เมื่อเดินผ่านกลุ่มของเจียงเฉิงเยว่ ชายหนุ่มผู้นั้นหยุดฝีเท้าชั่วคราวในทันทีและหรี่ตา จากนั้นหันศีรษะไปมองกลุ่มผู้ฝึกฝนมนุษย์อย่างพิจารณา ผู้ช่วยในร้านมองตามสายตาของเขา เผยความรังเกียจอยู่หลายส่วน ทว่าไม่เหมาะที่จะส่งเสียงตำหนิต่อหน้าผู้สูงศักดิ์ จึงทำได้เพียงยิ้มอย่างประจบสอพลอเล็กน้อย เอียงตัวเพื่อบังสายตาของชาวสำนักป้าเทียนอย่าง้าที่จะดึงดูดแขกผู้มีเกียรติเข้าไปด้านใน
เมื่อชายหนุ่มผู้นั้นกวาดสายตามาถึงใบหน้าของเจียงเฉิงเยว่ก็สบตาเขาชั่วครู่แล้วเดินจากไปอย่างไร้ร่องรอย พัดคลี่ประดูกหยกในมือ ค่อยๆ หยิบเส้นผมลอนสีเขียวเข้มสองสามปอยที่กระจัดกระจายยุ่งเหยิงอยู่บนไหล่ของตนเองลงมา เส้นผมนั้นราวกับน้ำที่ลื่นไหลและตกลงบนหน้าอกของเขา
ชายหนุ่มถอนสายตาออก เมื่อเห็นทารกโสมในกรงด้านข้างของชาวสำนักป้าเทียนนั้นพอดีจึงพูดด้วยรอยยิ้มน้อย “วันนี้นับว่าไม่ได้มาเสียเที่ยว”
ผู้ช่วยพยักหน้าอย่างเร่งรีบ “ขอรับๆๆๆ ก่อนหน้านี้ให้คุณชายอวี้หลิวคอยนานแล้ว...คุณชายโปรดรีบเข้ามาด้านใน”
ชายหนุ่มผู้นั้นเดินตามผู้ช่วยเข้าประตูไป ไม่ได้มองชาวสำนักป้าเทียนที่อยู่ข้างนอกสักแวบหนึ่ง จนกระทั่งเขาจากไปนานแล้ว ทุกคนจึงค่อยๆ คืนสติจากอาการตะลึง มีศิษย์คนหนึ่งโน้มตัวไปพูดที่ข้างหูของศิษย์พี่จ้าว “ศิษย์พี่...เมื่อครู่นี้คนผู้นั้นคือคุณชายรองของตระกูลัครามเหยียนชิว...’คุณชายอวี้หลิว’ หลิ่ววั่งซูหรือ?”
ช่างไม่เหมาะที่ทุกคนจะหยุดเดินต่อไป ขณะที่เดินจากไปจึงซุบซิบกันด้วยเสียงต่ำ น้ำเสียงสะกดกลั้นความตื่นเต้นไม่ได้เล็กน้อย
“ไม่คาดคิดว่าการเดินทางมาตลาดผีครั้งนี้กลับคุ้มค่านัก ถึงกับได้พบคุณชายอวี้หลิวจากตระกูลัคราม หาได้ยากจริงเชียว!”
“ตระกูลัครามเหยียนชิวนับว่าเป็ตระกูลที่ใหญ่เป็อันดับหนึ่งในโลกปีศาจตอนนี้ใช่หรือไม่?”
