คำพูดของเฉินเซียงทำให้เว่ยซูหานตะลึงงันไปชั่วครู่ก่อนจะเข้าใจขึ้นมา เขาพยักหน้าและผลักประตูเข้าไป
ตอนที่เว่ยซูหานเดินเข้าประตูมา แค่ได้ยินเสียงฝีเท้าเหยียนชิงก็รู้แล้ว เขาตั้งใจไม่หันหลังกลับไปและอ่านหนังสือต่อที่โต๊ะ
“ชิงเอ๋อร์”
เว่ยซูหานวางกล่องอาหารลง จากนั้นก็ใส่ถ่านสองก้อนเข้าไปในเตา ก่อนจะนั่งลงข้างๆ เขาด้วยรอยยิ้ม ไม่สนใจการขัดขืนของอีกฝ่าย เขากอดคนคนนั้นจากด้านหลังแล้วดึงเข้ามากอด
“ชิงเอ๋อร์ อย่าโกรธไปเลย หืม?”
เหยียนชิงจ้องไปที่หนังสือในมือโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามอง “ข้าบอกเ้าแล้วว่าไม่ให้มารบกวนไม่ใช่หรือ? เฉินเซียงไม่ได้บอกเ้ารึไง?”
เื่ร้ายแรงขนาดนี้ไม่โกรธก็บ้าแล้ว
เว่ยซูหานจุมพิตที่ลำคอของเขา
“บอกแล้ว แต่ข้าไม่เชื่อฟัง เมื่อคืนนี้ ข้านอนไม่หลับหากเ้าไม่ได้อยู่ข้างกายข้า ตอนกลางวันข้าทำงานก็ไม่ค่อยมีกำลังใจ ่นี้ข้ายุ่งจนเกินไป จนทำให้เ้าอารมณ์ไม่ดี ขอโทษด้วย”
ไม่ว่าใครจะบอกเหยียนชิงเื่การลอบสังหารเขา แต่เื่นี้ก็ไม่สามารถปิดบังได้อีกต่อไป
เหยียนชิงกัดริมฝีปากไม่พูดอะไร หลายวันมานี้เขานอนไม่หลับ เื่นี้เหมือนหนามแหลมทิ่มแทงในใจเขาตลอดเวลา
“ชิงเอ๋อร์..." เว่ยซูหานหยิบหนังสือไปจากมือเขา “อย่าโกรธไปเลย ได้หรือไม่? มีบางอย่างที่ข้าไม่ได้บอกเ้า เพราะข้าไม่อยากให้เ้ากังวล”
ในที่สุดเหยียนชิงก็หันกลับมามองเขาด้วยสายตาดุดัน
“แล้วเ้าเคยคิดบ้างหรือไม่ว่าข้าจะกังวลมากกว่านี้ถ้าเ้าไม่บอกข้า? เื่ชีวิตและความปลอดภัยของเ้า เ้ากลับปิดบังข้า เ้าเคยคิดบ้างหรือไม่?”
พอได้ยินจิงโม่พูด เขาก็กลัวจนเหงื่อแตกพลั่ก หากไม่ใช่เพราะส่งจิงโม่ไปปกป้องเว่ยซูหาน ผลที่ตามมาคงยากจะจินตนาการได้ พลังของนักล่าของเจิ้นนั้นไม่ใช่เื่เล่นๆ
เว่ยซูหานก้มหน้าลงบนไหล่ของเขา สองมือประคองหลังเขาไว้ “ข้าสำนึกผิดแล้ว ชิงเอ๋อร์ ข้าขอโทษ”
เหยียนชิงยังคงโกรธ
“สิ่งที่ข้า้าไม่ใช่คำขอโทษ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเ้า คำขอโทษจะมีประโยชน์อะไร? เ้าต้องบอกข้ามาทุกอย่าง!”
