จ้าวเหวินเฉียงกดความอิจฉาหนึ่งสายภายในใจลง พูดคุยเื่ทั่วไปในชีวิตประจำวันกับหูฉางกุ้ยด้วยสีหน้าปกติต่อไป
หลังสุราลงท้องไปครึ่งถ้วย เขาถึงค่อยๆ กล่าวจุดประสงค์การมาครั้งนี้ขึ้น
“ฉางกุ้ยเอ๋ย อาจะขอปรึกษากับเ้าสักเื่ ไม่รู้ว่าเ้าจะสะดวกหรือไม่?” จ้าวเหวินเฉียงเริ่มกล่าว
“อะไร เื่อะไรหรือขอรับ?”
หูฉางกุ้ยงงงวย หัวหน้าหมู่บ้านมาปรึกษาอะไรกับเขา?
จ้าวเหวินเฉียงยิ้ม แสดงวัตถุประสงค์ในการมาอย่างชัดเจน “พรุ่งนี้เป็วันเกิดจี้เสวี่ยเจิ้งท่านอาจารย์ของไป่ิ บ้านเขาอยู่ในเมืองที่เป็ที่ตั้งอำเภอเจิ้นอัน เหล่าสหายร่วมสำนักเรียนของไป่ิปรึกษาหารือกันว่าจะรวบรวมเงินสมทบไปซื้อของขวัญ หลังจากนั้นจะไปอวยพรที่บ้านจี้เสวี่ยเจิ้งด้วยกัน”
หูฉางกุ้ยใบหน้ายุ่งเหยิงไม่เข้าใจ นี่เขาจะช่วยอะไรได้?
เจินจูใคร่ครวญหนึ่งรอบ เดาความหมายในคำพูดของเขาออก อำเภอเจิ้นอันหากเร่งเกวียนวัวเดินทางออกจากหมู่บ้านวั้งหลิน อย่างน้อยต้องใช้เวลาสองชั่วยามกว่า ทว่าเร่งเกวียนล่อสามารถเร็วได้มากกว่าครึ่งชั่วยาม
อำเภอเจิ้นอัน นางยังไม่เคยไปเลย ดวงตาเจินจูกลอกวนหมุนหนึ่งรอบ
เป็ไปอย่างที่เจินจูคิดไว้ จ้าวเหวินเฉียงเอ่ยออกมาว่า้าให้หูฉางกุ้ยใช้เกวียนล่อไปส่งจ้าวไป่ิยังอำเภอเจิ้นอันหนึ่งรอบในวันพรุ่งนี้ ตอนเช้าไปรวมตัวด้วยกันกับสหายร่วมสำนักหอสมุดในเขตอำเภอ ตอนพลบค่ำค่อยรับเขากลับมาส่ง
เดิมทีจ้าวเหวินเฉียง้าไปส่งหลานชายยังอำเภอเจิ้นอันด้วยตนเอง ถึงอย่างไรจ้าวไป่ิก็ยังเล็ก ออกจากบ้านไปไกลคนเดียว เขาไม่วางใจอย่างมาก
แต่เื่ราวบังเอิญนัก หัวหน้าหมู่บ้านหม่าของหมู่บ้านหม่าซานที่อยู่ถัดไป พรุ่งนี้บุตรชายคนเล็กของเขาจะแต่งภรรยา ทั้งสองล้วนรับตำแหน่งหัวหน้าหมู่บ้านมาหลายปีจึงสนิทสนมกันไม่น้อย ประชากรของหมู่บ้านหม่าซานมีมากกว่าหนึ่งเท่าของหมู่บ้านวั้งหลิน เป็หมู่บ้านที่ค่อนข้างมั่งคั่งและร่ำรวยในพื้นที่ใกล้เคียงละแวกนี้
ก่อนหน้านี้สามวันหัวหน้าหมู่บ้านหม่ามาส่งเทียบเชิญงานแต่งถึงหน้าบ้านด้วยตนเอง และจะตระเตรียมจัดงานใหญ่อลังการ จึงเชื้อเชิญให้เขาไปช่วยั้แ่เนิ่นๆ เขารับปากไปแล้ว ตอนนี้คงไม่เหมาะหากจะปฏิเสธ
