กำปั้นเดียวเท่านั้น ทำให้เด็กหนุ่มชุดดำถึงกับพิการได้ แต่เซียวหลิงอวิ๋นก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น!
มือซ้ายเขายกขึ้น หยุดหมัดอันหนักหน่วงของเด็กหนุ่มที่สวมผ้าคาดหัวเงินได้อย่างง่ายดาย จากนั้นก็บิดข้อมือ แล้วทั้งห้านิ้วก็ราวกับเป็ตะขอ จับหมัดของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วและแม่นยำ แล้วดึงให้ตัวของเด็กหนุ่มที่คาดหัวเงินซวนเซไปข้างหน้าโดยไม่ตั้งใจ ขวางหน้าเด็กหนุ่มชุดเกราะเข้าพอดี
เด็กหนุ่มชุดเกราะที่เกือบจะซัดสหายของตัวเองด้วยมือเหล็ก รีบเปลี่ยนกระบวนท่าทันที!
เซียวหลิงอวิ๋นเปลี่ยนหมัดขวาให้เป็ฝ่ามือ แล้วซัดลงไปที่หมัดของเด็กหนุ่มชุดเขียว!
ข้อมือสั่นเล็กน้อย พลังฝ่ามือเหมือนกับน้ำขึ้นน้ำลง ลูกคลื่นพลังปราณสามลูกซ้อนพุ่งเข้าไปที่หมัดของเด็กหนุ่มชุดเขียว!
‘บุปผาโรยสามระลอก’
เด็กหนุ่มชุดเขียวรู้สึกเหมือนหมัดของตัวเองตกลงไปในน้ำเชี่ยวกราก คลื่นลูกแรกซัดผ่านมา เขายังพอจะควบคุมได้ แต่เมื่อคลื่นลูกที่สองพุ่งเข้ามา ทั้งหมัดทั้งแขนก็ราวกับไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป! ด้วยความใจึงรีบถอยหลังออกมาอย่างรวดเร็ว!
ยังไม่ทันจะพ้นจากคลื่นลูกที่สอง คลื่นลูกที่สามซึ่งรุนแรงยิ่งกว่าก็ซัดเข้ามาอย่างรุนแรง!
ร่างของเด็กหนุ่มชุดเขียวลอยขึ้นไปในอากาศ!
“กร๊อบๆ” ขณะอยู่ในอากาศ ทั้งหมัดทั้งแขนก็แตกออกเป็เสี่ยงๆ ด้วยพลังปราณรุนแรงนี้ “อ๊าก!” เสียงโหยหวนเพราะความเ็ปดังออกมาจากปากของเด็กหนุ่มชุดเขียว!
“ตุบๆๆ!” หลังจากร่วงลงมาแล้ว เขาเซถอยหลังออกไปสามก้าวใหญ่ๆ แต่ถึงจะหยุดร่างกายเอาไว่ได้ ใบหน้าที่หล่อเหลากลับบิดเบี้ยวด้วยความเ็ป เหงื่อกาฬผุดออกมาจากหน้าผากเป็เม็ดๆ
“เปรี้ยง!” หลังจากผ่านไปหนึ่งในสิบชั่วอึดใจ เซียวหลิงอวิ๋นก็เตะเข้าไปที่ท้องของเด็กหนุ่มสวมผ้าคาดหัวเงินอย่างแรง!
“อ๊าก!” เด็กหนุ่มผ้าคาดหัวเงินมีสีหน้าแดงก่ำเป็ตับหมูทันที ร่างกายโค้งงอเหมือนกุ้ง เซียวหลิงอวิ๋นชักเท้ากลับ อีกฝ่ายก็ลงไปคุกเข่ากับพื้นและชักกระตุกทันที!
เซียวหลิงอวิ๋นก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว แล้วมาอยู่ตรงหน้าของเด็กหนุ่มชุดเกราะคนสุดท้าย!