เขาเป็ห่วงจริงๆ พอนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเว่ยซูหานก็ทำให้เขานอนไม่หลับ เขาไม่อยากคิดว่าแม้แต่คนรักก็ปกป้องไม่ได้
เว่ยซูหานเห็นเขาโกรธก็เถียงไม่ขึ้น
“ข้าขอโทษ ข้าเองก็ไม่ได้คิดถึงเื่นี้ ข้าแค่ไม่อยากให้เ้ากังวล ยังไงเื่นี้ก็ผ่านไปแล้ว ขอโทษนะ...”
“ผ่านไปแล้ว? ฮึ่ม ถ้าจิงโม่ไม่ได้ช่วยเ้าไว้ เ้าอาจจะไม่ได้กลับมาอีก เ้ารู้หรือไม่? คิดว่าเจิ้นจะพลาดง่ายขนาดนั้นเลยหรือ? เื่แบบนี้เ้าควรกลับมาเล่าให้ข้าฟัง วันหลังพวกเราต้องคิดหาวิธีรับมือให้ดี...”
เหยียนชิงร้อนใจ พูดไปก็ขอบตาแดงก่ำ สองมือจับคอเสื้อของอีกฝ่าย อ้าปากกัดคออีกฝ่ายจนได้กลิ่นเืจึงคลายออก คนที่ถูกเจิ้นมุ่งเป้า ก็เท่ากับชื่อถูกขีดฆ่าในสมุดความเป็ความตายแล้ว ตอนนี้เ้าตัวโชคดีรับมือได้ แต่ก็ยากจะรับประกันว่าผู้ว่าจ้างคนนั้นจะไม่ไปหาสำนักอื่นมาลอบฆ่าอีก เื่แบบนี้ไม่อาจลดความระแวดระวังได้จนกว่าจะรู้ว่าใครคือคนบงการ!
“ขอโทษ...”
เว่ยซูหานกัดฟันแน่นอย่างปวดใจ แต่ในขณะเดียวกันก็จับจุดสำคัญในคำพูดของเขาไว้ได้
“จิงโม่คือใคร?”
ทำไมเขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน? คนที่ตามออกไปนอกจวนก็ไม่มี องครักษ์เงาของตระกูลเหยียนตั้งชื่อเหยียนแล้วตามด้วยอีเอ้อร์ซานซื่ออู่ลิ่วชี ไม่มีชื่อจิงโม่
"..." เหยียนชิงได้ยินเขาถามถึงรู้ว่าตัวเองหลุดปากไปเพราะความตื่นเต้นเขาจึงกัดริมฝีปากซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของอีกฝ่ายโดยไม่ส่งเสียง ตามที่คาดไว้ เพราะห่วงใยจึงตื่นตระหนก เมื่อเจอเว่ยซูหานเขาก็ยิ่งไม่มีทางข่มกลั้นให้จิตใจสงบลงได้
“ชิงเอ๋อร์?” เว่ยซูหานจูบที่หางตาของเขา “จิงโม่คือใคร?”
เมื่อนึกถึงชาติที่แล้วเขาจำไม่ได้ว่ามีคนชื่อนี้อยู่ด้วย แต่จากสถานการณ์ในตอนนี้ บางทีผู้ที่แอบช่วยเหยียนชิงอยู่ตลอดเวลาก็คือคนผู้นี้ ความลับของเหยียนชิงอาจจะอยู่ตรงนี้
“ไม่รู้”
เพราะเหยียนชิงโกรธจึงไม่คิดจะบอกเขาง่ายๆ หลังจากถูไถกับเสื้อของเขาแล้ว ก็ผลักเขาออกไป “หยุดถามได้แล้ว ถามข้าแค่ไหนข้าก็ไม่บอก”
“....ชิงเอ๋อร์...” เว่ยซูหานยื่นมือไปดึงคนกลับมา “เ้ายังรู้จักเจิ้นด้วย?”