จ้าวฝานหรงบุตรชายคนโตของเขาและภรรยาอยู่ห่างออกไปพันลี้ ติดตามพี่เขยของเขาพยายามหาหนทางเลี้ยงชีพเกี่ยวกับทางน้ำอยู่ตอนใต้ ทุกปีสามารถสะสมเงินได้หลายสิบเหลียง นี่จึงสามารถจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ ของจ้าวไป่ิให้อยู่ที่หอสมุดได้
จ้าวฝานเม่าบุตรชายคนเล็กเคยเร่งแค่เกวียนวัว เกวียนล่อกลับเร่งไม่ชำนาญ อำเภอเจิ้นอันอยู่ห่างไกล หากเป็ผู้ที่มีทักษะการขับเกวียนอย่างชำนาญน่าจะปลอดภัยกว่าและสามารถประหยัดเวลาได้ ดังนั้นจ้าวเหวินเฉียงถึงได้บากหน้านำทางหลานชายมาขอให้หูฉางกุ้ยช่วยเหลือ แน่นอนว่าเขาไม่ได้ให้หูฉางกุ้ยช่วยเปล่า อย่างไรก็ทำให้เขาเสียเวลาทำงานหนึ่งวัน จึงเสนอเงินให้หูฉางกุ้ยหนึ่งร้อยเหวิน
หูฉางกุ้ยลังเลครู่หนึ่ง อำเภอเจิ้นอันเขาเคยไปหนึ่งหน แต่นั่นเป็เมื่อนานมาแล้ว ถนนหนทางไม่คุ้นชิน ผู้ที่ต้องพาไปส่งเป็หลานชายที่น่าภาคภูมิใจที่สุดของหัวหน้าหมู่บ้าน หากเกิดความผิดพลาดขึ้นจะทำอย่างไร
“ท่านพ่อ ในเมื่อพี่ชายไป่ิมีธุระให้ไปอำเภอเจิ้นอัน เช่นนั้นท่านก็ไปส่งเขาเถอะเ้าค่ะ” เจินจูให้หูฉางกุ้ยรับปากไปพร้อมกับยิ้มกว้าง “แต่หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านพ่อข้ารับผิดชอบแค่ส่งคนไปถึงที่เท่านั้น อย่างอื่นไม่ต้องให้เขารับผิดชอบจัดการนะเ้าคะ”
“เป็เช่นนั้นแน่นอน ขอแค่ส่งเขาถึงที่หลังจากนั้นรับกลับมาก็พอ” จ้าวเหวินเฉียงดีใจแล้วตอบรับทันที
หูฉางกุ้ยชะงักงัน ทันทีหลังจากนั้นก็ปล่อยวาง ในเมื่อบุตรสาวเขารับปากแล้ว เช่นนั้นเขาก็เร่งเกวียนไปเมืองที่เป็ที่ตั้งของอำเภอสักเที่ยวแล้วกัน
เมื่อนัดหมายเวลากันเรียบร้อยแล้ว หัวหน้าหมู่บ้านจึงพาจ้าวไป่ิกลับบ้านไปเตรียมตัว
“ท่านพ่อ พรุ่งนี้ข้าไปด้วยนะเ้าคะ ได้ยินว่าสือหลี่เซียงก็มีโรงเตี๊ยมในอำเภอด้วย พวกเราไปสำรวจดูสักหน่อย รอหลังการเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงไปแล้ว อาหารหมักของครอบครัวเราก็ต้องเตรียมทำขึ้นอีกครั้ง ปีนี้สือหลี่เซียงเปิดร้านสาขาเพิ่ม จำนวนที่สั่งน่าจะเยอะมาก พวกเราต้องทำงานล่วงหน้าสักหน่อย” เจินจูหาข้ออ้างให้บิดาของนางเห็นด้วย
“อืม หากเป็เช่นนี้ต้องบอกท่านย่าเ้าเสียหน่อยหรือไม่?” หูฉางกุ้ยถามด้วยความเคยชิน
“ไม่ต้องแล้วเ้าค่ะ ที่บ้านท่านย่ามีงานเยอะมาก ท่านลุงก็ต้องดูแล ป้าสะใภ้ก็ใกล้จะคลอด พวกเราหนึ่งวันก็กลับมาแล้ว อย่าทำให้ท่านย่าที่อายุมากต้องเป็ห่วงเลย”
