“บ่าวรับใช้ช่วยข้าเตรียมวัตถุดิบ ข้าจดลงกระดาษ ส่งให้พวกเขาก่อนที่ข้าจะเข้ามา เื่ฝีมือการทำอาหาร ข้าเรียนรู้มาจากตำราที่ท่านไปฟ้องแม่ทัพเจี้ยน...” นางเข่นเขี้ยวขู่อดีตคนรัก เมื่อเขาคาบข่าวไปบอกแม่ทัพอสรพิษ นางไม่คิดว่าตนจะโดนแทงข้างหลัง
จางหลิวอวี้คิดว่าตนได้คืนดีกับนางแล้วคงไม่ถือสา หันไปสนใจตะกร้าไม้ไผ่ลายผลท้อคาดด้วยสีชาด มีถึงหกชั้นต่างจากตะกร้าอื่น
“อ้อ... แล้วนี่อะไร? ของใครหรือ?”
“ต้มปลาอบฝางเฟิง[1] ต้านเชื้อโรค ขับลมร้อนขับเหงื่อ เหมาะสำหรับผู้พักฟื้นที่มีอาการาเ็ โลหิตไหล แต่ไม่เป็อะไรก็กินได้ การกินอาหารเป็ยา บำรุงร่างกายดี”
“ดูน่ากินกว่าจานอื่น...”
หญิงสาวพยักหน้าเบา ๆ ตอบ “เ้าค่ะ แม่ทัพเจี้ยนหยู่มีภาวะพร่องธาตุหยาง ร่างกายของเขาหยินหยางไม่สมดุล มีหยินมากกว่าหยางเพราะเป็ครึ่งปีศาจ ควรเลือกอาหารและยาให้เหมาะสม ต่อไปนี้ข้าจำต้องพิถีพิถันในการทำอาหารทุกประเภท”
“เ้าว่าไม่ป่วยก็กินได้...” เขาเลิกคิ้วขึ้นถาม แม่ครัวก็เปิดฝาครอบไม้ให้ดูอย่างภูมิใจ ปลาตัวใหญ่หน้าตาน่ารับประทาน กลิ่นหอมอบอวล
“นี่เป็ส่วนของเขา ข้าทำให้เขา จะกินไม่กิน เป็เื่ของเขา ของท่านเป็อีกตะกร้า” นางยัดเยียดตะกร้าไม้ไผ่ ผลักไปข้างมือหนา ผู้ตรวจการหนุ่มก้มมองตะกร้าไม้สะอาดที่มีควันลอยฉุย แม้ใหญ่กว่า กลับไม่พิถีพิถันเท่าของท่านแม่ทัพ
“ข้าอบหมั่นโถวเผื่อตระกูลจางได้ชิมกัน จะมาหาว่าข้าทำอาหารไม่เป็สักอย่าง ต้มเป็แต่ยาไม่ได้”
“เยว่ฉี...” เสียงเข้มเรียกนางให้จ้องลึกเข้าไปในแววตาน้อยเนื้อต่ำใจ ความรู้สึกเคียดแค้นเกลียดชังสุมเต็มอกบุรุษ “ข้ารู้ว่าเ้ามีใจให้แม่ทัพเจี้ยนหยู่ เ้าปันใจให้ชายอื่น เ้าทรยศข้า เ้าเพียงไม่กล้าพูดมันออกมา”
เหม่ยฉีไม่ทันอ้าปากเถียงคุณชาย ปลายนิ้วเรียวยาวชี้ตะกร้าอาหาร
“แม่ทัพเจี้ยนหยู่กินคนเดียวมีตั้งหกชั้น ลวดลายตะกร้านี่ก็แตกต่างกันมาก ของข้าเป็ตะกร้าไม้ไผ่ ของเขาทำจากไม้อย่างดี วาดด้วยพู่กันฝีมือเ้า เหมือนเ้าไม่ไว้หน้าบ้านข้าเลย”
หญิงสาวกัดริมฝีปาก เมื่ออดีตคนรักเฝ้ารอคำตอบของนาง ทำไมนางจึงวาดปักษาหน้าตาน่ารัก ปาดพู่กันเขียนชื่อแม่ทัพเจี้ยนหยู่อย่างที่เขาว่า...
“แม่ทัพเจี้ยนใช้พละกำลังเป็กิจวัตร ทั้งจับดาบออกรบ ทั้งเคี่ยวกรำทหาร บุรุษร่างสูงใหญ่รูปร่างกำยำปานนี้จะให้กินข้าวหยิบมือเดียวอย่างนั้นหรือ?”
