจากผ่านพายุฝนไปแล้ว ทะเลล่วนซิงกลับมาเงียบสงบเป็พิเศษ
าเผ่ามนุษย์กับเผ่าสมุทรครั้งนี้ เกาะสามเซียนเกือบถูกกองทัพเผ่าสมุทรสังหารสิ้น สภาพเกาะในตอนนี้ราวกับซากปรักหักพัง แม้แต่กำแพงเมืองก็พังทลายเกินกว่าครึ่ง หากจะสร้างใหม่คงต้องใช้อีกสักระยะเวลาหนึ่ง
แน่นอนว่าถึงแม้ครั้งนี้เกาะสามเซียนจะเสียหายอย่างหนัก แต่กลับไม่มีใครกล้าฉวยโอกาสซ้ำเติม
สิ่งเดียวที่ผู้คนกังวลก็คือ การปรากฏตัวของสัตว์ั์หุบเหว ทำให้ผู้คนทั้งทะเลล่วนซิงรู้สึกกระสับกระส่าย และเมืองซานเซียนตั้งอยู่บนหางของสัตว์ั์หุบเหว หากเกิดเื่ไม่คาดคิดขึ้น ผลลัพธ์คงมิอาจคาดเดาได้
ดังนั้นผู้บำเพ็ญเซียนกับกลุ่มการค้ามากมายจึงต้องเลือกจากที่นี่ไปเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง โดยเลือกไปบำเพ็ญและเปิดร้านในสถานที่อื่น ทำให้ขุมกำลังของเกาะสามเซียนลดลงมาก ร้านค้ามากมายทยอยกันปิดร้าน
ขณะที่หวู่อันถงปวดศีรษะกับเื่นี้ จั๋วอวิ๋นเซียนก็กลับมาที่จวนหลางฮ้วน เฉียนโม่สวมผ้าคลุมหน้าอีกครั้งและเดินอยู่ข้างกายเขาเงียบๆ
เมื่อทราบข่าวหวู่อันถงตื่นเต้นทันที เขารีบติดต่อให้เ้าเกาะทั้งสามเชิญจั๋วอวิ๋นเซียนมาประชุม
……
ผ่านไปไม่นานเ้าเกาะทั้งสามก็เร่งเดินทางมาถึงจวนเ้าเมืองเพื่อรวมตัวกับจั๋วอวิ๋นเซียน
เกี่ยวกับปัญหาของเกาะสามเซียน พวกเหมยซิ้งหงก็ปวดศีรษะมากเช่นกัน ถึงอย่างไรพวกเขาก็มิอาจรับประกันได้ว่า หางของสัตว์ั์หุบเหวจะไม่ตื่นขึ้นมาอีก หรือตื่นขึ้นมาเมื่อไร หากยังเป็เช่นนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วเกาะสามเซียนจะกลายเป็ป่าช้าไร้ผู้คน
แต่หากจะย้ายถิ่นฐาน พวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะไปที่ใดดี จะให้ไปยึดถิ่นฐานของขั้วอำนาจอื่นหรือ? ยังไม่ต้องพูดถึงว่าสู้ได้หรือไม่ สถานการณ์ของทะเลล่วนซิงในตอนนี้ ไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหวโดยพลการ มิเช่นนั้นจะกลายเป็เป้าของทุกคน หรือกลายเป็แม้กระทั่งคนบาป
“ไป๋เฮ่อคารวะเ้าเกาะทั้งสาม”
จั๋วอวิ๋นเซียนกำลังจะคำนับ กงหยางอวี่ซ่านกล่าวออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ “คนแก่เฒ่าอย่างพวกเรา คงรับคารวะจากคุณชายจั๋วมิได้หรอก”
เหมยซิ้งหงอ้าปากแต่มิได้พูดอะไร ถึงแม้เขาจะไม่อยากสร้างความขัดแย้งกับจั๋วอวิ๋นเซียน แต่ถูกอีกฝ่ายหลอกมาถึงตอนนี้ เขาก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน
จั๋วอวิ๋นเซียนประสานมือกล่าวด้วยสายตาเฉยเมย “ขอถามเ้าเกาะทั้งสามท่าน ไป๋เฮ่อเคยทำเื่ผิดต่อเกาะสามเซียนหรือไม่?”
“นี่…”
กงหยางอวี่ซ่านอดมึนงงมิได้ เขาไม่รู้จะโต้เถียงอย่างไร “ไม่มี แต่เ้าเสแสร้งหลอกลวง ต้องมิได้มีเจตนาดีแน่!”
“เสแสร้งหลอกลวงมิได้แปลว่ามีเจตนาชั่วร้าย”
จั๋วอวิ๋นเซียนส่ายหน้า เขากล่าวอย่างตรงไปตรงมา “ไป๋เฮ่อยังคงเป็ไป๋เฮ่อแห่งเกาะสามเซียน เ้าเกาะทั้งสามไม่จำเป็ต้องขับไล่เช่นนี้…ที่จริงแล้วตอนแรกข้าาเ็สาหัสจริงๆ แต่ข้ารักษาอาการาเ็ได้ในภายหลังก็เท่านั้น ข้ารู้ว่าสถานการณ์ของตัวเองค่อนข้างพิเศษ หากเปิดเผยพลังของตัวเอง อาจจะสร้างเื่ยุ่งยากมากมายให้ตัวเองและเกาะสามเซียนได้”
“เหอะ! แค่ข้ออ้าง!”
จวงซวี่เหยาเค้นเสียงเย็น จั๋วอวิ๋นเซียนกลับมิได้โต้เถียง “นี่คือข้ออ้าง และก็คือความจริงด้วย เ้าเกาะทั้งสามเคยคิดหรือไม่ว่า หากพวกท่านรู้ว่าข้าสามารถบำเพ็ญเซียนได้ พวกท่านจะปฏิบัติกับข้าอย่างไร? กดดัน? กักขัง? หรือข่มขู่?”
“……”
ทั้งสามคนมองหน้ากัน อดขมวดคิ้วมิได้
พวกเขารู้ว่าสิ่งที่จั๋วอวิ๋นเซียนพูดนั้นถูกต้องแล้ว ผู้นำขั้วอำนาจอย่างพวกเขามิใช่คนดีอะไร หากมีความจำเป็จริงๆ เพื่อผลประโยชน์ของพวกเขาและเกาะสามเซียน ไม่ว่าเื่อะไรพวกเขาก็จะทำ