“ใช่สิ เื่ที่ท่านย่าของเ้าเป็ห่วงเยอะเกินไปแล้วจริงๆ”
“…”
วันต่อมาฟ้าเพิ่งจะสาง สองปู่หลานจ้าวเหวินเฉียงและจ้าวไป่ิก็พากันมาถึง
หูฉางกุ้ยใส่เกวียนล่อแล้วจูงออกจากลานมาอย่างคล่องแคล่ว ผิงอันตามอยู่ข้างหลังเขา บนใบหน้าเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม เป็เพราะเขาอยากตามไปด้วย แต่ยังไม่ถึงวันพักทำความสะอาดโรงเรียน
เจินจูสะพายกระเป๋าพาดลำตัวที่ทำด้วยผ้าป่านหนาสีแดงเข้ม บนผืนผ้าป่านหลี่ซื่อใช้ด้ายหนาปัดลวดลายแมวน้อยโผเข้าหาผีเสื้อ โดดเด่นและน่าสนใจ ด้านในใส่สิ่งของที่จำเป็ต้องใช้สำหรับการเดินทางเล็กน้อย
จ้าวเหวินเฉียงเห็นนางปีนขึ้นบนเกวียนล่ออย่างมือเท้ารวดเร็วจึงรีบถาม “เจินจูก็ไปด้วยหรือ?”
“ใช่แล้ว หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านพ่อข้าเร่งเกวียนไปคนเดียวไม่สบายใจอย่างมาก ข้าเลยไปเป็เพื่อนท่านพ่อเ้าค่ะ” นางยิ้มจนคิ้วและดวงตาโค้งมองแล้วท่าทางน่ารักยิ่ง
“การเดินทางไปอำเภอเจิ้นอันไม่ใช่ระยะสั้นเลยนะ เ้าเป็แม่นางบอบบางตัวน้อยอย่าร้องเหนื่อยเล่า” แม่นางน้อยในชุดกระโปรงสีฟ้าน้ำทะเลเรียบแต่ดูงดงาม ผ้าฝ้ายละเอียดชั้นดีสะอาดและอ่อนนุ่ม ขับให้นางสวยสง่าเรียบร้อยเหมือนสาวงาม แววตาจ้าวเหวินเฉียงวูบไหว และย้ายสายตาไปบนร่างหลานชายตนเอง
จ้าวไป่ิสวมผ้าดิ้นโพกบนศีรษะ บนกายสวมเสื้อคลุมชายยาวสีน้ำเงินตัวใหม่เอี่ยม รองเท้าผ้าหนึ่งคู่สีดำ ในมือหิ้วกระเป๋าหนังสือ แม้รูปร่างค่อนข้างผอมแต่ท่าทางการยืนสง่ายืดตรง ท่วงท่าเต็มไปด้วยความสุภาพเรียบร้อยและมีมารยาท
เด็กสาวครอบครัวหูน่าจะอายุสิบเอ็ดปีแล้ว หลานชายตนเองเพิ่งอายุครบสิบห้า ต่างกันสี่ปีนับว่าเหมาะสม
จ้าวเหวินเฉียงเงยหน้ากวาดสายตาผ่านที่พักอาศัยภายในบ้านกว้างขวางและใหม่เอี่ยมของครอบครัวหู ในใจแอบคิดใคร่ครวญ
เมื่อบอกลาทุกคนแล้ว หูฉางกุ้ยจึงสะบัดแส้ยาว เสียงจังหวะก้าวเท้าของล่อดัง “กุบกับๆๆ” ก้องอยู่ในอากาศอันเงียบสงบยามเช้าตรู่
ไปอำเภอเจิ้นอันต้องผ่านเมืองไท่ผิงก่อน พอออกจากประตูทางเหนือของเมืองไท่ผิงแล้ว ก็เร่งไปตามทางทิศเหนือขึ้นไปอีกหนึ่งชั่วยามก็เกือบถึงแล้ว