เด็กหนุ่มชุดเกราะสีดำใบหน้าซีดเผือดราวกับขี้เถ้า คาดไม่ถึงว่าสหายของตัวเองทุกคนจะพ่ายแพ้อย่างง่ายดายด้วยน้ำมือของอีกฝ่าย แม้แต่จะต้านรับให้ได้สักหมัดยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ!
ถึงแม้ว่าเด็กหนุ่มชุดเกราะดำจะตื่นตระหนกมากภายในใจ แต่ก็ไม่คิดหนี กัดฟันสู้ ตบฝ่ามือทั้งสองข้างออกไปข้างหน้าสุดแรงเกิด!
เซียวหลิงอวิ๋นแยกมือทั้งสองข้างของตัวเองออก ทำให้แยกฝ่ามือทั้งสองข้างของอีกฝ่ายออกได้อย่างง่ายดาย แล้วแทรกตัวกระแทกไปข้างหน้า!
เด็กหนุ่มชุดเกราะดำลอยคว้างขึ้นฟ้าราวกับก้อนเมฆทันที!
“ตุบๆๆ!” ก่อนที่ร่างจะตกลงมา ลมปราณในอกและช่องท้องปั่นป่วนไปหมด พยายามกัดฟันแน่นเพื่อไม่ให้เืไหลออกมา แต่ก็ยังมีเืหยดหนึ่งไหลรินออกมาจากริมฝีปากที่เม้มแน่น!
รู้ดีแก่ใจว่าอีกฝ่ายยังมีเมตตาไว้ชีวิต!
เซียวหลิงอวิ๋นมองคนทั้งห้าที่มีสีหน้าหม่นหมองและตื่นกลัว ก่อนจะพูดอย่างเยือกเย็น แต่แฝงด้วยความโเี้และจิตสังหารเบาบาง “ครั้งนี้ถือว่าเป็การลงโทษสถานเบา เพราะพวกเ้าทำผิดครั้งแรก หากยังมีเื่เช่นนี้อีก ข้าจะทำลายพลังยุทธ์ของพวกเ้า ดับฝันเื่การบำเพ็ญเพียรของพวกเ้าเสีย! ไปให้พ้นได้แล้ว!”
เด็กหนุ่มทั้งห้าราวกับได้รับพระราชโองการ รีบหนีหัวซุกหัวซุนไปอย่างหมดสภาพทันที!
“โอ้ ยอดเยี่ยม น่าเกรงขามมาก สมแล้วที่เป็ 'สุดยอดอัจฉริยะ' ที่จะ ‘ปรากฏตัวสักครั้งในรอบหมื่นปี’ ของสำนักดาบิญญาเมฆาของเรา แม้แต่จิตสังหารยังไม่ธรรมดา หลังจากเอาชนะนักยุทธ์มือเปล่าไม่กี่คนของสำนักิญญาศรัทธาได้ คงจะคิดว่าตัวเองเก่งกาจที่สุด ไร้ผู้ใดเทียบเคียงแล้วจริงๆ” สิ้นคำพูดเยาะเย้ย ชายหนุ่มสามคน สวมชุดสีเงินขาว ปักคำว่า ‘สำนักชั้นนอก’ เอาไว้ ปรากฏตัวขึ้นบนเส้นทางขึ้นเขา!
ศิษย์สำนักชั้นนอก!
ศิษย์อย่างเป็ทางการของสำนักดาบิญญาเมฆา ล้วนเป็ผู้ใช้พลังิญญาที่เปิดเส้นลมปราณแล้วทั้งสิ้น!
ชายหนุ่มทั้งสามคนนี้ คนตัวสูงใหญ่ตรงกลางเป็ผู้ใช้พลังิญญาระดับกลาง ส่วนอีกสองคนเป็ผู้ใช้พลังิญญาระดับต้น ผู้ที่พูดประชดประชันคือชายหนุ่มร่างกำยำทางด้านซ้าย!