“เ้าลำเอียง”
“ใช่... ข้าลำเอียง แล้วข้าจะวาดเขียนอะไรบนตะกร้าอาหารมันก็เื่ของข้า” ในแววตาเด็ดขาด อีกฝ่ายคงได้ข้อสรุปในกิริยาหมางเมินของนางแล้ว
บุรุษร่างสูงสง่าเดินกระฟัดกระเฟียดออกจากโรงครัว เรียกบ่าวรับใช้ให้เป็ธุระถือของ รับน้ำใจจากคุณหนูรอง นำอาหารไปให้ตระกูลจางด้วย
ส่วนผู้ถูกทิ้งไว้ข้างหลังถอนหายใจหนัก ปาดเหงื่อเปียกชื้นบนหน้าผาก
รู้งี้น่าจะติดพาราเซตามอลมาสักกระปุก แก้ปวดหัวเื่หนุ่ม ๆ คุณหนูรอง ไม่รู้มีปัญหาอะไรกับนางนักหนา
คอยดูเถอะ! รังควานนางมาก ๆ เข้า นางจะกอดคานเป็แม่เฒ่าเฝ้าเรือนหมอยา ไม่ก็หนีขึ้นเขาไปบวชชี!
“ก่อนหน้านี้ท่านพูดจาทำร้ายจิตใจนาง มีเื่บาดหมางกันหรือไม่? ข้าได้ยินจากบ่าวรับใช้ว่าท่านไม่มาพบหน้านางหลายวัน นางขลุกอยู่แต่ในโรงปรุงยา ฝากอาหารและยาผ่านทหารคนสนิทไปถึงท่าน”
“ท่านถามข้า?” แม่ทัพใหญ่เลิกคิ้วขึ้น เบือนหน้าไปทางประตูบานใหญ่ในห้องรับรองแขกฝั่งเรือนรับรองกว้างขวาง เขาสวมชุดสีเงินสง่าคลุมทับด้วยเสื้อขนสัตว์หนา ลุกขึ้นยืนถัดจากเก้าอี้ท่านผู้ตรวจการ เอามือไพล่กันไว้ข้างหลัง “ลองถามตัวท่านเองดีกว่า ท่านพึ่งจะมาพบนางในโรงครัวเมื่อวันก่อนมิใช่หรือ?”
“ข้าต่างหากที่ต้องถามท่านทั้งสอง ข้าล่ะอยากรู้จริง ๆ ว่าพวกท่าน... ไยหักหลังข้าอย่างเืเย็น!”
“อืม... เืข้าก็เย็นอยู่ ยังมีพิษร้ายแรง”
เจี้ยนหยู่แยกเขี้ยวอสรพิษ ชายร่างสูงสง่าชำเลืองมองเขาอย่างอาฆาตแค้น
บ่าวรับใช้พูดลับหลังเ้านายว่าท่านผู้ตรวจการกำลังจะออกเดินทางไปต่างแคว้น ถือโอกาสมาพบคุณหนูรอง ทว่านางออกไปซื้อสมุนไพรในตลาด คลาดกันกับเขาซึ่งกลับมาจากงานสังสรรค์เมามายเพียงนิดเดียว
ทางด้านแม่ทัพเจี้ยนหยู่ตั้งใจมาพบนางด้วยเหตุผลอะไรไม่รู้ได้ ทว่าบุรุษร่างสูงกำยำ อกผายไหล่ผึ่ง ดูมีสกุลรุนชาติกว่าคุณชายขี้เมาในชุดสีดำสนิท กลิ่นสุราคละคลุ้งไปทั่ว ยิ่งมายืนค้ำหน้ากันทั้งในเรือนผมสีเงินสง่าเช่นนี้ ท่านผู้ตรวจการถึงรูปงามเท่าไร คงได้ตกกระป๋องในอีกไม่ช้า
“ั้แ่เลิกราจากคนรัก มีเพียงมิตรสหายกับขวดสุราประโลมใจ นานวันเข้าคงยากปฏิเสธ ข้าดีใจด้วย ในที่สุดท่านก็ได้เลื่อนขั้นจากผู้ตรวจการกลายเป็ไอ้ขี้เมาท้ายตลาด คุณหนูเยว่คงชายตาแลคุณชายหรอกกระมัง”
“ท่านแม่ทัพไม่ใช่มนุษย์ด้วยซ้ำไป ไม่ควรยุ่งเื่ระหว่างชายหญิง เื่ของมนุษย์ อย่างไรเสียปีศาจเช่นท่านก็ไม่มีวันเข้าใจ”
“ข้าคงไม่ยุ่ง”