สำหรับจุดนี้ ศิษย์พี่จ้าวมีความคิดเห็นที่ต่างออกไป “นั่นกลับไม่เป็เช่นนั้น แม้ว่าพลังของตระกูลัครามเหยียนชิวไม่ง่ายที่จะมองข้าม แน่นอนว่าเป็ผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในโลกปีศาจ ตลอดมาเหยียนชิวไม่เคยข้องเกี่ยวกับข้อพิพาทของทั้งสามโลก เพียงมุ่งเน้นไปที่การทำเงินเท่านั้น...หากกล่าวถึงพลังที่แท้จริงแล้ว ช่างมีความคล้ายคลึงกับตระกูลสิงโตทองิสุ่ยที่กล้าหาญ เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้และมีอารมณ์รุนแรงเช่นเดียวกับเผ่าปีศาจ ชาวเมืองปีศาจลิ่งชิวที่แม้ว่าการบ่มเพาะจะไม่ได้สูง กลับสามารถรวบรวมเป็พลังได้...ใช่ว่าจะจัดการได้โดยง่าย หากเผยฝีมือคงไม่ด้อยกว่าตระกูลัครามเหยียนชิว”
หลังจากนั้นมีคนพูดต่อด้วยรอยยิ้มเย้ยหยันอย่างอิจฉา “ขายข้อมูลของทั้งสามโลก อาวุธวิเศษ หินิญญาและยาวิเศษ...้าอะไรพวกเขาล้วนมีทั้งหมด ทำการค้ามาไปทั่วทั้งสามโลกจะไม่ร่ำรวยได้หรือ? ข้าได้ยินพวกเขาพูดว่า...เหยียนชิว...เป็ัครามที่ไหนกัน ต้องเป็ปี่เซียะสิถึงจะถูก! เพราะเพียงเข้าไปได้แต่ออกไม่ได้[1] “
“ฮ่าๆๆ...พูดถึงตระกูลัครามเหยียนชิวแล้ว พวกเ้าเคยได้ยินตำนานหรือไม่? ว่ากันว่าหัวหน้าตระกูลัครามเหยียนชิว ‘เสวียนหลินจวิน’ หรือหลิ่วชิงฮุย ซึ่งเป็พี่ชายของคุณชายอวี้หลิวผู้นี้ ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่ากักตนเข้าฌานอยู่หลายปีใช่หรือไม่? ความจริงน่ะ...คือหนีออกจากบ้านต่างหาก!!!”
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง “หัวหน้าตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกปีศาจหนีออกจากบ้าน?! ทำไมเล่า?”
คนผู้นั้นยักไหล่ “ใครจะไปรู้ ข้าบังเอิญได้ยินข่าวลือเช่นนี้มา”
ขณะที่ทุกคนพูดคุยกันและเดินจากไปไกลอย่างรวดเร็ว เจียงเฉิงเยว่พาเสี่ยวหูจื่อเดินไปตรงกลางและหยุด ทันใดนั้นราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้จึงหยุดเดิน เขาตรวจสอบกลุ่มสำนักป้าเทียนทั้งเจ็ดแปดคนอย่างละเอียดอยู่สองครั้ง
เสี่ยวหูจื่อพูด “พี่หลิน? ท่านทำอะไรหรือ?”
เจียงเฉิงเยว่ค้นหาไปรอบด้าน เขาถามด้วยความสงสัย “พี่อี้ของเ้าเล่า? เมื่อครู่ยังอยู่ตรงนี้นี่นา?”
ดูเหมือนว่าหูจื่อเพิ่งนึกอะไรขึ้นได้ “เอ้ะ? ใช่แล้ว...พริบตาเดียวก็ไม่เห็นแล้ว”
