เช้าตรู่ของวันเสาร์ท้องฟ้ายังไม่ทันสว่างดีนัก แต่ลำแสงสีขาวเรื่อๆ ก็เริ่มแทรกตัวผ่านกลุ่มหมอกบางที่ลอยปกคลุมแนวไผ่ในตำบลซั่งจิ่งแล้ว
ภายในบ้านดินหลังกะทัดรัด เสียงขยับตัวดังขึ้นเงียบๆ หลินเซี่ยน ลุกขึ้นจากฟูกนอน เธอคลุมไหล่ด้วยผ้าห่มผืนบาง ขยับเท้าเบาๆ ออกมาที่ชานหน้าบ้าน ขณะที่ลมเช้าตีเข้าหน้าเธอจนรู้สึกเย็นเฉียบ เธอวางตะกร้าสานที่ใส่กล่องสมุนไพรแห้งและชาเย็นลงบนโต๊ะไม้ แล้วยืดแขนสูดลมหายใจเข้าปอดลึก “วันนี้แหละ...ต้องขายให้ได้!”
เมื่อเดินกลับเข้าไปในบ้าน หานซิ่วเหมยก็เตรียมอาหารเช้าเสร็จพอดี กลิ่นข้าวสวยหุงใหม่ลอยคลุ้ง
“ตื่นเช้าจริง เซี่ยนเอ๋อร์...” หานซิ่วเหมยเอ่ยเบาๆ พร้อมวางช้อนลง
“วันนี้จะไปตลาดตำบลซ่างซีค่ะ จะลองตั้งแผงขายของนั่น” เด็กหญิงตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
อาเฟยเดินออกจากห้องพัก สวมเสื้อผ้าเดิมที่ซักสะอาดแล้ว
“ให้ฉันไปด้วยไหม?”เขาถาม
“ถ้าไหวก็ไปเถอะค่ะพี่ใหญ่ ช่วยฉันแบกของหน่อย”
“เฮ้! ผมขอไปด้วย!”เสี่ยวซานวิ่งออกมาพร้อมสะพายกระเป๋าผ้าที่หานซื่อเพิ่งเย็บให้ใหม่
“ผมจะไปช่วยพี่ขายของ!”
เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นในบ้านที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น
เมื่อกินอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย หลินเซี่ยนก็จัดของลงตะกร้าสานใบเก่าที่น้าชายช่วยซ่อมขอบให้ใหม่เมื่อคืน
“วันนี้เราจะเดินไปตลาดตำบลซ่างซีใช่ไหมพี่?” เสี่ยวซานเอ่ยถามพร้อมคว้าหมวกสานที่หานซื่อสานไว้ใช้กันแดด
หลินเซี่ยนพยักหน้า “ใช่จ้ะ ตลาดเปิดแค่่เช้าวันเสาร์ เราต้องรีบไปก่อนที่แผงจะเต็ม”
ตำบลซ่างซีอยู่ถัดจากตำบลซั่งจิ่งออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เดินเท้าราวหนึ่งชั่วโมงตามทางลูกรังที่ตัดผ่านทุ่งนาและแนวไม้ไผ่ หากขี่จักรยานจะเร็วขึ้นครึ่งหนึ่ง แต่บ้านน้าชายไม่มีแม้กระทั่งรถลาก จักรยานยังเป็ของแพงสำหรับชาวบ้านทั่วไปในยุคนี้ ในความทรงจำเก่าๆจากร่างนี้บอกว่าเธอนั้นเคยไปที่ตลาดตำบลซ่างซีอยู่ 2-3 ครั้ง ตอนที่แม่กลับมาเยี่ยมบ้านตายาย
ตลาดตำบลซ่างซีเป็ตลาดประจำสัปดาห์ที่ใหญ่ที่สุดในละแวกนี้ พ่อค้าแม่ค้าจากหมู่บ้านรอบๆ ต่างมาวางขายสินค้าั้แ่ฟ้ายังไม่สว่าง มีทั้งผักสด ของป่า ไข่ไก่ ไม้ไผ่จักสาน ยันเสื้อผ้ามือสองจากเขตเมือง
“โชคดีที่มีพี่ใหญ่ช่วยแบกของนะ”หลินเซี่ยนกล่าว พลางยิ้มให้เด็กหนุ่มที่เดินตามหลังอย่างเงียบๆ พร้ะกร้าชาสมุนไพรในมือ