เหตุใดศิษย์ทางการของสำนักถึงได้จ้องจะหาเื่เขาเช่นนี้ ตัวเขาเพิ่งได้เข้ามาในสำนักเมื่อวานนี้เอง และเพิ่งได้พบกับผู้าุโสูงสุดผู้ทรงเกียรติทั้งสี่ท่านเท่านั้น ยังไม่ได้พบกับคนอื่นๆ เลย เหตุใดทุกคนถึงได้พากันจ้องจะหาเื่เขาเช่นนี้!
เมื่อเซียวหลิงอวิ๋นลองครุ่นคิดถึงเื่นี้ ก็พอจะเข้าใจได้ว่าเื่พวกนี้น่าจะแพร่มาจากศิษย์ของสำนักิญญาเมฆาที่มาถึงสำนักหลักก่อนเมื่อสองสามวันก่อน ด้วยความโอ้อวดและความภาคภูมิใจ จึงประกาศเื่ของเขาออกไป!
คนย่อมกลัวชื่อเสียง หมูย่อมกลัวอ้วน!
ยิ่งไปกว่านั้น ตัวเขายังดึงดูดบุคคลสำคัญระดับผู้าุโสูงสุดมาถึงสองท่าน อีกทั้งยังถูกรับเข้ามาศึกษาในสำนักหลักก่อนกำหนด ทำลายธรรมเนียมปฏิบัติเดิมเกือบหมื่นปีของสำนัก เป็ไปไม่ได้เลยที่จะไม่ทำให้ศิษย์บางคนทั้งรู้สึกอิจฉาและเกลียดชัง!
หากเป็ผู้ที่มีความมานะอดทน ฉลาดหลักแหลม และมีจิตใจกว้างขวางแล้ว เมื่อได้ยินข่าวเช่นนี้ ส่วนใหญ่จะยิ่งกระตุ้นความ้าที่จะก้าวหน้า และยิ่งขยันหมั่นเพียรฝึกวิชา ต่อสู้กับความยากลำบากให้มากขึ้น ใช้ความพยายามและความสามารถของตนเองประกาศต่อหน้าเหล่าผู้ที่ถูกเรียกว่าอัจฉริยะ ว่าตัวเองก็สามารถเป็ผู้แข็งแกร่งได้เช่นกัน มีแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่เต็มไปด้วยความรู้สึกอิจฉาริษยา!
หากเป็เพียงผู้ที่มีจิตใจคับแคบ มองไม่ทะลุปรุโปร่ง และไม่เข้าใจถึงวิถีบำเพ็ญเพียรที่แท้จริง ก็จะมีแต่ความรู้สึกอิจฉาหรือไม่ก็เกลียดชังไปเลย!
เห็นได้ชัดว่าทั้งสามคนนี้เป็จำพวกอิจฉา ไม่ก็เกลียดชัง!
สำหรับคนประเภทนี้ เซียวหลิงอวิ๋นย่อมไม่มีความรู้สึกที่ดีให้!
กล่าวตอบไปด้วยน้ำเสียงสุขุม “ตัวข้าเป็อัจฉริยะจริงหรือไม่ไม่สำคัญ อย่างน้อยพร์ของข้าก็เหนือกว่าพวกเ้าสักสามถึงห้าเท่า!”
“เ้า...” ใบหน้าของชายหนุ่มร่างกำยำปรากฏสีหน้าขุ่นเคือง!
เซียวหลิงอวิ๋นเหลือบมองอีกฝ่ายด้วยหางตา “ทำไม? ศิษย์พี่อยากจะสั่งสอนหรือชี้แนะข้าอย่างนั้นหรือ!”