แม้ว่าระดับการบ่มเพาะของอี้จื่ออีจะไม่ต่ำ ทว่าสุดท้ายแล้วก็เป็ผู้ฝึกฝนธรรมดา อีกทั้งตอนนี้อยู่ในตลาดผี เจียงเฉิงเยว่จึงกังวลเล็กน้อย กำลังจะรั้งเพื่อนร่วมสำนักที่อยู่ด้านหน้าซึ่งยังคงคุยกันและเดินจากไปไกลขึ้นเรื่อยๆ กลับเห็นอี้จื่ออีวิ่งมาจากอีกด้านพอดี ชั่วพริบตาก็มาถึงข้างกายเจียงเฉิงเยว่ อธิบายด้วยเสียงเบา “เมื่อครู่ตอนที่พวกท่านคุยกัน บังเอิญเห็นคนรู้จักสองสามคนจากสำนักจงหลีซานเดินผ่าน...นึกขึ้นได้ว่า ‘พี่หลิน’ เคยบอกข้าชก่อนหน้านี้ว่าไม่สมควรเผยตำแหน่ง ข้าใจนไปหลบซ่อนอยู่ที่หลังแผงลอยนั่น เดินอยู่เป็เวลานานจนแทบไม่ได้กลับมา”
เจียงเฉิงเยว่ตอบรับ “โอ้”
อี้จื่ออีพูดต่อ “ยังดีที่พวกเขาไม่ได้ไปที่โซ่วหลิง แน่นอนว่าไม่รู้จัก ‘พี่หลิน’ นี่เป็เื่ด่วน...จึงไม่มีเวลาบอกท่าน คิดว่าจะต้องแยกกันเดินกับพวกท่านเสียแล้ว โชคดีที่พี่หลินยังรอข้าอยู่”
เจียงเฉิงเยว่ยิ้ม ทั้งสามคนไล่ตามคนกลุ่มใหญ่ไป
มีคนไม่กี่คนเดินผ่านถนนที่พลุกพล่าน มาถึงถนนในตรอกที่เชี่ยวชาญการสร้างอาวุธ ประตูร้านส่งเสียง ‘ติงๆ ตังๆ ‘ จากการเคาะโลหะ ก่อนที่เ้าของร้านซึ่งเป็ชายร่างกำยำและเสียงใหญ่จะออกมา
ศิษย์สำนักป้าเทียนเ่าั้ที่มาตลาดผีในครั้งนี้ไม่ใช่แค่เดินเตร็ดเตร่เท่านั้น พวกเขายังนำรายการจัดซื้อมาด้วย ถือโอกาสที่ศิษย์พี่จ้าวและคนอื่นๆ กำลังเลือกกันอยู่ เจียงเฉิงเยว่อี้จื่ออีและเสี่ยวหูจื่อยืนอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไร เพียงอยู่ที่ข้างถนน เหม่อมองเ้าของร้านกับลูกค้าต่อรองราคากันเท่านั้น
พวกเขากำลังเหม่อมองกันอยู่ ทันใดนั้นกลับมีเสียงดังจากร้านหรูหราที่ด้านข้าง พร้อมกับเสียงโหยหวนดังลั่น มีร่างหนึ่งลอยออกมาจากร้าน ตามด้วยเสียง ‘พิงๆ พังๆ ‘ สิ่งของในร้านถูกทุบจนเกลี้ยง ทั้งโต๊ะเก้าอี้ และป้ายร้านลมระเนระนาด ชิ้นส่วนภาชนะไม้ปลิวว่อนออกมาเป็ระยะ
เสียงดังสนั่นชั่วขณะนี้ดึงดูดคนสัญจรข้างถนน จากนั้นมีคนไม่น้อยมารวมกันที่หน้าร้านอย่างรวดเร็ว เก็บมือไว้ในแขนเสื้อ[2] เฝ้ามองความครึกครื้นด้านใน
ผู้ช่วยร้านที่ถูกโยนออกมาบนถนนยังคงร้องครวญครางอยู่บนพื้น ไม่นานผู้ร้ายที่โเี้ซึ่งอยู่ด้านในผู้ยังไม่หายแค้น ตามออกมาเพื่อดึงปกเสื้อของผู้ช่วยพลางยกมือขึ้นทุบตี
“โอ้ย โอ้ย...”
เจียงเฉิงเยว่กับอี้จื่ออีพาเสี่ยวหูจื่อมาอยู่ท่ามกลางฝูงชน มองเห็นว่าผู้ตีเป็เผ่าปีศาจร่างสูงใหญ่กำยำ มีใบหน้าสี่เหลี่ยม ปากกว้าง คิ้วหนาและตาโต ดวงตาสีแก้วใสจางๆ คู่หนึ่งเวลานี้เบิกกว้างราวกับระฆังทองแดง หน้าผากมีเส้นเืปูด ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ ขณะที่ทุบตีผู้ช่วยร้านด้วยกำปั้นเหล็กก็ตำหนิด้วยความโกรธ “เ้าคนหลอกลวง! พวกเ้ากล้าที่จะหลอกลวงหรือ!!!”