เมื่อมาถึงถนนในเมือง หูฉางกุ้ยคุ้นเคยอย่างดี วันนี้พวกเขาเร่งมาเช้ามาก บนถนนทางการจึงมีคนสัญจรไม่กี่คน เกวียนล่อมาถึงเมืองไท่ผิงได้อย่างราบรื่น
ยามนี้ฟ้าสว่างโร่แล้ว คนสัญจรบนถนนเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อเกวียนล่อผ่านร้านซาลาเปาร้านหนึ่ง เจินจูลงจากเกวียนไปซื้อซาลาเปาเนื้อมาหกลูก
ซาลาเปาเนื้อเพิ่งออกจากหม้อร้อนกรุ่น ทำให้เจินจูที่เร่งรีบออกมาแต่เช้าตรู่ มองแล้วอยากอาหารมากนัก
ยื่นไปให้บิดาของนางหนึ่งลูก แล้วถือโอกาสยื่นอีกหนึ่งลูกให้จ้าวไป่ิ
จ้าวไป่ิรีบโบกไม้โบกมือ แสดงออกว่าตนเองทานข้าวเช้าแล้วถึงออกจากบ้านมา
ฟ้ายังไม่สว่างก็ทานข้าวเช้าแล้ว? ถึงจะทานมาแล้วก็เถอะ เวลานี้ก็น่าจะหิวแล้วกระมัง เจินจูจึงดันทุรังยัดหนึ่งลูกให้เขาอย่างโผงผาง
จ้าวไป่ิลูบซาลาเปาเนื้อร้อนกรุ่นในมือ แล้วมองสองคนที่ทานกันอย่างเอร็ดอร่อยแวบหนึ่ง ลังเลใจสักพักแล้วจึงทานขึ้นอย่างไม่เกรงใจ ก่อนออกจากบ้าน ท่านย่าของเขารักและเป็ห่วงอย่างมาก จึงอุ่นกับข้าวให้ั้แ่เช้ามืด เขาเลยทานไปทั้งหมดครึ่งถ้วย ตอนนี้กลับหิวขึ้นเล็กน้อย
ซาลาเปาเนื้อใหญ่มาก เจินจูทานไปลูกเดียว หูฉางกุ้ยทานไปสามลูก เหลืออีกหนึ่งลูกนางฝืนยัดให้จ้าวไป่ิเหมือนเดิม ขณะนี้อากาศค่อยๆ ร้อนขึ้นแล้ว ซาลาเปาเนื้อเก็บไว้จะไม่ดี ทานเข้าไปในท้องให้หมดจะดีที่สุด
ทานซาลาเปาเสร็จ นางล้วงสิ่งของที่ห่อด้วยกระดาษน้ำมันหนึ่งห่อออกมาจากกระเป๋าสะพาย เปิดออกอย่างระมัดระวัง เป็พะโล้เนื้องูที่หลี่ซื่อห่อไว้ให้ วางซ้อนกันเป็ระเบียบเรียบร้อยทีละท่อนๆ
เจินจูใช้มือหยิบขึ้นหนึ่งชิ้นใส่ปากค่อยๆ เคี้ยว ถือเป็อาหารว่างก็ไม่ปาน ยื่นห่อพะโล้เนื้องูให้จ้าวไป่ิ เขากลับกล่าวปฏิเสธติดๆ กันหลายครั้ง เจินจูไม่บังคับ เนื้องูอร่อยขนาดนี้ไม่ทานก็เป็เ้าแล้วที่พลาดของดี
หูฉางกุ้ยจิตใจจดจ่ออยู่กับการเร่งเกวียน ทำเพียงยิ้มแล้วให้นางทานมากหน่อย
รสชาติพะโล้เนื้องูอร่อยมาก เนื้อััยืดหยุ่นเคี้ยวหนึบ ชานิดเผ็ดหน่อยกลิ่นหอมพะโล้เข้มข้น เจินจูยิ่งเคี้ยวยิ่งติดใจ ทานไปพลางสังเกตทิวทัศน์สองข้างทางไปพลาง
ออกจากประตูทิศเหนือมาสักพัก ถนนทางการของด้านนี้เห็นได้ชัดว่าสร้างได้กว้างขวางเป็ระเบียบเรียบร้อย ผิวถนนใช้ดินสร้างอัดแน่นเรียบและแข็งแรง ดีกว่าถนนทางการของทางเข้าหมู่บ้านวั้งหลินเป็สองเท่า