“อีกหน่อยเราคงต้องทำป้ายร้านเองแล้วล่ะ ถ้าจะไปขายบ่อยๆ” เสี่ยวซานพูดเสนอความคิดขึ้น
“ชื่อร้าน ‘ชาหอมหมื่นลี้’ เป็ไง?” หลินเซี่ยนหัวเราะเบาๆ
ทุกคนพากันเดินบนทางลูกรังฝุ่นแดง ฝ่าสายลมยามเช้าเย็นจัด แต่หัวใจกลับอบอุ่นเหมือนดวงอาทิตย์ที่ค่อยๆ โผล่พ้นยอดไผ่
ตลาดเช้าตำบลซ่างซีเป็ตลาดกลางแจ้ง มีหลังคาสังกะสีตอกไม้ไผ่ให้พอหลบแดดได้ บรรยากาศคึกคักด้วยชาวบ้านที่นำผัก ผลไม้ ไข่ไก่ ของป่า และเสื้อผ้าเก่ามาขายกันั้แ่ฟ้ายังไม่สาง หลินเซี่ยนกับอาเฟยและน้องชายเดินตามถนนดินที่ลูกรังจนฝุ่นเกาะรองเท้า แบกตะกร้าสานและกระติกน้ำชาไม้ไผ่ เธอเลือกพื้นที่ใต้ต้นฉำฉาใกล้ทางเข้าตลาด วางผ้าขาวบางคลุมพื้น จากนั้นจัดการวางตะกร้าสินค้าต่างๆอย่างเป็ระเบียบ
“ต้องเริ่มจากการเรียกลูกค้า” หลินเซี่ยนบอกตัวเองในใจ ก่อนจะะโเสียงใส
“ชาสมุนไพรแห้งจ้า! ดื่มง่าย สบายท้อง มีเก๋ากี้ ขิง ดอกเก๊กฮวย หญ้าหวาน!”
เสียงยังไม่ทันจาง หญิงชราร่างท้วมก็เดินเข้ามาหยุดหน้าตะกร้า
“แม่หนู...นี่มันชาอะไรกัน?”
หลินเซี่ยนรีบลุกขึ้นยืน ทักทายหญิงชราด้วยน้ำเสียงสดใส
“สวัสดีค่ะคุณย่า ลองดมกลิ่นดูได้นะคะ นี่เป็ชาสมุนไพรที่ช่วยให้หลับสบาย บำรุงสายตา ดื่มตอนกลางคืนดีมากค่ะ”
หญิงชราก้มดมกลิ่นจากห่อไผ่
“อืม...กลิ่นดีนะ หนูทำเองหรือ?”
“ค่ะ หนูจัดชุดเองค่ะ สมุนไพรปลอดสารเคมี ปลูกเองหลังบ้านค่ะคุณย่า”
หญิงชราหยิบห่อชาขึ้นพิจารณา
“เท่าไหร่?”
“ห่อละ 2 หยวนค่ะ ถ้าซื้อ 3 ห่อ หนูคิดให้ 5 หยวน!”
“แหม ขายเก่งไม่เบานะแม่หนู” หญิงชราหัวเราะในลำคอ แล้วหยิบเงินออกมา 5 หยวน
“ขอลองก่อน 3 ห่อ”
“ขอบคุณค่ะคุณย่า!” หลินเซี่ยนยกยิ้มอย่างดีใจ ก่อนจะรีบส่งห่อชาให้กับคุณย่าผู้ใจดี
สายลมเย็นๆ พัดผ่านเงาไม้ พ่อค้าแม่ค้ารอบข้างเริ่มหันมาสนใจเด็กหญิงกับชาในห่อไผ่เล็กๆ
อาเฟยนั่งอยู่หลังร้าน คอยเติมน้ำชาเย็นที่ต้มจากสมุนไพรสดในกระติกไผ่ ลูกค้าบางคนแวะมาขอลองชิม
“ชาเย็นต้มจากสมุนไพรหอมๆ แก้วเล็ก 50 เฟิน ขวดใหญ่หยวนเดียวครับ!”
เสียงเสี่ยวซานะโเรียกลูกค้าไม่หยุด จนเริ่มมีเด็กนักเรียนกับหญิงชาวบ้านแวะมาซื้อแบบไม่ขาดสาย
“ไอ้หนู! เอาแบบเย็นแก้วหนึ่งสิ!” ชายคนงานพูดพลางหยิบเหรียญส่งให้
“ได้เลยครับ!” เสี่ยวซานยื่นแก้วไม้ไผ่เย็นฉ่ำส่งให้
ในเวลาไม่ถึงสองชั่วยาม ชุดชาแห้งที่จัดไว้ 15 ชุดถูกขายออกทั้งหมด ส่วนชาสมุนไพรเย็นเหลือเพียง 3 ขวด หลินเซี่ยนเปิดถุงผ้าหยิบเงินออกมานับ
“รวมทั้งหมด...สี่สิบเก้าหยวน!”