“ท่านลูกค้า! ท่านลูกค้า...มีอะไรค่อยพูดค่อยจากัน! ค่อยพูดค่อยจาเถิด!!!” เ้าของร้านไล่ตามออกมา ทว่าถูกพรรคพวกสองสามคนของผู้ร้ายคนนั้นขวางเอาไว้ ไม่สามารถไปข้างหน้าได้ เขาตบต้นขาอย่างร้อนใจ
เจียงเฉิงเยว่ขมวดคิ้ว ท่ามกลางกลุ่มคนที่เฝ้าดูความครึกครื้นมีเผ่าผีที่ไม่พอใจกับเหตุการณ์นี้ พูดด้วยความโกรธ “ปีศาจตัวนี้มาจากไหน? กล้าดีอย่างไรมาเหิมเกริมเช่นนี้ในเมืองปี่อั้น? ไม่เช่นนั้นรีบให้คนไปเรียกผู้คุมิญญามา หากจัดการไม่ได้ก็ให้เ้าเมืองผดุงความยุติธรรมเถอะ...”
เ้าของร้านผู้นั้นกล่าวขอร้อง “ท่านลูกค้า...หากไม่ได้ข้าจะคืนผลึกเทียนเสวียนหนึ่งพันก้อนทั้งหมดให้ท่าน! ขอร้องท่านยกมือที่สูงส่ง[3] ...”
“โอ้!” กลุ่มผู้ชมที่ล้อมรอบต่างสูดลมหายใจเย็น ส่งเสียงอุทานออกมา
อี้จื่ออีโน้มตัวที่ข้างหูของเจียงเฉิงเยว่แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ที่แท้ถูกหลอกด้วยผลึกเทียนเสวียนหนึ่งพันก้อน! ไม่แปลกใจเลยที่โกรธจนถึงขั้นทุบร้าน แต่ข้าไม่รู้ว่าคุณชายผู้นี้เป็ปีศาจจากเผ่าไหน ถึงสร้างผลงานเช่นนี้ได้อย่างคาดไม่ถึง”
เจียงเฉิงเยว่ยกมุมปาก
เมื่อคุณชายผู้นั้นได้ยินเช่นนี้จึงหยุดมืออย่างที่คาดไว้ ไม่สร้างความลำบากให้ผู้ช่วยที่ถูกเขาทุบตีหลายครั้งจนนอนหอบหายใจอยู่บนพื้น จากนั้นหันไปคว้าปกเสื้อเ้าของร้านแล้วเอ่ยด้วยความโกรธเคือง “ติดค้างปู่เ้า [4] เพียงผลึกเทียนเสวียนหนึ่งพันก้อนหรือ? พวกเ้ากล้าปลอมแปลงต้นฉบับของปรมาจารย์อี้ซี แล้วยังหลอกลวงปู่เ้าจนถึงเพียงนี้? วันนี้ไม่เพียงทุบตีเ้าพวกสวะเหล่านี้จนต้องควานหาฟันบนพื้น ยังต้องให้อ่านชื่อของปู่เ้าแบบกลับหัว!!!”
เ้าของร้านมีใบหน้าโศกเศร้าพลางผายมือออกทั้งสองข้าง กล่าวอย่างไม่ได้รับความเป็ธรรม “ฟ้าเป็พยาน! พูดตามสัตย์จริง! สิ่งที่พวกเราขายคือต้นฉบับที่แท้จริงจากปรมาจารย์อี้ซี...”
คุณชายผู้นั้นโกรธยิ่งขึ้น “เหลวไหล! เ้าเห็นปู่ของเ้าเป็คนโง่ใช่หรือไม่? คนใต้หล้าล้วนรู้ชัดว่าต้นฉบับของปรมาจารย์อี้ซีเล่มที่หกและเจ็ดขาดหายไป เพราะปรมาจารย์ปิดผนึกไว้ในเตาเผาเมื่อหลายสิบปีก่อนจนหาทั่วทั้งูเาแล้วไม่พบ เดิมทีมุ่งมาที่ตลาดผีในเมืองปี่อั้นแห่งปรโลก เพราะคิดว่าจะมีอีกหนทางที่จะได้รับมันจริง...ผลลัพธ์คือลายมือและเนื้อหาไม่สอดคล้องกับเล่มหน้าและเล่มหลัง! ถ้าเช่นนี้...เ้ายังกล้าะโเรียกหามโนธรรมจากฟ้ากับข้าอีกอย่างนั้นหรือ?!”