แน่นอนว่าคนที่มาฆ่าเขาคือคนของเจิ้น เจิ้นไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ จิงโม่กลับสามารถเข้าไปแทรกแซงได้อย่างลับๆ เห็นได้ว่าพลังไม่ธรรมดา
คุณชายน้อยที่วันๆไม่เคยออกจากจวนกลับรู้จักเจิ้น ฟังแล้วก็เหมือนดูรู้จักกันดี ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ดูไม่ปกติ
เหยียนชิงกัดริมฝีปากอย่างแรงแอบหงุดหงิด “ร้อนใจก็ผิดแล้ว แค่พลาดก้าวเดียวก็โดนลากเข้าไปพัวพัน จะอธิบายอย่างไรดี”
เว่ยซูหานปลอบใจอย่างอดทนต่อไป
“ชิงเอ๋อร์ เื่นี้ข้าปิดบังเ้าข้าผิดข้ารู้ แต่ความตั้งใจเดิมของข้าเพียงไม่อยากให้เ้ากังวล เ้ายกโทษให้ข้าเถอะ บอกข้ามาว่าจิงโม่เป็ใคร เ้าคุ้นเคยกับเจิ้นมากขนาดนี้ได้อย่างไร?”
เหยียนชิงจนปัญญา หากเขาไม่ตอบ เว่ยซูหานคงวุ่นวายไม่หยุด คิดอยู่ครู่หนึ่งก็บอกตามความจริง
“จิงโม่คือองครักษ์เงาที่ท่านพ่อให้ข้าไว้”
เขาบอกตัวตนและสถานการณ์ของจิงโม่ให้อีกฝ่ายฟัง และบอกเื่ที่เจิ้นไม่รับคำสั่งลอบสังหารเว่ยซูหานอีก
แม้ว่าเหยียนชิงจะรู้สถานการณ์ของจิงโม่ แต่ข้อมูลก็ไม่ได้มากมายนัก นอกจากรู้ว่าจิงโม่เป็คนของเจิ้นแล้ว นอกนั้นก็ไม่รู้อะไรเลย
เว่ยซูหานได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจทันที
“ที่แท้ก็เป็เช่นนี้ ไม่แปลกใจเลยที่ตลอดทางกลับราบรื่นมาก... ที่แท้จิงโม่ก็เป็สมาชิกของเจิ้น..."
ในเมื่อเป็คนของเจิ้น ก็ไม่แปลกใจแล้วว่าเหตุใดวิชาเทพเซียนของเขาถึงมีมากมายนัก คนที่สามารถหยุดยั้งได้คงมีเพียงคนของตัวเองเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่านายท่านเหยียนจะทำให้จิงโม่เป็องครักษ์เงาของเหยียนชิงได้อย่างไร แต่ตามที่เหยียนชิงพูด เช่นนั้นในชาติที่แล้วจิงโม่ก็มีตัวตนอยู่เช่นกัน แต่ในเมื่อมีคนที่มีความสามารถเช่นนี้อยู่ข้างกาย แล้วทำไมเหยียนชิงถึงไม่ให้จิงโม่ช่วยในชาติที่แล้ว?
หรือเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น?
เหยียนชิงเห็นสีหน้าขมวดคิ้วครุ่นคิดของอีกฝ่ายก็อดถามไม่ได้ “เ้ายังมีคำถามอะไรหรือไม่?”
เขารู้แค่เื่จิงโม่เพียงเท่านี้ ท่านพ่อเองก็ไม่ได้บอกเขาเื่จิงโม่มากไปกว่านี้เลย
เว่ยซูหานมองไปที่เขา “มี แต่ไม่รู้ว่าควรจะถามอย่างไร”
“เช่นนั้นก็อย่าถาม”
เหยียนชิงพูดอย่างไม่พอใจ ความโกรธยังไม่หายไป
เว่ยซูหานเห็นดังนั้นก็ไม่ยอมปล่อยคนในอ้อมกอด “ชิงเอ๋อร์ เ้ายังมีความลับอีกมากน้อยเพียงใดที่ปิดบังข้า”
ไม่ว่าจิงโม่จะมีความสามารถมากแค่ไหน เขาก็สามารถทำตามคำสั่งของเหยียนชิงได้ เป็ไปไม่ได้เลยที่จะจัดการกับเื่ที่เหยียนชิง้าจะทำ ถ้าอย่างนั้น เหยียนชิงวางแผนเหมือนกับรู้อนาคตข้างหน้าได้อย่างไร?”