“เกินเป้าหมายทั้งเดือนแล้วนะพี่!” เสี่ยวซานดีใจ เมื่อเช้าพี่สาวบอกเขาว่าขอแค่ขายได้สัก 5 ชุด เธอก็พอใจแล้ว แต่นี่พวกเขากลับขายหมดในคราวเดียว
“เรายังมีเวลาอีกสามสัปดาห์ ถ้าทำขายแบบนี้ต่อไปได้ทุกวันเสาร์..นั่นหมายถึงรายได้ตรงส่วนนี้จะทำให้เรามีเงิน สำหรับใช้จ่ายทั้งเดือนแน่!” เธอกำมือแน่น
ระหว่างขากลับ อาเฟยถามเสียงเบา “นี่เธอ...คิดสูตรพวกนี้ได้ยังไง?”
“ชาติที่แล้ว...ตอนเด็กๆฉันเคยช่วยงานในร้านขายชาสมุนไพร เ้าของร้านเป็คนเคร่งครัดมาก สัดส่วนชาทุกอย่างต้องชั่งอย่างแม่นยำ เพราะแบบนี้ฉันเลยได้เรียนรู้เกี่ยวกับชาเยอะเลย”เธอตอบโดยไม่ทันคิด
อาเฟยหันมามองหน้าเธอ “ชาติที่แล้ว?”
หลินเซี่ยนชะงัก “เอ่อ...เปล่าๆ หมายถึงในฝัน ฉันฝันว่าเคยทำมาก่อน...ฝันนั้นเหมือนจริงมากเลยค่ะ”เธอตัดสินใจโกหกหน้าตาย ตีหน้าใสซื่อใส่อาเฟยซะเลย
เขาไม่ซักถามต่อ แค่พยักหน้าเบาๆ “ก็เหมาะกับเธอแล้ว...ธุรกิจแบบนี้น่ะ”
เมื่อกลับถึงบ้าน หานซิ่วเหมยเห็นถุงเงินที่ลูกสาวถือไว้ก็ยิ้มออก
“ขายได้เยอะขนาดนี้เลยเหรอลูก?”
“ค่ะ ได้เกินเป้าที่ตั้งไว้ด้วย แม่คะ ถ้าเราลองทำโจ๊กสมุนไพรขายตอนเช้าเสริมอีกอย่างดีไหมคะ?”
หานชิ่งเจี๋ยที่กำลังตัดไม้ไผ่พยักหน้าเห็นด้วย “ถ้าไปตั้งแผงใกล้หน้าวัดตอนเช้า อาจขายดีนะ”
“งั้นเราต้องตื่นั้แ่ตีห้า…” เสี่ยวซานหาวหวอด
“ผมจะไหวไหมเนี่ย…”
“ถ้าได้เงินเยอะๆก่อนสิ้นเดือน จะซื้อหนังสือเรียนเล่มใหม่ให้เสี่ยวซานด้วย!” หลินเซี่ยนยื่นนิ้วก้อยไป
“ตกลง!” เสี่ยวซานเกี่ยวก้อยทันที
คืนนั้น หลังอาหารค่ำ หลินเซี่ยนเดินออกมายังลานดินหน้าบ้าน ชะเง้อมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดาวระยิบ ชีวิตใหม่ของเธอเริ่มต้นจากบ้านหลังนี้จริง ๆ
“พรุ่งนี้ต้องวางแผนต่อ…” เธอกระซิบเบา ๆ
“ถ้าหาได้เกินเป้าอีก...อาจจะซื้อสมุดใหม่กับมีดทำครัวให้แม่ด้วย”
จากมุมหนึ่งในบ้าน อาเฟยมองออกมายังร่างเด็กหญิงที่ยืนอยู่ใต้เงาไผ่ เขาไม่รู้ว่าเธอเป็ใคร หรือเขาเองเป็ใครมาก่อน...แต่ในยามนี้ เธอคือแสงสว่างเดียวที่เขามองเห็น คือคนที่เขาอยากจะปกป้อง อยากเห็นเธอประสบความสำเร็จ ได้ขายของ ได้หาเงิน ได้สานฝันเล็กๆ ของเธอให้กลายเป็จริง เพราะในโลกที่เขาจำอะไรไม่ได้เลยนั้น เด็กหญิงคนนี้...คือสิ่งเดียวที่จับต้องได้จริง ในหัวใจของเขา
“หลินเซี่ยน…” เขาเอ่ยเบาๆ แล้วกลับไปจัดระเบียบกระปุกสมุนไพรอย่างเงียบๆ