เ้าของร้านโต้แย้ง “อาศัยเพียงลายมือกับเนื้อหาที่อยู่ในมือท่านลูกค้าไม่ตรงกันมายืนยันว่าสิ่งที่ข้าขายเป็ของปลอม ไม่ยุติธรรมเกินไปหน่อยหรือ?”
คุณชายผู้นั้นยิ้มอย่างโกรธจัด “หากพูดเช่นนี้ เ้ากำลังสงสัยว่าต้นฉบับอีกหกเล่มที่เหลือในมือข้า ซึ่งปรมาจารย์เขียนด้วยตนเองจนต้องจ่ายในราคาสูงเสียดฟ้าจึงจะได้มาใน่สองสามทศวรรษนี้ เป็ของปลอมทั้งหมดหรือ?”
หลังได้ยินเขาพูดจบทุกคนต่างเดาะลิ้น อี้จื่ออีก็ใ พูดที่ข้างหูของเจียงเฉิงเยว่ “ดูเหมือนว่าคุณชายผู้นี้จะมีภูมิหลังไม่ธรรมดา!!! ต้นฉบับของปรมาจารย์อี้ซีที่หมุนเวียนในตลาดตอนนี้ล้วนแต่เป็ฉบับคัดลอก ที่ได้ยินจากคุณชายผู้นี้ว่าเขาได้รวบรวมทั้งหกเล่มอยู่ในมือ และทั้งหมดยังเป็ของแท้?! ต้องร่ำรวยระดับใดกัน?”
เจียงเฉิงเยว่ขมวดคิ้ว อันที่จริงแล้วเขาละทางโลกบ่มเพาะมาร้อยปีกว่าปี รวมกับถูกตี้จวินผนึกมาหลายสิบปี หากคิดดูแล้วก็ไม่ได้มาตลาดผีเกือบสองร้อยปี แต่ไหนแต่ไรก็ไม่รู้ว่า ‘ปรมาจารย์อี้ซี’ คือผู้ใด?
เมื่ออี้จื่ออีเห็นว่าเขางุนงงจึงอธิบายให้ฟัง “พี่หลินคงไม่รู้จัก ‘ปรมาจารย์อี้ซี’ ใช่หรือไม่? เขาเป็ปรมาจารย์ด้านการหลอมโลหะที่มีชื่อเสียงขึ้นมาในตลาดผีแห่งปรโลกเกือบร้อยปีมานี้ อาวุธวิเศษที่หลอมทั้งหมดเป็ที่ยอมรับโดยทั่วกันทั้งสามโลก ั้แ่คุณสมบัติพลังไปจนถึงฝีมือการหลอมล้วนเป็สินค้าที่ดีเยี่ยม ประณีตอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงมีผู้สนับสนุนในสามโลกอยู่ไม่น้อย ยังมีคนจำนวนมากที่ไม่ได้ใช้สิ่งของจากเขา แต่ซื้อมาในราคาที่สูงเสียดฟ้าเพื่อเก็บสะสม หลังจากที่เขาปิดผนึกเตาหลอมและเก็บไว้ในูเาเมื่อหลายสิบปีก่อน เขากลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย ราคาของอาวุธวิเศษที่เคยหลอมทั้งหมดจึงสูงขึ้นอีกเรื่อยๆ ข้าได้ยินมาว่าไม่เพียงแต่เผ่าผีและเผ่าปีศาจเท่านั้น ในบรรดานักพรตบนโลกมนุษย์ไม่น้อยที่ขายต่อหรือถึงกับปลอมแปลงผลงานของเขา
เขาค่อนข้างลึกลับ ไม่มีใครเคยเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริง และไม่มีใครทราบว่าเขาเป็เผ่าใดในสามโลกหกเหล่า...เมื่อเขาพบผู้คนมักจะสวมหมวกซาเม่า[5] เอาไว้ แต่ก็เคยมีคนบังเอิญเหลือบไปเห็นใบหน้าภายใต้หมวกซาเม่า...ว่ากันว่ามีอะไรบางอย่างทำให้ใบหน้าเสียโฉม เต็มไปด้วยรอยไหม้...”