เหยียนชิงเม้มปากอย่างแรง “ความลับมีเยอะแยะ พอถึงเวลาแล้วเ้าจะรู้เอง”
เื่ตอนนี้อยู่ห่างไกลจากที่เขารู้ในชาติที่แล้ว ต่อให้พูดไปก็ใช่ว่าจะเกิดขึ้น ตอนนี้ก็ช่างมันไปก่อนเถอะ
“ก็ได้...”
เว่ยซูหานรู้สึกจนปัญญาเล็กน้อย แต่พอมาคิดๆ ดูแล้วคำถามที่ตนถามเหยียนชิงไป เหตุใดถึงไม่ถามกับตัวเอง ความลับทั้งหมดในชาติก่อนทำไมถึงไม่บอกเหยียนชิง หากมองให้เป็เื่เล่าหรือความฝันแล้วคงทำให้คนไม่รู้สึกแปลกใจ
“ข้าขอพบจิงโม่หน่อยได้หรือไม่?”
เว่ยซูหานมีความหวังอยู่เล็กน้อย
เหยียนชิงส่ายหัว “ดูว่าเ้ามีความสามารถหรือไม่ หรือว่าถ้าเขาอยากเจอเ้า เขาก็จะออกมาปรากฏตัวเอง”
เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะขอให้จิงโม่ทำเช่นนั้น ถึงอย่างไรจิงโม่ก็เป็ต่างจากองครักษ์ลับคนอื่นๆ ที่ตามเขา
เว่ยซูหานได้ยินเช่นนั้น แววตาก็จมดิ่งลง “อื้ม”
ดูจากความสามารถของเขาใช่หรือไม่ มันก็ดีอยู่หรอก แต่พอรู้ว่าเหยียนชิงมีคนที่แข็งแกร่งคอยปกป้องอยู่เขาก็สงบใจลงไม่น้อย แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าคนที่จ่ายเงินจ้างคนมาฆ่าเขาคือใคร แต่อย่างน้อยหลังจากนี้เจิ้นก็จะไม่ลงมือกับเขาอีก คนอื่นเขารับมือได้ ต้องระวังทุกอย่าง เขาจะจับผู้บงการอยู่เื้ัออกมาให้ได้
แต่ในชาติที่แล้วเขาไม่เคยได้ยินชื่อจิงโม่มาก่อน กลับไปต้องให้คนไปตรวจสอบดู ขอเพียงเป็คนของเจิ้น ก็น่าจะพอสอบถามสถานการณ์ได้... เหยียนชิงทำให้เขาประหลาดใจมากเกินไป
เว่ยซูหานเกลี้ยกล่อมทั้งวัน ทำตัวน่ารักขี้เล่นจนทำให้เหยียนชิงหายโกรธลงได้ หลังจากจู๋จี๋กันพักใหญ่ สองสามีภรรยาก็กลับคืนสู่สภาพเดิมเหมือนแป้งน้ำที่ติดหนึบ
อากาศเริ่มหนาว ในตอนกลางคืนเหยียนชิงซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของเว่ยซูหาน และปรึกษากับเขาเื่การเปิดคลังสินค้าเพื่อช่วยเหลือคนยากจนและคนเร่ร่อน หลังจากจัดการเื่นี้เรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาเตรียมตัวสำหรับวันปีใหม่แล้ว ปีหน้ายังมีเื่อีกมากที่ต้องทำ
ทุกฤดูหนาว หรือเมื่อเผชิญกับความยากลำบากกับภัยพิบัติ ตระกูลเหยียนจะเปิดยุ้งฉางเพื่อแจกจ่ายอาหารให้กับครอบครัวที่ยากจนและคนเร่ร่อนในที่พักที่อยู่ใกล้กับเขตชานเมือง