ถนนราบเรียบไม่โคลงเคลง เกวียนล่อจึงไม่สั่นะเืมากเพียงนั้น
เจินจูกินเนื้องูพะโล้ไปสามท่อน จึงห่อที่เหลืออยู่ไว้ให้เรียบร้อย เก็บกลับเข้ากระเป๋าสะพาย แล้วหยิบแก้วไม้อันเล็กหนึ่งใบออกมาจากกระเป๋า ต่อจากนั้นหาน้ำเต้าที่บรรจุน้ำในตะกร้าไม้ไผ่บนเกวียนออกมา เทน้ำจนเต็มแล้วยกขึ้นดื่มช้าๆ
“พี่ชายไป่ิ ท่านดื่มน้ำไหม ข้ายังมีแก้วอีก” เจินจูยิ้มแล้วถาม
“ไม่เป็ไร ข้าไม่กระหาย” จ้าวไป่ิปฏิเสธ ออกจากบ้านมาอยู่ข้างนอก ดื่มน้ำให้น้อยจะดีที่สุด
เจินจูยักไหล่ หันกลับไปดื่มน้ำของตนเองจนหมด แล้วเอาแก้วไม้ไผ่อีกหนึ่งอันออกมาเทน้ำหนึ่งแก้วส่งให้บิดาของนาง
หูฉางกุ้ยรับไปดื่มรวดเดียว เสร็จแล้วยื่นแก้วกลับไปให้บุตรสาว เร่งเดินทางต่ออย่างจริงจัง
“พี่ชายไป่ิ พวกท่านตั้งใจจะนำของขวัญอะไรไปให้ท่านจี้เสวี่ยเจิ้งหรือ?” เจินจูล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมุมปาก ถามออกไปเรื่อยเปื่อย
“นี่… ยังไม่ได้ตัดสินใจเลย” จ้าวไป่ิเป็บัณฑิตที่มาจากหมู่บ้านในเขตูเาเล็ก บัณฑิตที่สนิทสนมกับเขาล้วนแล้วแต่ฐานะทางบ้านธรรมดาทั่วไปทั้งหมด เงินที่เหลือจากการใช้จ่ายไม่มากพอจะจัดซื้อของขวัญราคาแพงได้ หลังจากพวกเขาปรึกษาหารือกันแล้ว คิดจะรวมเงินกันหาแท่นฝนหมึกที่เหมาะสมสักหนึ่งชิ้นที่ร้านหนังสือในอำเภอทำเป็ของขวัญ
“อ้อ คิดๆ ไปแล้วหากไม่ใช่แท่นฝนหมึกก็เป็หนังสือโบราณ แล้วอาจจะเป็พวกภาพวาดหรือลายอักษรพู่กันกับแบบฝึกคัดลายมือพู่กันอะไรทำนองนั้นก็ดีนะ” เจินจูคาดคะเนไปเรื่อยอย่างไม่คิดอะไร
จ้าวไป่ิตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้น หันไปทางเด็กสาวฝั่งตรงข้ามมองอย่างละเอียดสองสามที นางในยามนี้สองมือกอดเข่า ศีรษะหนุนอยู่บนหัวเข่า ใบหน้าเล็กขาวสะอาดนุ่มนวลและชุ่มชื้น ั์ตาดำแวววาวมองมาทางเขาอย่างสุขกายสบายใจและเป็ธรรมชาติ ราวกับสองคนเป็สหายเก่าที่รู้จักกันมานานก็ไม่ปาน
เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเป็เพียงเด็กสาวตัวน้อยในหมู่บ้านเขตูเา แต่เื่ที่เข้าใจกลับเหมือนจะมีไม่น้อย
“อื้ม น่าจะใช่ รอถึงที่รวมตัวกันแล้วค่อยปรึกษาและตกลงกันกับสหาย” จ้าวไป่ิตอบ
“พวกท่านตกลงกันว่าจะไปรวมตัวกันที่ไหนหรือ?