ทางนี้กำลังอธิบายอยู่ ทว่าทางด้านนั้นเริ่มโต้เถียงกันอีกครั้ง เสียงนั้นแหลมสูง ปกคลุมอี้จื่ออีที่ตั้งใจลดเสียงเบา คุณชายผู้นั้นกล่าว “เ้าไม่ยอมแพ้หรือ? พวกเราไปหาใครมาประเมินสิ ต้องทำให้เ้าเชื่ออย่างแน่นอน! หากประเมินออกมาได้ว่าของสะสมในมือข้าเป็ของจริง และสิ่งที่เ้าขายเป็ของปลอม...ข้าก็ไม่้าอะไรจากเ้าอีก เพียง้าแยกิญญาของเ้า เ้ากลัวหรือไม่?!”
ใบหน้าของเ้าของร้านขาวซีดในชั่วพริบตา ผู้ชมรอบข้างอดใไม่ได้ มีคนพูดเกลี้ยกล่อมเขา “เหตุใดจึงต้องทำเช่นนี้...เขายินยอมจะคืนผลึกเทียนเสวียนหนึ่งพันก้อนให้ท่านแล้ว ถึงแม้เขาจะขายของปลอมจริง โทษคงไม่ถึงขั้นนี้หรอกกระมัง?”
คุณชายผู้นั้นจ้องมองคนที่พูดอย่างโกรธเคือง ท่าทางราวกับ้าจะกลืนกินผู้คนทั้งเป็ “ข้าไม่้าให้เขาคืนผลึกเทียนเสวียนหนึ่งพันก้อน! ปลอมแปลงต้นฉบับของปรมาจารย์อี้ซี ยังกล้าเอาออกมาเพื่อหลอกลวงและทำลายชื่อเสียงของปรมาจารย์ ต้องโทษปะา!!!” ขณะที่พูด เขาหิ้วเ้าของร้านที่โซซัดโซเซอยู่ในมือ ้าหาใครสักคนเพื่อประเมิน “ไป!”
“ไม่ ไม่ ไม่...” ภายใต้แรงกดดันทางจิตใจ เพียงครู่หนึ่งเ้าของร้านจึงเปิดเผยความลับ ร้องขอการอภัยอย่างต่อเนื่อง “คุณชาย คุณชาย...ท่านปู่ ท่านปู่! ข้าจะคืนผลึกเทียนเสวียนหนึ่งพันก้อนให้ท่าน แล้วมอบอาวุธวิเศษของข้าให้ท่านได้หรือไม่? อาวุธวิเศษนี้หลอมจากิญญาของสัตว์ปีศาจาาแมลงพิษที่เพิ่งหลอมออกมาเมื่อหลายวันก่อนจากสนามประลองเทียนเต้าเหอในปรโลก...มีมูลค่ามหาศาล พบเจอได้แต่เรียกร้องไม่ได้! ท่านปู่ละเว้นข้าในครั้งนี้เถิด...”
อี้จื่ออีกล่าวอย่างทอดถอนใจที่ข้างหูของเจียงเฉิงเยว่ “ร้านนี้ไม่มีความจริงออกจากปากแม้แต่คำเดียว...เฮ้อ”
เจียงเฉิงเยว่เริ่มสนใจ เขาเลิกคิ้วถามด้วยเสียงต่ำ “มีเื่อะไรอีกหรือ?”
อี้จื่ออีกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ิญญาของสัตว์ปีศาจาาแมลงพิษที่ผลิตในสนามประลองเทียนเต้าเหอเป็วัสดุที่มีคุณสมบัติระดับสูงสุดในการหลอมอาวุธวิเศษในสามโลก มีราคาสูงแต่ไม่มีในตลาด...โดยปกติหากยังไม่ได้ผลิตจะถูกลิ่งชิว ซึ่งเป็ ‘ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในการหลอมอาวุธวิเศษแห่งสามโลก’ สั่งจองไว้ แทบจะไม่เผยสู่ภายนอก...นี่ไม่ใช่การหลอกลวงถึงแปดสิบส่วนอีกหรืออย่างไร?”