“เ้า...” ชายหนุ่มร่างกำยำกำหมัดทั้งสองข้างจนส่งเสียงดังกรอด หากไม่ใช่เพราะสำนักมีกฎว่า ศิษย์สำนักหลักห้ามต่อสู้กับศิษย์สำนักสาขาที่เข้าร่วมพิธีเปิดเส้นลมปราณิญญาโดยเด็ดขาด หากเกิดการต่อสู้ขึ้นระหว่างศิษย์สำนักชั้นนอก หรือแม้แต่ศิษย์สำนักชั้นในกับเหล่าศิษย์สำนักสาขา ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็อย่างไร เหล่าศิษย์สำนักหลักจะถูกขับออกจากสำนักทั้งหมด แม้ชายหนุ่มร่างกำยำจะมีความอยากซ้อมเ้าเด็กหนุ่มน่ารังเกียจที่อยู่ตรงหน้าให้เจ็บตัวก็ตาม!
“โอ้ ดูจากท่าทางของศิษย์พี่แล้ว ดูเหมือนมีความตั้งใจที่จะสั่งสอนข้าจริงๆ สินะ!” เซียวหลิงอวิ๋นยังคงยั่วโมโหต่อไป
“โว้ย!” ชายหนุ่มร่างกำยำเงยหน้าขึ้น คำรามออกมาด้วยความเหลืออด แล้วถอยหนีไปข้างหลัง หากยังอยู่ที่นี่ต่อไป ตัวเขาไม่กล้ารับประกันว่าตัวเองจะอดทนต่อไปได้หรือไม่!
“อัจฉริยะท่านนี้ช่างมีวาจาที่รุนแรงยิ่งนัก ในเวลานี้พวกเราไม่กล้าแตะต้องเ้าเพราะกฎของสำนัก แต่เ้าเคยคิดบ้างหรือไม่ ว่าหากเ้าเปิดเส้นลมปราณสำเร็จ เมื่อถึงเวลานั้นเ้าจะหลบเลี่ยงพวกเราได้อย่างไร ไม่คิดถึงอนาคตของเ้าเองบ้างหรือ” ชายหนุ่มร่างใหญ่จ้องมองเซียวหลิงอวิ๋น ด้วยดวงตาที่แหลมคมราวกับเหยี่ยว
“เปิดเส้นลมปราณได้สำเร็จเมื่อไร ข้ายินดีรอคอยการท้าทายจากท่านทุกเมื่อ!”
“ดี! แล้วข้าจะจดจำคำพูดนี้เอาไว้ ข้าชื่อหม่าิหย่วน จำเอาไว้ให้ดี!”
“ไม่ต้องถึงมือศิษย์พี่หม่าหรอก ข้าหวงเหล่ย จะอัดเ้าจนคุกเข่าขอร้องให้หยุดเอง!” ชายหนุ่มร่างผอมสูงทางด้านขวาเผยสีหน้าดุดันมองไปที่เซียวหลิงอวิ๋น แล้วกล่าวอย่างโเี้!
“เป็ถึงศิษย์สำนักหลัก เป็ผู้บำเพ็ญเพียรอย่างแท้จริงของสำนัก กลับพูดจาข่มขู่นักยุทธ์ที่เป็ศิษย์สำนักสาขา ศิษย์สำนักดาบิญญาเมฆากลายเป็คนใจคอคับแคบ แยกแยะผิดชอบชั่วดีไม่ได้ั้แ่เมื่อใดกัน ในเมื่ออยากต่อสู้นัก ได้ ข้าจะเล่นกับพวกเ้าสักตั้งก็ได้!” ขดพลังิญญาทั้งสามในกายไหลเวียนอย่างรุนแรงพร้อมกัน
เปรี้ยง! แผ่นหินใต้ฝ่าเท้าะเิออก ร่างกายที่เพรียวบางของฉินหรูเยียนพุ่งขึ้นไปในอากาศราวกับะุปืนใหญ่ยิงขึ้นฟ้า หลังจากลอยอยู่กลางอากาศ นางก็พุ่งลงมาต่อยชายหนุ่มร่างผอมสูงทันควัน!