“ยามซื่อ [1] หนึ่งเค่อรวมตัวกันร้านน้ำชาหน้าประตูเมือง”
“ยามซื่อหนึ่งเค่อ?” เจินจูสมองเขลาไปทันที นั่นเป็เวลากี่โมง การเปลี่ยนแปลงของชั่วยามนางยังไม่คุ้นชินอย่างมาก
“ิเกอเออร์ เ้าไม่ต้องกังวลใจ ข้าเร่งทันเวลาได้” หูฉางกุ้ยได้ยินเช่นนั้นจึงหันกลับมายิ้มซื่อๆ แล้วกล่าว
“รบกวนท่านอาฉางกุ้ยแล้วขอรับ” จ้าวไป่ิกล่าวตอบ
“ไม่ ไม่รบกวน” หูฉางกุ้ยกล่าวจบก็หมุนกายกลับไปเร่งเดินทางต่อ
“พี่ชายไป่ิ ได้ยินว่าเชงเม้ง [2] วันนั้นท่านถูกเสี่ยวเฮยทำให้ใเข้า ต้องขออภัยด้วย เสี่ยวเฮยว่างๆ ชอบวิ่งไปทั่วทุกแห่งหน” เทศกาลเชงเม้งวันนั้น จ้าวไป่ิกลับบ้านมาเซ่นไหว้บรรพบุรุษ เมื่อกลับมาถึงทางเข้าหมู่บ้านได้ถูกเสี่ยวเฮยพุ่งออกมาอย่างกะทันหันทำให้เขาใจนโซเซ เสียการทรงตัวแล้วหกล้มลงไป ต่อมาเจินจูเพิ่งได้ยินเื่นี้จากปากคนในหมู่บ้าน
“แมวดำตัวนั้น… เป็ของบ้านเ้า?” จ้าวไป่ิคิดขึ้นมา แมวดำหนึ่งตัวพุ่งออกมาอย่างกะทันหันอยู่ตรงทางเข้าหมู่บ้าน ตอนนั้นเขาไม่ทันระวังเลยถูกทำให้ใจนสะดุ้งโหยง
“ใช่แล้ว เสี่ยวเฮยเป็ของบ้านข้า ท่านไม่ได้หกล้มใช่ไหม” เจินจูยิ้มแล้วถาม
“ไม่เป็ไรๆ แต่แมวดำตัวนั้นวิ่งได้เร็วมากเลย เวลาพริบตาเดียวก็ไม่เห็นร่องรอยแล้ว” ความเป็จริงตอนที่เขาหกล้ม แมวนั่นหันกลับมามองเขาแวบหนึ่ง ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่รู้เลยว่านั่นเป็แมวดำหนึ่งตัว แมวดำราวกับเห็นว่าเขาปลอดภัยดี ทันทีหลังจากนั้นก็ะโสามทีห้าทีหายไปในป่าเขา
“ฮ่าๆ เดิมทีมันเป็แมวป่า ว่องไวกว่าแมวบ้านทั่วไปเล็กน้อย” นับั้แ่ครอบครัวนางย้ายมาแถวทางเข้าหมู่บ้าน เสี่ยวเฮยก็ชอบวิ่งเพ่นพ่านไปทั่วอยู่หลายยอดเขา ชาวบ้านเริ่มรู้แล้วว่าครอบครัวหูเลี้ยงแมวสีดำขลับเป็เงาอยู่หนึ่งตัว แมวดำและสุนัขดำของที่นี่ล้วนเป็สัตว์นำโชคขจัดสิ่งชั่วร้ายขับไล่ปีศาจ หลายครอบครัวล้วนชอบเลี้ยงไว้
“โอ๊ะ เป็แมวป่า? นิสัยแมวป่าทำให้เชื่องไม่ง่ายเลย บ้านเ้าโอ้โลมมันอย่างไรหรือ?” จ้าวไป่ิค่อนข้างสนใจแมวดำตัวนั้นมาก
เจินจูยิ้มแล้วอธิบายสถานการณ์ สองคนพูดคุยเรื่อยเปื่อยประเด็นของแมวและสุนัขมาตลอดทาง จนมาถึงประตูเมืองอำเภอเจิ้นอัน
เชิงอรรถ
[1] ยามซื่อ คือ ่เวลา 09:00 - 10:59 น.
[2] เชงเม้ง คือ 1 ใน 24 สารทของจีน เริ่มวันที่ 4, 5 หรือ 6 เมษายน ในแต่ละปีไม่ตรงกัน