เจียงเฉิงเยว่ยังไม่ทันได้แสดงความคิดเห็นใด เขาเห็นเผ่าปีศาจผู้หนึ่งที่แต่งตัวเหมือนกับลูกน้องที่คุณชายผู้นั้นพามารีบวิ่งมาจากที่ไกลแล้วเผยความกระวนกระวาย จากนั้นรีบวิ่งไปกระซิบที่ข้างหูของคุณชายผู้นั้นสองสามประโยค
ขณะนี้ คุณชายผู้นั้นหยุดการเคลื่อนไหวในมือเช่นกัน จากนั้นเงียบไปครู่หนึ่งจึงพูดตอบคนผู้นั้นอย่างไม่เชื่อถือ “เ้าแน่ใจหรือ? เป็เ้าเด็กหน้าขาวแซ่หลิ่ว ‘ตัว’ นั้น เขามาทำอะไรที่นี่?”
ลูกน้องรีบบอก “คุณชาย สิ่งสำคัญในตอนนี้ไม่ใช่คนแซ่หลิ่วมาทำอะไรในตลาดผี แต่อยู่ที่...หากถูกเขาหรือลูกน้องของเขาจำท่านได้ แล้วเื่ไปถึงหูนายท่านละก็...”
คุณชายผู้นั้นเปลี่ยนสีหน้าในทันที จากนั้นโยนเ้าของร้านในมือที่น้ำหูน้ำตาไหลอย่างโกรธเคืองและจนปัญญา “นับว่าเ้าโชคดี!” พูดจบก็วิ่งหนีไปพร้อมกับลูกน้องด้วยความตื่นตระหนก ท่าทางนั้นราวกับว่าจะถูกจับในข้อหาก่ออาชญากรรม แตกต่างจากใบหน้าเย่อหยิ่งที่ข่มเหงก่อนหน้านี้กับความไม่เป็ธรรมและไร้ซึ่งความกลัวต่อฟ้าดิน
เจียงเฉิงเยว่มองแผ่นหลังของคนผู้นั้นอย่างครุ่นคิด เ้าของร้านได้ชีวิตกลับคืนมา อีกฝ่ายร้องไห้พลางประคองผู้ช่วยขึ้นมา ก่อนเริ่มเก็บกวาดความวุ่นวายพลางยอมรับว่าโชคไม่ดีกับตนเอง เมื่อคนสัญจรเห็นว่าไม่มีความครึกครื้นให้ดูแล้วต่างก็แยกย้ายกันไป
ผู้ช่วยคนนั้นหยิบป้ายร้านขึ้นมา พูดพร้อมถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม ยังคงร้องไห้ “น่าสงสารที่ไม่มีใครดูแลพวกเราในแดนเหนือของปรโลกได้ ในปีนั้นเ้าเมืองอี้หลียังอยู่ เมืองปี่อั้นอยู่ใกล้กับเมืองอี้หลีเช่นนี้ จึงไม่มีใครกล้ากำเริบเสิบสานในตลาดผีของเมืองปี่อั้นเฉกเช่นวันนี้!”
เ้าของร้านพูดต่อ “ฉิงชางจวินช่างน่าผิดหวัง ทำเื่ไม่ดีจนฝ่าฝืนกฎของ์...จะทำอย่างไรได้เล่า?”
เจียงเฉิงเยว่กับอี้จื่ออีที่อยู่ข้างๆ ต่างกลืนไม่เข้าคลายไม่ออก
------------------------
[1] เข้าไปได้แต่ออกไม่ได้ เป็การอุปมา หมายถึง กอบโกยทรัพย์จากทั่วทิศทางโดยที่ไม่รั่วไหลออก
[2] เก็บมือไว้ในแขนเสื้อ เป็การอุปมา หมายถึง รับชมอยู่ด้านข้างโดยไม่มีความเกี่ยวข้อง
[3] ยกมือที่สูงส่ง เป็สำนวน หมายถึง ขอร้องให้อภัย
[4] ปู่เ้า หมายถึง สรรพนามเรียกตัวเองในเชิงยกตน เหยียดหยามอีกฝ่าย
[5] หมวกซาเม่า หมายถึง หมวกขุนนาง