เมื่อได้รับอิทธิพลจากตระกูลเหยียน พอเข้าสู่ฤดูหนาว ครอบครัวใหญ่ที่มั่งคั่งก็เริ่มนำเสบียงอาหารมาฝากไว้กับตระกูลเหยียน เมื่อถึงวันแจกจ่ายก็ส่งคนมาช่วย แม้แต่ท่านเ้าเมืองฝูซังก็เช่นกัน
อาหารบรรเทาทุกข์ที่ราชสำนักส่งมาในแต่ละปีมีจำกัด ผู้ว่าการเมืองจึงมอบสิ่งของให้ตระกูลเหยียนดูแล เื่นี้กินเวลานานหลายปีกว่าแล้ว ทุกคนจึงชินกับมัน
แม้ว่าตระกูลเหยียนจะเป็ตระกูลพ่อค้า แต่ชื่อเสียงของตระกูลเหยียนก็ยังดีงามโดยเฉพาะนายท่านเหยียนคนก่อนหรือคุณชายในปัจจุบัน ต่างก็เป็คนที่มีคุณธรรมและความเมตตา เป็ที่เคารพนับถือของทุกคน
เว่ยซูหานเองก็รู้เื่นี้ดี จวนตระกูลเหยียนยังมีทุ่งนาและสวนผลไม้ขนาดใหญ่ให้ครอบครัวยากจนด้วยค่าเช่าที่ถูกมาก
แม้ว่าในชาติที่แล้วเหยียนิฮ่วนจะค่อยๆ เข้ามามีอำนาจในตระกูลเหยียน และอาศัยอำนาจในมือทำเื่เดรัจฉานกับเด็กหญิงและเด็กชายเ่าั้ แต่คุณงามความดีของตระกูลเหยียนก็ยังดำเนินต่อไป ดังนั้นหลังจากตระกูลเหยียนได้รับโทษ ขุนนางน้อยใหญ่ต่างหลบเลี่ยง แต่ชาวบ้านเ่าั้กลับสู้เพื่อตระกูลเหยียน
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เว่ยซูหานก็นึกขึ้นมาได้เื่หนึ่ง
“ชิงเอ๋อร์ ผลผลิตในที่ดินเช่าปีนี้ไม่ค่อยดีนัก ข้าเลยแอบคืนค่าเช่าที่จ่ายในปีหน้าให้พวกชาวบ้าน ลืมบอกเ้าไป ไม่รู้ว่าทำแบบนี้ได้หรือไม่”
เหยียนชิงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “ไม่เป็ไร เ้าตัดสินใจแล้ว ข้าเชื่อเ้า”
เื่นี้เขาได้ยินลุงฝูพูดถึงที่ดินเช่าว่าปีนี้เก็บเกี่ยวได้ไม่ดี ครอบครัวเ่าั้ได้มาขอร้อง เว่ยซูหานทำเช่นนี้ดีมากแล้ว ตอนนี้ตระกูลเหยียนมีฐานะมั่งคั่ง สามารถมอบน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ให้คนพวกนั้นได้ก็ทำไปเถอะ
"อืม" เว่ยซูหานยิ้มพลางจุมพิตบนหน้าผากเขา “ชิงเอ๋อร์ เ้าช่างใจดีจริงๆ”
เหยียนชิงไม่พูดไม่จา เขาใจดีหรือ? เห็นได้ชัดว่าคำถามนี้ยากที่จะตอบ แต่หลังจากผ่าน่เวลาอันหนาวเหน็บมาทั้งชีวิต เขาในตอนนี้ปล่อยวางกับสิ่งของนอกกายลงไปมาก การมอบน้ำใจให้กับผู้อื่นโดยไม่สั่นคลอนสมบัติของตัวเองก็ถือว่าดีแล้ว