“ฮึ! ไม่ยุ่ง ไม่ควรยิงศรลับหลังยามที่ข้าเดินทางไกล ข้าจะได้ตามง้อนางง่ายขึ้น นางกำลังอ่อนไหว ข้าเห็นแววตาที่นางมองข้า นางมีเยื่อใย ตอนนี้นางยอมพบหน้าข้า นางทำอาหารให้ท่านอาหญิงของข้าที่กำลังตั้งครรภ์ นางอบหมั่นโถวให้ตระกูลจางได้ชิมกันถ้วนหน้าด้วย”
จางหลิวอวี้คิดเข้าข้างตน หากไม่มีแม่ทัพผู้นี้แล้วนางคงเหมือนเปลวเทียนต้องลม นางผูกพันกับเขา เคยมี่เวลาแสนหวานร่วมกัน
ยามอู่[2]นี้เหมันต์ยังไม่สิ้นสุดลง ลมหนาวพัดผ่านในเรือนรับรองแขก เตาผิงไฟทำให้หิมะเหลวละลาย อบอุ่นขึ้นสักเล็กน้อย ผู้คนหายใจเป็ไอควัน
ทั้งแขกในชุดสีเงินสง่า ในชุดนิล บ่าวรับใช้สวมชุดขนสัตว์หนา ต่างคนรอการกลับมาของคุณหนูรอง ไม่รู้ว่าแขกทั้งสองเจรจากันอย่างไร จึงกลับเข้าเื่ชาติกำเนิดของแม่ทัพเจี้ยนหยู่
“...ไม่ใช่ว่าท่านลืมกำพืดของข้าไปเสียแล้ว เลยมาพาหาเื่ข้า ใครเขาก็รู้กันทั่วทั้งเมืองว่าข้าเป็ครึ่งปีศาจ ไม่ใช่เื่แปลกใหม่อันใด”
“ท่านไม่เคยไว้หน้าตระกูลจาง นางทำอาหารให้ท่านทุกวัน ตะกร้าใหญ่โตราวจะกินกันทั้งกองทัพ ข้าได้แค่อาทิตย์ละตะกร้า หมั่นโถวไม่ถึงสิบลูก”
“ไหนท่านว่านางมีเยื่อใย นางรักท่านมากมายนัก ทำไมข้าจึงได้ของดีกว่า?”
ท่าทางเอียงคอถาม ยั่วโทสะอีกฝ่ายเป็อย่างมาก ถึงแม้ว่าแม่ทัพใหญ่เพียงปรารถนาความสุขของเยว่ฉี ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง จึงเติมเชื้อไฟริษยาอย่างมุ่งมั่นตั้งใจ สองหนุ่มสาวจะได้เก็บเกี่ยว่เวลาแห่งความสุขในภายหลัง
ทว่าบุรุษโต้เถียงกันเหมือนสตรีปากคอจัดจ้าน บ่าวรับใช้หรือแม้แต่ทหารเฝ้าเรือนหมอหลวงล้วนได้ยิน กระทั่งเสียงฝีเท้าอีกคู่หนึ่งกระทบบนพื้นไม้ บ่าวรับใช้ฝั่งคุณชายท่าทางกล้า ๆ กลัว ๆ ก้มหน้ามาขัดจังหวะ
“ประทานโทษขอรับคุณชาย สายกว่านี้ อากาศหนาวเย็น การเดินทางจะยิ่งล่าช้า”
“งั้นก็รีบไป!” จางหลิวอวี้เสียงดัง จ้องหน้าแม่ทัพใหญ่อย่างเอาเื่ เมื่อภาระหน้าที่สำคัญกว่า เขาไม่สามารถนั่งรอสตรีแล้วละทิ้งการงานได้
“มีงานให้ทำก็ไปทำ รีบไปรีบกลับเถิด หัวใจสตรีอ่อนไหว ดั่งลมพัดใบไม้ปลิว ชั่วข้ามคืนเป็อื่น”
“ข้าจะรีบกลับมา!”
“ฮ่า ๆ” เสียงหัวเราะดังไปทั่ว แม่ทัพใหญ่ฉีกยิ้มกว้างจนมองเห็นเขี้ยวคมตรงมุมปาก
ผู้ตรวจการปิดพัดดังฉับ! กระแทกเท้าเดินฝ่าหิมะ หลังเรียกบ่าวรับใช้ให้เป็ธุระนำไปส่งมอบ เขาฝากจดหมายไว้ให้เยว่ฉีหนึ่งฉบับอย่างที่เคยทำระหว่างเดินทางไกล
รอบนี้เดินทางร่วมเดือน ได้เพียงหวังว่านางจะหยิบจดหมายขึ้นมาอ่านยามคิดถึง
-------------
[1] ห่วงฮง 防风 ฝางเฟิง
[2] 午:wǔ 11.00 – 13.00 น.
